ความคิดเห็นที่ 1 พระธาตุหลวง เมืองเวียงจันทร์ครับ อ้อปีนี้เวียงจันทร์เขามีอายุครบ 450 ปีครับ จากคุณ : ryzon เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 15:28:38

ความคิดเห็นที่ 2 เจอมุมมองยุค 'มีเนียม  ไปไม่เป็นเลยตรู !!! จากคุณ : Dearance เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 14:33:14

ความคิดเห็นที่ 3 เช๊กขอบตากันหน่อยครับ หายดำกันหรือยัง ส่วนผมสบายมาก เดินตามพี่มาร์ค เจ๊งทุกทีม รู้งี้เชื่อพี่หมึกพอลซะดีกว่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 53 09:58:11

ความคิดเห็นที่ 4 ขอถามท่านผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลาย (ด้วยความเคารพจริงๆนะ) ผมจะหากระทู้ยังเติร์กตอนเก่าได้ที่ไหนครับ    เพราะของเก่าที่  Geocities  ผมตามเซพได้แค่ตอนที่ 50 เอง ปล.จากแฟนเก่าแฟนแก่ จากคุณ : reenbun เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 53 16:09:17

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาลงชื่อ ตอนเก่าๆนี่คงต้องถามไปที่คุณหมอ ha ha yee ครับ ผมเองก็ไม่ได้เก็บไว้เลย จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 53 20:40:41

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นไหมละ !!!!  มีคนมาเหมารวมเราเป็น "ผู้เฒ่า ผู้แก่"  ไปด้วยเลย  บอกแล้วว่าให้เปลี่ยนเรื่องคุยๆๆๆ     ...แฟนเก่า ของคนแก่  หรือ  แฟนแก่ ของคนเก่า... จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 53 10:35:40

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ต้องน้อยใจไปครับ หลายท่านในนี้ผมเรียกพี่ได้เต็มคำ เพราะแค่เอื้อมมือก็ถึงหลักสี่แล้วครับ ปล.ได้ข่าวหลายท่านเลยรังสิตกันแล้ว จากคุณ : reenbun เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 53 15:12:24

ความคิดเห็นที่ 8 ฮึ !!  เปลี่ยนเรื่องมาคุยกะเด็กก็ด้ายยยย.. จากคุณ : Dearance เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 53 17:37:52

ความคิดเห็นที่ 9 มาขยับกระทู้หน่อยระหว่างรอผู้เขียนยุคมิเลเนียม เห็นกระทู้ที่แล้วมีพูดถึงอาวุธแปลกๆ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อให้เข้ากับบรรดาผู้ร่วมกระทู้(ที่ตอนนี้คาดว่ารถติดอยู่ห้าแยกปากเกร็ด) ผมก็สนใจตัวหนึ่งคือเรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบินของญี่ปุ่นเขา ... เรือดำน้ำญี่ปุ่นความจริงในสมัยนั้นถือว่าเป็นเรือดำน้ำที่ทรงอานุภาพมากนะครับโดยเฉพาะเรือดำน้ำตระกูล "I" ใช้เครื่องดีเซลสามารถทำความเร็วได้สูงสุดบนผิวน้ำ 20 นอต ความเร็วใต้น้ำ 8 นอต มีอาวุธพิเศษสุดคือ ตอร์ปิโดออกซิเจนแบบ96 ทำความเร็วได้ 45 นอต ซึ่งทำความเร็วได้พอๆ กับตอร์ปิโดในปัจจุบัน และที่สำคัญตอร์ปิโด ออกซิเจนแบบ 96 นี้ ใช้แรงดันออกซิเจน จึงทำให้ไม่เห็นแนวตอร์ปิโดเหมือนของสหรัฐฯที่ใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้ทำให้ เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำให้เห็นเป็นแนวในทะเลซึ่งตอร์ปิโดออกซิเจนแบบ 96 นี้เป็นอาวุธที่ร้ายกาจจมเรือรบสหรัฐฯมาหลายลำแล้ว ลำสำคัญที่โดนจมก็คือ เรือรบ"ยูเอสเอส อินเดียนาโปลิศ" ที่โดนจมก่อนช่วงสงครามเลิก แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 53 23:23:22 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 53 23:21:52 จากคุณ : ryzon เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 17:54:52

ความคิดเห็นที่ 10 วีรกรรมที่โดดเด่นของเรือดำน้ำประเภทนี้คือเรือดำน้ำ I-25 (B1-Type (I-15 Class)) เป็นเรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบิน เรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบิน เป็นไอเดียที่บ้าบริสุทธิ์แต่มีจริงๆครับ เป็นผลงานของญี่ปุ่นเค้า เป็นเรือดำน้ำ "I-25"ซึ่งเป็นเรือดำน้ำระยะไกล บรรทุกเครื่องตรวจการทางทะเลหนึ่งลำ และเรือดำน้ำเจ้ากรรมนี้ได้ทำภารกิจคือ หลังจากที่ญี่ปุ่นถล่มเพิลฮาร์เบิลในปี 1941 แล้ว สหรัฐฯก็แก้แค้นด้วยการไปทิ้งระเบิดกรุงโตเกียวในเดือนเมษายนปี 1942  ญี่ปุ่นจึงคิดที่จะแก้แค้นมั่ง เรือดำน้ำ I-25  ได้รับภารกิจให้ก่อกวนชายฝั่งภาคตะวันตกของสหรัฐฯ ผลงานที่โดดเด่นของเรือลำนี้คือ ดือนมิถุนายน ปีเดียวกัน การยิงถล่ม Fort Stevens รัฐโอเรกอน ในสหรัฐฯ โดยลอยลำขึ้นมาแล้วใช้ปืนประจำเรือยิงถล่ม Fort Stevens  แต่ไม่โดนเพราะมืด ทางป้อมก็ไม่ได้ยิงกลับแต่โทรเรียกเครื่องบินทิ้งระเบิดมาจัดการ เพราะมืดเช่นกัน ก็เจ๊ากันไปยกแรก ตัวป้อมแทบไม่เสียหายแต่มีผลทางจิตวิทยาคือทำให้ประชาชนแถบชายฝั่งตะวันตกตื่นตระหนกต่อการดจมตีของญี่ปุ่น ขณะเดียวกันก็โกรธแค้นญี่ปุ่นด้วยก็กลายเป็ฯผลดีต่ออเมริกาไป ภาพ  Fort Stevens  โดนโจมตี แต่ไม่โดน จากคุณ : ryzon เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 53 11:02:28

ความคิดเห็นที่ 11 เคยอ่านแอเรีย88(การ์ตูน) มีเรือบรรทุกเครื่องบินที่มุดทรายได้ เรียกว่าบ้าไปเลย แต่จริงๆแล้วเรื่องไอเดียของอาวุธเนี่ยไม่มีคำว่าบ้าหรอกครับ ยิ่งไอเดียบรรเจิดเท่าไหร่ยิ่งดี ที่เหลือก็ให้ฝ่ายวิศวกรรมเขาทำให้มันเป็นไปได้เท่านั้น มันมีอีกไอเดียนึง คือฝังขีปนาวุธพื้นสู่อากาศไว้ในทราย เวลามีเครื่องบินบินผ่าน มันก็จะยิงออกมาจากทรายทันที ถ้าหากใช้วิธีนี้ได้ พวกเครื่องบินก็จะตรวจหาไม่เจอ บินผ่านปุ๊ปคือโดนทันที แต่ถ้าเป็นรถยิงขีปนาวุธ มันใช้เรดาห์หรือดาวเทียมตรวจเจอได้ แต่ข้อเสียคือ อั้ยจรวดที่ว่ามันไม่เลือกว่าเครื่องบินที่บินผ่านจะเป็นเครื่องบินฝ่ายไหนและเครื่องบินอะไร ถ้าเครื่องพานิชย์บินผ่านก็จบเห่ แต่ก็อย่างว่าแหละ ถ้าเครื่องบินพานิชย์บินผ่านน่านฟ้าสงครามมันก็ช่วยไม่ได้ชิมิ มีข่าวลือเหมือนกันว่า เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน สมัยสงครามเย็น ที่โซเวียตยิงเครื่องพานิชย์ของเกาหลีใต้ตกในน่านฟ้าโซเวียต ก็มาจากจรวดที่มีไอเดียแบบนี้แหละ คือยิงอัตโนมัติทันทีที่มีเครื่องบินผ่าน ข่าวนี้สมัยนั้นดังมาก ขนาดผมยังเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบ ยังจำได้ถึงความดังของข่าวนี้ เรียกว่าร่ำๆจะเปลี่ยนสงครามเย็นเป็นสงครามร้อนได้เหมือนกัน จากคุณ : ฤาษีวยาส (ฤาษีวยาส) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 53 16:57:36

ความคิดเห็นที่ 12 เอ..  คราวนั้นดูเหมือนว่าจะโดนมิกซัดเอาด้วยจรวดไม่ใช่หรือครับ  แต่ผมก็จำไม่ค่อยได้แล้ว (ยังไม่ถึงสิบขวดเหมือนกัน  แหะ ๆ ) ไฟลท์นั้นมีคนไทยตายด้วย 2-3 คน และที่จำแม่นคือ  ทั่วโลกประท้วงรัสเซียกันวุ่นวายหลายประเทศ  ส่วนของพี่ไทยไม่มีการประท้วงอะไรทั้งนั้น  แค่มีมือดีเอาระเบิดเขวี้ยงใส่ออฟฟิตของสายการบินแอโรฟลอตที่สีลมตอนดึก  ตูมเดียวดังไปทั่วโลกเหมือนกัน จากคุณ : Dearance เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 53 12:58:04

ความคิดเห็นที่ 13 พูดถึงอาวุธแปลก ๆ  ช่วงปลายสงครามเยอรมันก็คิดค้นขึ้นมาเยอะเหมือนกัน  แต่ตอนนั้นทุนรอนเริ่มบ๋อแบ๋แล้ว   เลยแพ้สงครามไปซะก่อน นี่เฮลิคอปเตอร์ จากคุณ : Dearance เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 53 13:11:26

ความคิดเห็นที่ 14 sound cannon เป็นปืนที่ส่งเสียง shock wave ออกมาทำลายทั้งระบบการได้ยิน และสร้างความตื่นตระหนกกับทหารที่เข้ามาระยะประชิด 100-150 เมตร ดูเหมือนตำรวจไทยเคยเอามาใช้นะ จากคุณ : Dearance เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 53 13:13:39

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนนี่ เรือบินอะไรก็ไม่รู้  ไม่มีบรรยายไว้ จากคุณ : Dearance เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 53 13:19:09

ความคิดเห็นที่ 16 Heinkel 162 เครื่องบินขับไล่ลำแรกของโลกที่มีระบบดีดตัวนักบิน  เข้าสายพานการผลิตได้แล้วแต่แพ้สงครามซะก่อน  เลยเสร็จพี่กัน  ขนกลับประเทศไปต่อยอดสบายใจเฉิบ จากคุณ : Dearance เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 53 13:23:18

ความคิดเห็นที่ 17 ปืนแบบใช้แรงอัดลม ตั้งอยู่ชาดหาดฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง พันธมิตรเคราะห์ดีที่ไม่ไปยกพลขึ้นที่นั้น  ปืนอัดลมพวกนี้เทหินลงไปก็ดีดหินออกมาแรงเท่ากระสุนปืน จากคุณ : Dearance เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 53 13:25:42

ความคิดเห็นที่ 18 อาจารย์สื่อดูหนังเรื่องนี้หรือยังคะ ถ้ายังไม่ดู   ช่วยไปดูหน่อยได้ไหมคะ  แล้วช่วยแปลให้หน่อยนะคะ  คิดว่าเอาบุญเถิดค่ะ จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 53 22:33:42

ความคิดเห็นที่ 19 พี่สาวกาสะลอง ผมไปดูมาแล้วครับ....มึนตึบน่าดู จากคุณ : ryzon เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 00:06:40

ความคิดเห็นที่ 20 เดี๋ยวจะลองไปดูครับ ตอนนี้เอารูปมาร่วมแจม ไม่ได้เปลี่ยนเรื่องนะ เรื่องเดิมก็ว่ากันไปครับ เป็นภาพวาดของอาณาจักรออตโตมัน เติร์ก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 12:13:04

ความคิดเห็นที่ 21 มหาวิหารโซเฟีย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 13:57:47

ความคิดเห็นที่ 22 อาณาจักรออตโตมัน เติร์ก สมัยรุ่งเรืองนี่ ทางใต้เขากินพื้นที่มาจนถึงเมกกะ  ครอบคลุมอียิปต์ อัลจีรีย ตูนิเซีย ทางเหนือก็ขึ้นไปจนถึงเวียนนา โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่อิสตันบูล ที่เห็นนี่เป็นภาพวาดทหารจานิสซารี ที่เราเคยพูดถึงกัยนบ่อย ๆ ว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ออตโตมันเติร์กยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ ทหารกองนี้เรียกว่าเป็นทหารรักษาองค์สุลต่านที่มีฝีมือยิ่ง มีการรวบรวมเด็กหนุ่มจากเชลยศึกคริสเตียน และนักโทษมาฝึก แบบไม่ให้มีครอบครัว ชีวิตทั้งหมดอุทิศให้กับสุลต่านอย่างเดียว ภาพวาดนี้วาดขึ้นโดยศิลปปินชาวฝรั่งเศสในราว ศตวรรษที่ 18 ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 14:46:38

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นภาพวาดแสดงการยิงปืนใหญ่ถล่มใส่กำแพงกรุงเวียนนาของทัพเตอร์กครับ เวียนนาเกือบจะตกอยู่ในเงื้อมมือของเติร์กทั้งเมือง  ถ้าไม่ไม่ได้กองทัพเยอรมันและโปแลนด์มาช่วยไว้ทัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 14:51:01

ความคิดเห็นที่ 24 ภาพวาดแสดงถึงพวกเติร์กกับเปอร์เซีย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 14:56:07

ความคิดเห็นที่ 25 ภาพที่ทุกคน (โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ) รอคอย ฮาเร็มในสายตาของจิตรกรครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 14:58:32

ความคิดเห็นที่ 26 ออตโตมันเสื่อมอำนาจลง  การมีสภาเป็นทางออกหนึ่งในการก้าวไปข้างหน้า แต่น่าเสียดาย สภาของออตโตมันที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1876 ถูกสุลตานมูหะหมัดดึงอำนาจกลับไปเสียก่อน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 15:32:50

ความคิดเห็นที่ 27 ภาพการ์ตูนล้อว่าบุลแกเรียกับโรมาเนีย เกิดออกมาจากไข่ของแม่ไก่ออตโตมาน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 15:44:24

ความคิดเห็นที่ 28 Congress of Berlin 1878 มหาอำนาจยุโรปมาจัดสรรออโตมันเติร์ก ใครเป็นใครบ้าง ลองทายดูครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 15:57:03

ความคิดเห็นที่ 29 พระเจ้าไกเซอร์กับสุลต่าน ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 16:19:01

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพวาดแสดงการบุกเวียนนา จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 16:21:03

ความคิดเห็นที่ 31 อิสตันบุลใน  ศ 19 เป็นตะวันตกอย่างรวดเร็ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 16:23:49

ความคิดเห็นที่ 32 ปิดท้ายอาณาจักรออตโตมันเติร์ก ด้วยภาพบุรุษผู้สร้างเติร์กใหม่ แม้จะเป็นผู้นำทหารที่เอาชนะศึกที่กัลลิโปลี ที่เป็นศึกเดียวที่ออตโตมันชนะ แต่เคมาล ปาชา ตระหนักดีว่า ออตโดมัน ไม่เหมาะสำหรับ ศ ที่ 19 แล้ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 16:27:21

ความคิดเห็นที่ 33 อาจารย์สื่อรีบไปดูเลยนะคะ  แล้วลองมาเล่าให้ฟังหน่อยว่าที่เขาทำกันนั้นมันเหมือนกับการ "ล้างสมอง" หรือเปล่า ส่วนเรื่องออตโตมานที่เอามาโปรยกันแบบนี้ น่าสนใจมากค่ะ  กลิ่นอายตะวันออกหอมกรุ่นมาเลยค่ะ  แต่ใครเป็นใครบ้างที่ร่วมแบ่งเค้กก็ลืมไปแล้วค่ะ  และภาพที่ว่านั่นก็เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งไม่คุ้นชื่อเลยค่ะ    รู้แต่ว่ามี  อังกฤษ  ฝรั่งเศส  รัสเซีย  เยอรมัน   เรื่องออตโตมาน เตริกร์เนี่ยะ   เล่าเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อนะคะ  เล่าเท่าไหร่ก็ไม่หมดด้วย  อยากให้อาจารย์สื่อพานั่งไทม์ แมชีนกลับไปสมัยนั้นจัง   ..ฝันมากไปปะคะ   ??? จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 22:26:19

ความคิดเห็นที่ 34 หมดแค่นี้แหละครับ รอบนี้จะพาไปดูเรื่องของ "จักรวรรดิ์" ต่าง ๆ หลังยุคโรมันนะ ดูว่าแต่ละจักรวรรดิ์มีพฤติกรรมยังไงกันบ้าง หนังเดี๋ยวจะรีบหาโอกาสดู แล้วจะลองมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันครับ ไทม์ แมชชีน ถ้าผมมี คงขอย้อนไปลบตีนกาไปนานแล้วละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 18:11:06

ความคิดเห็นที่ 35 มาดู จักวรรดิ์สเปนกันบ้างครับ สเปนนั้น ขยายตัวจนกลายเป็นจักรวรรดิ์ มาตั้งแต่ปี 1519 จากการเข้าไปพิชิตเม็กซิโก และเปรู ในรัชสมัยของ Charles V ส่งผลให้สเปนกลายเป็นชาติตะวันตกที่รวยที่สุด จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 18:23:33

ความคิดเห็นที่ 36 ภาพนี้เป็นภาพโมเสค ทำขึ้นในศตวรรษที่ 19 นี่เอง แสดงถึงภาพที ฟรานซิสโก้ พิซซาโร เผชิญหน้ากับ อทาฮูปา ผู้นำคนสุดท้ายของเผ่าอินคา ที่คาจามาคา เปรู เมื่อปี 1532 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 18:30:23

ความคิดเห็นที่ 37 โฉมหน้าของ เฮอแนน เคอเตซ Hernan Cortes คนที่ทำให้สเปนรุ่งเรือง แต่สร้างหายนะครั้งสำคัญให้กับอาณาจักรแอซเทค จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 18:37:52

ความคิดเห็นที่ 38 พิชิตอาณาจักรแอซเทค จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 18:40:51

ความคิดเห็นที่ 39 ภาพวาดแสดงการทำเหมืองเงินในเปรู ชาวอินเดียนพื้นเมืองจะต้องทำงานกันแบบไม่ได้พัก เพื่อขุดหาแร่เงินให้กับเจ้าอาณานิคมสเปน ให้ร่ำรวยจากทรัพย์ของชาติอื่น จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 18:52:40

ความคิดเห็นที่ 40 มิชชั่นนารีที่ออกไปเผยแผ่ศาสนาในอาณานิคม ส่วนหนึ่งก็ไปทำให้สเปนล่าอาณานิคมได้มากขึ้น ส่วนหนึ่งก็ช่วยให้รัฐบาลสเปนลดความโหดร้ายกับชาวพื้นเมืองลง ต้องดูหนังเรื่อง The Mission ที่เดอ นีโร เล่น ประกอบด้วยจะดียิ่ง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 18:58:01

ความคิดเห็นที่ 41 คุณนายเสเปน จ้าอาณานิคมกับทาสสาวผิวดำจากแอฟริกา กำลังจ่ายตลาด ในกองนั่นน่าจะมะพร้าว มะละกอ กะอะไรก็ไม่รู้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 19:04:42

ความคิดเห็นที่ 42 ยาสูบกลายเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญใน ศ 18 ในภาพจะแสดงถึงเครื่องจักรในโรงงาน The Royal Cigar Factory สังเกตุที่เขายังใช้แรงงานม้าในการหมุนเครืองจักรอยู่เลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 19:08:38

ความคิดเห็นที่ 43 อ้อยและน้ำตาล อุตสาหกรรมและการส่งออกที่สำคัญของคิวบา หนึ่งในอาณานิคมของสเปน เป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญใน ศ 19 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 19:12:52

ความคิดเห็นที่ 44 อาโหลวๆๆ แฟนๆ ลืมผมหรือยัง โฮมเพจรวมกระทู้กบฏยังค์เติร์กและผลงานของพี่ WIWANDA ตอนเก่าๆ ลี้ภัยไปอยู่ที่นี่ครับ http://youngturks.webs.com/ ขออภัยแฟนๆ ที่ต้องรอนาน งานยุ่งจริงๆ ตอนนี้ยังไม่เรียบร้อยดีนะครับ บางกระทู้ยังเข้าอ่านไม่ได้ บางกระทู้อ่านได้แต่ไม่มีภาพ ขอเวลาค่อยๆ งมซักระยะ ถ้าใช้ Firefox แล้วอ่านไทยไม่ได้ในบางกระทู้ ขอให้ใช้ IE แทนนะครับ พอนิ่งดีแล้วจะส่งโฮมเพจต่อให้คุณ eadsaa รับไปเลี้ยงดูต่อ คงจะได้อัพเดทสม่ำเสมอดีกว่าตอนอยู่กับผม กระทู้ยังค์เติร์ก 112 กับ 122 หาย ถ้าใครมีเก็บอยู่รบกวนช่วยส่งให้ผมด้วยครับ (ขอเมล์ทางหลังเวทีนะครับ) ขอบคุณครับ อ้อ! เว็บฟรีมีการจำกัด bandwidth นะครับ ถ้าเข้ากันเยอะๆ อาจจะโดนบล็อคเป็นช่วงๆ ให้รอซักพักแล้วค่อยเข้ามาใหม่ จากคุณ : ha ha yee เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 53 14:17:58

ความคิดเห็นที่ 45 โห คุณหมอ  เกือบจะลืมซะแล้นนน งานมีอยู่ช่องเดียว ม่ายช่ายเหรอ ทำไมมันเยอะนักละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 53 10:16:09

ความคิดเห็นที่ 46 ช่องเดียวนั่นมันยุคอนาล็อกครับท่านอาจารย์ เดี๋ยวนี้เป็นดิจิตัล มัลติเพล็กซ์ ช่องนึงทำได้หลายหน้าที่ อิ อิ อิ จากคุณ : ha ha yee เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 53 19:29:46

ความคิดเห็นที่ 47 ไอ๊หยา ซี้เลี้ยวอ้า  เดี๋ยวนี้ช่องเดียวทำได้หลายอย่างจิง ๆ เหรอเฮีย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 53 08:28:31

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณ  คุณha ha yee  มากเลยครับ  ไม่รู้จะให้อะไรเป็นกิ๊ฟแล้วกัน จากคุณ : reenbun เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 53 08:14:03

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณคุณหมอค่ะ   พี่วิวันดาทิ้งพวกเราไปแล้วจริงๆเหรอคะ จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 10:00:36

ความคิดเห็นที่ 50 ยังหรอกครับ คุณพี่เจ๊ แกก็แวบเข้ามาอ่านบ่อย ๆ นั่นแหละ แต่แหม คนกำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว จะให้เอาเวลาที่ไหนมาเข้าเวบบ่อย ๆ เจ๊แกเลยปล่อยให้พวกที่ไม่มีปัญญาจะหา อย่างผมเนี๊ยะ ดูแลไปพลาง ๆ ก่อน ซึ่งด้วยความรู้ความสามารถที่ประเมินได้เองแล้ว ผมก็ฝากคุณ ryzon ดำเนินการซะเลย ชัวร์กว่าเยอะ อย่าห่วงครับ คุณพี่เจ๊ แกรักทุกคนในกระทู้นี้ แถมยังมหัศจรรย์ที่ไม่เห็นมีอะไรเลย แต่ก็ยังเข้ามาต่อกระทู้กันได้อย่างต่อเนื่อง น่าประทับใจจิง ๆ คุณพี่เจ๊ แกฝากคำชมมาให้ด้วยใจจริง ส่วนจะเข้ามาเปิดกระทู้เองเมื่อไรนั้น เอาไว้เสร็จภารกิจส่วนตัวข้ามทวีปเมื่อไร แกเข้ามาเองแหละครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 11:13:18

ความคิดเห็นที่ 51 อ้อ  ฝากรายงานความคืบหน้าอีกนิด ตอนนี้คุณพี่เจ๊วิฯ แกกำลังรวบรวมหมาคัมภีร์วิทยายุทธเล่มใหม่ เป็นเรื่องของดนตรีแจ๊ซและชีวิประวัติที่น่าสนใจยิ่งของนักร้องแจ๊ซ ระดับตำนาน ที่เกี่ยวพันกะประวัติศาสตร์โลกแบบไม่น่าเชื่อ ตอนนี้ลองเปิดเพลง จิบไวน์ พลิกหนังสือชีวิประวัติ ถ้าเอามายำรวมกันได้เมื่อไร ได้อ่านกันเพลินอีกแน่ ๆ เว้นแต่พวกหมอลำริซึ่มอย่างผมนี่แหละ อาจจะมีปัญหาหน่อย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 11:17:05

ความคิดเห็นที่ 52 ภาพวาดแสดงถึงวิถีชีวิตของเจ้าอาณานิคมสเปน รับประทานอาหารในครอบครัว บนโต๊ะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารนานาชนิด แถมยังมีบริวารรายรอบ สมัยก่อนนี่ ถ้าเป็นภาพวาดบนโต๊ะอาหาร และมีอาหารอยู่ด้วย แสดงว่า เจ้าของภาพต้องการโชว์ถึงความ "มีอันจะกิน" ของตัวเองครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 11:21:58

ความคิดเห็นที่ 53 อ่ะ อนาจักรออตโตมัน แบ่งกันโดย อเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส ใช่ป่าวครับ จากคุณ : กริชครับผม เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 18:41:20

ความคิดเห็นที่ 54 ทราบอย่างนี้ก็สบายใจได้แล้วค่ะ  นึกว่าถูกทอดทิ้งให้อยู่กันตามลำพังเสียแล้วสิ ส่วนเรื่องที่พี่วิกำลังรวบรวมนั่น  เท่าที่ฟังดูก็รู้แน่ๆเลยว่าต้องปีนบันได้อ่านอีกแน่นอน ลำพังเรื่องไวน์อย่างเดียว  ก็ปีนไปแล้วหนึ่งรอบ   คราวนี้จับเอาดนตรีแจ๊สมาผสมเข้าไปด้วย แล้วจะสูงเพียงไหนหนอ   แต่ก็เอาค่ะ  ถ้าเป็นสำนวนพี่วิวันดา ก็คงไม่ยากเกินความสามารถของแฟนขับไปได้หรอกนะคะ   ดีเสียอีกค่ะ   ได้อ่านเรื่องที่ไกลตัวแบบนี้  ทำให้เรามีแรงจูงใจในการค้นคว้าและเอามาประติดประต่อ  ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประวัติศาตร์ด้วยแล้ว  ยังไงก็ต่อติดค่ะ   เพราะมันจิ๊กซอว์ใบเดียวกัน จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 21:52:05

ความคิดเห็นที่ 55 เรื่องออตโตมาน ให้อาจารย์สื่อมาตอบนะคะ   แต่เห็นภาพที่อาจารย์สื่อแปะมาหลายๆภาพที่เกี่ยวข้องกับอาณานิคมของสเปนในแถบละตินอเมริกา  ดูแล้วน่าสนใจทั้งนั้นค่ะ   ถ้าสังเกตุดูเราจะเห็นว่า ผู้คนแถบละตินอเมริกาส่วนใหญ่จะสวยๆหล่อๆกันทั้งนั้น    ดูจากนางงามยูนิเวอรส์ทั้งหลายสิคะ   ถ้ามาจาก เปโตริโก  เอกัวดอร์  หรือแถบนั้นแล้วก็รับระกันความงามได้เลยเชียว ก็จะไม่ให้สวยได้อย่างไรละคะ  พวกเขาเกิดจากการผสมผสนข้ามสายพันกันไปมา   ลำพังสเปนซึ่งเป็นจ้าวอาณานิคมเอง  ก็เป็นลูกครึ่งฝรั่งกับอาหรับ  ซึ่งตรงนี้ก็ต้องย้อนกับไปศึกษาว่าอาหรับเข้าไปในคาบสมุทรไอบีเรียได้อย่างไรอีกทีนะคะ  ทำให้ลูกครึ่งในสเปน สวยหยาดฟ้ามดินกันแทบทั้งนั้น พอจ้าวอาณานิคมเหล่านี้ เข้าไปตั้งรกรากในละตินอเมริกา   ชนเผ่าพื้นเมื่อง  ก็คือชาวอินเดียนแดง มายา หรือแอทแทค  ต่างก็มีสรีระที่งดงาม และสีผิวที่ออกสีทองแดง  ไม่ใช่ผิวดำเข้มอย่างชาวแอฟริกัน   เมื่อจ้าวอาณานิคม อย่างเฮอนัน คอร์เตส หรือปิซาโร่  ได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวพื้นเมือง  จึงไม่แปลกใจว่า เจนเนอเรชั่นนั้นจะงดงามเพียงไร ในละตินอเมริกา  เขามีการแบ่งชนชั้นของลูกครึ่ง และลูกควบทั้งหลายไว้น่าสนใจค่ะ คือถ้าคนคนนั้นเดินทางมาจากสเปนหรือจากคาบสมุทร ก็จะจัดเป็นพวกชั้นสูง  หรือเพนินซุลาเรส แต่ถ้าเป็นเด็กที่ไปเกิดในละตินอเมริกา  ทั้งๆที่พ่อและแม่  ก็มาจากคาบสมุทร  เด็กเหล่านี้จะเป็นชนชั้นที่ 2  ที่เรียกว่า ครีโอ  กลุ่มนี้แหละค่ะ  ที่เขาจะสูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเอง  จนกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้พวกเขาทำการปฏิวัติ  และประกาศเอกราชจนประสบความสำเร็จ ชนชั้นที่ 3   คือลูกครึ่งที่เกิดจากการผสมระหว่างชาวสเปน  กับชาวพื้นเมือง  เรียกว่า  เมสติโซ  เด็กกลุ่มนี้จะเป็นเด็กมีปัญหา เพระไปทางไหน  ใครก็ไม่ยอมรับ   ไปทางพ่อ  ก็บอกว่าแม่เป็นอินเดียน  พอไปทางแม่  ก็บอกว่าพ่อเป็นสเปน  สรุปคือไปทางไหนไม่ได้  พวกเขาจึงสร้งโลกส่วนตัวขึ้นมา  อาชีพหลักคือนักก่อกวนความสงบสุข ชนชั้นที่ 4 คือชาวพื้นเมือง  ซึ่งเคยเป็นเจ้ของดินแดนมาก่อน  แต่วันดีคือร้ายกลับถูกลดคุณภาพชีวิตลงไปชนชั้นที่ 4 ของสังคมได้อย่างเจ็บปวด ชาวพื้นเมืองเหล่านี้  ยังถูกแบ่งเป็นสองกลุ่มอีกนะคะ  กลุ่มแรกคือชาวพื้นเมืองทีเจริญแล้ว   หมายถึงพวกที่รับเอาอารยธรรมสเปนเข้าไปใช้  นับถือศานาคริสต์  พูดภาภาสเปน  แต่งกายแบบชาวสเปน  ส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในบ้านของชาวสเปน  ก็คือคนรับใช้ของจ้าวอาณานิคม  ปรากฏดังภาพที่อาจารย์สื่อเอามาแปะให้ดูนั่นละค่ะ   ส่วนชาวพื้นเมืองกลุ่มที่สองคือกลุ่มที่ยังไม่เจริญ  คือยังเป็นชนบทแท้ๆ  จะอาศัยอยู่นอกเมืองที่ยังไม่ได้รับอารยธรรมของสเปน  เรียกว่าเป็นคนบ้านนอก สังคมละตินอเมริกา ยังมีอีกชนชั้นค่ะ ชนชั้นที่ 5  คือ นิโกรคนผิวดำนี่แหละ   ซึ่งบรพพบุรุษของเขาถูกนำมาขายเป็นทาสใช้แรงงานในไร่นาของชาวสเปน  กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มชนที่ใช้แต่แรงงานแล้วแต่เจ้าของจะสั่งให้ทำอะไรเพราะพวกเขาถือว่านิโกร คือแรงงานทาส   น่าสงสาร ชนชั้นทั้ง 5 เหล่านี้  ต่างมีจุดประสงค์ในการดำเนินชีวิตที่ต่างกัน จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 22:28:34

ความคิดเห็นที่ 56 แหม รู้สึก รู้จริง สมกับบเป็นหัวหน้าห้อง เอารูปชาวพื้นเมืองกำลังต่อต้านศาสนาใหม่ที่นำเข้าไปโดยเจ้าอาณานิคม คนที่เอาเข้าไป ก็มองว่านี่คือเครื่องหมายของอารยธรรม ส่วนพวกที่อยู่ก่อน ก็ข้องใจว่าเอามาทำไม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 13:34:00

ความคิดเห็นที่ 57 การใช้ชีวิตแบบผสมผสานในช่วงนั้นครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 13:35:46

ความคิดเห็นที่ 58 รูปแบบการตั้งบ้านเรือนของยุโรปในอาณานิคม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 13:37:37

ความคิดเห็นที่ 59 อุเหม่..เสียงขรมเลยนะจ๊ะ...ได้ยิืนนะ..แต่ขอแก้ตัวนิดนึงค่ะ..ถือว่ามาเล่าคั่นเวลาก็แล้วกัน เรื่องที่หนึ่งคือเรื่องเพลงแจ๊ส...พี่ป่าววววนะ...เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า อีตาบ้าคนหนึ่งแถวๆนี้แหละ..กำลังถูกผีแจ๊สเข้าสิง..ให้พี่เป็นธุระจัดหาซีดีแบบมีเท่าไหร่เหมาหมด..ของนักเป่าชื่อดัง..Ben Webster ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งผลงานของบุคคลคนนี้ได้มีอย่างกระจัดกระจายเพราะช่วงที่ท้ายๆของชีวิตเขาได้ย้ายไปอยู่ที่เดนมาร์ก..และปักหลักปักฐานอยู่ที่นั่นจนถึงวาระสุดท้ายในชีวิต.. ทีนี้กลุ่มที่ฟังเพลงแจ๊สเนี่ย..ในอเมริกาก็นับว่าเป็นชนกลุ่มน้อย(มาก) และถ้ายังมีอยู่ก็นับว่าอยู่ในวัยชราพอประมาณ..ส่วนกลุ่มที่ยังอุดหนุนแผ่นอยู่ก็คือกลุ่มที่ (หากิน)อยู่ในแวดวงดนตรี เพราะท่วงทำนองการเล่นของเขาจัดว่าระดับบรมครู.. ในเมื่อน้องชาย"เอาจริง"....มีหรือที่พี่จะอยู่เฉยได้.. ก็เลยต้องเสาะต้องหา..ต้องเริ่ด...ต้องดี...ซื้อจนงง..ซ้ำไปหลายแผ่นพอสมควร.. บัดนี้..พอเชื่อขนมกินได้เลยว่า..ในประเทศไทย..น้องชายคนนี้มีแผ่นซีดีของเบน เวบสเตอร์มากที่สุด.. แต่..ช้าก่อน...ยังไม่จบแค่นี้ค่ะ....มานจะเอาแผ่นเสียงอีกแน่ะ..จะเอามาเล่นให้มันคลาสสิคกันไปแบบสุดๆ...ติดอยู่นิดเดียว..คือตรงที่ว่ายังหาซื้อเครื่องเล่นไม่ได้.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 13:58:32

ความคิดเห็นที่ 60 นั่นก็เรื่องเพลงแจ๊ส..ผ่านไปแล้ว..ทีนี้มาเรื่องที่นินทาว่าเตรียมตัวจะไปเป็นเจ้าสาว....แหม..ก็ไม่ถึงขนาดน้านนนน... ปัญหาที่ไม่ได้เข้ามาเขียนอะไรบ่อยๆเพราะว่าเรื่องงานค่ะ...ทำงานอาทิตย์ละหกวัน..เศรษฐกิจของอเมริกายังฟุบอยู่นะ...เมื่อก่อนเราเคยจ้างแรงงานเสริมในช่วงซัมเมอร์เพราะงานจะชุก.. ปีที่แล้วและปีนี้..ไม่ได้จ้างเลย..ทำกันเอง..เลยต้องลุยกันเต็มที่ มันก็เป็นผลดีกับตัวพี่เอง..เพราะรายได้ต่อปีจะได้ไต่เพดานไปกระตุ้นยอดเงินที่จะได้รับในยามเกษียณให้เพิ่มยอดให้สูงขึ้น.. ส่วนเวลาว่างเท่าที่มี..หมดไปกับการเรียนภาษาฝรั่งเศส... อ้าว..ไม่ต้องหัวเราะ....เรื่องจริง.... จะมาเล่าสู่กันฟังนี่ไง.. เริ่มจาก..คำถามที่ว่า..จะเรียนไปทำไมกันอายุปูนนี้แล้ว..?? ตอบ...ความจริงเรื่องภาษาฝรั่งเศสนี่..ตัวเองมีพื้นฐานอยู่พอสมควรนะ เพราะเคยเรียนมาสมัยมัธยมปลายและไปต่อที่วิทยาลัยที่เขาโฆษณาว่า "ความรู้ทำให้องอาจ" นั่นแหละ แต่ว่าไม่ได้สนใจที่จะต่อยอดหรือเพิ่มเติม..เพราะมาเรียนที่อเมริกา มาสนใจอีกทีก็ตอนที่ทำเรื่องไวน์..ตอนนั้นก็เพียงแค่รู้ศัพท์เฉพาะกิจที่ไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก..กับอ่านใบส่งของ ..และทักทาย อุทาน..ดัดจริตแถมๆเข้าไปอีกนิดหน่อย แต่มาถึงตอนนี้..มันเหมือนกับขายหน้านะ เพราะ...คนที่ฝรั่งเศสน่ะ..ตอนรู้จักใหม่ๆเขายังพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่องด้วยซ้ำ..พอกล้อมแกล้มเท่านั้นแหละ..สามปีเอง..ตอนนี้เขา"ลื่น" มาก ทั้งเขียนทั้งพูด ทีนี้เราเอง..เดินทางไปที่โน่นบ่อยๆ จนพอรู้ตัวว่า..จำเป็นมากที่จะต้องเรียนหัดพูด หัดเขียน เพราะไม่งั้นจะโดดเดี่ยวมาก พอตั้งใจจะเรียนขึ้นมาจริงๆ...ต้องรื้อฟื้นภูมิหลังกันใหม่สุดชีวิต.. แล้วทีนี้จะไปเรียนที่ไหนล่ะ....ทำงานอาทิตย์ละหกวันยาวเหยียดเช่นนี้..?? พอปรึกษาเขา...เขาขำ...เขาบอกว่า ก็เรียนอย่างผมไง..ไม่มีความจำเป็นต้องไปเรียนในห้องเรียน การเรียนภาษาต้องเรียนจากความเข้าใจและความตั้งใจขวนขวาย..การเสาะหา..ซึ่งในปัจจุบันนี้หาได้ง่ายมาก.. เช้าขึ้นมา..ลืมตาตื่น..ก็ลากคอมพ์เข้ามาเรียนได้เลย.. "ตัวช่วย"มีเยอะมาก... ตัวช่วยที่เขาว่ามานะ....เริ่มจากการอ่านหนังสือเด็กๆ ชนิดอายุสามถึงเจ็ดขวบ.... พอเปิดขึ้นมา..ดิฉันก็เอะอะขึ้นมาทันที..เด็กสามขวบอะไร(ของมันฟะ) จะอ่านหนังสือขนาดนี้..(เพราะมันเป็นนิทานแบบยาวๆ ยากๆ) เขาบอกว่า..ป่าว...เด็กเล็กๆก็ดูรูปไปก่อน..พ่อแม่จะอ่านให้ฟังก่อนแต่ต่อๆไปเด็กๆก็ต้องอ่านเอง ว่าแล้วมีภาพปลากรอบ...ตำรากองโตเชียว..มีหมดจากหนังสือเด็กเล็กจนถึงนิตยสารแฟชั่น.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 14:47:44

ความคิดเห็นที่ 61 แต่สำหรับดิฉันต้องอ่านให้เขาฟังทุกวัน..วันละสามหน้า..ทาง Skype แบบต่อหน้าต่อตา.. ส่วนการบ้านนั้น..เรียนทางออนไลน์และข้องใจตรงไหน..ปรีกษาได้ทุกเมื่อ ดิฉันอยากจะบอกผ่านไปยังผู้ที่โพสต์ถามเสมอว่าอยากจะเรียนภาษาอังกฤษ จะไปเรียนที่ไหนดี... นั่นเป็นเพราะเราฝากความหวังไว้กับคนอื่น..หวังที่จะให้คนสอน..โดยคิดว่า เรามีความตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอ.. ไม่จริงค่ะ... เพระทั้งหมดนั้น..อยู่ที่เราต้องขวนขวาย ค้นคว้า..จัดหา จัดเวลา..ทุ่มเทให้กับมันอย่างจริงจัง..เพราะ"ตัวช่วย" ในปัจจุบันนี้มีมากและมีประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่อ..มีการบ้านให้ทำ..ทำเสร็จกดส่ง..เฉลยทันใจ ผิดข้อไหน..กดกลับไปอ่านทำความเข้าใจใหม่ได้... เอาตัวอย่างการบ้านมาให้ดูค่ะ... 1 Wrong Savez-vous qui vous a __________ votre sac a main ? a) amené b) pris c) tiré d) enlevé e) accepté Oh là là ! The correct answer is "c". ( see lesson ) 2 Correct Il va __________ un Coca et des frites. a) amener b) prendre c) passer d) enlever e) tirer Très bien ! The correct answer is "b". ( lesson ) 3 Correct Je dois __________ un examen demain matin. a) amener b) prendre c) passer d) enlever e) tirer Très bien ! The correct answer is "c". ( lesson ) 4 Correct Nous avons __________ un taxi à la gare. a) amené b) pris c) passé d) enlevé e) tiré Très bien ! The correct answer is "b". ( lesson ) 5 Correct Je ne sais pas si ce magasin __________ les chèques. a) amène b) prend c) passe d) enlève e) accepte Très bien ! The correct answer is "e". ( lesson ) 6 Correct Elles veulent __________ des amis. a) amener b) prendre c) passer d) enlever e) accepter Très bien ! The correct answer is "a". ( lesson ) 7 Wrong Tu peux __________ un ami, si tu veux. a) amener b) prendre c) passer d) enlever e) accepter Oh là là ! The correct answer is "a". ( see lesson ) 8 Wrong Vous devez __________ les chaussures avant d'y entrer. a) amener b) prendre c) passer d) enlever e) tirer Oh là là ! The correct answer is "d". ( see lesson ) 9 Correct Elle __________ actuellement une taille 32 en chaussures. a) amène b) prend c) passe d) enlève e) accepte Très bien ! The correct answer is "b". ( lesson ) 10 Correct Qui vas-tu __________ au théâtre ? a) amener b) prendre c) passer d) enlever e) tirer Très bien ! The correct answer is "a". ( lesson ) Your Score: You got 7 correct out of 10 questions, for a score of 70 percent. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 14:58:43

ความคิดเห็นที่ 62 เอ้อ... ทั้งหมดที่พี่เขียนมา ผมเข้าใจแต่ Très bien ! เท่านั้นเอง เคยเรียน French 101 เทอมเดียว แค่เพราะเขาลือว่าสาวภาควิชานี้มีแต่สวยๆ ง่ะ มีข้อแก้ตัวส่งให้พี่วิฯ ทางหลังไมค์นะครับ ... ขอบคุณครับ จากคุณ : ha ha yee เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 15:12:18

ความคิดเห็นที่ 63 ต่อมาก็ต้องฟัง...ฟังเพลง..ดูหนัง...เพื่อให้คุ้นหู..คุ้นตา.. เพลง..จาก iTunes  เขาบอกว่า..นักร้องแต่ละคน..มีสไตล์ไม่เหมือนกันในการออกเสียง  อย่าง Edith Piaf  อย่าไปหวังว่าคนฝรั่งเศสโดยปรกติจะออกเสียง "ร" กระดกลิ้นรัวไปในทุกคำที่ร้อง เพราะนั่นคือสไตล์ของเธอ.. อย่างเพลง Sous le ciel de Paris ( ใต้แผ่นฟ้ามหานครปารีส) จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 15:15:17

ความคิดเห็นที่ 64 แล้วมาเทียบกับเสียงร้องของ Yves Montand  ในเพลงเดียวกัน...อารมณ์จะต่างกันมาก.. จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 15:19:50

ความคิดเห็นที่ 65 สวัสดีค่ะ คุณหมอ...แอบมาเงียบๆนะ..คิดถึงค่ะ ขอบพระคุณมากที่กู้กระทู้กลับมาจนได้..โถ..คงลำบากแย่..เพราะทราบดีว่าคุณหมอมีงานยุ่งมาก ว่าแต่ว่าไปลงเรียนภาษาฝรั่งเศสในวัยกระเตาะแล้วไง..มีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านมามั่งป่าว..?? พี่ก็มาเล่าให้น้องๆฟังสนุกๆน่ะค่ะ คลายเครียด..เห็นกระทู้ถามเรื่องเรียนภาษาเกิดขึ้นทุกวันในห้องสมุดเนี่ย..บางคนถามว่า..จบปริญญาตรีมาแล้ว..จะไปเรียนภาษาอะไรต่อดี..ญี่ปุ่นหรือเยอรมัน...และจะไปเรียนที่ไหนดี.. โอ้โห..ฟังแล้วเหมือนมันง่ายแบบหยิบเอามาใส่สมองแล้วก็จบซะงั้น คิดดูว่าเรียนภาษาอังกฤษกันมาตั้งแต่ ป.หนึ่ง..จนจบมหาวิทยาลัย นับเอาเองว่ากี่ปี..ยังพูด-เขียนกันไม่ค่อยได้เลย... นั่นเป็นเพราะว่า..ผู้คนส่วนใหญ่ยังคิดว่า..การเรียนภาษาคือการไปห้องเรียน..จดใส่กระดาษ ทำตามที่ครูบอก..แล้วจะบรรลุผลนั่นคือ พูดได้  อ่านได้ สื่อสารได้.. พอผลออกมาไม่เป็นเช่นนั้น..ก็เท่ากับว่าเป็นความผิดของครูที่สอนไม่เก่ง..ไม่รู้เรื่อง....อ้าว.. ยิ่งพวกที่โฆษณาว่า เรียนแล้วจะพูดได้ในเท่านั้น เท่านี้วัน...ไม่มีทางเลยค่ะ อย่าไปเชื่อ..เสียเงินเปล่าๆ.. อ้ะ..เล่าต่อ...พอหันมาฟังเพลงฝรั่งเศสล้วนๆแล้วก็ต้องดูแต่หนังของเขาเช่นกัน..ง่ายอีก..ดูออนไลน์ได้เลย..จ่ายตังส์ปุ๊บ..ดาวน์โหลดมาดูได้ปั๊บ.. อันไหนชอบมากก็สั่งซื้อมาเก็บไว้...กองพะเนินเลย.. ตัวเองไม่ได้หวังว่าจะต้องมา"ปร๋อ" ในภาษาที่สามนี่..เพราะผู้คนส่วนใหญ่ก็เข้าใจภาษาอังกฤษพอสมควร..แต่...มันเป็นความต้องการของตัวเองด้วย เนื่องจาก..โดยนิสัยเดิมๆ (จากที่น้องๆเห็นมา) ออกจะ"โปร" ยุโรป และฝรั่งเศสมาแต่ไหนแต่ไร.. เพียงแต่เมื่อก่อนนั้นมันเป็นแค่ "ความฝัน" ไง... จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 15:52:39

ความคิดเห็นที่ 66 มาแล้ว มาแล้ว   !!!!   เสียงบ่นดังๆ  บางทีก็ได้ผลนะคะ งานยุ่งก็ไม่เป็นไรค่ะพี่  ขอเพียงแต่รู้ว่าพี่ยังอยู่ใกล้ๆพวกเราก็อุ่นใจแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าอาจารย์สื่อ กำลัง  Falling in love หรือเปล่านะคะ เพราะดูเหมือนไม่ว่างเหมือนกัน ลืมน้องนุ่งในนี้หมดเลย จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 22:41:31

ความคิดเห็นที่ 67 สุดยอดคะพี่   เปิดคลอเบาๆตอนจิบไวน์ จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 22:44:57

ความคิดเห็นที่ 68 น้อมรับบัญชาขอรับ อาจารย์สื่อฯ จากคุณ : ryzon เขียนเมื่อ : วันรพี 53 01:04:49

ความคิดเห็นที่ 69 แกอยู่บนหิ้งดี ๆ ก็ดีแล้ว ไปอัญเชิญลงมาแล้วเป็นไง เจ็บตัวหัวแตกซะ เรื่องภาษาฝรั่งเศสนี่ ไม่อยากจะคุย สมัยเรียนมัธยมเนี่ย เกรด 4 นะคร้าบบบบ แต่ตอนนี้ไม่รู้มันไปไหนหมดแล้วนะสิ กระทั่ง แทร เบียง ยังไม่รู้เลยว่า มันแปลว่าไง ไหน ๆ ก็ไปหาเพลงมาแล้ว ฝากหา In a mello tone ของพ่อเบนมาแปะด้วยสิ ถ้าชื่อผิด ก็เดา ๆ เอาหน่อยแล้วกัน เพราะอย่างว่าแต่ฝรั่งเศสเลย ปะกิตก็ปะผุเหมือนกันครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 07:21:25

ความคิดเห็นที่ 70 หาไม่ยากค่ะอาจารย์  ปีนบันใดฟังกันไปเรียบร้อยแล้วค่ะ   ที่บอกว่าหัวแตก  หมายถึงตกบันใดหัวแตกหรือเปล่าคะอาจารย์  ต่อไปคงหน้าแตกค่ะ  เพราะงานนี้ข้าพเจ้า เดาอย่างเดียว   555   ++ จากคุณ : http://www.youtube.com/watch?v (Gasalong) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 11:28:24

ความคิดเห็นที่ 71 5555  +++   ใส่ผิดช่อง   หัวไม่แตกค่ะ  แต่หน้าแตกนิดหน่อย   เอาใหม่ๆๆๆ จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 11:30:13

ความคิดเห็นที่ 72 อ่านกระทู้นี้ นอกจะจะประเทืองปัญญาแล้ว  ยังช่วยอัพเกรด ไลฟ์  สไตล์ ให้ได้เป็นอย่างดีด้วยนะคะ   ปกติเพลงแบบนี้  อาจเคยได้ยินผ่านหูมาบ้างค่ะ   แต่ไม่ได้สนใจว่าชื่อเพลงอะไร  หรือใครเป็นคนร้อง   แต่ด้วยกุศโลบายอันแยบยลของอาจารย์สื่อ  ที่ชี้ช่องทางให้คนไม่เคยเปิดฟัง  ต้องเข้าไปเปิดฟัง  จึงทำให้จำได้ทั้งชื่อคนร้อง  และชื่อเพลง   ทีนี้พอได้ยินเพลงนี้ที่ไหนอีก  ก็คงจะร้องอ๋อๆๆๆๆ    แล้วก็บอกว่า  เพลงเพระจัง !!!  แต่จะพูดชื่อคนร้องถูกหรือเปล่า นี่คือปัญหา ตอนนี้ก็เปิดฟังได้เฉพาะใน ยูทูปค่ะ   ทำอย่างไรดีจึงจะเอามาฟังบีบีได้ละคะ  มีชุดรวมฮิตขายหรือเปล่าคะ จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 11:36:29

ความคิดเห็นที่ 73 ไม่ได้เข้ามาหลายวัน กระทู้ไหลเชียว แจ๊ซที่ผมรู้จักนี่ก็คือ hoda jazz เท่านั้นเอง ไอ้ที่เป็นดนตรีนั่น ผมขอไปฟัง รักริงโง หรือฝนหนาวสาวครวญก่อนดีกว่า แหะๆๆๆ classic นี่ยังพอฟังได้ opera ยังไหวเลย แต่แจ๊ซกับบลูนี่ต้องขอผ่าน แต่เมื่อวันก่อนได้ฟัง one way or another ก็มันดี นึกถึงฟามหลัง เลยนั่ง (นอน) ฟังซะตีหนึ่ง อ้อ ไม่ได้ฟังอยู่เพลงเดียวนะ แต่หลายๆเพลงมากเช่น final countdown soldier of fortune etc. จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 14:37:54

ความคิดเห็นที่ 74 รวมฮิตนี่คงยากนะครับ อาจจะหาได้บ้าง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปแทรกอยู่แถวแผ่นไหน แล้วอย่างว่า พ.ศ.นี้ บ้านเราเขาไม่ซื้อแผ่นกันแล้ว โหลดลูกเดียว ยิ่งเพลงแจ๊ซนั้นอย่าได้หมายเลยทีเดียว หายากยิ่งกว่างมเข็มครับ ที่มีขายอยู่ตามร้านทั่วไป  ส่วนใหญ่ฟังแล้วยิ่งเกลียดแจ๊ซ ส่วนที่ขายเฉพาะก็ไม่ใช่ว่าฟังแล้วจะชื่นชมหรอกครับ แจ๊ซเป็นเพลงที่ต้องใช้ช่วงจังหวะของชีวิตพอสมควร คล้าย ๆ กับพวกคลาสสิกนี่แหละครับ ถ้าไม่ใช้โมสาร์ทกลับชาติมาเกิด  จะฟังแล้วซาบซึ้งตั้งกะ 8 ขวบ ไม่มีทาง แจ๊ซนี่เมื่อก่อน แค่ได้ยินชื่อ ผมก็เผ่นแล้ว เพลงบ้าไรวะ ดนตรีโฉ่งฉ่าง หาความเนียนไม่ได้เลย เสียงนักร้องก็แหกปากแหกคอโชว์พลังเสียงซะจนเหนื่อย ไอ้แตรก็เป่าปุ๊ด ๆ ไอ้กลองรึก็แฉ่ ๆ ไปเรื่อย เทียบกับเพลงป๊อบ เพลงร๊อกยอกฮิต มันต่างกันเยอะ แต่พอมาถึงช่วงวัยหนึ่ง (วัยไหนไม่บอก) จู่ ๆ มันก็เกิดฟังเพลงแจ๊ซเพราะขึ้นมาซะงั้น ก็เป็นทุกข์สิครับ เพราะต้องตระเวณหาเพลงแจ๊ซฟัง แล้วไอ้เพลงพวกนี้ เขาเจตนาจะโชว์การเล่นเครื่องดนตรีแต่ละชนิด มากกว่าที่จะให้มันเนียนเป็นเนื้อเดียวกันเหมือนเพลงประเภทอื่น บางทีมันก็เล่นแหก ๆ ไปซะงั้น ลำบากหูเป็นที่สุด จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 15:27:40

ความคิดเห็นที่ 75 อีกปัญหาหนึ่ง คือ ไม่รู้ว่าจะเริ่มฟังจากแผ่นไหนก่อน อย่างที่ว่า เพลงแจ๊ซมันไม่ได้ฮอตฮิตแบบว่าฟังกันทั้งโลก เหมือนพวกเพลงร๊อก เพลงป๊อป แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหน ถึงจะเรียกว่าเริ่มฟังเพลงแจ๊ซละ ยังไม่นับว่าใครเป็นใครอีก ทีแรกก็อาศัยหาหนังสืออ่าน  หนังสือเกี่ยวกับเพลงแจ๊ซบ้านเรามันจะมีสักกี่เล่มเชียว รุ่นโบราณก็อย่าง "ฤาจะร้อนเร่าเท่าแจ๊ซ"กับ "ฤาจะอ่อนหวานปานแจ๊ซ" แต่หนังสือนี่ก็ออกมานานแล้ว จะไปหาที่ไหนกัน ก็พอดีไปเจอลดราคาในร้านหนังสือเก่า ลองซื้อมาอ่านทั้ง 2 เล่ม รูปเล่มยังโบมั่ก ๆ เป็นไซส์เล็ก ๆ กระดาษออกน้ำตาลแล้ว อ่านแล้วปวดตาชะมัด และขอสารภาพตามตรง อ่านหมดแล้ว ไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่นิ๊ดเดียว เพราะเนื้อหามันเล่าถึงประวัตินักดนตรีแจ๊ซกับสไตล์ดนตรีในแต่ละอัลบั้ม สลับกับประสบการณ์การไปดูแสดงสดของผู้เขียน ซึ่งเป็นการแสดงสดในยุคกว่า 30 ปีที่แล้วอีกต่างหาก ไม่มีชื่อคุ้น ๆ แม้จะรุ่นเดียวกัน อย่างเอลวิส บิเทิล เลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 15:35:13

ความคิดเห็นที่ 76 ด้วยความไม่ย่อท้อ และปกติก็เดินดูแผงซีดีเป็นประจำอยู่แล้ว ประกอบกับพอได้อ่านหนังสืออื่น ๆ อยู่บ้าง ก็เลยมีอะไรผ่านหูผ่านตามาหน่อย พอได้ยินชื่อ ไมล์ เดวิด Miles David ว่าเป็นยอดศิลปินแจ๊ซแห่งยุค แถมยังมีแผ่นซีดี อัลบั้ม Kind of Blue ฉบับฉลองอายุเท่าไรไม่รู้ ออกมาวางแผงอีก ก็เลยซื้อมาฟังพร้อมอ่านเรื่องความสำเร็จของอัลบั้มนี้ประกอบไปด้วย บอกตามตรงครับ ยังหูบอดกับแจ๊ซอยู่เหมือนเดิม ไม่เข้าใจว่ามันเพราะตรงไหนวะ กะอีเสียงเป่าแตรปู๊ด ๆ ของอีตาไมล์เนี่ย ไม่เชื่อลองหาเพลง So What ที่เป็นเพลงในอัลบั้ม Kind of Blue มาฟังดูสิครับ แล้วถ้าใครรู้สึกว่า "มันจะปู๊ด ๆ " ไปทำไมนักหนาวะ แสดงว่ามาทางเดียวกับผมแล้วครับ 555555555555555555 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 15:51:15 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 15:45:07

ความคิดเห็นที่ 77 จริง ๆ เพลงแจ๊ซก็ไม่ได้ห่างไกล หรือสูงเกินเอื้อมสำหรับนักฟังเพลงทั่วไปหรอกครั  เพียงแต่เราอาจจะติดกับเนื้อเรื่องในละคร ที่มักสร้างภาพคุณนาย คุณหนู บ้านใหญ่ ๆ จบเมืองนอก ว่าเป็นพวกฟังแจ๊ซ เลยดูเหมือนว่าแจ๊ซเป็นดนตรีสำหรับคนหรูหรา แต่ปัญหาของคนที่ต้องเริ่มมาหัดฟังแจ๊ซอย่างจริงจังมากขึ้นจากที่แค่ผ่านหูไปมาอย่างผม คือ มันไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เพราะ พ.ศ.นี้ แจ๊ซไม่ใช่กระแสหลักของกระแสเพลงโลกอีกแล้ว แถมยังแยกไม่ออกอีกว่า แล้วเพลงแบบไหนละที่เป็นแจ๊ซหรือไม่เป็นแจ๊ซ จากคุณ : สื่อศืลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 10:14:59

ความคิดเห็นที่ 78 คนหาคลิปไปไหนแล้วครับ ช่วยหา La Via En Rose ของหลุยส์ อาร์มสตรอง .shsojvplb อยากให้ลองฟังเพื่อให้เห็นว่าปัญหา หรือข้อดีอีกด้านของแจ๊ซ คือเพลงหนึ่ง ๆ เนี่ย เขาเอาไปร้องทับ ดัดแปลง เปลี่ยนแนวเพลง แนวดนตรี ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอดเวลา  โดยไม่ถือเป็นเรื่องผิด แถมยังเรียกมันว่าเป็นเสน่ห์อันยิ่งใหญ่ของแจ๊ซเสียอีก จริงๆ เรื่องการเอาเพลงเดียวกันมาดัดแปลง ร้องเล่น คนละอารมณ์กันเนี่ย จะวงการไหนก็ทำ ร๊อก ป๊อป แร๊พ ฯลฯ ทำกันทั้งนั้น แต่ไม่ค่อยมีใครถือว่านี่เป็นจุดเด่น บางสายกระมิดกระเมี้ยนทำ หรือต้องดัดให้ออกแปลกใหม่ พอที่จะเรียกขาน ว่างานสร้างสรรค์ให้ได้ด้วยซ้ำ ไม่งั้นจะโดนเขาประนามว่ามาลอกงานคนอื่น เสียอีก อย่าง La Via En Rose ก็เป็นเพลงคลาสสิกที่ฟังได้ไพเราะของวงการแจ๊ซอีกเพลิงหนึ่ง ที่คนทั่ว ๆ ไป แม้ไม่ชอบแจ๊ซเป็นพิเศษก็พอฟังอย่างรื่นรมณ์ได้ แต่ถ้าจะไปหาซีดี หรือหาดาวโหลดจากแหล่งไหนมาฟัง  จะเจอปัญหาทันทีครับ คือไม่รู้ว่าเวอร์ชั่นไหน แม้จะมาจากนายหลุยส์คนเดียวกัน แต่อัดคนละครั้ง มันก็จะต่างอารมณ์กัน ชนิดหลุดไปเลยทีเดียว ลองหาฟังดูสิครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 10:21:13

ความคิดเห็นที่ 79 มาแล้วค่า !!!   อันนี้หรือเปล่าค่ะ  ไม่ไหวค่ะอาจารย์  So What ???   จริงๆ จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 10:50:02

ความคิดเห็นที่ 80 แต่อันนี้แจ่มค่ะอาจารย์  คุ้นหูเป็นที่สุด หวานนนน  พริ้ววววววว   ฟังแล้วเคลิ้มเคลิ้มดีจัง     ที่สำคัญคือมีเสียงร้องมาให้เราได้ยินกันบ้าง  ไม่ใช่ใส่แต่เครื่องดีด สี ตี เป่า เขย่ากันจนจะขาดใจตาย  เฮ้อออ    !!! แต่ชื่อศิลปินจะออกแนวนักสำรวจดวงจันทร์อยู่นะคะ   อิ อิ จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 10:55:41

ความคิดเห็นที่ 81 สำหรับอาจารย์รณชัยค่ะ     แจ๊สรุ่นเรามันคือประมาณนี้แม่น บ่ ??? จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 11:00:14

ความคิดเห็นที่ 82 แต่ถ้าชอบแนว โจ๊ะ พรึมๆ โจ๊ะ ก็ต้องอันนี้ค่ะ   นักร้องเซ็กซี่มากกกกก จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 11:02:38

ความคิดเห็นที่ 83 คำถามค่ะคำถาม  .... เพลงแจ๊ส  กับเพลงบลูเป็นพี่น้องกันหรือเปล่าค่ะ   หมายถึงว่า เป็นเพลงท้องถิ่นของชนเผ่าใดเผ่าหนึ่งหรือเปล่าค่ะ     เช่นเพลงเรกเก้เป็นของชนพื้นเมืองแอฟริกัน เพลงแซมบ้าก็เป็นของละติน   หรือเพลงคันทรี่ก็เป็นเพลงลูกทุ่งของอเมริกันอะไรเงี้ยะค่ะ คำถามต่อมาที่สงสัยก็คือจากที่เข้าใจคือเพลงบลูรู้สึกจะเป็นเพลงท้องถิ่นของชาวแอฟริกันเหมือนกันใช่ไหมคะ    จะต่างกับทำนองเรกเก้ก็คงเหมือนเพลงลูกทุ่ง กับลูกลูกกรุงบ้านเราหรือเปล่าคะ   จากที่เข้าใจเองอีกเหมือนกันก็คือ   ชาวแอฟริกันซึ่งเป้นคนผิวสี  และแน่นอนว่าชาวผิวขาวแยกเขาไปไว้อีกชนชั้นที่ต่ำสุด  แต่ทำไมดนตรีของเขาถึงได้รับการยกย่องในวงการไฮโซเพนินซุลาเรสละคะ แล้วยิ่งถ้าคำตอบว่า เพลงแจ๊สเป็นญาติกับเพลงบลูแล้วก็ยิ่งน่าฉงนใจเข้าไปใหญ่  และจากที่เห็นศิลปินแจ๊สที่อาจารย์สื่อชี้เป้าให้เข้าไปค้นมานั้น  ก็เป็นคนผิวสีทั้งนั้น  โดยเฉพาะชุดของ Kind of blue  จะเห็นว่านักเป่าแซกโซโฟนฝีมือขั้นเทพเหล่านั้นน่าจะเป็นเชื้อสายแอฟริกันพันธ์แท้ร้อยเปอเซ็นต์   ไม่มีผสมลูกครึ่ง หรือค่อนลูกแน่นอน แต่เหตุไฉนท่วงทำนองดนตรีของเขาเหล่านั้น  จึงได้รับการยอมรับและคนนิยมชมชอบไม่น้อยกว่าเพลงคลาสสิคฝั่งเวียนนาเลยทีเดียว จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 11:27:44

ความคิดเห็นที่ 84 บลูกับแจ๊ซก็เป็นพี่น้องกันครับ อย่างนี้  พัฒนาการดนตรีในกระแส มันสอดคล้องกับสภาพสังคมในแต่ละท้องถิ่น ในกลุ่มยุโรป หลังยุคคริสตจักรแล้ว  การใช้ดนตรีเป็นไปเพื่อการสื่อสาร ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า  ซึ่งตกทอดมาตั้งแต่ยุคกรีก ที่ดนตรีเป็นเครื่องบูชาทวยเทพอย่างหนึ่ง และเมื่อมันถูกกำหนดให้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า ดนตรีจึงมีที่ทางที่ถาวรและสำคัญในโบถส์คริสจักร ทางนั้นเขาจะเน้นการร้องประสานเสียงและบรรเลงเพลงที่มุ่งให้มัน "ลอยขึ้นไปสูง" ก็วัตถุประสงค์เพื่อสื่อสารกับพระเจ้าบนฟากฟ้าไง จากนั้นก้พัฒนามาเป็นเครื่องดนตรีในวงคลาสสิก ที่เริ่มฝึกหัดจากในโบถส์ ลามเข้าสู่หน้าที่สร้างความบรรเทิงในรั้วในวัง ลองดหนังเรื่อง red violin และ amadeus ดูครับ จะเห็นบทบาทหน้าที่ของดนตรีคลาสสิกอย่างชัดเจน ทางด้านแอฟริกัน เขาก็มีดนตรีในรูปแบบของเขา  จากสภาพภูมิประเทศที่ต้องเจอกับฟ้าฝนแบบจัง ๆ ไม่มีหิมะตกนุ่ม ๆ อารมณ์เหงา ๆ แบบยุโรป แต่เป็นฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า แดดร้อน ดินแรง จังหวะจึงกลายเป็นหัวใจของเครื่องดนตรีของชนเผ่า ที่คุ้นเคยกับเสียงดัง ๆ เป็นจังหวะ อย่างเสียงร้องของสัตว์ป่า ประกอบกับต้องใช้ดนตรีในการต่อสู้หรือล่าสัตว์ป่าดุ ๆ อย่างสิงโต ที่อาศัยการตีเกราะเคาะไม้่ประกอบด้วย ลองหาหนังเรื่อง..เอ จำไม่ได้ ที่ วสล คิลเมอร์ เล่นเป็นนายทหารวิศกรสร้างสะพานกับไม่เคิล ดักกลาส เล่นเป็นพรานป่า เข้าไปปราบสิงโตคู่ตัวใหญ่ในแอฟริกายุคบุกเบิกดูครับ ชื่อหนังมันเป็นชื่อฉายาของสิงโตทั้งคู่นั่นแหละ ในเรื่องจะเห็นพิธีล่าสิงโตของเผ่ามาไซ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 09:56:49

ความคิดเห็นที่ 85 เดอะ กอสต์ แอนด์ เดอะ ดาร์กเนส นึกออกแล้ว ที่นี้วัฒนธรรมมันข้ามมาก็อีตรงที่ชาวยุโรปไปจับเอาชาวแอฟริกันมาเป็นทาสในไร่ฝ้ายนั่นแหละครับ คนไปไหน ดนตรีก็ไปด้วย  เริ่มจากดนตรีแบบบลู ที่เล่นกันง่าย ๆ เหมาะกับฐานานุรูปของทาสหรือผู้ใช้แรงงานในไร่ฝ้ายที่ต้องทำงานหนัก และชีวิตลำเข็ญสุด ๆ รูปแบบการเล่นดนตรี และเนื้อร้อง มันเอื้อให้คร่ำครวญปลดปล่อยอารมณ์ระบายความทุกข์ยากดีนักแล เพราะการลากเสียงกีตาร์ด้วยการใช้ท่อโลหะสวมนิ้ว มันเหมือนเสียงคร่ำครวญหวนไห้ แต่ข้อเสียของบลู คือ รุปแบบไลน์โน๊ต มันฟิกส์ ดัดแปลงยาก พัฒนาการฉีกแนวไปมาก ก็จะหลุดความเป็นบลูส์ไปซะ อยากหารูปแบบบลูส์แบบคลาสสิก ก็ลองหา โรเบิร์ต จอห์นสัน ที่คงไม่มีภาพจริง ๆ มั๊ง ไม่งั้นก็ลองหาเพลง หรือหนังเรื่อง Crossroad มาดูครับ เอาฉบับที่ ราฟ มาชิโอ เล่นเป็นละอ่อนที่อยากหัดเพลงบลูส์นะครับ เพราะหนังชื่อเดียวกันนี้ มันมีหนังแนววัยรุ่นฝรั่งคิดขุอยู่เรื่องหนึ่ง เคยเห็นคอลัมน์บันเทิง เอาภาพมาลงผิดไปทีนึงแล้ว  คนเขียนต้องการวิจารณ์หนังครอสโรด ของราฟ แต่ฝ่ายศิลปดันเอารูปครอสโรดของแม่สาวมาลง หน้าแตกซะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 10:03:13

ความคิดเห็นที่ 86 ลักษณะเด่นของแจ๊ซหรือบลู คือ การ "ขัดจังหวะ" อันนี้เป็นการอธิบายรูปแบบการเล่นดนตรี ที่ถ้าเป็นเพลงคลาสสิก เขาจะประพันธ์โน๊ตแบบให้เรียบลื่นไหล ไม่สะดุดหู  ด้วยการจัดเรียงตัวโน๊ตแบบไม่คร่อมจังหวะกัน แต่ถ้าเป็นแจ๊ซหรือบลู ที่เขาว่ามันพัฒนามาจากดนตรีแบบ แรกส์ไทม์ ที่หมายถึงการขัดหรือคร่อมจังหวะนิดนึง ที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึก "กระฉึกกระฉัก" ไอ้ลักษะดนตรีแบบนี้แหละครับ ที่มันชวนให้คนได้ยิน อยากขยับแข้งขยับขาดีนัก อ้าว ก็มันมีพัฒนาการมาจากดนตรีที่ใช้ในการเต้นรำปลุกใจก่อนออกล่าสัตว์ของชาวป่านี่ครับ จะให้สมูธ แอส ซิลด์ ยังกะเพลงของโมสาร์ท ได้ไง จริง ๆ พัฒนาการทางดนตรีของโลกนี่ มันจะมีรอบต่อจากการที่มันสัมพันธืกับมนุษย์นี่แหละครับ พูดง่าย ๆ ก็คือ เมื่อไรที่ดนตรีมันใกล้ชิดกับมนุษย์ มันก็จะมีการพัฒนา  แต่ถ้าเอาไว้บูชาทวยเทพเสียแล้ว ก็มักจะหยุดนิ่งตายตาที่ เพราะไม่มีใครกล้าขยับ เหมือนกับที่ จังหวะวอลท์ เคยครองเวียนนา และคุกคามไปทั้งโลกนั่นแหละครับ   สาเหตุหลัก ก็เพราะมันนำมาให้คนเต้นรำกันได้สนุก ที่สำคัญ คือ จังหวะมันเร็วขึ้นอีกนิด และต้องโอบกอดกันกระชับขึ้นกว่าเดิม สาว ๆ เลยอยากไปบอลรูมกันถี่ขึ้น ส่วนหนุ่ม ๆ นั้นไม่ต้องพูดถึง  รู้ว่าคิดอะไร แต่ก็เงียบ ๆ ไว้ ก็แหม  รู้ ๆ กันอยู่นะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 10:19:22

ความคิดเห็นที่ 87 แจ๊ซก็เหมือนกันครับ  จุดเริ่มต้นนั้น เขาเอาไปบรรเลงในเรือล่องแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ก็ได้ัรับความนิยมมาก เพราะบรรยากาศสังคมของอเมริกามันไม่เหมือนยุโรป ส่วนใหญ่จะเป็นชาวไร่ ชาวนา พวกบุกเบิก ที่ชีวิตต้องการอะไรที่มันดิบ ๆ เถื่อน ๆ แรง ๆ สนุกก็ต้องสุด ๆ เพราะเหนื่อยกับงานในไร่มามากแล้ว เพลงจังหวะสนุก ๆ จึงเป็นที่ถูกใจมากกว่าพวกเอื่อย ๆ ชวนหลับอย่างคลาสสิก ที่เวลาไปโบสถ์วันอาทิตย์ก็ได้ยินอยู่แล้ว วงดนตรีแจ๊ซยุคต้นศตวรรษ ยังคงติดรูปแบบของวงดนตรีคลาสสิก คือ วงขนาดใหญ่ มีนักดนตรีเยอะ ๆ คนอย่างหลุยส์ อาร์มสตรอง ก็เริ่มจากวงดนตรีบิ๊กแบนด์ใหญ่ ๆ อย่างนี้แหละครับ  เคยเห็นภาพถ่ายตะแก ที่ตอนหลังมีภาพลักษณ์เป็นนักทรัมเป็ต  แต่ตอนเข้าบิ๊กแบนด์ใหม่ ๆ เล่นอย่างเดียว คงตกงาน เพราะในภาพ แกมีเครื่องเป่าวางกองอยู่ตรงหน้าตั้งหลายอัน เรียกว่า เป็นนักดนตรีแบบมัลติฟังค์ชั่นนั่นแหละครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 10:24:04

ความคิดเห็นที่ 88 เพลง ลา เวีย อง โรส ของพ่อหลุยส์นี่ เขาอัดไว้หลายเวอร์ชั่นครับ  ล่าสุดนี่น่าจะเอามาประกอบหนังเรื่อง เฟรนส์ คิส  ส่วนหนังชื่อเดียวกับเพลงที่พึ่งได้รางวัลไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่เป็นชีวิตของเพี๊ยพนั้น เขาเป็นภาษาฝรั่งเศส  บางคนก็ชอบ แต่บางคนก็ว่า หวาน สู้พ่อหลุยส์ไม่ได้ เท่าที่สังเกตุนะครับว่า เพลงนี้ มันนอกจากจะหวานจากเนื้อเพลงแล้ว การลากเสียงยาว ๆ และเครื่องเผ่าที่โหยหวน ทำให้ยิ่งซึ้งหนักเข้าไปอีก แต่ทีนี้เวอร์ชั่นที่หลุยส์เขาอัดตอนอายุไม่มาก ยังแข็งแรงดีอยู่ สุ้มเสียงและแรงเป่าเครื่องดนตรี มันแข็งไปนิด เลยไม่ค่อยจะหวานหยดสักเท่าไร ขณะที่เวอร์ชั่นที่มาอัดตอนอายุมากแล้ว ดูมันจะลากยาวมาอีกนิด นี่แหละครับ เสน่ห์ของแจ๊ซ เล่นแต่ละครั้ง บันทึกเสียงแต่ละที อารมณ์มันจะแตกต่างกันไป ซึ่งบางทีก็อาจจะนิดหน่อย แต่บางครั้งถึงขั้นต่างกันสุดขั้วเลย ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้เรียบเรียงดนตรีใหม่แต่อย่างใด เหมือนกับดนตรีคลาสสิกที่คนที่เขาฟังถึง ๆ เขาก็บอกว่า เพลงเดียวกัน ดนตรีโน๊ตเหมือนกัน แต่วาทยากรต่างคนกัน มันก็จะได้อารมณ์ต่างกัน เพราะการตีความของวาทยากรและลูกเล่นต่าง ๆ ที่เสริมเข้ามามันไม่เหมือนกัน อยากเข้าใจมากกว่านี้ คงต้องไปหาหนังสือหรือไปลองฟังคุณบัณฑิต  อึ้งรังษี แกดีกว่าครับ อย่างผมนี่ คลาสสิกก้ได้แค่อึ้ง ๆ ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 10:36:34

ความคิดเห็นที่ 89 วันแม่ กลับไปไหว้แม่กันนะครับ ใครไม่มีโอกาส ก็ระลึกถึงแล้วกัน ใครเป็นคุณแม่ ก้ได้ชื่นใจกันอีกวันนะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 16:04:30

ความคิดเห็นที่ 90 รุ่นนี้น่ะรุ่นไหนครับ ผมแค่ 21 เอง จากคุณ : ขอยืมมุขบิ๊กจิ๋ว (amscmu) เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 10:54:31

ความคิดเห็นที่ 92 ลองฟังเพลงฮิตเมื่อ 40 ปีก่อน แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 53 12:40:19 แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 53 12:39:55 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:39:42

ความคิดเห็นที่ 93 อ้าว ผิด ลองใหม่ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:42:53

ความคิดเห็นที่ 94 เพิ่งไปเวียดนามมาน่ะครับ เลยสนใจสงคราวเวียดนามแฮะ คุยกันตอนที่เท่าไหร่อ่ะครับ ใครจำได้มั่ง จะไล่เปิดทีละกระทู้ ก็ ปีนี้ก็คงหาไม่เจอ ไกด์ ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่จะฝังใจกับสงครามเวียดนามมาก เกือบ 40 ปีแล้ว ก็ยังพูดถึงกันแบบมีอารมณ์อยู่เลยน่ะครับ จากคุณ : กริชครับผม เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 01:42:03

ความคิดเห็นที่ 95 หาไม่เจอก็มาเริ่มคุยกันใหม่ได้นี่ครับ ยิ่งกำลังหาเรื่องอู้ตีกินไปเรื่อย ๆ อยู่ มือแปะ yuo tube ก็ไม่รู้หายไปไหนซะแล้ว ประกาศหาตัวด่วน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 07:04:55

ความคิดเห็นที่ 96 อืม ดีคับ จะเริ่มตั้งแต่ตอนไหนดีล่ะ เอาตั้งแต่ประวัิติท่านโฮจินมินห์เลยดีไหมครับ เหมือนเคยอ่านที่ไหนมา บอกว่าท่านไม่ได้ชื่อโฮจิมินห์นะ คำว่าโฮจิมินต์ แปลว่า Father of the country ใช่ป่าวครับ ปล ถ้าใครเป็นแฟน อินเดียน่า โจนส์ อย่างผม ก็จะพบว่า ท่านโฮจิมินห์ตอนทำงานเป็นบ๋อยอยู่ในฝรั่งเศส เคยพบกับ อินดี้ แล้วให้อินดี้ พาท่านไปพบกัีบตัวแทนของอเมริกาตอนที่มีการประชุมก่อตั้ง league of the nations ด้วย แต่อเมริกาไม่สนใจ ตอนนั้นท่านโฮจิมินต์ ไมไ่ด้อยากได้เอกราช แต่อยากได้การปกครองตนเองน่ะครับ (นิยายล้วนๆ ) จากคุณ : กริชครับผม เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 13:09:20

ความคิดเห็นที่ 97 เปลี่ยนมาหลายชื่อครับ  ตามประสาคนทำงานกู้ชาติใต้ดิน  ขืนใช้ชื่อจริงหราอยู่ชื่อเดียว คงโดนสอยไปนานแล้ว ชื่ออีกชื่อที่ดัง ๆ ก็ เหงียน ไอว กว๊อก ที่แปลว่า เหงียนผู้รักชาติครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 14:03:52

ความคิดเห็นที่ 98 อาจารย์สื่อจะให้แปะอะไรคะ  บอกมาโลดดดด ช่วงนี้เข้ามั่ง ไม่เข้ามั่งค่ะ   บางทีเข้ามาก็ไม่ได้นั่งนาน   ก็ขออนุญาตอ่านอย่างเดียวไปก่อนนะคะ   เรื่องเวียดนามสุดยอดคลาสสิค จริงอย่างที่คุณกริชบอกมาค่ะ     เพราะเหตุการณ์เหล่านั้นมันเกิดขึ้นในเจนเนอเรชั่นนี้นี่คะ  เขาก็ย่อมจำฝังใจไม่มีวันลืมแน่นอน   ก่อนจะเม้าท์เรื่องเวียดนาม  ขอประกาศหาน้องริวสุดหล่อให้มาช่วยยกกระทู้ให้ขึ้นไปอยู่ข้างบนก่อนได้ไหมคะ  ขานั้นก็หายไปกับสายลมแสงแดงเลย   หายไปนานๆแบบนี้  ไม่ใช่กลับมาอีกทีมาแจกซองสีชมพู  ให้พี่ๆ  น้าๆ  อาๆ  ในที่นี้ไปร่วมลงขันกินบุฟเฟ่ต์กันนะจ๊ะ จากคุณ : Gasalong เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 23:18:55