ความคิดเห็นที่ 1 ดร.ในไทย ที่AIT ผมว่าก็เก่งใช้ได้เลยนะครับ จากคุณ : มนต์เมืองนนท์ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 16:51:19

ความคิดเห็นที่ 2   ไม่มีคำตอบตายตัวครับ ขึ้นอยู่กับสาขาวิชา อาจารย์ที่ปรึกษา และภูมิหลังของนักศึกษาแต่ละคน ส่วนเรื่องที่ว่าจบ ดร. แล้วไม่เก่งภาษาอังกฤษ ก็ขึ้นอยู่กับว่าจบสาขาไหนอีกแหละ ถ้าจบ ป. เอก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะในต่างประเทศหรือในไทย แต่ภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่องเลย แบบนี้คนจะตั้งข้อสงสัยว่าจบมาได้อย่างไร เพราะสาขาดังกล่าวต้องอาศัย text ภาษาอังกฤษจำนวนมาก แต่ถ้าจบ ป. เอก สาขาภาษาและวรรณคดีจีน จากมหาวิทยาลัยในประเทศจีน เก่งภาษาจีนมากๆ แต่ภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่องเลย แบบนี้ไม่เป็นไรครับ เพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่ "สะพาน" ในการค้นคว้าวิจัยในสาขาดังกล่าว ในทางกลับกัน ถ้าจบ ป.เอก ด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในโลกตะวันตก โดยทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน เก่งภาษาอังกฤษเอามากๆ แต่อ่านภาษาจีนแทบไม่ออก แบบนี้ก็ตั้งข้อสงสัยได้เหมือนกันว่าจบมาได้อย่างไร เพราะถ้าจะศึกษา ศก. จีนในระดับ ป. เอก ก็ต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลปฐมภูมิที่เป็นภาษาจีนได้ อย่างไรก็ตาม ในความเห็นส่วนตัวของผม (ซึ่งเรียน ป.เอก เมืองไทย) นักศึกษาในระดับ ป. เอกของเมืองไทย อย่างน้อยก็สมควรจะมีทักษะการอ่านภาษาอังกฤษในระดับดี-ดีมาก จะได้อ่านหนังสือและบทความเพื่อตามให้ทันความก้าวหน้าทางวิชาการในโลกภาษาอังกฤษ ส่วนเรื่องฟัง พูด และเขียน อาจด้อยกว่าคนเรียนนอกบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะเราไม่ได้อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 53 17:40:09 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 53 17:36:57 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 53 17:36:32 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 17:32:58

ความคิดเห็นที่ 3   เรียนมากก็โง่มาก ยิ่งจบจากนอก ยิ่งไปกันใหญ๋ จากคุณ : โง่มากก็ต้องเรียนมาก เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 18:29:28 A:118.172.33.2 X: TicketID:249000

ความคิดเห็นที่ 4 อย่างไรก็ตาม ในความเห็นส่วนตัวของผม (ซึ่งเรียน ป.เอก เมืองไทย) นักศึกษาในระดับ ป. เอกของเมืองไทย อย่างน้อยก็สมควรจะมีทักษะการอ่านภาษาอังกฤษในระดับดี-ดีมาก จะได้อ่านหนังสือและบทความเพื่อตามให้ทันความก้าวหน้าทางวิชาการในโลกภาษาอังกฤษ ส่วนเรื่องฟัง พูด และเขียน อาจด้อยกว่าคนเรียนนอกบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะเราไม่ได้อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา นั่นสิค่ะ รู้สึกอย่างไรบ้างละค่ะ ถ้าได้เป็นตวแทนองค์กรที่ทำงานของตนเองไปสื่อสารกับฝรั่ง แล้วทำได้ไม่เท่ากับที่เค้าคาดหวัง จะกล้าบอกคนื่นไหมว่า จบ ดร.มา จากคุณ : สายของพิณ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 18:32:31

ความคิดเห็นที่ 5   ^ ^ กล้าสิครับ เพราะคุณภาพของปริญญาเอกไม่ได้วัดกันที่ภาษาอังกฤษเสมอไป (ตามที่อธิบายไปแล้วข้างบน) แต่อยู่ที่ว่าวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกมี contribution ต่อวงวิชาการในสาขานั้นๆ มากน้อยแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ผมเคยเจอมาก็คือ บางคนพูดภาษาอังกฤษได้คล่องกว่าผม แต่กลับอ่านเอกสารภาษาอังกฤษได้ช้ากว่าผมและบางทีอ่านแล้วแปลความหมายผิดซะอีกด้วย ถ้าเป็นผม ผมจะบอกกับเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชาไปตามจริงเลยครับว่าผมถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร เขาจะได้ใช้คนได้ถูกกับงาน บางทีเราอาจไม่ถนัดภาษาอังกฤษ แต่เราอาจมีจุดแข็งด้านอื่นที่คนอื่นไม่มีก็ได้ จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 19:19:33

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเป็นผม ผมจะบอกกับเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชาไปตามจริงเลยครับว่าผมถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร เขาจะได้ใช้คนได้ถูกกับงาน บางทีเราอาจไม่ถนัดภาษาอังกฤษ แต่เราอาจมีจุดแข็งด้านอื่นที่คนอื่นไม่มีก็ได้ ค่ะ อันนี้ชัดเจนดีค่ะ ขอบคุณมาก อยากได้คำตอบตรงนี้อะค่ะ จากคุณ : สายของพิณ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 20:15:08

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าวางใจเป็นกลางไม่เอาเรื่องความเชื่อว่าจบนอกดีกว่าจบในมาพิจารณา อยากบอกว่าเรียนนอกถ้าเป็นสาขาที่ในประเทศเรายังไม่มีความเชี่ยวชาญก็ควรอยู่ แต่ปัจจุบันหลายๆสาขาเราสามารถผลิตคุณภาพป.เอกได้ไม่น้อยหน้าต่างประเทศ อาจารย์ตำราแหล่งข้อมูลงานวิจัยมีพร้อม อย่างนี้ถ้าไปแล้วเอาแค่บรรยากาศวันๆนั่งแต่ในห้องสมุดในมหาวิทยาลัยต่างประเทศคงไม่คุ้มเท่าไร(เรียนป.เอกที่ไหนๆก็เหมือนกันคืออยู่กับตัวเอง+อ่านค้นคว้าและก็เขียนๆๆๆเป็นหลัก) จึงคิดว่าจบไหนดีกว่าคงไม่สามารถฟันธงไปได้ อยู่ที่ความเชื่อ ความอยาก โอกาส ค่านิยม ฯลฯมากกว่า ส่วนเรื่องของภาษาคิดว่าอยู่ที่คนเป็นสำคัญครับ คนเรียนป.เอก จบนอกแต่ภาษาห่วยไปจนถึงไม่ได้ดีมากมีถมไป คนจบในไทยภาษาอังกฤษดีๆก็มีไม่น้อย แค่เรียนภาษาอังกฤษจะเอาให้ดีได้ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนเมืองนอกเสมอไป แต่อย่างว่ามีหลักสูตรป.เอกเมดอินไทยแลนด์บางทีที่ไม่ค่อยมีคุณภาพจริงๆ ภาษาอังกฤษนี้ลงเหวไปเลย อันนี้ก็ต้องให้เจ้าตัวปรับปรุงพัฒนาเป็นรายๆไป การเรียนจบป.เอก สำคัญที่การค้นคว้า ทำวิจัย สามารถสร้างสรรค์ต่อยอดความรู้ เป็นอาจารย์สอนคนให้เก่งเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไปต่างหาก อันนี้สำคัญที่สุด แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 53 20:54:28 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 20:45:31

ความคิดเห็นที่ 8 เรียน ดร.ในไทย กับเรียน ดร.ต่างประเทศ อย่างไหนดีกว่ากัน? ตอบ ในเชิงตรรกะแล้ว เรียนในไทยดีกว่าก็มี เรียนในต่างประเทศดีกว่าก็มี มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเรียนวิชาอะไร และเรียนมหาลัยไหน ถ้าเรียนจบ ดร.ในไทย แต่ภาษาอังกฤษไม่ไหวเท่าไร? ตอบ "ปริญญาเอกไม่ีได้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับความเก่งภาษาอังกฤษ" โดยทั่วไปแล้วหลักสูตรปริญญาเอกในไทยส่วนใหญ่ก็คาดหวังว่าผู้เรียนจะต้องอ่านภาษาอังกฤษเพื่อค้นข้อมูลได้ แต่ก็มีคนจบปริญญาเอกในประเืทศไทยมาแล้วอ่านภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะรู้เรื่องเอาเสียเลย ในขณะเดียวกันคนจบปริญญาเอกจากต่างประเทศที่อ่านภาษาอังกฤษรู้เรื่องแต่เวลาเขียนภาษาอังกฤษเขียนไม่เป็นภาษาคนเลยก็มี เรื่องทำนองนี้มันมีความเป็นไปได้หลายทาง ดังนั้น เราจีงไม่สามารถสรุปได้ว่าคนจบปริญญาเอกมาจะต้องเก่งภาษาอังกฤษเสมอไป ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากประสบการณ์การทำงานของเรา(เราเป็นนักแปลและล่าม)...เราเรียนไม่ถึงระดับปริญญาโท แต่เราก็รับจ้างแปลดุษฎีนิพนธ์จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษให้คนไทยที่ศึกษาปริญญาเอกในมหาลัยในต่างประเทศได้ประสบความสำเร็จมาแล้ว (นักศึกษาเขียนภาษาไทยมาแล้วเราแปลเป็นภาษาอังกฤษและอาจารย์มหาลัยต่างประเทศก็ยอมให้ดุษฎีนิพนธ์ที่เราเขียนผ่านไปได้) แล้วเราก็เคย edit (ตรวจแก้) ภาษาอังกฤษ (เป็นงานแปลไทยเป็นอังกฤษ) ที่เขียนโดยคนจบปริญญาเอกจากมหาลัยต่างประเทศมาแล้ว (เป็นการทำงานแปลเป็นทีม พวกเราส่ง resume ของนักแปลวุฒิสูงๆไปเสนอลูกค้าเพื่อที่จะเรียกค่าแปลราคาแพงๆ แต่ทีมงานรู้ว่าเราเขียนภาษาอังกฤษเก่งกว่านักแปลปริญญาเอก พวกเขาก็เลยให้เราเป็นคน edit (ตรวจแก้) ภาษาอังกฤษของนักแปลปริญญาเอก ให้สวยๆก่อนส่งงานให้ลูกค้า ซึ่งงานก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี คือลูกค้าพึงพอใจ)... "ที่เราทำได้ก็เพราะอาศัยประสบการณ์จากชีวิตจริงและคอยเรียนรู้สิ่งใหม่ๆด้วยตัวเองอยู่เสมอ" แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 53 20:56:43 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 20:52:12

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่ามันขึ้นกับสาขาวิชาจริงๆครับ ถ้าเป็นด้านเทคโนโลยีหรือคอมพิวเตอร์ก็ควรลองหาทางไปต่อต่างประเทศ หาอาจารย์ที่ปรึกษาที่ทำวิจัยจริงจัง จะมีโอกาสเปิดหูเปิดตาได้สูงมากครับ เช่นทำวิจัยให้ JPL Lab (ที่ส่งมาร์สโรเวอร์ไปดาวอังคาร) หรือกับกระทรวงกลาโหมอเมริกาก็มีเยอะ ทำป.เอกในไทยก็มีข้อดี คือได้รู้จักอาจารย์และเพื่อนๆป.เอกด้วยกัน คนเรียนป.เอกและคนในแวดวงวิชาการในไทยมันก็ไม่ได้มีเยอะนะครับ ทำงานวิจัยให้ดี แป๊ปเดียวก็รู้กันทั้งวงการว่าคุณเชี่ยวชาญด้านไหน ถ้าต้องการความเชี่ยวชาญทางภาษาอังกฤษ การเรียนป.เอกไม่ใช่คำตอบครับ กลับกันถ้าคุณไม่ชำนาญภาษาอังกฤษ จะลำบากมากในการเรียนป.เอก(ทั่วไปที่ไม่ใช่ด้านภาษา) จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 21:04:51

ความคิดเห็นที่ 10   ขอแย้งคุณชาวจีนศึกษานิดนะครับที่ว่า "แต่ถ้าจบ ป. เอก สาขาภาษาและวรรณคดีจีน จากมหาวิทยาลัยในประเทศจีน เก่งภาษาจีนมากๆ แต่ภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่องเลย แบบนี้ไม่เป็นไรครับ เพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่ "สะพาน" ในการค้นคว้าวิจัยในสาขาดังกล่าว" ผมว่าไม่ใช่นะ จริงๆแล้วภาษาอังกฤษต่างหากที่เป็นสะพาน ทั้งในการค้นคว้าวิจัยและการเผยแพร่งานวิจัย สิ่งตีพิมพ์ เช่น เจอร์นัลวิชาการที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ เพราะว่ามันเป็นภาษากลางที่ทำให้นักวิชาการสื่อสารกันได้... เช่น ถ้าศึกษาภาษาศาสตร์ภาษาจีน ก็จะมีวารสารทางภาษาศาสตร์ ทางการสื่อสาร ฯลฯ ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิจากนานาชาติ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนจีนเท่านั้น... มาตรฐานจะสูงกว่าไปตีพิมพ์ที่จีนเสียอีกในหลายๆกรณี เหมือนเปรียบเทียบ วารสารไทยศึกษา หรือวารสารอักษรศาสตร์ กับพวก journal of asian commumication, etc จากคุณ : texanprof เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 22:34:33 A:118.174.106.46 X: TicketID:277572

ความคิดเห็นที่ 11   เรื่องภาษาอังกฤษ อยู่เมืองไทยก็ฝึกกันได้ครับ ยิ่งถ้าคุณได้รับมอบหมายให้ติดต่อกับต่างชาติ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ฝึกฝนไปในตัว เรียนนอก เรียนไทย ขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียน และ อาจารย์ที่ปรึกษา ฝรั่งเก่งๆหลายคน แต่เวลาบรรยาย แล้วคนฟังไม่รู้เรื่องก็มี คนไทยเก่งๆก็เยอะครับ แต่มีข้อจำกัดที่สำคัญ เรื่อง งบวิจัย ทำให้ประสบการณ์ในงานวิจัย โดยเฉพาะทางวิทย์เทคโน อาจจะน้อย จากคุณ : no login เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 03:53:13 A:80.118.75.96 X: TicketID:221104

ความคิดเห็นที่ 12   ขอบคุณคุณ texanprof ที่มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ ถ้าในเชิง "เผยแพร่" งานวิจัยด้านจีนศึกษา ใช่ครับ การลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการภาษาอังกฤษจะเป็นสะพานเชื่อมไปยังวงวิชาการที่กว้างขวางมากขึ้น แต่ถ้าในเชิงการ "ค้นคว้าวิจัย" ด้านจีนศึกษา (เช่น วรรณคดีจีน) คงต้องอาศัย original text ภาษาจีนเป็นหลัก เช่น จะศึกษาการใช้ภาษาจีนในวรรณกรรมเรื่องซีโหยวจี้ (ไซอิ๋ว) ก็คงต้องไปอ่านไซอิ๋วฉบับภาษาจีน จะไปอ่านฉบับแปลเป็นอังกฤษคงไม่ได้ แต่กระน้้น ก่อนทำวิจัยจะต้องมีการทบทวนวรรณกรรม ซึ่งก็ควรทบทวนงานที่ศึกษาเกี่ยวกับไซอิ๋วในโลกภาษาอังกฤษด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่าในโลกนี้เขาศึกษาไซอิ๋วกันไปถึงไหนแล้ว แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 53 07:39:58 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 07:38:59

ความคิดเห็นที่ 13 แต่ถ้าเราคิดจะเรียน ดร. เราก็อยากรอบรู้ในด้านที่เราศึกษา อยากจะอ่านอะไรในเรื่องที่เราศึกษาเยอะๆ ซึ่งส่วนใหญ่มันเป็นภาษาอังกฤษนี่คะ ไม่ได้ว่าจบนอกหรือไทยดีกว่า ไม่ได้ว่า ดร.ต้องเก่งอังกฤษ แต่ในกระบวนการให้ได้มาซึ่ง ดร. มันก็น่าจะทำให้เก่งภาษาอังกฤษขึ้นอยู่เอง จริงไหมคะ เหมือนจบ ป.โท ส่วนใหญ่ก็จะต้องทำวิจัยเป็นอะค่ะ จากคุณ : หน้าตาเหรอหราเชียวนะเรา เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 53 23:03:04

ความคิดเห็นที่ 14 น่าจะดูผลสำเร็จของงานมากกว่า จากคุณ : mrdew เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 04:53:19

ความคิดเห็นที่ 15 การศึกษาระดับ ปริญญาเอก หลักสูตร   -DOCTOR OF ORGANIZATION DEVELOPMENT  AND TRANSFORMATION  (DODT) -DOCTOR OF ORGANIZATION DEVELOPMENT  IN  SCHOOL  ADMINISTRATION  (DODSA) การศึกษาระดับปริญญาเอก   ระยะเวลาศึกษา  2 -  5 ปี (3 ภาคเรียน ต่อปีการศึกษา) วิธีการเรียนการสอน   ( สำนักงาน กพ. ประเทศไทย รับรองคุณวุฒิ) 1) นักศึกษาทุกท่านเป็นนักศึกษาต่างชาติ(Foreigner  Student) ของมหาวิทยาลัยโดยมี เอกสาร Special study permit(SSP) ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (Bureau of Immigration) ของประเทศฟิลิปปินส์ออกให้ เพื่อเป็นการยืนยันการเรียนเต็มเวลา และรับรองวิทยฐานะคุณวุฒิการศึกษา จะได้เมื่อสำเร็จการศึกษา 2) Cebu Doctors’ University  ได้รับการรับรองสถานะเป็น Autonomous Status ซึ่งผู้สำเร็จการศึกษาได้รับการรับรองอัตโนมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (CHED) ของประเทศฟิลิปปินส์ 3) นักศึกษาจะต้องเดินทางไปเรียน รับฟังบรรยายรายวิชา จากอาจารย์ สอบ และรับปริญญาที่มหาวิทยาลัย อย่างน้อย 5 ครั้ง ครั้งละ 5 วันตลอดหลักสูตร 4) มีการทดสอบแต่ละวิชาตลอดหลักสูตร และได้รับการประเมินผลตามหลักเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย 5) การทำดุษฎีนิพนธ์ นักศึกษาต้องดำเนินการทำการวิจัยในองค์การที่ท่านทำงานอยู่ หรือองค์การใดองค์การหนึ่งที่ท่านได้รับอนุญาต และต้องผ่านการสอบตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย คุณสมบัติของนักศึกษา จบปริญญาโททุกสาขาวิชา   ทดสอบภาษาอังกฤษ  ด้วยข้อสอบของมหาวิทยาลัย เพื่อจัดลำดับพื้นฐานทางภาษา หรือเรียนเพิ่มเติม เอกสารการรับสมัคร 1) สำเนา  Transcript  ป.โท     จำนวน   2 ชุด 2) รูปขนาด 2×2  นิ้ว  (ชุดสุภาพ) จำนวน 3 รูป   3) สำเนา    Passport   (Update ) จำนวน 2  ชุด 5) สำเนาทะเบียนบ้านภาษาไทย จำนวน 1 ชุด     ภาษาอังกฤษ จำนวน 1 ชุด 6) เอกสารรับรองการเงินทางธนาคาร   จำนวน 1 ชุด 7) หนังสือรับรองความประพฤติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตัวจริง) จำนวน 1 ชุด ค่าธรรมเนียมในการศึกษาระดับปริญญาเอกหลักสูตร  DODT และ DOD-SA ภาคเรียนที่ 1 ชำระครั้งแรกเมื่อสมัคร จำนวนเงิน    98,000 บาท ภาคเรียนที่ 2-6 ภาคเรียนละ79,900 จำนวนเงิน  399,000 บาท            รวมทั้งสิ้น  จำนวนเงิน  497,500 บาท รวมค่าธรรมเนียมดังนี้แล้ว - Special Study Permit (SSP) - Entrance Free - Hearing proposal - Defence Dissertation - Comprehensive Examination - Graduation  Ceremony ไม่รวมค่าธรรมเนียมดังนี้ -Textbooks about 10,000  baht - ค่าชุดครุย 3,000 บาท - ค่าภาษีสนามบิน 1,150  P. (Manila-Cebu=200P.,Cebu-manila=200P.,Manila-Bangkok=750P.) -Ticket +  Hotel  about   23,000  bath / 1 time (5 ครั้งรวมไปรับปริญญา ) - ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เช่น การส่งงาน/ข้อสอบไม่ตรงที่กำหนด (ถ้าเป็นไปตามกำหนด ไม่เสียค่าใช้จ่ายนี้) - ค่าสัมมนา และประชุมทางวิชาการในประเทศไทย - ค่ารับรองเอกสาร โดยสถานกงสุล ฉบับละ 200 บาท - ค่ารับรองเอกสารโดยสถานทูตฟิลิปปินส์ (ติดริบบิ้น) ฉบับละ 1,125 บาท ดำเนินงานโดย บริษัท โปรเฟสชั่นนอล เวิลด์ไวด์ เอ็กดูเคชั่น จำกัด เลขที่ 13 ลาดพร้าว 101 ซอย 36(นิรันดร์คอนโด) ถ.ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ โทร 089-0459769, 084-1239125 E-Mali : tdcthai@hotmail.com , soontos@yahoo.com, ProWe ให้การดูแลแนะนำ 1. เตรียมพร้อมให้ผู้เรียนมีความพร้อม โดย จัดสัมมนาให้กับนักศึกษา      ก่อนเดินทางไป เรียนที่มหาวิทยาลัย     2. เป็นพี่เลี้ยงในการทำวิจัยในองค์การ     3. จัดกิจกรรมเสริมความรู้ด้านการพัฒนาองค์การ จากคุณ : ProWe (ชาวทุ่ง) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 21:42:56