ความคิดเห็นที่ 1 สิ่งแรกที่ควรจะปรับเปลี่ยนคือ เปลี่ยนค่านิยมและปลุกฝังเด็กๆ ให้รุ้จักคำว่าสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบก่อน แค่ 3 คำนี้ ให้รู้จักก่อน ถ้านักเรียนรู้จักสิทธิของตัวเอง นักเรียนจะไปโรงเรียนทุกวันโดยไม่อิดออด หรือมีข้อแม้ใดๆ เมื่อรุ้จักใช้สิทธิืของตัวเอง ก็ให้รู้จักหน้าที่ด้วย หน้าที่ของนักเรียนคืออะไร ต้องทำอะไรบ้าง เมื่อรู้จักหน้าที่ ก็จะต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองด้วย .... ถามว่าวันนี้นักเรียนรู้จักหน้าที่ของตัวเองดีกันหรือยัง... ถามว่าเป็นหน้าที่ใครที่ควรจะปลูกฝัง แค่ครู หรือคนที่อยู่ในวงการศึกษาเท่านั้นหรือ .... "ทุกคน" มีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกันทั้งหมดค่ะ เพราะอะไร... เด็กเรียนไม่รุ้เรื่อง ก็โทษครู โทษระบบการศึกษา ถามพ่อแม่เด็กสิว่าบางคนรู้มั้ยว่าลุกตัวเองอยู่ชั้นไหนแล้วปีนี้ มีพฤติกรรมอะไรบ้าง เด็กบางคนอยุ่บ้านเรียบร้อย แต่พอมา รร ก้าวร้าว สารพัด ด่าครู ใช้คำที่มีชื่อสัตว์สงวนออกมาพูดใส่ครู การที่จะฝึกให้เด็กรู้จักกาลเทศะ รุ้จักน้อบน้อม แค่ครุเท่านั้นหรือ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ญาติพี่น้อง อบรมไม่ได้เลยหรือ ระบบการศึกษามันแยกย่อยออกมาอีกค่ะ ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ที่สังคมก่อน ต่อให้ระบบการศึกษาดีแค่ไหน มันก็พัฒนาได้ไม่ดี หากสังคมยังมองว่าแค่ครุ แค่คนที่อยู่ในวงการศึกษาเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบ หากตัวเองยังสอนลูกตัวเองให้ดีไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรจะให้คนอื่นมาสอนลูกตัวเองให้ได้ดี ก่อนจะโทษใคร ลองมองดูสิ ตัวเองได้ทำอะไรบ้างหรือยัง ก่อนที่จะบอกว่าเป็นหน้าที่ใคร ลองมองดูสิ ว่าทำไมเราถึงไม่ทำ อย่ามาโยนว่าเป็นหน้าที่ครู หากวันนี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังสอนลุกตัวเองไม่ได้ มันเป็นหน้าที่ของคนทุกคนที่จะต้องช่วยกัน เพราะต่อไปเด็กๆ พวกนี้ก็จะมาพัฒนาประเทศต่อจากเรา สิ่งที่ จขกท มอง ดิฉันในฐานะเป็นข้าราชการครูชั้นผู้น้อย มองว่ามันยังเป็นเรื่องเล็กๆ ค่ะ อย่างที่ดิฉันบอกหากเด็กรุ้และเข้าใจคำ 3 คน "สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ" ทุกๆ อย่างมันจะไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้ แต่เด็กจะใช้เสรีภาพ และอิสระภาพมากกว่าที่จะใช้ "สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ" ที่เด็กทุกคนพึงกระทำ คนที่ปลุกฝังคนแรกคือ ครอบครัว แล้วถึงจะมาครู และสังคม ทุกคนในสังคมต้องร่วมมือกัน.... เพราะหากไม่ร่วมมือกัน ไม่มีจิตใต้สำนึกที่ดีร่วมกัน มันก็ไม่สามารถพัฒนาให้ดีได้ ดิฉันมองมุมนี้ก่อน มุมอื่นก็ค่อยว่ากันอีกทีค่ะ รอท่านอื่นมาต่อละกันค่ะ เพราะจะแค่มถมเดียวมันคงได้ไม่ทั้งหมด จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 53 11:56:28

ความคิดเห็นที่ 2 แก้ไม่ได้หรอก เหตุผลมันโยงกันเป็นลูกโซ่ ปัญหามันฝังรากลึกเข้าไปในระบบสังคมและค่านิยมของคนไทย เช่น 1. เด็กเรียนมากเกินไปเพราะ corruption นั่นก็คือคนเป็นใหญ่ในแวดวงการศึกษาอนุมัติหนังสือเรียนที่ผู้จัดทำยัดเงินใต้โต๊ะให้มากเล่มเกินไป กลายเป็นเด็กต้องรัีบกรรมเรียนมากเกินไป จนไม่เก่งจริงสักวิชา ก็เพราะ corruption นี่แหละ 2. การกดขี่แรงงาน ในประเทศอังกฤษกรรมกรก่อสร้างมีทางรวยเป็นเศรษฐีได้ ก็เลยใครเีรียนไม่เก่งก็ไปทำงานก่อสร้าง แล้วปล่อยให้คนเรียนเก่งๆไปเรียนมหาลัยแล้วออกมาทำงานระดับบริหาร ก็เลยไม่ต้องมีมหาลัยแบบเรียนยังไงก็จบให้คนเรียนไม่เก่งเรียนกัน แต่ในเมืองไทยมีการกดขี่แรงงาน ดังนั้น จึีงต้องมีมหาลัยแบบเรียนยังไงก็จบออกมารองรับเพื่อไม่ให้คนไทยหลายๆคนต้องเป็นกรรมกร ก็เลยมีคนไทยจบปริญญาเอกจากมหาลัยพวกนี้แต่สมองกลวงคิดอะไรสร้างสรรค์ไม่เป็นออกมาเดินแอ่นอกว่า "ข้าก็เป็นดอกเตอร์นะ" คนพวกนี้หลายๆคนหลุดเข้าไปบริการการศึกษา และบริหารบ้านเมืองในตำแหน่งใหญ่ๆ ปัญหาหลายๆอย่างจึงตามมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยเหตุผลที่ว่า "ชอบสวมหน้ากากเข้าหากันในสังคม แค่เพียงว่า "ข้าก็เป็นดอกเตอร์" " 3. คนเรียนไม่เก่งมุ่งไปเรียนครูกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะไม่อยากเป็นกรรมกร และก็มีมหาลัยผลิตครูที่ไม่เก่ง ให้ออกไปสอนเด็กประถมและมัธยมมากมายในแต่ละปี คนเก่งไม่อยากมาเป็นครูเพราะค่าตอบแทนน้อย   4. ประเทศไทยไม่เคยมีแนวคิดที่จะสนับสนุนคนเรียนด้วยตัวเองแล้วเก่งเป็นอัฉริยะได้แบบ Thomas Edison ทำไมไม่ลองเปิดแข่งขันการสอนวิชาอะไรก็ได้กันแบบ ใครจบอะไรหรือไม่จบอะไรก็ได้ ให้มาลงสนามแข่งกัน เขียนแผนการสอน สร้างสื่อการสอน และลงมือสอนให้ดู ประกวดกัน ใครได้คะแนนมากที่สุด (ให้คนทั้งประเทศลงคะแนนเสียงกันผ่านรายการทีวีหรือเวป) ก็ได้ตำแหน่งครูเงินเดือนสูงๆไป   ไม่ใช่กีดกันกันว่าต้องเรียนครูมาตั้งหลายปี แล้วไอ้ที่เรียนมาตั้งหลายปี แต่สอนไม่เป็น เพราะเรียนแต่ทฤษฎีแต่สมองทื่อคิดอะไรพลิกแพลงเองไม่เป็น ก็มีอยู่บานเบอะ ที่ออกไปสอนเยาวชนของชาติให้โง่ 5. ผู้บริหารการศึกษาที่อยู่ในระบบงานราชการ ส่วนใหญ่จบปริญญาเอกจากมหาลัยที่เรียนยังไงก็จบ โดยจ้างคนอื่นเขีียนดุษฏีนิพนธ์อย่างเป็นระบบ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงานส่วนใหญ่ก็เป็นระบบพวกพ้อง ระบบเด็กเส้น หรือไม่ก็ต้องซื้อตำแหน่งเสียเป็นส่วนใหญ่ ................................................................ วิีธีแก้ไขต้องแก้ด้วยการปรับเปลี่ยนระดับพื้นฐานทางด้านจิตใจเสียก่อนเป็นลำดับแรก ไม่ใช่อวดกันจะเป็นดอกเตอร์เข้ามาเปลี่ยนระบบการศึกษา ดูกะอีแค่มันเปลี่ยนระบบการสอบเ้ข้ามหาล้ัยดิ ยิ่งเปลี่ยนก็ยิ่งเละ ตราบที่ยังมี corruption ระบบเส้นสาย ระบบเด็กเส้น ระบบจัดซื้อจัดจ้างที่ฮั๊วงานกันหรือยัดเงินใต้โต๊ะกันอยู่อย่างที่เป็นอยู่แบบนี้ "ความเจริญมิมีทางที่จะบังเกิดขึ้นได้" แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 53 22:41:54 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 53 12:30:14

ความคิดเห็นที่ 3 ไปอ่านกระทู้นี้สิ น่าจะเกี่ยวข้องกับระบบการศึกษาไทยนะ คือครูไม่เก่งก็ผลิตนักเรียนนักศึกษาไม่เก่งให้ออกไปเป็นครูสอนศิษย์ให้ไม่เก่ง http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9476174/K9476174.html#2 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 53 09:31:17

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นครูที่เก่ง และมีคุณธรรม มีจรรยาบรรณ มีความเป็นครูด้วยนะคะ ไม่อยากได้คนที่เก่งอย่างเดียว แต่ไม่มีคุณธรรมในใจ อย่างอื่นเจริญ แต่จิตใจไม่เจริญตามไปด้วย มันก็ไม่แตกต่างอะไรกับปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน คนเก่งแต่คดโกง.. จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 53 13:42:55

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าควรเริ่มที่ ความอบอุ่นนะครับ ฝึกให้เด็กปรองดองกันให้ได้ทุกคน ปัญหาการกลั่นแกล้งในรร.นี่มันหนักมากนะครับ ...ไม่ได้หมายความว่ามันรุนแรงอะไรนักหนา แต่มันจะทำให้เด็กที่ถูกฝังใจ และทำให้คนแกล้งได้ใจ รวมกลุ่มรังแกคนอ่อนแอ แล้วก็ได้ฝึกทำท่าไร้เดียงสา ทำให้โตขึ้นเป็นคน2หน้า เด็กที่โดนรวมหัวกันกลั่นแกล้งน่ะ ถ้าไม่ฟ้องครูก็ไม่มีใครรู้ และถ้าฟ้องก็ยิ่งโดนหนัก ควรจัดให้มีการทำกิจกรรมร่วมกันให้มากกว่านี้สัก300เปอร์เซ็น คนเราจะได้รู้จักกัน และเห็นใจกันก็ตอนได้ร่วมทำอะไรกันนี่ล่ะครับ และกิจกรรมก็ไม่ควรเน้นที่คะแนน คนชนะ เป็นหลักเหมือนการสอบ ต่อมาก็ฝึให้เด็กได้ทำอะไรด้วยตัวเอง จะทำให้รู้สึกภูมิใจและอยากพึ่งตัวเองมากขึ้น สุดท้ายก็เรื่องครู ควรคัดกันให้ดีๆ แล้วก็เงินเดือนครู น้อยนิดแล้วใครเขาจะอยากเป็น มีแต่เศษเหลือที่ตกงานมาเข้า แล้วแบบนี้ก็คงหาดีได้ยาก จากคุณ : TiXiT เขียนเมื่อ : วันภาษาไทยแห่งชาติ 53 00:02:56