|
ความคิดเห็นที่ 16 |
^ ^ อ้ากลับมาแล้ว หายไปตั้งนานเป็นห่วง ที่แท้สบายดีแต่คอมพิวเตอร์ป่วยนี้เอง
เราก็ใช้คอมพิวเตอร์เข้าเน็ตไม่ได้ไปตั้งหลายวันแน่ะ เพราะทำ notebook พัง เหลือแค่ desktop เครื่องเดียวซึ่งจำเป็นต้องรื้อระบบใหม่หมดเลย
เราติดตั้ง operating system ใหม่หมด และทดสอบ software ดีๆไปตั้งหลายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวที่ใช้ back up ข้อมูลที่สำคัญๆ อีกทั้งติดตั้ง dictionaries ที่เป็น software ไว้เรียนภาษาอังกฤษอีกตั้ง 20 กว่ายี่ห้อบนเครื่องเรา
ตอนนี้เรา download ebooks, video clips และ software ดีๆที่ช่วยเรื่องการเรียนรู้ศาสตร์ใหม่ๆได้อีกเพียบ ก็เกิดอาการ paranoid ว่าจะพลาดท่าทำข้อมูลพังพินาศเหมือนเมื่อเคยมาแล้ว
พอติดตั้งทดสอบระบบและ software อย่างเมามันไปสำเร็จเรียบร้อยอย่างงดงามไปแล้ว เราก็ถือโอกาสทำ housekeeping (ดูแลรักษาระบบและ reorganize ข้อมูล) ไปอีกตั้งหลายวัน ทำให้เริ่มมองเห็นความเสี่ยงอย่างรุนแรงของการมีชีวิตอยู่โดยมีคอมพิวเตอร์เหลือใช้งานได้เพียงแค่เครื่องเดียวอ้ะ...แต่จริงๆแล้วก็เสี่ยงไม่ค่อยมากนักเนื่องจากช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ทำงานแปลชิ้นใหญ่ๆสำคัญๆมากนัก ถ้าเครื่องพังไปแล้วจำเป็นต้องทำงานด่วนก็วิ่งไปเช่าเครื่องที่ร้านเน็ตได้เพราะแถวๆบ้านเราหาร้านเน็ตเปิดได้ 24 ชม. ขออย่าให้ัข้อมูลหายเป็นใช้ได้...
เรื่อง The Bible กับพลังของ The Creator นี่น่าสนใจมากนะ เมื่อสมัยเด็กๆเราอ่านหนังสือกำลังภายในแล้วบ้าไปเรียนมวยจีน ฝึกๆไปก็ไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าไหร่ เพราะเราหลงเข้าใจผิดคิดว่า qi (กำลังภายใน) เป็นสิ่งที่ผู้ฝึก qi gong (วิชากำลังภายใน) สร้างและสะสมมันในร่าง แต่ครั้นพอเราอายุมากเข้า เราอ่านหนังสือ The Secret ของ Rhonda Byne แล้วเรียนรู้เรื่อง The Law of Attraction จนปลายนิ้วมือเรามีแรงดึงดูดให้ ebooks กับ video clips ดีๆเรื่องศาสตร์เร้นลับตั้งมากมายวิ่งเข้ามาหาตัวเรา จนในที่สุดเราก็รู้ว่า qi (กำลังภายใน) แท้จริงแล้วเป็น universal force เป็นพลังของ The Creator มนุษย์ไม่ได้สร้าง qi แต่ The Creator สร้าง qi (ซึ่งเป็นพลังจักรวาล) และมนุษย์เอา qi มาใช้ประโยชน์นั่นเอง
การทำจิตให้สงบแล้วส่ง qi แผ่กระจายออกไปคลุมจักรวาล เป็นการสื่อสารพลังในร่างมนุษย์กับพลังของ The Creator เป็นเหมือนการ recharge battery (ในที่นี้คือ battery ที่จ่าย life force ซึ่งเป็น vitality) เราฝึกๆสมาธิไปแล้วจัดแนวปล้องกระดูกสันหลังเราให้เข้าแนวธรรมชาติ จนกระดูกสันหลังเรายืดหยุ่นอย่างน่าประหลาด ทำให้เรารื้อฟื้นพลังมารักษาอาการป่วยเราได้
cousin เรา (ลูกสาวน้องชายพ่อ) มาดูแลพ่อเราหลังจากแม่เราเสีย เราได้ยินเธอพูดโทรศัพท์กับเพื่อนว่า
"ฉันมาดูลุงที่อายุ 87 กับลูกชายลุง ที่อายุ (แฮ่ๆๆไม่อยากบอก)...น่าสงสารนะ คนแก่ทั้งคู่"
และแล้วเธอหันมาดูเราฝึกมวยจีนยืนขาเดียวท่่างู (ลองทำตามพระเอกในหนังเรื่อง The Karate Kid 2010) แล้วเราออกอาวุธหลายๆชุดอย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่น และทรงพลัง (เราได้พลังสมัยเป็นหนุ่มๆกลับมาก็เพราะว่าเราทำกระดูกสันหลังให้ยืดหยุ่นได้สำเร็จนี้เอง) cousin เราพอมองเราฝึกวรยุทธ์แล้วทำหน้าเจื่อนๆ เหมือนกับจะรับรู้ว่า
"แท้จริงแล้วใครดูแลใครกันแน่"
แม่เราตายก็เพราะ spinal misalignment (กระดูกสันหลังเอียงผิดแนวธรรมชาติ) นี่เอง หมอไม่เคยรักษาที่ต้นตอ แต่กลับมุ่งรักษาโดยทำลายอาการ ให้ยาแรงๆอย่างต่อเนื่องทำศัลยกรรมตัดต่ออวัยวะ จนแม่เรามีโรคแทรกซ้อนมากมายถึงตายในที่สุด
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราป่วยเหมือนแม่เรากระดูกสันหลังเราปวดจนแทบจะร้าว ขยับร่างก็ปวดเพราะ sciatica (หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท) และขาขวาเราเกือบจะพิการ (เดินไม่ได้) เหมือนๆกับขาซ้ายแม่ที่พิการ (เพราะกระดูกสันหลังเอียงกันคนละทาง) หมอต้องผ่าตัดขาแม่...
โชคดีแท้ๆที่เราไปเจอหน้ังสือ The Secret ของ Rhonda Byrne พออ่านๆไปเราเริ่มรู้ว่ามันมีพลังอันมหัศจรรย์ที่ปราชญ์โบราณรู้วิธีนำมันมาใช้ จากนั้นเราจึงเปิดคัมภีร์กำลังภายในของนักพรตเต๋าเพื่อฝึกใหม่อีกรอบหนึ่ง คราวนี้เราแค่ฝึก meditation กับฝึก relaxation อยู่ดีๆปล้องกระดูกสันหลังเราลั่นเสียงดังเพี๊ยะๆ (เหมือนในนิยายกำลังภายใน) จนมันกลับเข้าแนวธรรมชาติได้ และเราหายป่วยจากทุกอาการ อีกทั้งได้พลังวรยุทธ์เราเมื่อสมัยอายุ 30 กว่าๆกลับคืนมาอย่างน่ามหัศจรรย์ จนในที่สุดเรากลายเป็นเริ่มสนใจในเรื่องพลังของ The Creator และ The Bible มากๆเลยหละ
การได้สุขภาพอันดีเยี่ยมกลับคืนมานี้ มันก็มีสิ่งที่แย่ๆตามมา นั่นก็คือ เรากลายเป็นตัณหากลับอ้ะ ตอนนี้ (ขณะที่เป็นผู้สูงอายุ) เรากลายเป็นมีสมรรถภาพทางเพศ และมีความต้องการทางเพศมากว่าสมัยเราเป็นหนุ่มๆอีกตั้งหลายเท่า (เพราะการฝึกคัมภีร์โบราณของนักพรตเต๋าเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิต sex hormones ในปริมาณที่มากกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วๆไป) แต่เราก็พยายามเปลี่ยน sexual energy ของเรา ที่มีมากเกินพอ ให้กลายเป็นพลังแห่งการเรียนรู้ หรือที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า sublimation นั่นเอง
ตอนนี้เรากลายเป็นเรียนศาสตร์อะไรใหม่ๆได้รวดเร็วกว่าสมัยตอนเป็นเด็กๆในวัยเรียนมากๆ วันๆเราได้แต่ท่องเน็ตแล้วไปสอยเอาตำราแปลกๆใหม่ๆมาศึกษา ซึ่งมันก็เพลินดีเหมือนกัน...
คำสอนของเต๋าซึ่งเป็นศาสนาที่เรานับถือเข้ากับแนวคิดของคริสต์ได้เป็นอย่างดี
May God be with you all.
แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 53 20:56:13
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ส.ค. 53 20:47:12
|
|
|
|
|