ความคิดเห็นที่ 1 นับตั้งแต่เจ้าสีโคตรแห่งเมืองพระตะบอง(เข้าใจว่าเป็นเมืองศรีโคตรบองในปัจจุบัน)สาปเวียงจันทร์ไว้เมื่อคราวนั้นเวียงจันทร์ก็ไม่เคยสุขสบายเกิดเป็นกาลกุลียุกต์อยู่เรื่อยตลอดมา....   ใครพอมีความรู้เรื่องนี้ช่วยไขความด้วยนะครับ แต่พอรู้มาอย่างว่า คนที่จะทำให้เวียงหายพ้นคำสาปอะก็มีหลายคนหลายตำนาน บ้างก็ว่า  ท้าวลิ้นก้าน บ้าง หรือว่า ปรากฏการ ช้างเผือก หินฟู งูใหญ่  บ้าง รบกวนหน่อยนะครับ จากคุณ : ลาวนอกฮักลาวใน (เขียวค้อม) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 11:57:15

ความคิดเห็นที่ 2 เพ่งได้มาให้บอกไว้ว่า     เมื่อไหร่ที่สามพญาเซ่าซนซ่าง ลาวกะสิหายโสกเส่าทุกัวเมือง แล้วสามพญานี้คือใครบ้างละครับ จากคุณ : ลาวในฮักลาวนอก (เขียวค้อม) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:04:17

ความคิดเห็นที่ 3 คำสาปท้าวศรีโคตรบอง เวียงจันทน์ล้านช้าง อย่าให้ฮุ่งเฮืองศรี คนบ่มีสีลธรรม อยู่คองเมืองบ้าน ผู้ใดมาครองสร้าง ปกครองตุ้มไพร่ ขอให้ฮุ่ง เพียงช้างพับหู ฮุ่งเพียงงูแลบลิ้น ศรีโคตรสาปแช่งเวียง ตำนานท้าวศรีโคตรพระตบองเพชรสาปแช่งเวียงจันทน์บ่ให้ฮุ่งเฮือง เป็นตำนานที่ถืกเล่าขานกันมาเป็นเวลาช้านาน สาเหตุที่ทำให้ท้าวศรีโคตรสาปแช่งเวียงจันทน์นั้นมีเรื่องเล่าสืบมาดังนี้ กาลครั้งหนึ่ง เมืองเวียงจันทน์เกิดเดือดฮ้อน มีช้างป่ามาบุกรุกทำลายไฮ่นาฮั้วสวน เครืองปลูกของฝัง ตลอดบ้านเฮือนของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน เจ้าเมืองเวียงจันท์จึงประกาศหาคนดีมาผาบช้าง ใผผาบได้จะได้ฮับพระราชทานพระราชธิดาแห่งเวียงจันทน์เป็นคู่ครอง ท้าวศรีโคตรผู้มีอาวุธวิเศษเป็นพระตะบองเพชร ผู้มีวิชาเก่งกล้าหาใผเปลียบเทียบบ่ได้ ก็รับอาสาผาบช้าง และก็ผาบช้างได้สำเร็จอี่หลี พระเจ้าแผ่นดินจึงพระราชทาน “เจ้านางเขียวข่อมเทวี” พระราชธิดาให้แก่ท้าวศรีโคตร แล้วสร้างเรือนหิน (ปราสาท) ให้อยู่ ) ต่อมาพระเจ้าเวียงจันท์อย้านว่าท้าวศรีโคตรจะแย่งราชบัลลังก์ จึงใช้อุบายต่างๆ เพื่อที่จะกำจัดท้าวศรีโคตร แต่บ่สำเร็จ เพราะท้าวศรีโคตร ฟัน แทงบ่เข้า จึ่งฆ่าบ่ตาย พระเจ้าเวียงจันทน์จึงคิดอุบายขึ้นโดยหลอกถามจากธิดาของตนว่า “ด้วยเหตุใดหนอท้าวศรีโคตรจึงเป็นคนเก่ง และฆ่าบ่ตาย” พระธิดาบ่ฮู้เล่กลของพระราชบิดา ในวันหนึ่งจึงถามท้าวศรีโคตรว่า “เจ้าอ้ายเป็นคนเก่ง ใผฆ่าก็บ่ตาย น้องอยากฮู้ว่าเจ้าอ้ายมีดีอันใดหนอ?” ท้าวศรีศรีโคตรบ่ฮู้ถึงภัยจะเกิดกับตนเพราะความฮักเมีย จึงเล่าเรื่องสมัยบวชเป็นสามเณรให้เมียฟังว่า ที่ตนมีพลังสามารถผาบช้างได้นั้น ก็เพราะครั้งหนึ่งได้หุงข้าวถวายหลวงตา ได้หักเอาไม้ดิบมาคนหม้อพาให้ข้าวนั้นกลับกลายเป็นสีดำ หลวงตาใจฮ้ายจึงสั่งให้เณรศรีโคตรฉันข้าวหม้อนั้นเพียงผู้เดียว ภายลุนมาจึงทำให้เณรศรีโครตมีพลังช้างศาล อีกทั้งแทงบ่เข้าจึงฆ่าบ่ตายด้วยหอก ดาบ เมียก็ถามต่อไปว่ามีทางใดบ่ที่คนอื่นจะฆ่าเจ้าอ้ายให้ตายได้ ท้าวศรีโคตรบ่คิดว่าเมียจะสามารถฆ่าตนได้ลงคอจึงตอบไปว่า “เข้าทางฮูเก่า(ทวาร)เท่านั้นก็ตายดอก” พระธิดาจึงนำความไปเล่าให้พระบิดาฟัง พระบิดาทราบจึงหาอุบายที่จะฆ่าท้าวศรีโคตร โดยเชิญท้าวศรีศรีโคตรไปรฮ่วมเสวยอาหารที่ท้องพระโรง และใกล้ ๆ บริเวณท้องพระโรงได้ทำห้องบังคลหนัก(ส้วมถ่าย) โดยได้วางยนต์หอกในส้วมถ่ายนั้น พอเสวยเสร็จและท้าวศรีโคตรเข้าห้องบังคลหนัก ยนต์หอกก็ทำงาน คือหอกก็แล่นขึ้นทางฮูเก่า เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ แต่ท้าวศรีโคตรบ่ตายทันที และท้าวศรีโคตรได้ทราบว่าเสียฮู้ผู้หญิงแล้ว จึงเหาะกลับเมือตายที่เมืองศรีโคตรพระตะบอง ก่อนตายได้สาบแช่งเมืองเวียงจันทน์ว่า "ให้ฮุ่งเพียงช้างพับหู เพียงงูแลบลิ้น" เพราะคนเวียงจันทน์เป็นคนบ่มีสัจจธรรม ขนาดว่าท้าวศรีโคตรผาบช้างให้แล้ว ยังหาวิธีกำจัดให้ตายได้ลงคอ ตำนานหรือนิทานท้าวศรีโคตรนี้ ยังมีคนแต่งเพิ่มเติมขึ้นอีกเป็นตำนานติดต่ออีกหลายเรื่อง เช่นตำนานเมืองอุบล เล่าโดยคุณพ่อบำเพ็ญ ณ อุบล ซึ่งคุณพ่อบำเพ็ญ บอกว่า เป็นอีกตำนานหนึ่งที่มีการบอกเล่าโดยที่คุณพ่อเป็นผู้รับฟังมาจากชาวบ้าน ที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เรื่องราวก็มีเนื้อหาสาระในทำนองเดียวกันกับที่เล่ามา แต่มีเรื่องเพิ่มเติมว่า... ต่อมานางเขียวข่อม ผู้เป็นเมีย คิดถึงสามีจึงตามหาสามี จนกระทั่งมาถึงแม่น้ำมูล บริเวณดงอู่เผิ้ง จึงหยุดพัก และประชวรพระครรภ์ เมื่อประสูตรลูกออกมาแล้วบ่สามารถนำลูกไปด้วย จึงอธิษฐานขอฝากลูกกับเทพยดาที่ต้นยาง โดยขอให้ปกปักรักษาลูก ต้นยางที่ขอ ได้โอนอ่อนลงมา จึงผูกอู่ไว้ที่ปลายยาง แล้วเอาแหวนทองใส่ไว้ จากนั้นต้นยางก็ตั้งขึ้นเหมือนเดิม กาลต่อมาพระเจ้าแผ่นดินเมืองจำปาสักมาล่าสัตว์ จนกระทั่งมาถึงดงอู่เผิ้ง ได้ยินเสียงเด็กน้อยฮ้องไห้ที่ปลายยาง ด้วยความบ่แน่ใจจึงอธิษฐานจิตว่าถ้าเป็นผีให้หนีไป ถ้าเป็นคนขอให้กิ่งง่าต้นยางโอนออ่นลงมาจะนำไปเลี้ยงเป็นบุตร พออธิษฐานเสร็จ ต้นยางก็โอนอ่อนลงมา เห็นแหวน ผ้า เด็ก จึงนำไปเลี้ยงที่เมืองจำปาสัก เมื่อกุมารโตเป็นหนุ่ม จึงพามาตั้งเมืองให้อยู่ตรงที่พบอู่ เรียกว่า เมือง”อู่บน” กุมารนั้นให้นามว่า “เจ้าปทุม” เจ้าปทุมเป็นลูกเจ้าศรีโคตร (เมืองพระตะบอง) และนางเขียวข่อม มีอาวุธคือไม้ค้อนตระกูลเมืองอุบล เจ้าเมืองต่อมาจึงชื่อว่า พระพรหมราชวงศา คุณพ่อบำเพ็ญ เล่าต่อไปว่า ปัจจุบันในจังหวัดอุบลราชธานี ยังมีนางเทียม (คนทรงเจ้า) ของท้าวศรีโคตร และนางเขียวข่อม นางเทียมจะจัดการบวงสรวงทุกปี ที่บ้านนางเทียม ผู้ที่เป็นนางเทียมชื่อคุณยายขุม บ้านอยู่หน้าวัดพลาเพล โดยจะมีการทำบุญประมาณเดือน 6 ตรงกับ วันที่ 12 เม.ย. ของทุกปี จะมีการเข้าทรงบวงสรวงเจ้าบ่าวจำปาที่บ้านคุณยายทองม้วน ณ อุบล (แสงอร่าม) บ้านบุ่งกระแทว (เจ้าบ่าวจำปาเป็นมเหศักดิ์ตระกูลของคุณยายทองม้วน) จากคุณ : ขอสันติเกิดแก่ลาว (เขียวค้อม) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:09:11

ความคิดเห็นที่ 4 หากเราย้อนอ่านประวัติศาสตร์ลาวก็จะพบว่านับแต่เจ้าชีวิตลาว ทรงย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมาเป็นเวียงจันทร์ ลาวก็ยิ่งเกิดการกลียุคอยู่เรื่อยตลอดมา เป็นเมืองขึ้นพม่าบ่าง ของไทย บ้าง แกวบ้าง จนในที่สุดก็แตกออกเป็นสามฝ่ายไปในที่สุด    และเมื่อฟรั่งเข้ามามีอำนาจเหนือดินแดนลาว ฝรั่งก้เอาเวียงจันทร์เป็นเมืองหลวงของลาว และมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะย้ายพระราชวังหลวงจากหลวงพระบางมาใว้ที่เวียงจันทร์แต่ได้รับการปฏิเศษจากราชสำนัก ถึงกระนั้นหอคำ(ปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานประเทศ ซึ่งประธานประเทศไม่เคยพักที่นั้นเลย)ก็ถูกสร้างขึ้นทับที่ดินพระราชวังเดิมเวียงจันทร์!!! จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:21:50

ความคิดเห็นที่ 5 ครั้งหนึ่งที่คณะทหารอเมริกา กราบทูลให้เจ้ามหาชีวิตสว่างวัฒนา ทรงย้ายพระราชวังหลวงมาเวียงจันทร์ พระองค์ทรงตรัสว่า    "เหตุที่เราไม่ย้ายพระราชวังหลวงไปเวียงจัทร์นั้นก็เพราะประชาชนเราเชื่ออย่างนั้น" และแล้วเจ้ามหาชีวิตสว่างวัฒนาก็ทรงเป็นเจ้ามหาชีวิตองค์สุดท้ายของลาวที่เสด็จแปรพระราชฐานที่หอคำเวียงจันทร์ขณะทรงราชการแผ่นดิน จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:31:53

ความคิดเห็นที่ 6 รูปไม่ยอมขึ้นแฮะ เอาใหม่ครับ ในภาพคือ เจ้ามหาชีวิตสว่างวัฒนา และพระมเหสีคำผุย จากคุณ : เขียวค้อม (เขียวค้อม) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:34:20

ความคิดเห็นที่ 7 เจ้าชีวิตลาว พร้อมด้วยเจ้าฟ้าชายวงศ์สว่างขณะพระราชดำเนินไปยังวัดองค์ตื้อ จากคุณ : ลาวโฮมลาว (เขียวค้อม) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:39:37

ความคิดเห็นที่ 8 อันนี้พระราชวังหลวงพระบางก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองครับ จากคุณ : เขียวค้อม (เขียวค้อม) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:43:01

ความคิดเห็นที่ 9 อันนี้เป็น ราชรถที่ใช้ห้ามโกฐเจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์ จากคุณ : เขียวค้อม (เขียวค้อม) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:47:05

ความคิดเห็นที่ 10 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 53 13:30:25 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:49:16

ความคิดเห็นที่ 11 พระเมรุ จากคุณ : เขียวค้อม (เขียวค้อม) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:49:43

ความคิดเห็นที่ 12 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 53 13:30:01 จากคุณ : เขียวค้อม (เขียวค้อม) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:51:00

ความคิดเห็นที่ 13 ....และแล้วลางร้ายที่บอกเหตุราชวงศ์ก็มาถึง จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:52:05

ความคิดเห็นที่ 14 พายุฝนทำให้เศวตฉัตรล้มเพพัง จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:53:01

ความคิดเห็นที่ 15 และแล้วก็สิ้นสุดราชวงศ์ลาว จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:58:08

ความคิดเห็นที่ 16 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 53 13:30:53 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 13:01:36

ความคิดเห็นที่ 17 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้รัฐบาลเวียงจันทร์ก็เปิดโอกาส ให้ชาวลาวมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้นเรื่อยๆ คงไม่มีใครคัดค้านที่จะบอกว่า ลาวเป็นประเทศคอมมิวนิส ที่น่ารักที่สุดเลยก็ว่าได้ เห็นได้จากการส่งเสริมความเป็นตัวตนแห่งลาว ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมลาว และอย่างยิ่งพุทธศาสนาในลาว หวังและให้กำลังใจรัฐบาลลาวจะยังคงยึดกฏเหล็งแห่งศิลปวัฒนธรรมลาวให้ยังยืนข้ามผ่านวันเวลาแห่งโลกโกลาหลทั้งหลายไปได้ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 13:13:18

ความคิดเห็นที่ 18 ถึงเวณเจ้าสีโคตรจะไม่สิ้นง่ายๆแต่ก็อยากให้ชาวลาวรักกันมากๆ รักษาฮีตครองประเพณีให้มั่นคงไว้นานๆ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 13:26:54

ความคิดเห็นที่ 19 คนแก่เคยเล่าให้ฟังว่า แม้ท้าวศรีโคตะบองจะสาปแช่งเวียงฯ เอาไว้   แต่ด้วยใจที่รักเมียซึ่งมาจากเวียงฯ ก็ยังมีใจบอกวิธีแก้คำสาปเอาไว้อยู่  มีว่าฯ (จำคำผู้แก่มา)    ผิว่ามื้อไดมีพญาตาเดียวไปยืนเทิ้งหมากหินกลางน้ำของ   มวลคำสาปเทิ้งผองก่ะสิมลายสิ้นฯ" ผมสังเกตุว่าหลังจากพิธีเปิดสะพานไทย-ลาว มิตรภาพที่หนองคายเมื่อหลายสิบปีก่อน    ประเทศลาวก็ค่อยๆ เจริญขึ้นทีละนิดๆ จากคุณ : วัชรานนท์ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 17:36:10

ความคิดเห็นที่ 20 โหวต ขอรับ จากคุณ : โตนิค เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 13:35:54

ความคิดเห็นที่ 21 ได้เห็นหลายภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยค่ะ จากคุณ : vemagold เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 20:04:23

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าเป็นอย่างที่19  ว่าไว้  ก้อดีซิครับ... จากคุณ : คนบ้านสามขา101ฯ. เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 20:17:57

ความคิดเห็นที่ 23 สืบสานเล่ากันมาตามลุ่มลำน้ำโขง จากคุณ : วัชรานนท์ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:57:15

ความคิดเห็นที่ 24 อีก จากคุณ : วัชรานนท์ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:45:45

ความคิดเห็นที่ 25 พญาตาเดียว คือใครครับ  เห็นบอกเป็นนัย ๆ อิ อิ อยากทราบครับ จากคุณ : ckman เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 13:50:28

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่าผมรู้นะว่าผญาตาเดียวที่คุณ วัชรานนท์ บอกเป็นใคร ผมรักท่านมากด้วย อิอิ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ อ้อพอดีว่ามีคนบอกว่าท่านก็คือช้างเผือกในคำทำนายที่บอกว่า เวียงจันทร์จะรุ่งเรื่องถ้ามี ช้างเผือก หินฟู งูใหญ่ มาปรากฏด้วยนี้นา จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 15:18:26

ความคิดเห็นที่ 27 แล้วที่บอกว่า ไผ่ว่าเวียงจันทร์เศร้าผู้สาวเอ้ยอย่ฟ่าวว่ามันโก้บาดหล่าบักแตงซ่างน้วยปลาย แล้วอะไรคือ บักแตงซ้าง ลูกสุดท้ายละครับ เอรึว่าจะเป็นคน คนนั้นน้า..... เออไม่ต้องสนใจภาพประกอบนะครับแค่อยากลงให้มีสีสันเฉยๆครับ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 15:27:31

ความคิดเห็นที่ 28 ว่างจัง ลงรูปเล่นดี่ก่า ในภาพน่าจะช่วงสมัยรัชกาลที่ห้า ครับ ปัจจุบันบริเวณในภาพเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวงพระบางครับ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 15:38:19

ความคิดเห็นที่ 29 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 15:40:10 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 15:39:05

ความคิดเห็นที่ 30 วัดเชียงทอง ในสมัยเจ้ามหาชีวิตอุ่นคำ อูบมุ่งด้านข้าง ปัจจุบันประดิษฐานพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(รัชกาลปัจจุบัน)ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตสีสะหว่างวงศ์ เนื่องในโอกาส ฉลอง ๒๕๐๐ ปีกึ่งพุทธกาล จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 15:52:51

ความคิดเห็นที่ 31 พระบางพุทธลาวรรณ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองลาว ตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบัน จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 15:55:27

ความคิดเห็นที่ 32 รู้สึกว่าตัวเองเริ่มออกนอกเรื่องแระ แต่ไม่เปงไรขอให้ท่านผู้ที่หลงทางเสียท่าเข้ามาแยกแยะให้ออกนะครับ ไหนๆก็นอกเรื่องแระซะหน่อยละกาน ภูศรีในงานฉลอง ๒๕๐๐ ปีกึ่งพุทธกาล จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 16:02:03

ความคิดเห็นที่ 33 สมโพช พระบาง ในงานฉลอง ๒๕๐๐ ปีกึ่งพุทธกาล จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 16:04:24

ความคิดเห็นที่ 34 ขบวนแห่ในงานฉลอง ๒๕๐๐ ปีกึ่งพุทธกาล จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 16:05:48

ความคิดเห็นที่ 35 ผู้คนที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนามาร่วมฉลองในงานฉลอง ๒๕๐๐ ปีกึ่งพุทธกาล จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 16:07:05

ความคิดเห็นที่ 36 OvO หลวงพระบาง จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 16:11:03

ความคิดเห็นที่ 37 อันนี้ที่เวียงจันทร์ ผมชอบรูปนี้มากที่สุด จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 16:13:23

ความคิดเห็นที่ 38 อ้อมันเป็นโพส ครั้งแรกของผม โหวตช่วยหน่อยนะครับพี่น้อง จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 16:14:54

ความคิดเห็นที่ 39 อ้อมันเป็นโพส ครั้งแรกของผม โหวตช่วยหน่อยนะครับพี่น้อง จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 16:16:03

ความคิดเห็นที่ 40 กลับมาแบบไม่มีไครเรียกร้อง กับ เสนาบดี ล้านช้างร่มขาวหลวงพระบาง จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 16:53:13

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านไปพร้อมกับ จำลองเสียงของใครบางคนที่พูดเป็นภาษาลาว ฟังแล้วคิดถึง จัง ขอบคุณ จขทก. จากคุณ : เซียนหวย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 18:44:34

ความคิดเห็นที่ 42 ได้เปิดหูเปิดตา ครับ ขอบคุณมากขอรับ จากคุณ : โตนิค เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 19:38:42

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 21:37:11

ความคิดเห็นที่ 44 สุดยอดกระทู้เลยครับ เได้ความรู้ใหม่อีกเยอะเลย จากคุณ : kingofearth เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 23:34:48

ความคิดเห็นที่ 45 ขออนุญาตแวะไปคำทำนายอื่นๆบ้างละกานครับ         ศาสนาส่วยดินสิกวยคืออู่ ควายบักตู้เขาสั่นบ่ยาว เจ้าสาวย่างหาผัว เจ้าหัวย่างหาเงิน  จั่งสิมีน้อมาใซ่ ภาพประกอบ คือ วัดใหม่ฯ เมืองหลวงพระบาง แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 53 11:40:19 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 11:38:52

ความคิดเห็นที่ 46 ขออนุญาต ลงคำแก้กลอนของอาจารย์ศรีสะท้าน จากบ้านมหานะครับ    ศาสนาบ่ได้ส่วยงัวควายยังคือเก่า มีแต่คนนั่นละเจ้าพาส่วยอวยลง มีแต่ปงว่างถิ่มลืมลาป๋าจาก องค์พระภาคกล่าวต้าน นานล้ำล่วงถึง ยอคำเพิ่นไขตั้งปริศนาสอนบอก ปราชผู้ซอกถืกข่อ สิเห็นพอเรื่องจริงแท้แล้ว  ภาพประกอบวัดใหม่ฯ เมืองหลวงพระบาง แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 53 12:03:37 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:01:49

ความคิดเห็นที่ 47 ตามเสด็จเจ้ามหาชีวิตไปวัด จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:11:37

ความคิดเห็นที่ 48 เจ้ามหาชีวิตมหินทรเทพ(อุ่นคำ)  เจ้ามหาชีวิตลาวองค์นี้มีหลานอยู่ประเทศไทยองค์หนึ่งชื่อ เจ้าศรีไสว ซึ่งเจ้าศรีไสวนี้มีบทบาทมากในช่วงที่ฝรั่งเศสเอาเจ้ามหาอุปราชเพชรราชมาประทับที่เวียงจันทร์เพื่ออะไรไม่พูดถึงดีก่า....เดียวภัยจะมาถึงตัว อิอิ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:24:53

ความคิดเห็นที่ 49 อ่าล่างไม่ดีแระ เมื่อกี้ไฟดับ  พันเอก ไสว ไสวแสนยากร  หรือ เจ้าศรีไสว อุ่นคำ หลานแท้ๆของเจ้ามหาชีวิตมหินทรเทพ(อุ่นคำ) พันเอก ไสว ไสวแสนยากรท่านคือทหารสื่อสารคนแรกและเพียงคนเดียว ที่เข้าไปรับตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ ในวาระที่สำคัญอย่างยิ่ง และปฏิบัติหน้าที่ได้เรียบร้อยทุกประการ.  พลเอก ไสว ไสวแสนยากร ท่านเกิดเมื่อ ๘ พฤษภาคม ๒๔๔๗ ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๓ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:43:16

ความคิดเห็นที่ 50 หามาเพิ่ม อิอิ พุทธทำนายนี้ มีอยู่ในใบลาน ตั้งแต่บูฮาน มีมาก่อนเก่า ในศาสนาของพระพุทธเจ้า ถือเป็นเค้าแต่ก่อนมา *ข้าสินำมูลเค้า ความฝันอันประหลาด สิเป็นลางเหตุฮ้าย หรือใดเจ้าให้ฮำเพิง *ในคืนนั้น เป็นคืน สิบห้าค่ำ แต่ฟ้าดำเมฆกุ้ม จันโทเศร้า บ่ ผ่องใส *คือพระทัยของเจ้า ปัสเสน กะเหงาหง่วม ย่อนว่าความฮักกุ้ม สุมไหม้ดั่งไฟ *ไฟตัณหาความฮักใคร่ ในผัวเขาเมียท่าน ไฟนารก กะบ่ปาน มีแต่ควันอูดเอ้า ในใจเจ้าอยู่ บ่ เซา *จนยามสามล่วงเข้า จึงเนาว์นอนนิททะเน่ง เสียงระเม็งเสพสร้อง จึงลาห้องเสพ งัน *พระทรงธรรม์สุบินเบื้อง เผดียงฝันประหลาดต่าง สิเป็นลางเหตุฮ้าย หรือใดแท้ สิ่งใด *ในพระทัยองค์เจ้า พระปัสเสน สะดุ้งตื่น พระองค์ฮู้เมื่อขึ้น อรุณรุ่ง ฮู่งมา *มัลลิกาเทวีเหง้า เห็นราชาหน้า บ่ ซื่น สมบัติมีหมื่นตื้อ สีหน้า ผัดหล่าหมอง แท้น้อ *พระองค์ทรงสืบสร้าง ครองเมืองตุ้มไพร่ แต่หัวคิดบอดใบ้ ปัญญาตื้นตีบตัน *พระทรงธรรม์ควรเข้าเฝ้า สัพพัญญู ฮู้แจ้งโลก สิบรรเทาโศกฮ้อน รีบไปถ่อนอย่าอยู่นาน *พระภูบาลฟั่งฟ้าว ตกแต่งเดาดา มัลลิกาเทวี แม่เมือง เคียงข้าง *พระก็ ดำเนินเข้า เชตวัน วิหารใหญ่ พระอานนท์ทราบเรื่อง พาไปเฝ้า ศาสดา *พระราชาทูลไหว้ พระจอมไตรโลกนาถ กราบพระบาท สามเทื่อ แล้ว หยับไปเฝ้าอยู่ที่ควร *ส่วนว่าองค์พุทโธเจ้า เนาว์บนพุทธอาสน์ ตรัสโอวาทอิ่นอ้อย แถลงถ้อย ก่อนพระยา ว่าดูรา เจ้า ราชายศใหญ่ ผู้เป็นจอมไพร่ฟ้าสองแคว้นยอดเมือง พระองค์เคืองขัดข้อง หมองพระทัย จั่งใดแน วรรณะเขียว พ่องแหล่ สีหน้า บ่ ชื่นบาน แท้น้อ พระภูบาลเจ้า ปัสถเวน ทูลเหตุ แห่งสุบินประประหลาดล้ำ สิบหก ข้อ ต่อไปฯ ข้อ 1 . ข้อ 11 ฝันไปหน้า เห็นไม้แก่น จันทน์แดง ของที่มีราคาแพง ค่าสูงแสนตื้อ เขาพากัน เอาไป ซื้อ ขายกิน แลกไก่ เอาจันท์แดง ใส่กระซ้า น้อยๆ พากันดั้น เที่ยวขาย อันนี่ ภายหน้าพุ้น เคิ่งศาสนาพุทธ มนุษย์ มี โลภา มืดมัวเมากุ้ม ซูมถือศีลสร้าง เจ้าหัว จัว บ่าว เห็นผู้ สาวแล้ว กะเอิ้น เสิน เล่น ดั่งสหาย นอกจากนั้น กะ สิเป็นผู้ ร้าย ขาย ศาสนาพุทธ เอาพระธรรม ลงมุด จ่าย ยาย ขาย จ้าง ตั้ง เป็นตึกเป็นห้าง ขายกินเกลี้ยง มินหลิ่น ทั้งพระสูตร พระวินัย เขาเอาใส่กระซ้า โซนผ้าเที่ยวขาย นี่จั่งแม่น ต่อนฮ้าย เขาขาย ศาสนาพุทธ สัพพัญญู เล็งเห็นหน่าย สะอาง ผางฮ้าย ในภายหน้า ปีกุนแถมล่วง ม้ม จากนั่น แล้ว สิแววขึ้นกว่าหลัง ตั้งแต่นั้น คน สิค่อย มีสุข จั่ง สิ หาย ความทุกข์ หมู่ภัย สิไกลเนื้อ ไผผู้ ยังเหลือค้าง สิเห็นทางฟ้า ล่วง คน สิพ้นจาก บ่วงฝูง หมู่มาร บาปฮ้าย เมือฟ้าอยู่ เกษม เริ่ม แต่เค้า เดือน สี่ ปีกุน ไผ มี บุญค่อย สิเห็นหน่อพระธรรม เด้อ ป้า พากันถือศีล สร้างภาวนา เด้อ แม่ จั่ง สิ เห็น เที่ยงแท้ บ่ มี เว้น ฮ่อม ใด ข้อ 12 . ข้อ 16 .... กลอน 16 ข้อ เอามาจากใบ ลาน ในวิหาร ของสงฆ์ แต่เดิม ดาเค้า นักปราชญ์เจ้า เพิ่นได้แต่งมานาน ในสมัยพุทธกาลแห่งพุทโธ คราวพุ้น หมุนเวียนมื่อ ปี เดือน แถมถ่าย สองพัน ห้าร้อย สี่สิบเก้าปีปลาย ศาสนา มีแต่เงี่ยงที่ลี่ มีแต่คล้อยต่ำลง ปลงไว้ นี่โยติกาซ้ำสาก่อน ยังมีกลอนอีกมากล้น กำลังค้น อ่านเขียน จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:49:26

ความคิดเห็นที่ 51 หลงเข้ามาในกระทู้นี้แล้วหาทางออกไม่เจอค่ะ^^ ได้ยินทั้งสำเนียงที่คุ้นหู ได้เห็นทั้งภาพที่คุ้นตา ได้สัมผัสทั้งความเชื่อ-ประเพณีที่คุ้นใจ ขอบคุณที่นำเอาบรรยากาศที่หาได้ยากแบบนี้กลับมาอีกครั้งนะคะ จากคุณ : คิดถึงบ้าน : คิดถึงหนองคาย (วิมลัก) เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 23:54:09

ความคิดเห็นที่ 52 เยี่ยมมากครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ แต่ดูเหมือนคำสาปแช่ง จะช่วยให้ลาวยังคงไว้ ซึ่งวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงาม ผิดกับไทย เจริญจนหันหลังให้รากเหง้าตนเอง จากคุณ : นครเหมันต์ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 03:08:34

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบพระคุณมากๆครับผม จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 10:33:17

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ... จากคุณ : เจ้าหญิงโบราณล้านปี เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 13:13:06

ความคิดเห็นที่ 55 ขอขอบคุณทุกๆ ท่านครับ หวังว่าจะมีคนเผลอคลิกเข้ามาอีกเรื่อยๆนะครับ คือไม่อยากให้เรื่องราว ตลอดจนความเชื่อต่างๆของบรรพบุรุษเราถุกแทนที่ด้วยวิทยาการสมัยใหม่แต่อยากให้ควบคู่กันไปครับ อิอิ ฝากสำหรับคนที่คิดเหมือนผมครับ อ้อ ผมพึ่งอายุ 17 หมาดๆนะครับ อิอิ ยังเป็นวัยสรุ่นอยู่ค๊าบบบ      บ้านฝังใส่แฮ   บ้านแผ่ใส่เบือ   บ้านเพือผ้าอ่อม   บ้านต้อมผ่าขี่   บ้านตีผ้าเยี่ยว   บ้างไปเที่ยวโขงเขตเวียงจันทร์   ความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง   บ้างน้ำต้องค่าพ่อน้ออาว   ท้าวขี่ยางกับนางขอหลอก   ท้าวตอกนางตอง   ซุมที่หามกระบองไปหาแลกซ่าง   บ้างเจ้าบ้างบ้างราชวงศ์   ขงเวียงจัทร์ราชวงศ์เป็นเจ้า   คันเวียงจันทร์เศร้า ผู้สาวเอ้ยอย่าฟ่าวว่า   มันสิโก้บาดหล่า "บักแตงซ่างน่วยปลาย" พะนางเอ้ย... แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 13:16:43 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 13:15:08

ความคิดเห็นที่ 56 . จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 13:24:11

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณครับ ได้ความรู้ดี ชอบมากครับ จากคุณ : rs (ruangt) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 14:05:23

ความคิดเห็นที่ 58 ช้างเผือก หินฟู งูใหญ่        งูใหญ่ นี้  คือ รถไฟหรือป่าวครับ จากคุณ : คนเก้าเส้ง เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 14:21:42

ความคิดเห็นที่ 59 อันนี้คนอื่นเค้าดิดมานะไม่เกี่ยวกะความคิดผมเค้าบอกว่า  ช้างเผือก = พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลประจุบันนี้เอง  หินฟู = สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งแรก (ปัจจุบันหินฟูพวกนี้มีโครงการที่จะสร้างเยอะเวอร์)  งูใหญ่ = รถไฟ ที่พึ่งเปิดแบบไม่เสร็จไปละครับ แต่จะใช่แน่หรือ ผมไม่มั่นใจ แต่เค้าก็พูดกันว่าเป็นแบบนั้น แต่ก้อย่าลืมเรื่องเล่าเรื่อง ฮูไก่แก้ว ในนครเวียงจันทร์เอง แล้วก็กลองหมากแข้ง นั่นด้วยนะครับ  อ้อแล้วก็ ตำนานผู้มีบุญ 3 พี่น้อง  หงษ์หิน ลิ้นก่าน ฝาตีนแดง แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 15:29:08 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 15:21:43 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 15:21:16 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 15:20:52 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 15:19:10 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 15:18:49 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 15:18:29 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 15:17:23 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 15:15:21 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 15:15:04 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 15:14:50 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 15:14:03

ความคิดเห็นที่ 60 อ่านสนุกดีได้ความรู้ด้วย แต่ศัพท์เทคนิคเยอะไปหน่อยน่ะค่ะ แปลไม่ออกเลย เทิ้งหมากหินกลางน้ำของ? บักแตงซ้าง? มันคืออะไรกันเนี่ย อยากอินกะเค้าบ้าง จากคุณ : doraemomo เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 18:35:46

ความคิดเห็นที่ 61 เทิ้งหมากหินกลางน้ำของ ก็คือ บนก้อนหินกลางแม่น้ำโขง บักแตงซ้าง ก็คือ แตงกวา ครับ จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 19:51:04

ความคิดเห็นที่ 62 อ๋อ... ขอบคุณนะคะ เข้าใจเกี่ยวกับคำทำนายขึ้นเยอะเ่ลย ^_^ จากคุณ : doraemomo เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 22:35:06

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณนะคะ รูปสวยมาก จากคุณ : คนใหม่คนเดิม เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 15:16:48

ความคิดเห็นที่ 64 อ่า ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมครับ ในภาพเจ้ามหาชีวิตลาวกำลังเสด็จกลับจากวัดธาตุหลวง นครหลวงพระบางครับ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 16:32:53

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ (คุณเขียวค้อม) และทุก ๆ ท่านมากครับ ที่นำภาพที่ไม่เคยเห็นและเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาลงเป็นวิทยาทาน อยากให้ลงรูปอีกเรื่อย ๆ ครับ รอชมเป็นบุญตา จากคุณ : ประดู่ป่า เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 22:37:35

ความคิดเห็นที่ 66 สนุกมากๆครับ ~~ จากคุณ : ถั่วงอกเป็นฆาตกร เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 15:32:00

ความคิดเห็นที่ 67 ถ้ายังมีคนเข้ามาดูอยู่ผมจะพยายามหารูปมาลงเพิ่มเรื่อยๆ ครับ แต่รูปที่มาลงส่วนใหญ่มันก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้เท่าไหร่นะครับ แต่ก็อยากลง อิอิ วัดธาตุหลวง นครหลวงพระบาง ในรัชสมัยเจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:14:16

ความคิดเห็นที่ 68 วัดธาตุหลวง นครหลวงพระบาง ในรัชสมัยเจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์ อีกรูปครับ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:14:51

ความคิดเห็นที่ 69 ข้ามลงมาจำปาสัก ดินแดนอีเข้ใหญ่ (จะมีใครรู้ปะแม่น้ำโขงที่จำปาสักมีส่วนที่กว้างที่สุดมีเข้ใหญ่อาศัยอยู่ตัวนึ่ง เค้าลือกันว่าเป็นเข้ผี บริเวณนั้นแวดล้อมด้วยป่าไม้และภูเขาบรรยากาศเย็นๆหน่อยอิอิ) ในรูปเป็นงานขึ้นวัดภู จำปาสัก ปัจจุบัน ตำหนักริมสระถูกทุบเรียบร้อยแล้วครับ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:19:14

ความคิดเห็นที่ 70 ย้อนขึ้นมาแม่โขงส่วนบนครับที่เวียงจันทร์ รูปนี้เก่าแก่มากๆๆๆๆๆๆๆ ถ่ายโดยคณะของ ปาวี ตอนนั้น 3 อาณาจักรลาวยังไม่ค่อยรวมกันดีเท่าไหร่ คือเจ้ามหาชีวิตของหลวงพระบางยังไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตลาวครับ เก่ามากนะจะบอกให้ แนะนำให้เซฟด้วยแระ หอไตร วัดสีสะเกตุ ที่มาของชื่อนี้คือ เป็นวัดที่ตั้งขึ้นเป็นทิศหัวนอนของเจ้ามหาชีวิตลาวที่สร้างพระราชวังอยู่ด้านใต้ของวัดนี้ เวลานอน ก็จะได้นพพระก่อนนอน. อะไรเนี่ยะพยายามลงรูปใหญ่ๆๆแล้วนะได้ใหญ่สุดแค่นี้หละครับ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:27:18

ความคิดเห็นที่ 71 อันนี้ก็เหมือนกาน   สภาพบ้านเมืองในสมัยนั้นก็คงประมาณคำเก่าที่เล่าต่อมาว่า "สู่มื่อเวียงจันทร์ฮ่าง หลวงพระบางกะแปนเป่าวัดย่าคูกะเศร้าเณรน้อยกะย่างหนี" เห็นภาพปะละครับ ว่าเป็นยังไง ขออภัยที่ใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องนะครับ รีบไปหน่อยอิอิ แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 53 18:32:27 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:30:13

ความคิดเห็นที่ 72 โจรฮ้อ กลุ่มคนที่ทำให้หลวงพระบาง เวียงจันทร์ เชียงขวาง สูญสิ้นศิลปวัตถุโบราณ ที่หลวงพระบาง ฮ้อเผาเมืองจนหมดสิ้นไม่เว้นแม้แต่ หอคำเจ้าชีวิต ที่เวียงจันทร์ บุกเข้าปล้นสินทรัพย์เงินทอง ศิลปวัตถุโบราณ อย่างเช่าพระธาตุหลวงที่นครเวียงจันทร์ก็ถูก ขุดโพรงโค่นยอด ขนสมบัติโบราณไปหมด อยากรู้จักว่าพวกนี้มันขนไปไว้ไหนน้า...... แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 53 18:36:50 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:34:00

ความคิดเห็นที่ 73 พักเรื่องเศร้าหนีเข่าท่งนาดีกว่า จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:38:30

ความคิดเห็นที่ 74 ไม่มีคำบรรยายแระ คิดไม่ออกจริงๆ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:40:53

ความคิดเห็นที่ 75 ขึ้นไปทางเหนือของลาว ขบวนเสด็จเจ้าฟ้าศรีหน่อ เจ้าฟ้าเมืองสิงห์ แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 53 18:53:39 แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 53 18:43:48 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:43:28

ความคิดเห็นที่ 76 อีรูปครับ รูปนี้เห็นเค้าสนามหลวงเมืองสิงห์นิดนึ่ง จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:46:45

ความคิดเห็นที่ 77 เข้ามาโหวตให้เยอะหน่อยนะครับ อิอิ อ้อใครเคามาก็แจมรูปแบ่งๆๆกันบ้างนะครับ ส่งเสียงสักหน่อยก็ยังดีจะได้ไม่บ้าอยู่คนเดียว อิอิ ถ้ามีเวลาจะมาเพิ่มเรื่อยครับ แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 53 18:50:53 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:49:30

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณครับ เคยได้ยินแต่เรื่องคำสาปแต่ไม่รู้รายละเอียด ได้ความรู้ดีครับ จากคุณ : Humble เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 20:04:32

ความคิดเห็นที่ 79 เท่าที่ติดตามอ่านดู เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ติดใจ "พญาตาเดียว" พอจะเดาได้ครับ พระบารมีแผ่ไพศาล จริงๆครับ ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน จากคุณ : leeming047 (leeming047) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 22:40:49