|
ความคิดเห็นที่ 1 |
คนสอบเตรียมอุดมได้เขาอาจไม่บอกคุณ แต่เราสอบเตรียมอุดมตกเราเลยมาบอกคุณ It's ironical, isn't it?
จริงๆแล้วคุณไม่ต้องติวพิเศษเรื่องความรู้ เพราะข้อสอบมันออกเหมือนๆโรงเรียนธรรมดาทั่วๆไป หากแต่มันวัดความเร็วในการทำข้อสอบกันเท่านั้นเอง คุณเรียนโรงเรียนอินเตอร์คงไม่มีปัญหาเรื่องข้อสอบภาษาอังกฤษ แต่ให้ระวังข้อสอบ Mathematics เราสอบตกเพราะเราโง่โดนเขาหลอกเอา ...คือเขาเอา logarithm book มาวางหลอกนักเรียนไว้บนโต๊ะ ใครหลงโง่ไปทำข้อสอบ trigonometry ด้วย logarithm book ก็จะทำไม่ทัน วิธีทำที่ถูกต้อง ก็คือให้จำ right-angle triangles พื้นฐานไว้หลายๆชุดที่มันมี 3 lengths ตายตัว และ 2 angles ตายตัว (ที่ไม่ใช่ right angle) และเรียนวิธีใช้ compass กับ protractor สร้าง right-angle triangles จาก data กับ conditions (เงื่อนไขโจทย์) ที่เขาให้มา คุณก็จะหาค่า unknown ได้โดยใช้ไม้บรรทัดวัดเอา (ถ้าเป็น length) หรือโดยใช้ protractor วัดเอา (ถ้าเป็น angle) เนื่องจากมันเป็นข้อสอบปรนัย มีคำตอบให้เลือก 4 ข้อคือ ก,ข,ค และ ง ใครโง่ไปเิปิด logarithm book ก็มัวแต่ไปเสียเวลาคำนวณไม่มีทางทำข้อสอบได้ครบทุกข้อหรอก
ส่วน equations เวลาเขาให้ solve equations ไม่ว่าจะเป็น simultaneous equations หรือ quadratic equations เขาก็ให้คำตอบ 4 ข้อให้เราเลือกเหมือนกัน เราเฉือกโง่นั่ง solve equations เลยทำไม่ทัน วิธีการที่ถูกต้องก็คือ ให้เอาคำตอบที่เขาให้มา substitute เข้าไปใน equation แล้วดูว่า value ไหน จากคำตอบข้อไหน มัน satisfies the equation ก็เลือกคำตอบนั้น
รู้สึกว่าสมัยเราสอบมันมีข้อสอบ mathematics 100 ข้อ ทั้งๆที่เรารู้วิธีทำมันหมดทุกข้อ แต่เราทำเสร็จแค่ 20 ข้อ เพราะความโง่ของเรา
ข้อสอบวิทย์ทั้งหมดก็มีวิธีลัดในการทำข้อสอบทั้งหมดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชา physics กับ chemistry ที่ต้องมีการคำนวณ ส่วน biology ได้แต่จำลูกเดียวไม่มีลวดลายการคำนวณมากนัก
สรุปแล้ว คำแนะนำก็คือข้อสอบออกเหมือนโรงเรียนทั่วๆไปออกกัน แค่ฝึกทำข้อสอบเร็วๆแข่งกับคนอื่นเท่านั้น คุณลองหาติวเตอร์ดีๆมาสอนคุณทำโจทย์ทุกอย่างด้วยวิธีลัดแล้วคุณก็จะสอบได้
จริงๆแล้วสมัยนั้นเราเป็นเด็กมีปัญหาด้วย เพราะเราป่วยเป็น ocd (ย้ำคิดย้ำทำ), adhd (สมาธิสั้น) และมี iq ต่ำกว่ามนุษย์ธรรมดา เราสอบเข้าเตรียมอุดมเพื่อไปเรียน ม.ปลายไม่ได้ เราเลยเข้าเรียนโรงเรียนเด็กเกเรแบบตีกันทุกวัน...พวกเพื่อนๆเราพกปืนไปโรงเรียนทุกวัน เรียนๆไปได้ 3 เดือนรู้ว่าเรียนไม่จบแน่ๆ เลยต้องรีบลาออกแล้วไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ในปีเดียวกันนั้นเองมีนักเรียนเตรียมอุดมศึกษาสอบได้ทุน King'Scholarship เด็กอัฉริยะคนนี้ใช้เวลากวดวิชาภาษาอังกฤษแค่ 6 เดือนก็เก่งพอที่จะเข้าไปเรียนแพทย์ในมหาลัยอังกฤษได้ ในขณะที่เราซึ่งอ่อนภาษาอังกฤษมากๆต้องใช้เวลาเรียนภาษาอังกฤษในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษในประเทศอังกฤษอีกตั้ง 6 ปี กว่าเราจะเก่งภาษาอังกฤษพอที่จะเรียนมหาลัยในอังกฤษได้แบบนักเรียนทุนคนนั้น แต่เรากลายเป็นป่วยหนักด้วย ocd และอาการแทรกซ้อน รัฐบาลอังกฤษก็แสนจะใจดี รับเลี้ยงดูเรามาตั้งหลายปี ด้วยเงิน social security ซึ่งในช่วงนั้นเราใช้เวลาหมดไปกับการศึกษา esoteric arts คือพวก โยคะ วรยุทธ์ กำลังภายใน และฝึก Zen Macrobiotics ...ไม่ค่อยได้เรียนหนังสือตามแบบแผนทั่วๆไปหรอก จนในที่สุดเรารักษาอาการป่วยของเราได้หายหมดด้วยตนเอง โดยไม่ต้องใช้ยาและไม่ต้องไปหาจิตแพทย์ เรารักษามันด้วยความรู้เรื่อง esoteric arts นี่แหละที่เราได้มาฟรีเพราะเราไปขอให้ัห้องสมุดในประเทศอังกฤษซื้อหนังสือพวกนั้นมาให้เราขอยืมไปอ่าน และเราได้ทุนรัฐบาลอังกฤษ (ที่ให้ก้ับคนเรียนไม่เก่งที่ไม่ต้องสอบแข่งขันกันยากๆมากๆเหมือนในเมืองไทย) ไปเรียนหนังสือฟรี เราจึงรอดตายมาก็เพราะระบบสวัสดิการดีๆที่รัฐบาลอังกฤษดูแลประชาชนผู้ยากไร้มาเป็นอย่างดี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูแลประชาชนที่เรียนหนังสือไม่เก่งแบบเรา) ซึ่งถึงตอนนี้เรากลับมาอยู่เมืองไทยแล้วแต่เราก็ยังอยากจะกลับไปอยู่ที่อังกฤษในบั้นปลายชีวิตของเรา (หลังจากที่เราหมดภาระดูแลพ่อเราแล้ว) เพราะรู้สึกสำนึกบุญคุณในแผ่นดินของเขา
ตอนนี้เราอายุมากแล้วแต่กลายเป็นเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้รวดเร็วกว่าสมัยเป็นเด็กๆวัยเรียนอีกหลายๆเท่า (เพิ่งมาฉลาดตอนแก่...555+++...สงสัยเป็นเพราะผลพวงจากการกินอาหาร macrobiotic มานานถึง 35 ปี...!!) ก็เลยสนุกอยู่กับการไล่ล่า download ebooks กับ video training ของฟรีจากเน็ตมาเรียนรู้อะไรแปลกๆใหม่ๆ สมัยนี้จะเรียนอะไรไวๆมัวอ่านหนังสือมันช้า เรียนจาก video training นี่แหละเร็วดี ตอนนี้เรากำลังเรียนซ่อม notebook computers จาก video training (ซ่อม desktop computers เราพอซ่อมเองเป็นอยู่แล้ว) เราเห็นวิชาที่สมัยเป็นเด็กๆเราเรียนไม่เก่ง เดี๋ยวนี้ก็หาเป็น video training มาเรียนได้ก็มี (เมื่อสองสามวันไป download video training พวกวิชา mathematics กับ biology มา นี่หามาเยอะจะเอาเวลาที่ไหนไปเรียนกัน แค่เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมยังขี้เกียจเรียนอยู่เลย) เราอยากอาศัย ebooks กับ video training พวกนี้เรียนรู้ด้วยต้ัวเองจนเป็นอัฉริยะแบบ Thomas Edison ที่เรียนทุกอย่างด้วยตัวเองโดยไม่เรียนในโรงเรียนหรือมหาลัยเลย ก็เลยหมู่นี้ซุ่มๆเรียนรู้ศาสตร์อะไรใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ (เพิ่งได้ video training วิชาแทงเข็ม (acupuncture) มาด้วย) ไม่ค่อยได้มาตอบคำถามภาษาอังกฤษ...ไม่ค่อยมาเขียนบทเรียนภาษาอังกฤษในห้องสมุด pantip เพราะเตรียมตัวเรียนรู้หนักฝึกหนักเพื่อหวังเป็น super genius ตอนอายุ 130 ปี แต่หน้าเด็กเหมือนอายุ 30 (ด้วยการฝึกกำลังภายในไปพร้อมๆกัน) โดยไม่เรียนในโรงเรียนและในมหาลัยเลย พอทำได้ก็จะบินออกนอกประเทศไทยไปเลย เพราะสมัครงานอายุ 130 ปี ในเมืองไทยมันสมัครไม่ได้ ยิ่งไม่มีวุฒิสูงๆยิ่งสมัครไม่ได้ใหญ่เลย...ถ้าเราบินกลับไปที่ประเทศอังกฤษเมื่อตอนเราอายุ 130 ปี เรายังพอหางานทำได้ ถ้าเราฝึกกำลังภายในให้หน้าตาเรายังเด็กๆเหมือนคนอายุ 30 ปี นั่นก็เพราะว่าในประเทศอังกฤษประชาชนเขาไม่ใช้ทะเบียนบ้านและไม่ใช้บัตรประชาชนกัน เวลาสมัครงานจะโกหกว่าอายุเท่าไหร่ก็ได้...แต่ก็ไม่แน่นะ พอถึงตอนนั้นเราอาจรับมรดกจากใครแล้วรวยไปแล้วแค่ไปนอนพักผ่อนกับไปเที่ยวให้สนุกเฉยๆ ไม่ต้องทำงานก็ได้...อิๆๆ...
เอาไว้หนูสอบเข้าเตรียมอุดมได้แล้วอย่าลืมแวะมา say hello กับพี่นะ...(เรียกพี่ให้เราดูเด็กเข้าไว้...อิๆๆ...)
แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 06:42:31
แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 06:41:22
แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 06:33:23
แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 06:30:50
แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 06:22:41
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ส.ค. 53 06:12:12
|
|
|
|
|