PANTIP.COM : K9581006 "What do you suggest I do?" ถูกแล้วใช่มั้ยคะ [ห้องเรียนภาษาอังกฤษ]

ความคิดเห็นที่ 3

เราเคยเขียนบทความภาษาอังกฤษว่า คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกือบทุกคำจะมี "พฤติกรรมเฉพาะตัว" ของมันซึ่งคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ถ้าท่องแค่ศัพท์แปลว่าอะไรเป็นคำโดดๆ แต่ไม่เคยเห็นตัวอย่างประโยคว่าเจ้าของภาษาเขาเขียนยังไง จะไม่มีทางเขียนได้ถูกต้อง มันไม่ง่ายเหมือนฝรั่งเรียนภาษาไทยหรือจีนแค่ท่องศัพท์เป็นคำๆก็เขียนภาษาไทยหรือจีนไม่ผิดเพี้ยนมากนัก ดังนั้นหลักสูตร writing สั้นๆ แค่ไม่กี่เดือน สอนฝรั่งเจ้าของภาษาให้เขียนดีได้ (กรณีสอนนักศึกษาฝรั่งให้เขียนรายงานก่อนเข้าเรียนมหาลัย หรือแม้กระทั่งสอนให้เขียนอะไรที่ยากไปกว่านั้น) แต่สอนคนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ให้เขียนได้ถูกต้องแค่ไม่กี่เดือน (ต่อให้ผู้เรียนแม่น grammar) ก็สอนไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้น อย่าไปเชื่อโฆษณาชวนเชื่อโรงเรียนสอนภาษาว่าเรียน writing แค่ไม่กี่เดือนแล้วจะเก่งแบบเทวดาขึ้นมาได้ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก

เมื่อก่อนเราบ้าปั่นกระทู้เรื่องเรียนภาษาอังกฤษ แต่สมัยนี้เราเลิกเขียนแล้ว เพราะมีคนรุมด่าเราว่าอิจฉาโรงเรียนสอนภาษาดังๆ และเราอยากสอนซะเอง และมีคนเรียนภาษาอังกฤษในมหาลัยคุยโวทับเราว่าคนเรียนภาษาอังกฤษในมหาล้ัยต้องเก่งกว่าคนเรียนเองนอกมหาลัย เราเลยค้นข้อมูลเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษแหลกราญ แล้วรู้เคล็ดลับดีๆเราก็เก็บไว้เรียนคนเดียวเพื่อการแข่งขัีนกับคนพวกนี้อย่างรุนแรง

แต่พอเรียนๆอังกฤษไป แล้วเรากลายเป็นเบื่อ เลยหันไปเรียนรู้อะไรดีๆอย่างอื่นเช่นเรียนศาสตร์ต่างๆจาก video training (ไวกว่าเรียนจาก ebooks หรือจากหนังสือเป็นเล่มๆ) ตอนนี้เรากำลังซุ่มๆเรียนวิชากำลังภายใน แทงเข็ม (acupuncture) กับซ่อม notebook computers และศาสตร์อื่นๆอีกหลายๆอย่างจาก video training ที่เรา download มาได้ตั้งมากมาย (เรากะจะเป็นอัฉริยะเหมือน Thomas Edison ที่เรียนรู้ด้วยตัวเองโดยไม่เข้าเรียนในโรงเรียนหรือมหาลัยเลย) จึงเลิกเขียนบทเรียนภาษาอังกฤษอีกต่อไป และเลิกเรียนภาษาอังกฤษแข่งกับเซียนแถวๆนี้อีกต่อไป เพราะไปหาความเก่งด้านอื่นจะสนุกกว่า รู้อังกฤษเท่าที่เรารู้ก็พอถูไถไปได้แล้ว (บางทีเราก็ยังเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มอยู่บ้างโดยใช้วิธีนั่งทางในสื่อสารกับวิญญาณนักเขียนฝรั่งเก่งๆระดับอัฉริยะ ให้พวกเขามาเข้าสิงเราและสอนเราเขียนภาษาอังกฤษ ซึ่งมันเป็นวิธีการเรียนลัีดภาษาอังกฤษแบบลัีบๆที่เราคิดขึ้นมาได้เอง) ถ้าตกงานเพราะเรียนแบบนี้ก็ไม่กลัวเพราะเราก็แค่ไปดูดวงใต้ต้นมะขามก็พอได้เงินใช้...แถมยังได้หลอกจับไม้จับมือสาวๆสวยๆอีกด้วย...อิๆๆ...

เผอิญในกระทู้เก่าอันหนึ่ง เราให้ตัวอย่างการใช้คำว่า suggest สร้างประโยค ซึ่งเราเอามาจาก esl dictionaries (ตอนนั้นเราใช้ login เดิมคือ tansy (iwrite4u)

ไปอ่าน คคห 20 ในกระทู้เดิมนี้ แล้วคุณจะเข้าใจวิธีใช้ suggest สร้างประโยค

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/05/K6595622/K6595622.html
แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 12:34:39
แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 12:31:10

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:26:35

ความคิดเห็นที่ 6

ู
^
^
เรื่องวิชาภาษาอังกฤษ และความสามารถด้าน language acquisition ของคนแต่ละคน มีอะไรที่มหัศจรรย์น่าศึกษาค้นคว้ามากๆ

มีคนรวยเละโดยการเขียนหนังสือบอกคนอ่านว่า "ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว" จนทำให้คนไทยหลงเชื่อ...เรียนๆไปก็ยังมีปัญหาอยู่มากมาย ทำไมไม่มีคนเขียนหนังสือแล้วเน้นว่า "ภาษาอังกฤษยากตรงไหน" แล้วสาธิตให้คนอ่านดูบ้างว่าจุดยากมันอยู่ตรงไหน จะได้เรียนรู้ได้ไม่ผิดพลาด

ลองมาดูกรณีศึุกษาเรื่อง language acquisition ระหว่างตัวเรากับแฟนเรากัน เราว่ามันน่าสนใจมากๆ้้เลยหละ

เราเป็นคนเกลียดวิชาภาษาอังกฤษมากๆเรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยได้คะแนนที่โหล่ตลอด แต่เผอิญเราไปอยู่ในประเทศอังกฤษนานหลายปีเราก็เลยเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ไปเองแบบฟัง พูด อ่าน เขียนได้โดยไม่ต้องเรียน grammar มากนัก พอกลับมาเมืองไทย เราตกงานก็เลยต้องพยายามเรียนภาษาอังกฤษแบบยกเครื่องใหม่หมด แต่เราไม่มีหัวทางด้านศิลป์ภาษาเอาเสียเลย เรามีแต่หัวด้าน computer กับคณิตศาสตร์ เราเลยเรียนภาษาอังกฤษด้วย pure logic

แฟนเราเก่งศิลป์ภาษามาตั้งแต่เด็กๆ เรียนจบอักษรศาสตร์จุฬา และปริญญาโทการแปลจุฬา แต่เกลียด computer กับคณิตศาตร์ตั้งแต่ไหน แต่ไรแล้ว

ในระยะเวลา 3 ปีที่รู้จักกันเรา 2 คนมาประลองยุทธ์กันด้านภาษาอังกฤษและการแปล ผลออกมาน่าทึ่งมากๆ ลองอ่านดู แล้วจะเห็นว่าแปลก

แฟนเราแปลหนังสือราชการจากไทยเป็นอังกฤษมาให้เรา edit (ตรวจแก้) แบบนี้หวานหมูเรา เพราะนี้เป็นอาชีพหลักของเรา เราจะแก้ภาษาอังกฤษของเธอให้สวยๆได้สบายๆ แต่ถ้าเธอแปลงานโฆษณาภาษาไทยเป็นอังกฤษแบบเพ้อฝ้ันเช่นโฆษณาเครื่องสำอางค์ โฆษณา resort โฆษณา wine อะไรพวกนี้เรางงหาจุดแก้ไม่ค่อยจะได้ (เพราะมันคงคล้ายแนววรรณกรรมที่เธอเรียนมา) เราจะแก้ได้ก็แค่เรียงใหม่ modifiers ที่เป็น clauses หรือแก้ punctuation เล็กๆน้อยๆได้เท่านั้น เรางงความเก่งของเธอเราเลยถามว่า

"โหที่รักเขียนภาษาอังกฤษเก่งจังเลยฉันหาจุดแก้แทบไม่ได้เลย เธอทำได้ไงเนี่ย?"

เธอตอบหน้าตาเฉยว่า

"เขียนภาษาอังกฤษแบบธรรมดาๆไป แล้วไปค้นจาก google ดูว่ามีฝรั่งที่ไหนเขียนหรูหรากว่านี้ แล้วก็เอาประโยคที่ฝรั่งเขียนมาดัดแปลงใหม่ให้เข้ากับเนื้อเรื่อง"

เรางงเหมือนโดนค้อนทุบหัว แล้วคิดในใจว่า

"เหอๆๆ เล่นเรียนลัด คราวหน้าฉันต้องเอามั่ง"

แต่ในทางกลับกันเวลาเราแปลงานวรรณกรรมอังกฤษเป็นไทยไปนะ แล้วให้แฟนเราแก้ภาษาไทย เราโดนแฟนเราแก้ภาษาไทยแบบยำใหญ่เลยหละ...555+++...แต่เท่านั้นไม่พอนะ คนที่เรียนการแปลหลายๆคนเชื่อว่าภาษาอังกฤษยากๆซับซ้อนใครไม่รู้ grammar ก็แปลไม่ออกเพราะตีความต้นฉบ้ับภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ในช่วงหลัีงๆเราก็เรียน grammar จนตามทันแฟนเราแล้วและอาศัยประสบการณ์ที่อยู่ต่างแดนนาน มาตีความภาษาอังกฤษแนววรรณกรรม แต่พอไปเจอวรรณกรรมอังกฤษยากๆเราก็

"อ่านไม่รู้เรื่อง"

แล้วเราก็บอกว่า

"ที่รักจ๋าฉันอ่านภาษาอังกฤษแนววรรณกรรมไม่รู้เรื่องช่วยอธิบายหน่อย"

พอเธออธิบายความหมายมา เราตกตลึงอึ้ิงสุดๆว่า

"อะโห ที่รักอ่านรู้เรื่องเข้่าไปได้ยังไงกันฟะ?"

สรุปแล้วเราเรียน grammar ทาบรัศมีแฟนเราได้ รู้ศัพท์มาก ไม่แน่ใจว่ารู้มากกว่าแฟนหรือไม่ แต่เธอบอกว่าเรารู้ศัพท์มากกว่าเธอ แต่กลายเป็นเธอต้องสอนเราอ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษ...555+++...

แล้วคนที่เรียนการแปลระดับสูงๆเคยพูดว่า

"ถ้าไม่รู้ grammar ก็อ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องแล้วแปลไม่ได้"

...ก้อแล้วเวลาแฟนเราแปลไทยเป็นอังกฤษมาก็ยังพลาดท่าโดนเราแก้ grammar ได้ แต่ดูๆเหมือนเราจะรู้ grammar มากกว่าเธอแล้วตอนนี้ แต่ทำไมเราอ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษยากๆไม่รู้เรื่อง แต่แฟนเราอ่านรู้เรื่อง...งงไหมล่ะ? แสดงว่าภาษาวรรณกรรมมัีนมีลักษณะเป็นศิลป์ภาษาใช่หรือไม่?

แต่ทำไมเวลาตีความภาษาอังกฤษที่เป็นภาษากฎหมายที่ซับซ้อนมากๆแฟนเรามืดแปดด้าน แต่เราตีความฉลุยเลย แสดงว่าภาษากฎหมายมี logic ที่แม่นยำเหมือนหนังสือ computer ที่เราชอบอ่าน ใช่หรือไม่?

ตอนนี้เราพยายามเอา textbooks กับ video training ที่เป็นบทเรียนภาษาอังกฤษระดับสูงๆมาก (ที่เรา download ของฟรีได้มาบานเบอะ) ยัดเยียดให้แฟนเราเอาไปเรียน เพื่อหวังว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า เธอจะได้เก่งภาษาอังกฤษมากกว่าเราทุกรูปแบบ แต่รู้สึกว่าเธอเอาไปแล้ว แต่ไม่ได้เปิดอ่านหรือเปิดดูเลยหละ...555+++...ถ้าอย่างนี้นะ เราก็ยังมีทางชนะเธอได้ในบางทักษะหรอกน่ะ...อิๆๆ...

นี่เราเขียนล่อเป้าให้เธอเข้ามาอ่านเจอนะ จะได้รีบๆหมั่นศึกษาภาษาอังกฤษเพิ่มเติมจากสื่อการเรียนภาษาอังกฤษที่เราหามาให้เธอ เธอจะได้รีบๆชนะเราไปให้ได้หมดๆทุกๆท่าเพลง แล้วจะได้ไม่ต้องมาประลองยุทธ์กันอีก...อิๆๆ...

ใครอ่านข้อความข้างบนนี้ แล้วลองเก็บไปบริกรรมดูดิ แล้่วจะแปลกใจที่่ language acquisition ของแต่ละคนนั้น มันต่างกันเพราะอะไร? พื้นเพของแต่ละคนหรือเปล่า?

กรณีแฟนเราเธอเรียนภาษาอังกฤษเพราะรักศิลป์ภาษาและรักภาษาอังกฤษ กรณีเรานั้นเราโครตเกลียดภาษาอังกฤษมากๆเลยหละแต่เราเรียนภาษาอังกฤษด้วย pure logic เพื่อความอยู่รอด ...!!???...

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 15:54:45