ความคิดเห็นที่ 1   กล้วย 1 ต้นลงทุนปลูกเสียค่าหน่อ 3 บาท ภายในหนึ่งปีจะได้ผลดังนี้ ผลที่ได้ 1)ได้ผลกล้วย 1 เครือ 7 หวีหวีละ 20 บาท 140 2)หน่อกล้วย 5 หน่อหน่อละ 3 บาท 15 บาท 3)ใบกล้วยเอาไปทำใบตอง 6 ใบ 6 บาท 4)ปลีกล้วย 1 ปี 5 บาท 5)ต้นกล้วยเอาไปเลี้ยงหมู หรือทำกะทงวันลอยกะทง 20 บาท รวมแล้ว 186 บาทต่อการปลูก 1ต้น ถ้าชาวสวนคนหนึ่งปลูกวันละ 10 ต้น ใช้เวลา วันละ 2 ชั่วโมงเขาจะมีรายได้วันละ 1860 บาท คิดแล้วไปปลูกกล้วยดีกว่า ไปละครับ ใครจะไปกับผมบ้าง มีบ้านมีที่ให้ทดลองครับ จากคุณ : กร เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 20:04:49 A:124.120.138.54 X: TicketID:209308

ความคิดเห็นที่ 2 - "กล้วยแก่" หน้าดีจัดให้อยู่ข้อนไปทางกล้วยสุกนะ อาจจะอยู่หลังกล้วยห่าม - ยังมี "กล้วยเหี่ยว" "กล้วยเน่า" อีกละมัง - ใบตอง คือใบไม้ที่เอาไปใช้ประโยชน์ ไม่ต้องเปนตองกล้วยก็ได้ อย่างเช่น ตองทึง ตองเหียง http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/03/K5197255/K5197255.html - ช้าง ในภาษาไทยทั่วๆ ไปใช้ลักษณะนามว่า ตัว แต่ภาษาราชสำนัก  (ที่เอามาบังคับสอนกันในโรงเรียน) ก็อย่างทีุ่ว่ามาในหัวกระทู้แล จากคุณ : นู๋เองง่ะ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 21:47:56

ความคิดเห็นที่ 3 #1 ราคาที่ยกมามันราคาขายให้กับผู้บริโภคปลายทาง ถ้าคิดเรื่อง ต้นทุนผลิต (แรงงาน ที่ดิน ฯลฯ) ฤดูกาล ตลาด และอื่นๆ ปลูกกล้วยยากกว่าปอกกล้วยเยอะ จากคุณ : นู๋เองง่ะ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 21:52:42

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องกล้วย เรียงตามลำดับเวลาดังนี้ กล้วยอ่อน ต้นมันยังเพิ่งออกเครือได้ไม่นาน ลูกมันยังเล็ก ยังตัดมาทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากเอามาหมักทำปุ๋ยรดน้ำต้นไม้ ดีนักแล กล้วยแก่ คือมันแก่จัดจนตัดได้แล้ว สังเกตได้จากลูกมันจะอวบกลมมน เหลี่ยมต่างๆ ตอนที่มันยังไม่แก่จัดนั้นจะน้อยลงเหลือนิดเดียว ยังงี้ตัดได้เลยแต่ยังกินไม่ได้เพราะมันยังไม่สุก ต้องเอามาบ่มก่อน วิธีบ่มคือไม่ต้องทำอะไรเลย วางไว้อย่างนั้นแหละ มันจะค่อยๆ สุกเองตามธรรมชาติ กล้วยห่าม คือมันเริ่มสุกแล้ว ออกสีเหลืองอ่อน จะกินตอนนี้เลยก็ได้ กล้วยสุก คือสุกเต็มที่แล้ว ออกสีเหลืองเข้ม หวานอร่อย กล้วยเหี่ยว กินกล้วยทั้งหวีไม่ค่อยจะทัน จนมันสุกจนเหี่ยวแล้ว แต่ยังกินได้ กล่วยเน่า ยังกินไม่ทันอีก มันเหี่ยวจนเน่าแล้ว ต้องเอาไปให้กุ้งให้ปลากิน จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 09:00:13

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าทำได้จริง แบบ คห.๑ ป่านนี้ คนไทย รวยกันทั้งประเทศแล้ว มันก็เหมือนสูตรหาเลขท้าย  ที่มาขายแถวชุมชน คนซื้อก็ลืมนึกไปว่า  ถ้าหาได้จริง ทำไมคนขาย ยังจนอยู่ จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 09:24:50

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 4 ครับ แต่ขออาศัยประสบการณ์ส่วนตัว มาช่วยเพิ่มเติม นิดหน่อยครับ "กล้วยห่าม" คือ ยังไม่สุกดี สีเขียวอ่อนอมเหลือง บางทีเขาก็เรียก "สีกระดังงา" หรือ "สีดอกกระดังงา" กำลังเหมาะจะเอามาบวดชี หรือ เชื่อม เพราะจะไม่เละ "กล้วยสุก" บางทีก็เรียก "กล้วยงอม" เหมือนผลไม้อื่นๆที่ เมื่อสุกเต็มที่พร้อมรับประทาน หากจะกินกล้วยอร่อยๆ ก็ต้องกินตอนมันงอมๆ "กล้วยแก่" ผมว่าเป็นช่วงที่กล้วย สุกมากเลยช่วงงอมไปแล้ว ถ้าเวลากินจะสังเกตได้ว่า เนื้อจะเริ่มเละ เนื่องจากเมล็ดในจะใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้วยน้ำว้า และกล้วยหักมุข ที่จะพบเมล็ดสีดำ แข็งๆ อยู่ในเนื้อกล้วยครับ ส่วนกล้วยเหี่ยว เปลือกกล้วยจะเป็นสีดำๆ แต่ถ้าเนื้อในยังสวยงามอยู่ รับประทานได้ โดยเฉพาะกล้วยหอม กล้วยเหี่ยว ถ้าเนื้อยังไม่เน่าก็เอามาทำเค้กกล้วยหอมได้ครับ เลยช่วงนี้ไป ก็ กล้วยเน่า ละครับ ถ้าไม่โดนหนู โดนกระรอก ค้างคาวแทะเล็มหมดเครือก่อน นะครับ จากคุณ : leeming047 (leeming047) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 12:24:59

ความคิดเห็นที่ 7   ฝนตก ๆ แบบนี้กำลังเหมาะที่จะลงมือปลูก ตามความเห็นที่ 1 แต่อยากจะให้เปลี่ยน แทนที่จะเป็น 1 คนปลูก 100 วัน ให้เปลี่ยนเป็นเด็ก 100 คนปลูก 1 วัน ปลูกคนละ 10 หน่อ โรงเรียนเราก็จะมีกล้วย กินเหลือเฟือถึง 1000 เครือ ใน อีก 10 เดือนข้างหน้า กิจกรรมวันแม่ โดยปลูกต้นกล้วยกัน จากคุณ : กร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 16:38:22 A:124.122.141.176 X: TicketID:209308

ความคิดเห็นที่ 8 ยังไม่เห็นมีใครตอบเรื่อง ใบตอง เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ เริ่มตั้งแต่ตอนปลูกเลย การปลูกกล้วยนั้นเขาใช้หน่อมันมาปลูกเพื่อขยายพันธุ์ คำว่า หน่อ นี้ไม่เหมือนหน่อไม้ซึ่งขึ้นเป็นตุ่มเล็กๆ เหนือระดับพื้นดินนะครับ สำหรับกล้วยแล้ว หมายความว่ามันเจริญงอกงามเป็นต้นเล็กๆ สูงประมาณเอว นั่นแหละเขาจึงขุดไปปลูกต่อ ในการปลูกนั้น เขาจะริดใบมันออกเสียบ้าง ให้เหลือ 2-3 ใบจากยอด เท่านั้นพอ เพื่อลดการคายน้ำทางใบ เพราะเพิ่งปลูกใหม่ รากมันยังไม่จับดิน มันก็ใช้อาหารที่สะสมอยู่ในลำต้นไปพลางก่อน เมื่อมันโตขึ้น ก็แตกใบ แล้วออกปลีซึ่งเรียกว่าหัวปลี จากหัวปลีนี้แหละมันจะออกลูกกล้วยให้เราได้กินกัน (หัวปลีนี่ก็กินได้นะครับ มีประโยชน์มากด้วย คนโบราณนิยมให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์กินหัวปลี เพราะมันช่วยบำรุงน้ำนมให้ลูกที่กำลังจะเกิดมาได้กิน) เมื่อต้นกล้วยโตเต็มที่แล้ว ใบของมันยังเรียกใบกล้วยอยู่ครับ ยังไม่เรียกว่าใบตอง แต่มีช่วงคาบเกี่ยวอยู่ครับ บ้านผมปลูกกล้วยไว้เยอะเหมือนกัน ทุกปีจะมีเพื่อนบ้านมาขอใบของมัน เอาไปห่อขนมเทียนในช่วงเทศกาลตรุษจีน หรือไม่ก็เอาไปทำกระทงในช่วงเทศกาลลอยกระทง เขามาบอกผมว่า ลุง ลุง ขอใบตองหน่อยนะครับ เห็นไหมครับว่า ใบกล้วยกับใบตองเรียกชื่อกันคนละแบบ แม้มันจะยังติดอยู่กับก้านกล้วย ยังไม่ได้ริดออกมาก็ตาม แต่เมื่อริดออกมาแล้ว ใบตอง ลูกเดียวเลยครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 19:34:17 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 19:17:47 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 19:15:48 จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 19:14:59

ความคิดเห็นที่ 9 ตอง เป็นคำไทเดิม หมายถึงใบไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งมักนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่นภาชนะใส่อาหาร   ซึ่งคนไทยภาคกลาง และทางใต้ มักใช้แต่ ใบกล้วย เ้ป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆ แล้ว คนไทยเดิมมีถิ่นดั้งเดิมทางเหนือ จึงหมายถึงใบพืชอื่นๆ ได้เช่น ใบบัว ใบไผ่ ใบสัก ใบบอน ที่คนเหล่านั้นนำมาใช้ประโยชน์ได้ครับ คำว่าใบตอง จึงเป็นการแสดงความหมายอีกอย่างหนึ่ง ต่างจากใบกล้วย ดั้งนั้น ใบตองจึง หมายถึงใบไม้ขนาดใหญ่ ใบกล้วยไม้ หมายถึง ใบจากต้นกล้วย มันมีความหมายทับซ้อนกัน แต่ไม่เหมือนกัน ใบกล้วย อยู่บนต้น ถ้ามันใบใหญ่ก็เรียกใบตองได้ ไม่ผิดครับ จากคุณ : Paphmania เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 23:17:50

ความคิดเห็นที่ 10 พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ให้ความหมายของคำว่า ตอง น. ใบไม้ขนาดใหญ่ใช้ห่อของได้ เช่น ตองกล้วย ฯลฯ ถ้าไม่ได้ความรู้จาก ความเห็นที่ 9 ชี้นำก่อน ผมก็ยังเข้าใจว่า ใบตอง ก็คือ ใบกล้วยเท่านั้นนะครับเนี่ย เพราะฉะนั้นที่เราเข้าใจกันมาตลอด ก็อาจจะเกิดจากความคลาดเคลื่อนของภาษา ดังนั้น งานดอกไม้ใบตอง ที่มักเห็นให้แต่ใบตองกล้วย ก็ควรใช้ให้ชัดเจนไปเลยว่า งานดอกไม้ใบตองกล้วย หรือ งานดอกไม้ใบกล้วย หรือเปล่านะครับ คงจะฟังดูแปลกๆน่าดู แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 53 16:36:52 จากคุณ : leeming047 (leeming047) เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:36:12