ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ต้องไปลงเรียนกันแล้วนะคะ เดี๋ยวจะเสียเงินฟรีๆ เปล่าๆ เพราะเรียนจบมาก็ยื่นขอใบอนุญาตฯ ไม่ได้ จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 11:00:19

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9597296/K9597296.html จากคุณ : หมาป่าดำ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 11:20:22

ความคิดเห็นที่ 3 อธิบายนิดนึงค่ะ ยกเลิกน่ะยกเลิกแน่นอนค่ะ..แต่ในทางปฏิบัติ ในสาขาวิชาที่ขาดแคลนจริงๆ โดยเฉพาะในสาขาวิชาชีพ ยังคงต้องมีต่อไป เหตุผลหลักๆ ของการปิด เนื่องจากสถาบันที่เปิดสอน เปิดรับทุกวิชาโดยไม่มีการชี้แจงแก่ผู้เข้าเรียนว่า ในบางสาขาวิชานั้นไม่สามารถเป็นครูได้ นั่นคือที่มาส่วนหนึ่ง และอีก 1 เหตุผล คือ ธุรกิจนำการศึกษา หมายเหตุ ก่อนคอมเม้นท์ ขอทำความใจก่อนว่า ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู บังคับใช้เฉพาะ ครูที่ปฏิบัติการสอนระดับก่อนปริญญาตรี จนถึง ปฐมวัย หมายถึง ครูที่สอนคนจากที่ไม่รู้อะไรเลย จนรู้ความ ส่วนวิชาเฉพาะนั้น เรารู้ความแล้วจึงมาเรียนนั่นเป็นเรื่องของระดับปริญญาตรีขึ้นไป จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 11:59:24

ความคิดเห็นที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9597800/X9597800.html จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 12:15:16

ความคิดเห็นที่ 5   น่าสงสารประเทศไทย ผลการทดสอบความรู้ครูทั่วประเทศ ปราก ฎว่า ครูมัธยมปลาย สอบตกหมดทุกวิชา นโยบายแบบนี้ออกมายิ่งเป็นการผลักดันให้คนที่มีความรู้เข้าไปเป็นครูไม่ได้ คนที่เป็นครูไม่มีความรู้ สิ่งที่ปรากฎก็คือ คนที่ไม่ได้จบครู มีความรู้มา่กกว่า ถ่ายทอดได้ดีกว่า เป็นสาเหตุที่นักเรียนจำเป็นต้องไปเรียนพิเศษ จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 12:19:29 A:58.9.250.191 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 6 ผมสอนพิเศษเด็ก (รวมทั้งอารมณ์ของผมตอนเรียนหนังสือ) อารมณ์ของเด็กและผมจะ prefer อาจารย์ที่ 1) ทำให้ผมเคลียร์ในเรื่องที่สอนได้ 2) สามารถตอบคำถามหรือชี้แนะแนวทางได้อย่างดี 3) ในเรื่องที่เห็นภาพได้ยากทำให้ไม่อยากเรียน ครูที่ดีต้องชี้ภาพให้เด็กเห็นว่ามันเป็นประโยชน์อย่างไรต่อโลกนี้   และประยุกต์ใช้อย่างไรได้ ในฐานะผู้เรียนผมไม่สนหรอกว่าครูคนนี้จะจบแบบไหนมา แต่ต้องตอบสนอง need ของผู้เรียน 3 ข้อนี้ได้ ซึ่ง คนที่เขาเรียนเฉพาะทางหรือสายที่ต้องใช้มา แล้วอยากมาเป็นครู เขารู้อยู่แล้วครับ ว่าเขาต้องสอนให้เด็กรู้เรื่อง แล้วอยากสอนหนังสือ ไม่งั้นเขาไปทำงานวิชาชีพเขาดีกว่า ได้เงินเยอะกว่าด้วย แล้วไปทำกวดวิชาเองได้ด้วยไม่โดนข้อครหาอีกว่ากั๊กเด็กให้ไปเรียน ผม ชื่นชมคุณครูที่จบ กศ.บ. หรือ ค.บ. ที่ตอบคำถามทั้ง 3 ข้อที่ผมสนใจได้ ซึ่งมีอยู่เยอะ แต่ผมจะไม่ชอบครูที่มีไม่ครบ 1-3 ไม่ว่าจะจบอะไรมา   เพราะในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้สอน ตัวเองควรจะรู้กว้างและทันสมัยในเนื้อหาตลอดเวลา รวมถึงเป็นผู้แนะนำเด็กที่ดีได้ด้วย ในสายตาผมผมคิดว่าไม่เห็นมีปัญหาอะไรที่คนจะเรียนเฉพาะทาง มาประกอบวิชาชีพครู โดยการเรียน ป.บัณฑิต เพื่อเสริมความเป็นครูให้เขา หรือว่าจะทำเป็นวิชาชีพสงวนก็บอกมาตรงๆ จะได้เลิกสนใจ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 12:26:37

ความคิดเห็นที่ 7   ^ ^ ^ เห็นด้วยอย่างยิ่ง ทำไมถึงไม่จัดสอบแข่งให้รู้แล้วรู้รอดอ่ะ เป็นอะไรไป ดร. ดูถูกคนเรียนครูมาหรือเปล่า มั่นใจในหลักสูตรครูหน่อยสิ แต่อยากจะบอก อย่างผลสอบครูม.ปลายทั่วประเทศ ต่ำกว่ามาตรฐานครับ จากคุณ : บ้าจิง เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 12:42:35 A:113.53.106.7 X: TicketID:276156

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนที่ผมเรียน ABAC มีอาจารย์หลายท่านที่เป็นอาจารย์พิเศษ อาจารย์พิเศษคือผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา มีความรู้เฉพาะด้านและประสบการณ์สูงส่งเพราะทำงานมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว แต่ไม่มีวุฒิครูอะไรกับเขาหรอก เพราะท่านมีงานประจำในตำแหน่งสูงๆ อยู่แล้ว ไม่ง้อวุฒิครูหรอก ที่มาช่วยสอนก็เพื่อมาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้ มีอาจารย์ท่านหนึ่ง บอกว่า นี่ พวกเธอ ไม่ต้องเปิดตำรับตำราหรอก ฟังอาจารย์พูดอย่างเดียวก็พอแล้ว จะถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้ ตำรับตำรานั้นพวกเธอไปอ่านเองได้ ผล 1. ผมได้ภาษาอังกฤษจากการที่ต้องอ่าน text book เยอะ ตำรับตำราทุกเล่มเป็นภาษาอังกฤษหมด 2. ความรู้ในแต่ละวิชาที่เรียนนั้น นักศึกษาแต่ละคนได้ซึมซับประสบการณ์เข้าไปด้วย ทั้งๆ ที่ตัวเองยังเรียนหนังสืออยู่เลย ผมว่านะ ยุบคุรุสภาทิ้งไปเสียด้วยเลยดีไหม จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 13:03:15

ความคิดเห็นที่ 9   นโยบายสงวนอาชีพครู ให้เฉพาะคนที่เรียนจบครูโดยตรงเท่านั้น ต้องกีดกันไม่ให้คนอื่นมาเป็นครู ต้องสงวนอาชีพนี้ไว้ให้เฉพาะกลุ่มคนที่ต้องมาเรียนครูเหมือนสงวนอาชีพช่างตัดผมและสามล้มให้เฉพาะคนไทยเท่านั้น ครูจะมีความรู้ที่สอนหรือไม่ ไม่สำคัญ เด็กนักเรียนไปเรียนพิเศษได้เองอยู่แล้ว น่าสงสารประเทศไทย จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 13:06:00 A:58.9.250.191 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 10 ... แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 13:13:04 แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 13:10:40 จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 13:09:36

ความคิดเห็นที่ 11   ถ้าเงินเดือนของครู สูงกว่านี้ เหมือนที่ประเทศญี่ปุ่นเค้าทำกัน จะมีคนเก่งๆมาเป็นครูเยอะเลยละครับ เลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประเทศญี่ปุ่นถึงได้เจริญกว่าบ้านเรา ทั้งที่ในอดีตเค้าด้อยกว่าเรา เพราะปัจจุบันรากฐานการศึกษาเค้าดีครับ คนเก่งๆบ้านเราเค้าไปทำงานภาคเอกชนกันหมด เหลือครูเป็นอาชีพที่คนมักมองว่าเงินเดือนน้อยครับ จากคุณ : Frenchkid เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 13:15:04

ความคิดเห็นที่ 12 ท่าทางจะทำเป็นวิชาชีพเฉพาะ เหมือนวิชาชีพที่มีสภาวิชาชีพควบคุม เช่น แพทยสภา ทันตแพทยสภา สภาเภสัชกรรม นะ จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 14:26:39

ความคิดเห็นที่ 13 ท่าทางจะทำเป็นวิชาชีพเฉพาะ เหมือนวิชาชีพที่มีสภาวิชาชีพควบคุม เช่น แพทยสภา ทันตแพทยสภา สภาเภสัชกรรม นะ จากคุณ : Antares Kung เค้าว่ากันว่าอย่างนั้นแหละค่ะ แต่ไม่รู้จะสำเร็จเมื่อไหร่ เพื่ออนาคตของชาติ ยังไงถ้าเป็นรูปเป็นร่าง ยิ่งเร็ว ยิ่งดีค่ะ จากคุณ : RainbowLove เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 14:49:19

ความคิดเห็นที่ 14 ก็ที่ผมพูดและคนทั้งหมดในห้องหว้ากอพูดนี่คือ ม. ปลายครับ ไม่ได้พูดถึง ป.ตรีเลย จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 16:45:27

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนที่ ๕ การประกอบวิชาชีพควบคุม —————— มาตรา ๔๓ ให้วิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาเป็นวิชาชีพควบคุมตาม พระราชบัญญัตินี้  การกำหนดวิชาชีพควบคุมอื่นให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่กรณี อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ที่เข้ามาให้ความรู้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาเป็นครั้งคราวในฐานะวิทยากรพิเศษทางการศึกษา (๒) ผู้ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนแต่ในบางครั้งต้องทำหน้าที่สอนด้วย (๓) นักเรียน นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรมหรือผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติการสอน ซึ่งทำการฝึกหัดหรืออบรมในความควบคุมของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งเป็นผู้ให้การศึกษาหรือฝึกอบรม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด (๔) ผู้ที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย (๕) ผู้ที่ทำหน้าที่สอนในศูนย์การเรียนตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ หรือสถานที่เรียนที่ หน่วยงานจัดการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด (๖) คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาในระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาทั้งของ รัฐและเอกชน (๗) ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา (๘) บุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด --------------------------- รวมทั้งไม่เกี่ยวกับกวดวิชาด้วย เพราะผมตีความตาม 4) คำว่ากวดวิชา ผมเทียบเฉยๆ จากการที่ผมสอนพิเศษ แต่ประเด็นที่เขาโต้เถียงกันในตอนนี้ คือ ม.ปลาย ที่อยู่ในข้อบังคับของหมวดนี้ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 17:15:18

ความคิดเห็นที่ 16 ถึงจะเป็น ม.ปลายก็เถอะ คุณ CuSO45H2O ไม่ต่างอะไรกับปริญญาตรีหรอก การที่ได้อาจารย์ที่มีความรู้และประสบการณ์สูงส่งมาช่วยสอน เป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนัก จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 18:40:43

ความคิดเห็นที่ 17   จะม.ต้น ม.ปลาย หรือ ปริญญา ผมก็อยากได้ครูที่รู้วิชาและรู้สำนึกครับ ซึ่งไม่ว่าครูจบอะไรมาก็สามารถเพิ่มพูนอีกด้านของตัวเองได้ ไม่อยากให้ระบบเป็นตัวปิดกั้นโอกาสที่เด็กจะได้รับครับ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 21:27:14 A:115.87.0.113 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 18 ดิฉันว่า มันก็แค่การกีดกันทางวิชาชีพนั่นเอง    มีคนกลัวโดนพวกสายตรงเขาแย่งงาน        วิธีง่ายๆ สอบแข่งกันเลยทั้งด้านวิชาการ ด้านวิชาชีพ และ มีการสอบสอนด้วย    โดยผู้ให้คะแนนคือเด็ก ดูผลสัมฤทธิ์จาก Pre-test และ Post-test จากคุณ : ผ้าขี้ริ้ว52 เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 21:30:57

ความคิดเห็นที่ 19 ู^ ^ ผมก็ว่าครับ แต่ให้เด็กแสดงผลสัมฤทธิ์ไม่ได้หรอกครับ เพราะ เด็กกลัวครู ครูถือคะแนนอยู่ ครูอาจจะไปเตี๊ยมกับเด็กไว้ก็ได้ ต้องให้ผู้ที่อยู่ในวิชาเฉพาะร่วมกับผู้ที่อยู่ในวิชาชีพครับ โดยอาจมีเด็กมีส่วนร่วมก็ว่าไป จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 22:22:59

ความคิดเห็นที่ 20 สงสัยครับ ทำไมถึงเลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ถ้าอยากเป็นครูสอน ป.ปลาย จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 22:33:22

ความคิดเห็นที่ 21   แล้วต้องคิดเป็นอ.มหาลัย หรือ นักวิจัย หรือสายโรงงานเหรอครับ ถึงเรียนคณะนี้ได้?? จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 22:44:07 A:115.87.0.113 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 22 ทำไมไม่ใช้กลไกตลาดเป็นตัวตัดสินละครับ ใช้การสอบวิชาชีพ (ครุสภาออก) + วิชาเฉพาะที่จะใช้สอน (ผู้เชีวชาณด้านวิชาชีพเฉพาะออก) ภาคทฤษฎี (50%)  การสอบสอนภาคปฏิบัติ โดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้เชียวชาญทั้งทางเฉพาะ (ที่ไม่ใช่วิชาชีพเพื่อกันการกีดกัน) และผู้ที้เป็นวิชาชีพ (30%)  การสอบภาควิชาเฉพาะในเชิงปฏิบัติ (ถ้าทำได้เช่นวิทยาศาสตร์ ส่วนคณิตศาสตร์อาจจะใช้วิธีทดสอบความรู้เพิ่มเติม) (20%)  ถ้า่คุณทำไม่ได้ตลาดจะเป็นตัวคัดคุณออกเอง  ไม่จำเป็นต้องมาแทรกแซงด้วยการบิดเบือนกลไกหรอก จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 22:50:34

ความคิดเห็นที่ 23 นั่นสิครับ เป้าหมายในการผลิตบัณฑิตของคณะวิทยาศาสตร์คืออะไร เป้าหมายของการผลิตบัณฑิตคณะครุศาสตร์คืออะไร เป้าหมายของเด็กที่เลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ เป้าหมายของเด็กที่เลือกเรียนครุศาสตร์คืออะไร แล้วทำไมสภาวิชาชีพอื่น ๆ ถึงไม่ใช้กลไลตลาดเป็นตัวตัดสินเหรอครับ ทำไมถึงต้องมีการออกกฎหมายวิชาชีพออกมา ในเมื่อ ถ้า่คุณทำไม่ได้ตลาดจะเป็นตัวคัดคุณออกเอง ไม่จำเป็นต้องมาแทรกแซงด้วยการบิดเบือนกลไกหรอก จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 23:01:18

ความคิดเห็นที่ 24 ู^ ^ แล้วคุณจบวิทยา คุณไปทำ GP ได้ไหมครับ หรือไปกรอฟันได้ไหม คุณเรียน Gross มาไหม หรือว่าคุณเรียนการทำยามาไหมครับ ในขณะที่การถ่ายทอดความรู้นั้นผู้ที่สามารถถ่ายทอดความรู้ได้นั้นจะเป็นใครก็ได้ แต่นั่นหมายความว่าไม่ได้ต้องการคนจบวิชาชีพโดยตรง คนที่มีจิตวิทยาวิชาชีพนั้นจำเป้น แต่การที่เด็กจะได้สิ่งที่ดีกว่าเป็นเรื่องดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ เด็กได้สโคปความรู้ที่ถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ ทราบว่ามันเอาไปใช้อะไรได้ จากคนที่มีประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่อ่านตำรามาสอน ครูสอนเคมี ม. ปลายบางคนยังจับบิวเรตต์ไม่เป้นเลย ไตเตรทพอมาเห็นของจริง ก็ทำไม่ได้ ทั้งๆที่เป้นเรื่องที่อยู่ในหลักสูตรด้วย หรือคนสอนชีววิทยา ม. ปลาย ดันรู้แค่ว่าเบเนดิกต์ทำปฏิกิริยาได้แค่กลูโคส แล้วให้เด็กผิดเพราะเด็กตอบถูกทุกข้อ ช้อยส์มี กลูโคส มอลโตส กาแล็คโตส ถูกทุกข้อ เด็กเอาหลักการไปแย้งก็บอกว่าหลักสูตรมันมีแค่นี้ก็เรียนแค่นี้สิ มีอีกหลายเรื่องเลยครับ การได้สอนพิเศษเด็กจะได้เห็นอะไรอีกมาก ปล. ครูวิทยาศาสตร์ที่จบ กศ.บ. หรือ ค.บ. ที่ดีมีเยอะครับ ประเด็นผมไม่ได้ต้องการแบ่งแยกเรื่องพรรณ์นี้     แต่ทำไมต้องไปตัดตัวเลือกเด็กครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 23:11:15

ความคิดเห็นที่ 25   "เป้าหมาย"กับ"เหตุผลที่เรียน" สำหรับบางคนก็ไม่ได้ไปทางเดียวกันนะครับ มองได้ทั้ง2ฝ่ายแหละ สภาวิชาชีพอื่นๆทำไมต้องมีกฎหมายออกมา >ผมเชื่อว่าคุณสามารถเข้าใจ&ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย ที่ทำให้รูปแบบปัจจุบันออกมาเป็นอย่างนี้อยู่แล้วครับ ถ้าทำไม่ได้ ตลาดจะคัดเอง >ที่ผ่านมาก็คัดแล้วล่ะ ผู้ที่อยู่รอดก็เท่าที่เห็นในปัจจุบัน กฎที่ออกตามมาไม่ได้เป็นตัวบิดเบือนกลไก แต่กรณีล่าสุดนี่ก็เป็นตามที่คุยๆกันมาหลายกระทู้นี่แหละ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 23:13:21 A:115.87.0.113 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 26 นั่นมันขึ้นอยู่กับตัวผมไม่ใช่เหรอครับ ว่าจะทำ GP Gross หรือ ยาได้หรือไม่ แต่ทำไมต้องออกกฎหมายห้ามตั้งแต่เริ่มเหรอครับ ในเมื่อคุณก็บอกเองอยู่แล้วว่า ถ้า่คุณทำไม่ได้ตลาดจะเป็นตัวคัดคุณออกเอง ไม่จำเป็นต้องมาแทรกแซงด้วยการบิดเบือนกลไกหรอก ผมถึงถามคุณอยู่นี่ไง ว่าคณะวิทยาศาสตร์กับคณะครุศาสตร์จุดประสงค์ในการผลิตบัณฑิตมันต่างกันตรงไหน ทำไมครูจากคณะครุศาสตร์ถึงห่วยแตก ไม่สามารถทำอะไรทีุ่คุณกล่าวมาได้ และเมื่อมันห่วยขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ยุบคณะครุศาสตร์ซะ แล้วให้คณะวิทยาศาสตร์ผลิตบัณฑิตซึ่งมีคุณภาพเยอะกว่ามาสอน จะได้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินในการผลิตครู จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 23:25:00

ความคิดเห็นที่ 27   #26 "...ทำไมต้องออกกฎหมายห้ามตั้งแต่เริ่ม..." >เชื่อว่าคุณเข้าใจดีอยู่แล้วครับ "...ทำไมครูจากคณะครุศาสตร์ถึงห่วยแตก ไม่สามารถทำอะไรที่คุณกล่าวมาได้..." >ถ้าคุณเลือกที่จะตั้งคำถามแบบนั้น ก็จะเกิดการโต้เถียงที่ผิดประเด็นจากมติที่เพิ่งออกมาซิครับ >ลองเปลียนคำถามซิครับ มาเป็น"ทำไมครูจากคณะอื่นถึงห่วยแตก ไม่สามารถพัฒนาการสอนได้ จึงต้องตัดสิทธิ" ผมไม่ได้ค้านมติเพราะคิดว่าครูจากครุฯจะแย่กว่า แต่ผมคิดว่าครูจากคณะอื่นก็ไม่ได้แย่กว่าครับ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 23:48:03 A:115.87.0.113 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 28 ผมจำเป็นต้องตั้งคำถามแบบนั้นครับ เพราะคณะที่ทำหน้าที่ผลิตครูโดยตรง คือ คณะครุศาสตร์ แต่คณะอื่นนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ในการผลิตบัณฑิตเพื่อออกไปทำหน้าที่ครู ในเมื่อครูจากคณะอื่นออกมากล่าวว่าสามารถทำหน้าที่ได้ไม่ด้อยกว่าบัณฑิตที่ผลิตออกมาจากคณะครุศาสตร์ ดังนั้น คณะครุศาสตร์จึงจำเป็นต้องพิจารณาตัวเองว่าบัณฑิตของตนนั้นแย่อย่างที่เขาพูดจริงหรือไม่ แล้วทำไมคนที่ต้องการเป็นครูถึงไม่เลือกที่จะเรียนคณะครุศาสตร์ และผมมองว่าคนที่เสนอให้ยกเลิก ป.บัณฑิตวิชาชีพครู น่าจะไม่ได้คิดแค่จะกีดกันไม่ให้บัณฑิตคณะอื่นมาทำหน้าที่ครูครับ จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 00:07:05

ความคิดเห็นที่ 29   กีดกันชัดๆ อ. ที่สอนตามสถาบันกวดวิชาไม่ได้จบครูมาทั้งนั้น แล้วก็มีความรู้มากกว่า ถ่ายทอดได้ดีกว่า   หรือจะเถียงว่าไม่จริง      จริงๆเขาก็กลัวคนแย่งงานนะแหละ คนของคุณคุณภาพต่ากว่าแล้วกลัวคนที่เก่งกว่าแย่งงานมันก็เห็นชัดๆอยู๋ จากคุณ : Dark Prince of Lonely Castle เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 14:51:24

ความคิดเห็นที่ 30   ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูในประเทศไทยเกิดขึ้นเนื่องจาก นักศึกษาที่จบจากวิทยาลัยครูตกงานมาก นักศึกษาครูรุ่นก่อนจึงชุมนุมเรียกร้องใ้ห้เกิดใบประกอบวิชาชีพครู เจตนาพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่ไม่ได้จบครูโดยตรงมาเป็นครู ประกาศที่ออกมาจึงเป็นการต่อยอดนโยบายเดิม คือ กีดกันไม่ให้ผู้ที่จบครูโดยตรงมาเป็นครู จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 15:28:56 A:61.90.65.88 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 31 #26 ผมเคยสงสัยยิ่งกว่านี้อีกนะ เช่นทำไมยังต้องมีคณะวิทยาศาสตร์ ในเมื่อวิทยาการด้านชีวภาพทางแพทย์ก็มีสอนและคณะที่เอียงมาทางช่างให้คณะวิศวกรรมศาสตร์ไปก็ได้   นักศึกษาจากทั้งสองคณะนี้มีคุณภาพไม่ด้อยกว่านักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์แน่นอน แต่ตอนหลังก็เข้าใจว่ามันแทนที่ทั้งร้อยไม่ได้ เพราะปรัชญาการผลิตคนต่างกัน  ด้วยเหตุผลนี้  การออกใบประกอบวิศวกรรมให้ครูช่าง (ครุศาสตร์อุตสาหกรรม) จึงถูกยกเลิกไป  เหตุที่ตัดสิทธิตอนนั้นก็อ้างเรื่องปรัชญาการผลิตคนด้วย (อ้างโดยนายกสภาวิศวกรสมัยนั้น) แต่ยังเหลือช่องให้ขอใบอนุญาตแบบพิเศษได้ซึ่งต้องว่ากันตามขอบเขตงานที่ชำนาญ สำหรับเรื่องครูนี้ ไม่ชัดว่าการเปิดช่องให้ผู้จบสาขาอื่นจะทำอย่างไร ถ้ายุบหลักสูตรป บัณฑิต ก็ควรมีช่องทางให้ผู้ไม่ได้จบครูแต่ มีความสามารถใจรัก มาเป็นครูอนุบาล ประถม และมัธยมได้ แต่สงสัยจริงๆว่ามีนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์/วิศวกรรมศาสตร์ อยากเป็นครูอนุบาล ประถม และมัธยม จำนวนมากขนาดนั้นเลยเหรอ  เห็นคนใกล้ตัว คิดแต่เรื่องทำงานที่ได้เงินมากๆกันทั้งนั้น  ที่จะคิดอุทิศตัวแบบครูจูหลิงไปทำงานสามจังหวัดภาคใต้น่ะ  ผมไม่เคยเจอเลยนะ ความอิหลักอิเหลื่อก็คือว่า  เราใช้เหตุผลเรื่องปรัชญาการผลิตคนไปตัดสิทธิสาขาอื่นมาแล้ว ในกรณีของการผลิตวิศวกร  แต่เรากำลังไม่ยอมรับวิธีคิดแบบนี้ ในการผลิตครู  มันทำให้เราดับเบิลแสตนดาร์ดหรือเปล่า? แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 53 16:20:11 แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 53 16:18:13 แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 53 16:16:15 จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:02:59

ความคิดเห็นที่ 32   "..สามารถทำหน้าที่ได้ไม่ด้อยกว่า...จึงจำเป็นต้องพิจารณาตัวเองว่าบัณฑิตของตนนั้นแย่อย่างที่เขาพูดจริงหรือไม่.." >คนอื่นๆ"บางคน"ไม่ด้อยกว่าคนของตัว"บางคน" จำเป็นแปลว่าคนของตัวแย่กว่าเขาเหรอครับ หรือเป็นปมในใจของแค่"บางคน"นั้นๆเอง "..คนที่เสนอให้ยกเลิก ป.บัณฑิตวิชาชีพครู น่าจะไม่ได้คิดแค่จะกีดกัน.." >เขาก็น่าจะ(และควรต้อง)มีหลายเหตุผลล่ะครับ แต่ที่เขาชั่งน้ำหนักออกมาเป็นมตินี้ เกิผลเสียกับทั้งด้านบุคลากรและตัวเด็กๆมากกว่าประโยชน์แค่นั้นเอง จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:03:32 A:124.121.51.126 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 33   #31 ผู้มีความรู้วิชาการไม่ได้จำกัดแค่คณะวิทย์นะครับ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:05:19 A:124.121.51.126 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 34   http://www.pm.go.th/connect/41499 จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:20:50 A:124.121.51.126 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ temp จขกทในห้องหว้ากอเข้าตั้งคำถามถึงผลกระทบต่อผู้ที่เรียนวิทยาศาสตร์/วิศวกรรมศาสตร์ แต่ใจรักต้องการเป็นครูน่ะครับ  เลยยกขึ้นมา เพราะผมเองเห็นข้อแย้งของ #26 และอยากเสริมที่เขายกมา   อ่า ผมจะเอา #31 ไปแปะห้องหว้ากอดีกว่า จะตรงกับประเด็นผู้ตั้งกระทู้มมากกว่า จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:28:27

ความคิดเห็นที่ 36 เขียนจากประสบการณ์ ... (ขอลบข้อมูลส่วนตัวค่ะ) เห็นด้วยกับการยกเลิก ป บัณฑิตวิชาชีพครู ค่ะ  ด้วยเหตุผลหลายข้อ (คงต้องอ่านยาวหน่อยนะคะ) ลองเลือกครูของลูกคุณ จากครูสองแบบนี้นะคะ 1. ศศ.บ./ค.บ.เอกวิทยาศาสตร์ ที่เรียนวิชาชีพครูมาตลอด 5 ปี สอนในโรงเรียนมาสามปี (สองปีแรกช่วยสอน ปีที่สามสอนเองเต็มตัว) มีความรู้ความเข้าใจในตัวเด็ก ได้รับการอบรมเรื่องความเป็นครูมาตลอด 5 ปี ไว้ใจในเรื่องความเป็นครูได้เกือบทุกคน แต่ความรู้อ่อนนิดหน่อย 2. วท.บ. ที่เรียนวิชาชีพครูมาปีเดียว ฝึกสอนอีก 1 ปี ความรู้ดีมาก ถ่ายทอดดี แต่ไม่รับรองเรื่องความเป็นครู/ความอดทน ว่าจะดีเท่า ค.บ. หรือเปล่า (อาจจะดีเป็นบางคน) โดยส่วนตัว คิดว่า เลือกแบบแรก เพราะ... การเป็นครูสอนในโรงเรียน ต้องมีความเป็นครูสูง การเป็นครูในโรงเรียนทั่วๆไป ไม่ใช่ว่าคุณจะมีความรู้เพียงอย่างเดียว คุณต้องดูแลความประพฤติ เป็นที่ปรึกษา แก้ปัญหาส่วนตัวให้เด็ก เพื่อให้เด็กสามารถเรียนหนังสือได้ ทุกคนทราบว่า นักเรียนทุกวันนี้ ไม่ได้ว่านอนสอนง่ายเหมือนสมัยก่อน มีปัญหามากมาย ทั้งจากทางบ้านและสังคม ครูก็ต้องรับบทหนัก ต้องมีความเป็นครูสูง ผู้ปกครองย่อมอยากได้ครูที่เข้าใจลูกเราด้วย ไม่ใช่เน้นความรู้อย่างเดียว แต่เราไม่สามารถเลือกได้ตามใจทุกอย่างหรอกค่ะ ไม่สามารถเลือกครูที่เข้าใจนักเรียน และเก่งวิชาการได้ในคนๆเดียวกัน (บางทีก็โชคดี ได้ทั้งสองอย่าง) เราเองอยากได้ครูที่สอนเด็กให้เป็นคนดี มีความรับผิดชอบ มาช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง มากกว่าเก่งวิชาการ ดังนั้น ขอเลือกครูที่เข้าใจเด็กไว้ในโรงเรียนก่อนนะคะ ส่วนครูที่เก่งวิชาการ เดี๋ยวจะให้ลูกหลานไปเรียนพิเศษด้วยละกัน ถ้าคุณเก่งเรื่องการสอนและ การอธิบายจริงๆ ทำไมไม่ไปเปิดโรงเรียนสอนพิเศษ  จะทำเงินได้มากกว่าอย่างแน่นอน คุณจะมาอยู่ในโรงเรียนทำไมล่ะคะ ไม่ต้องออกข้อสอบ ทำงานพิเศษ แถมยังไม่ต้องมาปวดหัวกับความประพฤติของเด็กด้วย เด็กที่ว่านอนสอนง่าย มีแต่ในโรงเรียนใหญ่ๆประจำจังหวัด หรือเด็กห้องคิงเท่านั้นแหละ ปล่อยเรื่องในโรงเรียนไว้ให้คนที่เรียนวิชาชีพสายตรงเขาเถอะค่ะ >> แก้ไข -- ขอลบข้อมูลส่วนตัวค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 53 14:00:19 จากคุณ : จิน ณ จันทร์ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:29:55

ความคิดเห็นที่ 37 คณะวิทยาศาสตร์ กับ คณะแพทยศาสตร์ เรียนต่างกันครับ เช่น เรียนชีววิทยาเหมือนกัน แต่ชีววิทยาไม่ได้จำกัดเฉพาะคน แต่ยังรวมถึงพืช สัตว์ เป็นต้น ครับ "...จึงจำเป็นต้องพิจารณาตัวเองว่าบัณฑิตของตนนั้นแย่อย่างที่เขาพูดจริงหรือไม่..." ประโยคนี้ของผม ชี้ไปทางความคิดเห็นที่ 24 ครับ คุณคิดว่าที่เขาพิมพ์มามันแย่ไหมละครับ หรือมันก็เป็นแค่ปมในใจของแค่ "บางคน" เท่านั้นเอง? ส่วนจะเกิดผลเสียหรือผลดี ต้องดูกันยาว ๆ ครับ เพราะผมมองว่าการให้ยาบางชนิดต้องอาศัยระยะเวลาถึงจะเกิดผล ดังนั้น ผมจึงไม่อยากตั้งธงไว้ว่าเป็นเพียงประเด็น "การกีดกันทางวิชาชีพ" อ้อ ผมไม่ได้จบคณะครุศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์มานะครับ ดังนั้น การแสดงความคิดเห็นของผม จึงไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:35:12

ความคิดเห็นที่ 38   คำตอบของ#26 ผมเชื่อว่าในใจเขา(และท่านที่อ่านคำถาม)เข้าใจดีอยู่แล้วล่ะครับ จากชีวิตสังคมที่เห็นและเป็นกันอยู่ ปล.ปกติผมไม่ได้ออกความเห็นในเนตมากหรอก มาสิงอยู่เวบนี้ส่วนใหญ่เอาแต่อ่าน จนมาโพสท์มากๆแค่ช่วงคดี GT200 แล้วก็ลาไป (มีตอนด่าสอบเอนท์อีกรอบนึง) ผมมองว่าประเด็นเรื่องการศึกษานี้กระทบสังคมทั้งระยะสั้นและยาวอย่างรุนแรงมาก จึงโพสท์ถี่เพราะอยากให้หลายๆท่านช่วยกันคิดครับ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:40:31 A:124.121.51.126 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 39 ถึง #31 คุณ Ter @ AFC เห็นด้วยกับคุณค่ะ ว่าคนเรียนคณะอื่น จะอยากมาเป็นครูทำไม ส่วนในเรื่อง การกีดกันการเป็นครูนั้น ถ้าใครสนใจ ก็สามารถเข้าเรียนคณะครุศาสตร์ หลักสูตร 5 ปีได้นี่คะ โดยการโอนหน่วยกิตวิชาคณะอื่นได้ (หรือทำไม่ได้?) ก็จะสามารถจบได้เร็วขึ้น ถ้ารักอยากเป็นครูมากขนาดนั้น น่าจะยอมลงทุนเรียนเพิ่มอีกสักสามสี่ปีนะคะ จะได้เรียนรู้เพาะบ่มความเป็นครูเพิ่มมากขึ้น (คนที่เรียน ป.บัณฑิต บางคน มีความเป็นครูน้อยมาก) แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 53 14:02:13 จากคุณ : จิน ณ จันทร์ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:40:34

ความคิดเห็นที่ 40 ความคิดเห็นที่ 38 นั่นสิครับ แล้วเมื่อคุณเห็นปัญหาแล้วคุณจะแก้ปัญหานั้นอย่างไร การแก้ปัญหาโดยการให้บัณฑิตจากคณะอื่นเข้ามาเป็นครู นั่นคือ วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ถาวรหรือครับ แล้วคณะครุศาสตร์จะผลิตบัณฑิตออกมาทำไม? จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:46:14

ความคิดเห็นที่ 41 ครูคะแนนสูงนะ ถ้าไม่ใช่ราชภัฎอ่ะ แต่ราชภัฎก็ดีนะ เพื่อนบอกงานหนักอยู่ จากคุณ : Metaphysics เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 16:48:09

ความคิดเห็นที่ 42 ู^ ^ แต่ก็เป็นฐานให้คณะอื่นเหยียบอยู่ดี ตอนเรียนวิชาเฉพาะต่างๆ จากคุณ : ผ้าขี้ริ้ว52 เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 17:04:34

ความคิดเห็นที่ 43 ^ ^ ครับ  ผมเองก็ไม่อยากโยนว่าเป็นเรื่องกีดกันเพียงอย่างเดียว   และอยากให้มีการเปิดช่องไว้สำหรับผู้มีความสามารถแต่ใจรักงานสอนเด็กๆ ครับ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 17:07:28

ความคิดเห็นที่ 44   #37 ก็ไม่อยากเรียกว่าตั้งธงหรอกครับ เพราะ"เหตุ"ที่ออกมติมีหลายอย่างแน่ครับ แต่"ผล"ของมันเป็นดังนี้แหละ #36 ผมอยากได้ครูแบบข้อ3ครับ รู้วิชาและรู้ดี (ซึ่งไม่ได้แปลว่าต้องเก่งที่สุด) เพราะคุณสมบัติของครูแต่ละคนก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวแค่"บางคน"ครับ ไม่ใช่การเหมาทั้งกลุ่ม #36,40 "..ไม่สามารถเลือกครูที่เข้าใจนักเรียน และเก่งวิชาการได้ในคนๆเดียวกัน (บางทีก็โชคดี ได้ทั้งสองอย่าง).." >การเปิดกลุ่มบุคลากรกว้างกว่า ย่อมมีโอกาสโชคดีได้คนที่ดีพร้อมมากขึ้น (และมีโอกาสได้คนที่ไม่ดีติดมา) ในเมื่อคกก.ก็เห็นสาเหตุว่าสถาบัน"บางแห่ง"ไม่รักษาคุณภาพของหลักสูตร แล้วจะเหมายกเลิกสถาบัน"ทุกแห่ง"รวมกันไปหมด ทั้งที่ท่านทราบอยู่แล้วว่ามีบางแห่งทำคุณภาพได้ดี >ปัญหาที่เห็นชัดแจ้งคือการติดตามควบคุมคุณภาพหลักสูตร และการคัดกรองบุคลากรเข้างาน แต่หน่วยงานและท่านๆผู้บริหารจงใจที่จะ"ละเลย"หน้าที่ของตัว "ผลักภาระ"ให้สังคมรับผิดชอบแทน อันนี้แหละคือปัญหาหลัก #39,40 "..เพราะพบคนที่เรียนบางคน.." "..ให้บัณฑิตจากคณะอื่นเข้ามาเป็นครู...แล้วคณะครุศาสตร์จะผลิตบัณฑิตออกมาทำไม.." >นี่ก็ประเด็นนึง ที่มาของปัญหาคือ"บางคน" แต่ผลออกมากับ"ทุกคน" พอมองแบบเหมาเอาแล้วก็จะกลายเป็นว่าเราคุยคนกันละเรื่องไปซะ #39"..น่าจะยอมลงทุนเรียนเพิ่มอีกสักสามสี่ปี..บางคน มีความเป็นครูน้อยมาก)" >ไม่ต่างกับความเห็นของอีกฝ่ายนึง ที่บอกว่าเรียน5ปีแล้วบางคนมีความรู้น้อยมาก ไม่อยากให้มองกันแบบนี้(ทั้ง2ฝ่าย) >ย้ำอีกทีว่าเป็นเรื่องของ"บางคน" (และเรื่องของการละเลยหน้าที่ราชการด้วย) จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 17:15:26 A:124.121.51.126 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 45   กว่าจะพิมพ์เสร็จ #42มาสุมไฟอีกแล้ว TT จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 17:17:07 A:124.121.51.126 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 46 จริง ๆ พันทิปน่าจะมีระบบ Quote นะครับ ผมเห็นรูปแบบการตอบของคุณ temp แล้วเวียนหัว จนบางครั้งต้องกลับไปอ่านความเห็นของตัวเองอีกทีว่าเขียนอะไรไป ถึงตอบกลับมาแบบนั้น เล่นจับเป็นประโยคมาตอบ มึนครับ เหมารวมหรือครับ อันนี้คุณคิดไปเองนะครับเพราะผมคิดว่า แน่นอนบัณฑิตครุศาสตร์ต้องมีที่ผ่านเกณฑ์และตกเกณฑ์เป็นธรรมดา แต่ถ้าคุณบอกว่า "บางคน" ไม่มีคุณภาพ ผมก็มองว่างั้นก็เอา "บางคน" จากครุศาสตร์ที่มีคุณภาพมาแทนสิ นอกเสียจากว่า ไม่มีบัณฑิตครุศาสตร์ที่มีคุณภาพพอที่จะมาแทนได้จึงจำเป็นต้องใช้บัณฑิตจากคณะอื่นเข้ามาแทนครับ จากคุณ : Antares Kung เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 17:55:19

ความคิดเห็นที่ 47 เหอะๆ คห.42 ครับ เราพูดเรื่องกีดกันทางวิชาชีพและการเปิดโอกาสครับ อย่าจุดประเด็นใหม่มาเลยครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:07:59

ความคิดเห็นที่ 48   ขอโทษทีครับที่ชอบผม quote เพราะอยากให้คนอื่นๆที่อาจมาอ่านผ่านๆได้ตามประเด็นทันน่ะครับ พอพิพม์ยาวๆก็มีมึนเองเหมือนกัน และผมไม่ได้บอกว่าคุณเหมารวมครับ ผมว่ามาตรการที่ออกมามันเหมารวม ทั้งที่ในฐานะหน่วยงานควบคุม เขาเห็นอยู่แล้วว่าสถาบันไหนไม่รักษาคุณภาพหลักสูตร (หรือเขาไม่รู้หว่า) ขอเพิ่มเติมความเห็นจากย่อหน้าสุดท้ายของคุณ ในเมื่อเรารู้ว่ามีบางคนที่ดี/ไม่ดีพอ(จากหลายฝ่าย) ถ้าเรามีตัวเลือกมากขึ้น มันไม่น่าสนใจเหรอครับ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:29:50 A:124.121.51.126 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 49 จริงๆ โหวตอยากให้มี Quote จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:51:27

ความคิดเห็นที่ 50 คห.30 ค่ะ คุณเอาข้อมูลนี้มาจากไหน หรือคิดขึ้นเอง ถ้าคุณอยากรู้ว่าเขาคิดขึ้นมายังไง คุณขอไปที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของผู้รับผิดชอบดีกว่ามานั่งคิดเองแบบนี้นะคะ มันเป็นความคิดที่ไม่มีข้อเท็จจริงรองรับเอาเสียเลยนะคะ ถ้าจะให้ดี ระบุไปเลยค่ะว่า นักศึกษาวิทยาลัยครูที่ประท้วงเป็นนักศึกษาจากที่ไหน ไปประท้วงที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร เอาข้อเท็จจริงมาพูดดีกว่าค่ะ จากคุณ : .... (somkamol) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 19:05:51

ความคิดเห็นที่ 51   http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000115578 http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000116555 จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 21:40:12 A:124.121.45.48 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 52 เห็นเหตุผลของทั้งสองฝ่ายแล้วก็ อืม...เข้าใจนะ คือเคยมีความรู้สึกนี้ไหม อยากเป็นครู แต่ไม่อยากเรียน คุรุศาสตร์ บางทีเราก็อยากมีความรู้ที่ไม่จำกัด ความรู้เฉพาะด้านที่รู้ลึก รู้จริง แล้วนำไปถ่ายทอดให้กับนักเรียนก็มี (อยากจะบอกว่า "ความเป็นครู" นั้น บางครั้งมันสอนกันไม่ได้หรอก เรียนคุรุฯ ห้าปี ไม่ได้แปลว่าจะมี "ความเป็นครู" ขึ้นมาได้หรอก แต่อาจจะรู้และท่องได้ว่า "ความเป็นครู" คืออะไร ) ย้อนกลับไปประเด็นเดิม ภาพพจน์ของ "คุรุศาสตร์" มันเป็นยังไง ทำไมถึงไม่อยากเรียน ไม่รู้สิ เป็นเพราะมันสะท้อนให้เห็นจากสภาพครูในปัจจุบันกระมังครับ บางทีโรงเรียนในฝันถ้าเลือกได้ ผมอยากได้ ครูที่มีความรู้แน่น ถ่ายทอดเป็น เข้ามาสอนวิชาการในโรงเรียน (ไม่จำเป็นต้องจบครู) ส่วนครูที่ดูแลเด็ก หรือครูผู้ปกครอง ผมอาจจะอยากได้นักจิตวิทยาเด็ก บอกตรงๆ ไม่เคยคิดถึงคนที่เรียนรู้มาโดยตรงเลย ทำไมผมถึงคิดงั้น ผมอาจจะมีอคติกับ คณะคุรุฯ หรือเปล่า หรือสังคมทำให้ผมคิดแบบนั้น? ในสายตาผมบางครั้งยังอดคิดไม่ได้ว่าคุรุศาสตร์ยังเป็นแหล่งรวมของคนที่ไม่มีที่ไป ไม่มีทางเลือก นั่นคือ คนที่ไม่คิดจะเป็นครูตั้งแต่แรก แต่มันเลือกอย่างอื่นไม่ได้ คุรุสภาแก้ปัญหานี้ได้หรือเปล่า หรือว่าผมคิดไปเองคนเดียว ไม่รู้สินะ ผมคิดว่า คุรุสภา ถ้าว่างมากนักล่ะก็ เอาเวลาไปปรับปรุงคุณภาพครูที่มีอยู่ ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาให้สะท้อนความเป็นจริง ปรับปรุงหลักสูตรคณะคุรุศาสตร์ ให้ผลิตบัณฑิตวิชาชีพครูที่มีคุณภาพดีกว่าปัจจุบัน จะดีกว่าไหม แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 53 09:40:18 จากคุณ : monkeygig เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:37:37

ความคิดเห็นที่ 53 ต่อไปเวลาจะส่งเด็กเข้าโรงเรียนต้องเช็คประวัติครูก่อนแล้วกระมังครับ ถ้าโรงเรียนไหนทำตามระเบียบของ "คุรุสภา" ทุกประการ ตัดทิ้งได้เลย จากคุณ : monkeygig เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:45:27

ความคิดเห็นที่ 54 " ในสายตาผมบางครั้งยังอดคิดไม่ได้ว่าคุรุศาสตร์ยังเป็นแหล่งรวมของคนที่ไม่มีที่ไป ไม่มีทางเลือก นั่นคือ คนที่ไม่คิดจะเป็นครูตั้งแต่แรก แต่มันเลือกอย่างอื่นไม่ได้" นี่คืออีกเหตุผลหนึ่ง ที่กระทรวงศึกษาธิการตระหนักดีในปัญหาข้อนี้ และพยายามอย่างยิ่งที่จะแก้ปัญหานี้ แต่อาจจะไม่ทันใจหลายคน หรือไม่ตรงใจหลายๆ คน และ "ต่อไปเวลาจะส่งเด็กเข้าโรงเรียนต้องเช็คประวัติครูก่อนแล้วกระมังครับ ถ้าโรงเรียนไหนทำตามระเบียบของ "คุรุสภา" ทุกประการ ตัดทิ้งได้เลย " เปรียบเทียบ กิริยาการประชดแบบนี้ หลังการงดใช้ "ไม้เรียว" มีครูที่ใช้กิริยาอย่างนี้กับนักเรียน  ซึ่งก็เป็นประเด็นหนึ่งของการพยายามพัฒนา และย้อนกลับมา การพัฒนาวิชาชีพครู กลุ่มเป้าหมาย คือครู แล้วที่ไหนล่ะที่ผลิตครู? การทำงานพัฒนาใช้วิธีเหวี่ยงแหไม่ได้ ต้องเฉพาะเจาะจง ส่วนจะได้วิชาชีพอื่นมาเพิ่มหรือไม่นั้นก็ต้องอธิบายต่อไป แต่ในขณะนี้ ยังไม่สามารถเผยแพร่มติต่อสาธารณชนได้ ทั้งหมดทั้งมวล เป้าหมายเดียว คือ "พัฒนาวิชาชีพครู"  ซึ่งต้องใช้เวลาในการออกดอกออกผล "กล้วยไม่ มีดอกช้าฉันใด   การศึกษาเป็นไป ฉันนั้น" จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 11:50:16

ความคิดเห็นที่ 55   แล้วที่ไหนล่ะที่ผลิตครู? > คณะคุรุศาสตร์ครับ แล้วหลักสูตรป.บัณฑิต สังกัดคณะวิทย์ อักษร ฯลฯ เหรอครับ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 12:21:15 A:124.122.218.186 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 56   แล้วหน่วยงานไหนเป็นคนตั้ง-อนุมัติ-ควบคุม หลักสูตรครับ การที่ดูแลไม่ได้ ปล่อยให้กลายเป็นธุรกิจ เป็นความรับผิดชอบของใคร แล้วก็แก้โดยการปัดให้พ้นจากตัวไป จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 12:30:34 A:124.122.218.186 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 57   อาจารย์และวิทยากรของหลักสูตร มาจากไหนและใครจัดหามา จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 12:33:13 A:124.122.218.186 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 58 ^ ^ คุณรู้นี่ค่ะ เพราะฉะนั้น  นี่คือการพัฒนา "วิชาชีพครู"  ไม่ใช่พัฒนาวิชา "วิทยาศาสตร์" "คณิตศาสตร์" ฯลฯ การจะพัฒนาวิชาอื่นๆ ที่คุณถกกันนั้น มันคือ รายละเอียดปลีกย่อย แต่นี่ เรากำลังพัฒนา "วิชาชีพครู" ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัด ครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ " แล้วหลักสูตรป.บัณฑิต สังกัดคณะวิทย์ อักษร ฯลฯ เหรอครับ " และอาการประชดประชันแบบนี้แหละค่ะ ที่เกิดในห้องเรียนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งดิชั้นก็ได้พยายามบอกในกระทู้ก่อนๆ เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ที่เรากำลังพยายามแก้ปัญหาครูที่ประชดประชัน กระแหนะกระแหน  แล้วมันนำไปสู่การแอนตี้นักเรียน ซึ่ง ครูไม่สิทธิ์ทำ ประเด็นเดียวค่ะ "อยากเป็นครู" ต้องเรียน คณะครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์  เพราะเป้าหมายการผลิตบัณฑิต คือ เพื่อ ให้ได้บัณฑิตครู เข้าสู่ "กระบวนการวิชาชีพครู" หากต้องการความชำนาญใด ก็จะเป็นโครงการในการพัฒนาครูด้านนั้นเป็นเรื่องๆ   ลองดู โครงการครูวิทยาศาสตร์ ,คณิตศาสตร์ ของ สสวท., โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย, มหิดลวิทยานุสรณ์ เป็นตัวอย่าง ไปทำความเข้าใจคำว่า "วิชาชีพครู" ก่อน แล้วเราจะเข้าใจตรงกัน จากคุณ : ... (somkamol) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 12:34:38

ความคิดเห็นที่ 59 การปิด ป.บัณทิต ไม่ใช่การปัดปัญหา แต่คือการแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง เมื่อเป้าประสงค์ไม่เป็นไปตามภาระงานก็ต้องแก้ไข บังเอิญว่า การแก้ปัญหาอย่างนี้ วิชาชีพอื่นมองว่าตัดสิทธิ์   แต่วิชาชีพครูถือว่าให้ยาแรงและดีมาก เราไม่ได้มองวิชาชีพอื่น เรามองที่วิชาชีพครู เพราะเรากำลังทำเรื่องการพัฒนาวิชาชีพครู เราต้องแก้ไข วิชาชีพครู  ไม่ใช่แก้ไขวิชาชีพอื่น วิชาชีพอื่น ก็มีเป้าหมายในการผลิตบัณฑิต วิชาชีพครู ก็มีเป้าหมายในการผลิตบัณฑิต เพราะฉะนั้น ย้ำว่า นี่เป็นเรื่อง การแก้ไขปัญหา "วิชาชีพครู" ซึ่งไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน เราถูกปล่อยละเลย จนเข้าสู่สภาวะ "เรียนอะไรไม่ได้ก็มาเรียนวิชาชีพครู" บัดนี้เราแก้ไขตัวเราเอง แล้วไยท่านมากล่าวหาเรา จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 12:42:02

ความคิดเห็นที่ 60   ขอโทษครับ ผมไม่เก็ทตรงพวกนี้ครับ "..การจะพัฒนาวิชาอื่นๆ ที่คุณถกกันนั้น มันคือ รายละเอียดปลีกย่อย.." >ผมไม่เห็นใครพูดถึงการพัฒนาวิชาอื่นๆ มีแต่คนบอกว่าบุคลากรจากที่อื่นสามารถมาร่วมช่วยพัฒนาวิชาชีพครูได้ "..กิริยาการประชดแบบนี้ หลังการงดใช้ "ไม้เรียว" มีครูที่ใช้กิริยาอย่างนี้กับนักเรียน.." ---#54 "..อาการประชดประชันแบบนี้แหละค่ะ ที่เกิดในห้องเรียนเพิ่มมากขึ้น.." ---#58 >พวกประโยคที่ด่าคุรุสภา มันไปอยู่ในห้องเรียนเหรอครับ?? ปล.แม่ผมเคยเป็นครู จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 12:47:29 A:124.122.218.186 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 61   "...การปิด ป.บัณทิต ไม่ใช่การปัดปัญหา..." "....เราถูกปล่อยละเลย จนเข้าสู่สภาวะ "เรียนอะไรไม่ได้ก็มาเรียนวิชาชีพครู.." >ก็เพราะหน่วนงายละเลยนี่แหละครับ และตอนนี้ทำการแก้ปัญหาโดยตัดจบว่าที่ผ่านมาฉันไม่เกี่ยวชะละล่า จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 12:54:49 A:124.122.218.186 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 62   ขอบคุณคุณ.. (somkamol)ที่ให้ความรู้เพิ่มเติมมาตลอกครับ เดี๋ยวผมจะต้องออกตจว. คงไม่ได้มาและเปลี่ยนด้วยซักพักครับ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 12:57:02 A:124.122.218.186 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 63 "..กิริยาการประชดแบบนี้ หลังการงดใช้ "ไม้เรียว" มีครูที่ใช้กิริยาอย่างนี้กับนักเรียน.." ---#54 "..อาการประชดประชันแบบนี้แหละค่ะ ที่เกิดในห้องเรียนเพิ่มมากขึ้น.." ---#58 >พวกประโยคที่ด่าคุรุสภา มันไปอยู่ในห้องเรียนเหรอครับ?? เฮ้อออออออออออออออออออออออออออออ...คุณคะ เอาตรงๆ เลยนะคะ ไม่จำเป็นต้องด่าคุรุสภาหรอกค่ะ แค่ด่าในนี้ก็รู้ว่านี่คือ นิสัยติดตัว ซึ่งถ้าหากเล็ดลอดเข้าสู่วงการครู แล้วไปทำกับนักเรียนละคะ จะเกิดอะไรขึ้น อันนี้แหละ ที่ ครุศาสตร์ / ศึกษาศาสตร์ เขาจะถูกสอนให้ไม่ทำ จากคุณ : ... (somkamol) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 13:20:01

ความคิดเห็นที่ 64   แวะมาครับ ด่าผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ&วิจารณญาณที่ทำงานไม่รอบคอบ ปัดภาระ มันแปลว่าคนด่ามีนิสัยติดตัวต้องไปด่าเด็กด้วยซินะครับ ถูกสอนให้ไม่ทำ ก็จะไม่ทำ(แน่นอน?) คนที่ไม่ถูกสอนให้ทำก็ทำ(แน่)ซินะครับ สรุปว่าครูที่จบครุ/ศึกษาไม่ด่าไม่เหน็บประชดเด็ก(และผู้คนในอินเตอร์เนต) ทุ่มเทกายใจอย่างที่คนสายอื่นไม่อาจทำได้ซินะครับ ขอให้เป็นจริง สาธุ ปล.บางทีผมก็อดที่ไม่fallecyไม่ไหว จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 20:54:26 A:115.67.150.2 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 65 การเป็นครูทุกวันนี้ ต้องใจเย็นอย่างมาก ควรมีจิตใจที่เปิดกว้าง ยอมรับความคิดเห็นต่างได้ เด็กๆในโรงเรียนทุกวันนี้ เขาฉลาด รู้จักแสดงความคิดนะคะ เขาไม่นั่งเฉยๆให้เราสอนหรอกค่ะ บางคนก็ถามอย่างมีเหตุผล บางคนก็ถามแบบก่อกวน ถ้าใจเย็นไม่มากพอ  ก็จะเป็นครูได้ลำบากค่ะ นี่คือบทเรียนที่ 1 ของการเป็นครู จากคุณ : จิน ณ จันทร์ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 21:29:26

ความคิดเห็นที่ 66   จริงตาม#65ครับ และเห็นต่างนิดนึงว่า นี่เป็น skill ที่มนุษย์พัฒนาได้จากการใช้ชีวิตด้วย ไม่ใช่ skill ที่ได้จากการเรียนในหลักสูตรเท่านั้น จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 21:39:40 A:115.67.150.2 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 67 สายอื่นที่ไม่ได้จบมาจากสายครู รับกับสภาพเด็กไม่ได้ ตกม้าตายลาออกกันก็มีไม่น้อยนะครับ ใจรักอยากเป็นครูจริง โอนหน่วยกิจมาเรียนก็จบแล้วครับ ไม่ก็เรียนตรีครูที่รามอีกใบเอาวุธก็ได้ เรียนอีกไม่กี่ปี ทนไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปว่าใจมันไม่ได้รักอยากเป็นครูจริง เข้ามาเรียน สายวิชาชีพครูก่อนครับแล้วจะรู้ว่า มหาลัยที่เป็นคณะศึกษาศาสตร์/ครุศาสตร์หลายแห่งเขาสอน "วิชาชีพครู" อย่างไร จากคุณ : Sweet Blood Drac (Sweet Blood Drac) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 00:09:30

ความคิดเห็นที่ 68   "เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้มีผู้จบการศึกษาผู้มีใบอนุญาตฯพอแล้ว และคุรุสภาควบคุมคุณภาพสถาบันผลิตครูได้ลำบากเพราะสถาบันผลิตครูบางแห่งบริหารหลักสูตรได้มีคุณภาพ แต่บางแห่งไม่บริหารหลักสูตรให้เป็นไปตามที่เสนอต่อคุรุสภา ทำให้หลายหน่วยงานบ่นเรื่องคุณภาพของหลักสูตรป.บัณฑิต อีกทั้งผลวิจัยของมหาวิทยาลัยมหาสารคามพบว่าผู้เรียนหลักสูตรป.บัณฑิตคุณภาพต่ำกว่าผู้เรียนหลักสูตรครู 5 ปี" ขอตัดข้อความบางส่วนจากข่าวมานะครับ คือพออ่านแล้วมันก็เกิดคำถามขึ้น คุณบอกว่า สถาบันผลิตครูบางแห่งบริหารหลักสูตรได้มีคุณภาพ คำว่าบางแห่งแสดงว่าคุณก็ทราบว่ามีที่ไหนบ้างที่บริหารมีคุณภาพ แล้วที่ไม่มีคุณภาพคุณจะไม่รู้ได้อย่างไร เมื่อรู้แล้วทำไมไม่จัดการ หรือว่าขี้เกียจก็เลยเอาแบบง่ายๆ สั่งปิดมันให้หมดเลย แทนที่จะตั้งคณะกรรมการลงไปติดตามดูการบริหารหลักสูตรตามสภาพจริง ถ้าไม่ดีก็สั่งยกเลิกหลักสูตรของสถาบันนั้นไป หรือ ถ้าไม่อยากปิดก็ให้สถาบันที่มีการบริหารจัดการดี เข้าไปเป็น พาร์ทเนอร์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพหลักสูตร แล้วค่อยส่งคณะกรรมการลงไปประเมินอีกที ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็สั่งปิดไปเลย ไม่ใช่จะโยนปัญหามาให้กับประชาชนกันอย่างนี้ คุณกินภาษีประชาชนแล้วก็หัดทำงานให้มันคุ้มค่าหน่อยอย่านั่งอยู่แต่ในห้องทำงาน ส่วนในเรื่องของคุณภาพของครูที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้น ในส่วนตัวคิดว่าไม่ว่าครูจะมาด้วยวิธีใดก็ตาม สิ่งสำคัญคือการทำให้ครูเหล่านี้อยู่ในอาชีพครูอย่างยั่งยืน ซึ่งผมคิดว่าคนทุกคนสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้ ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม(คน+สถานที่+อุปกรณ์ต่างๆ) ผมไม่เห็นด้วยว่าถ้าสอนไม่ดีแล้วจะต้องไล่เค้าออก แล้วคนที่จบครูมาแล้วทำอาชีพครูไม่ได้คุณลองคิดดูว่ามันจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันปัญหาคนว่างงานก็เยอะพออยู่แล้ว แถมเรียนมาจบมาก็ใช้เงินภาษีประชาชนมาเท่าไหร น่าจะแก้ปัญหาให้ดีกว่านี้หน่อย ผมคิดว่าน่าจะพัฒนาครูเหล่านี้ให้เก่งขึ้นและสอนเป็น ที่จริงในระบบการศึกษาเรามีเครื่องมืออยู่แล้วที่จะทำเรื่องเหล่านี้ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันมากนัก คือ ศึกษานิเทศก์ เป็นหน่วยงานโดยตรงที่เป็นส่วนช่วยให้คำปรึกษาทางด้านต่างๆ เพื่อให้ครูจัดการสอนได้อย่างมีคุณภาพ ถ้าพูดง่ายๆ ก็คงจะเปรียบได้ว่า เป็นหมอทางการจัดการศึกษาก็ว่าได้ แต่เหมือนในปัจจุบันจะไม่ค่อยจะมีบทบาทเท่าไหร สุดท้ายก็คงอยู่ที่วิสัยทัศน์ ฝีมือ และ ระดับการแก้ปัญหา ของคณะบริหาร ว่ามีมากน้อยแค่ไหน จากคุณ : จากคนจบ วท.บและกำลังศึกษา ศษ.ม เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 00:15:41 A:222.123.74.63 X: TicketID:283981

ความคิดเห็นที่ 69 บางคนก็ถามแบบก่อกวน อันนี้เจอประจำ ถ้าใจเย็นไม่มากพอ  ก็จะเป็นครูได้ลำบากค่ะ นี่คือบทเรียนที่ 1 ของการเป็นครู ต่อมาคือ  การใฝ่รู้ ตามเด็กให้ทัน คิดเป็นเพื่อนเขา ไม่ทิ้งเด็ก และ ต้องใจเย็นมากกกกกกกก  ครุ่นคิดให้ดี และพยายามอย่าใส่ใจกับคำติฉิน นินทา ต่างๆ ทั้งจากเด็ก และเพื่อนครูด้วยกัน ทำเพื่อเด็ก ทำเพื่อโรงเรียน เรื่องเงิน ไว้ทีหลัง....  เฮ้อ....... กำลังทำงานด้านการสอนครับ จากคุณ : pexaj เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 12:27:00

ความคิดเห็นที่ 70   ยินดีที่มีครูที่คิดอย่าง#69ครับ จากคุณ : temp เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 17:05:30 A:1.46.221.151 X: TicketID:003184

ความคิดเห็นที่ 71   จะกีดกันเพื่อเป็นอาชีพสงวน ใครๆก็ดูออก แบบนี้ทำเพื่อผลประโยชน์ครูชัดๆ ไม่ใช่ผลประโยชน์เด็กแน่นอน จากคุณ : Dark Prince of Lonely Castle เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 15:04:26

ความคิดเห็นที่ 72   สรุปแบบยาว&สั้น http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9614941/K9614941.html จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 16:44:03

ความคิดเห็นที่ 73   เรียนที่ไหน คณะไหน ก็สอน ให้เป็นคนดีมาทั้งนั้น ระหว่างเรียน สอนความอดทน การวางตัว ความรัก ความเมตตา จิตวิทยา จริยธรรม สังคม มนุษยสัมพันธ์ ก็เคยเรียน สะสมประสบการณ์ตลอด  กิจกรรมก็ทำ เข้าค่าย อบรมเคยสอนเด็ก เด็กเข้าจัย ชอบแล้วอย่างนี้กว่าจะเป็นครูต้องใช้เวลาอีกมากใช่มั๊ย จากคุณ : i sky เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 19:32:10

ความคิดเห็นที่ 74 ชอบคุณ Temp มากๆ   ผมโพสเองคงไม่ตรงประเด็นเท่าของคุณ จากคุณ : Rarm41 เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 21:49:30

ความคิดเห็นที่ 75 ดัน แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 53 21:17:20 แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 53 21:02:13 แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 53 03:07:24 แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 53 06:25:43 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 06:22:23