ความคิดเห็นที่ 1 ผมอยากทราบครับ ว่างานวิจัยที่อ้างว่า ครูที่จบจากป.บัณฑิต มีคุณภาพด้อยกว่า ครูที่จบจากครุศาสตร์ งานวิจัยนี้ชื่ออะไร ผู้เขียนคือใคร ผมอยากให้มีการเปิดเผยเนื้อหาภายในจริงๆ แล้วถึงจะเชื่อ ฝากกระทู้ด้วยครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9602985/X9602985.html จากคุณ : Firion เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 18:51:03

ความคิดเห็นที่ 2 ยังมีหน้ามาพูดอีกว่า จำนวนครูเพียงพอ บ้ารึเปล่า ทุกวันนี้สอนกันหูดับตับไหม้ ครูคนหนึ่งสอนมากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ คนหนึ่งสอน 2-3 ระดับ แล้วเอาที่ไหนมาบอกว่า เพียงพอ ดูจากที่ กทม.รึไง ทำไมไม่ดูที่บ้านนอกบ้าง แม่เราสอน ป.3 และ ป. 4 เพราะทั้งโรงเรียนมีครู 6 คน รวม ผ.อ. เราสอน ม.1 กับ ม.4 เพิ่มเติม ม.6 ที่โรงเรียนเก่าเรา รอครูบรรจุ ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ครูจะมา ครูไม่ครบทุกวิชาเอก เรายังต้องสอนดนตรีนาฏศิลป์ควบกับภาษาอังกฤษ รุ่นน้องเราอีกคนหนึ่ง ต้องรับภาษาไทยกับพละ อีกคน คอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษ และดนตรีนาฏศิลป์ ผอ.ลงมาสอนเกษตร นี่หรือ ที่บอกว่า จำนวนครูเพียงพอ ครูคณิตศาสตร์ไปสอนวิทย์ ครูพละไปสอน คณิตศาสตร์กับงานฝีมือ (ตอนนี้เขาสอนพละไม่เป็นแล้ว) คิดเองก็แล้วกัน จากคุณ : ryuzaki เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 21:18:24

ความคิดเห็นที่ 3   ผลทดสอบความรู้ครูทั่วประเทศ ปรากฎว่าครูส่วนใหญ่สอบตกไม่มีความรู้ในวิชาที่ตัวเองสอน โดยเฉพาะครูระดับมัธยศึกษาตอนปลาย คุรุสภาควรออกมาแก้ปัญหานี้มากกว่า ถ้าครูสอบตกในวิชาที่ตัวเองสอนต้องถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู จะได้เหลือแต่ครูจะได้มีคุณภาพ ไม่ใช่ปล่อยให้ครูไม่มีคุณภาพสอนเด็กนักเรียนเยาวชนของชาติแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 53 22:23:42 A:61.90.65.88 X: TicketID:117365

ความคิดเห็นที่ 4 เราว่าถ้าจะให้ได้คุณภาพจริง ๆน่าจะเริ่มตั้งแต่การสอบคัดเลือกเลย คะแนนเต็ม 500 แต่สอบวิชาเอกแค่ 200 คะแนน จริงอยู่การเป็นครู ต้องมีความรอบรู้อย่างอื่นด้วย แต่ถ้าจะได้ครูที่เก่งเนื้อหาวิชาที่สอน จริง ๆก็น่าจะให้คะแนนวิชาเอกมากกว่านี้(หมายถึงโรงเรียนรัฐบาล) ระบบที่เน้นเอกสาร ก็น่าจะได้รับการพิจารณาแก้ไข แทนที่ครูจะมีเวลา เตรียมการสอน มีเวลาให้นักเรียน กลับต้องมาทำงานเอกสารมากมาย ซะจนไม่มีเวลาไปพัฒนาตนเอง พัฒนาการเรียนการสอน   เรียกร้องคุณภาพ ช่วยดูภาระงานของครูด้วยค่ะว่าเราเหนื่อย หนักกันขนาดไหน มีเวลา หรือมีอะไรมาช่วยพัฒนาเราบ้าง ต้องการหรือขาดเหลืออะไรบ้าง จากคุณ : AunRak เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 14:41:07

ความคิดเห็นที่ 5 แมวขาวหรือแมวดำก็ได้  แต่ให้จับหนูได้ โดยเน้นการสมานฉันท์ (ไม่แบ่งแยกสีหรือพวกกัน) “ไม่สำคัญว่าท่านจะเป็นใคร (ผิวสีอะไร ลูกเต้าเหล่าใคร ฐานะอย่างไร) ขอเพียงท่านปฏิบัติหน้าที่ของความเป็นครูให้ถูกต้องได้ก็พอ" แมวจะสีอะไรไม่สำคัญขอให้จับหนูได้ คุณจะเป็นใครไม่สำคัญขอให้ทำหน้าที่ของครูได้ แค่นี้ก็น่าจะพอ วาทะอมตะดังกล่าว จึงไม่ได้หมายถึง "วิธีการ" แต่หมายถึง "ตัวผู้กระทำ" มากกว่า การเปรียบเทียบสิ่งที่เหมือนกัน คือท่านเปรียบเทียบระหว่าง “ความเป็นแมว” กับ “การจับหนู” เมื่อการ “จับหนู” คือ “หน้าที่ของแมว” จากคุณ : aunemaek2 เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 18:34:38

ความคิดเห็นที่ 6 การยกเลิกประกาศนียบัตรบัณฑิตทางการศึกษาไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงในการแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพของครู เพราะในความเป็นจริงประกาศนีบัตรใบนี้เป็นทางเลือกให้กับคนที่ไม่ได้จบทางครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ แต่ได้มาประกอบอาชีพครูในภายหลังด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป ถ้าต้องการพัฒนาครูนอกจากการพัฒนาหลักสูตรทางครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์ในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ แล้ว ทางคุรุสภาควรร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการบังคับให้มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยต่าง ๆ ที่เปิดสอนหลักสูตรประกาศนีบัตรบัณฑิตนี้ทำหลักสูตรให้มีคุณภาพ  มีการดึงคณาจารย์ที่มีความสามารถเข้ามาทำการสอน และที่สำคัญคือมีการประเมินคุณภาพอย่างเข้มข้น โดยอาจให้ผู้ที่จบการศึกษาจากประกาศนีบัตรนี้ทำการสอบเพื่อขอใบวิชาชีพครู และข้อสอบก็ต้องเคี่ยวจริง ๆ เพื่อให้ได้ครูที่มีคุณภาพ การยกเลิกเอาแบบดื้อ ๆ นี้แสดงให้เห็นว่าทางหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดูแลหลักสูตรประกาศนีบัตรใบนี้ไม่สามารถดูแลรักษาคุณภาพของการสอนในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง หรือไม่ก็ขาดอำนาจในการควบคุมดูแล เปรียบเหมือนการเดินหมากรุกแล้วกำลังจะแพ้เพราะสู้ไม่ไหว จึงตัดสินใจล้มกระดานเพื่อยุติปัญหาเสีย แล้วคนอีกมากมายที่เกิดใจรักการเป็นครูจริง ๆ มาในภายหลังจากเรียนจบปริญญาตรีใบแรกมาแล้ว จะให้ทำอย่างไร มีความรู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ดูเป็นการกระทำที่เรียกว่า "มักง่าย" ไปหน่อยนะครับ จากคุณ : Mr.Learning เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 22:24:11

ความคิดเห็นที่ 7   เนื้อหาต่อจาก http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9606426/X9606426.html http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9580873/K9580873.html แต่เน้นเกี่ยวกับมาตรการคราวนี้(และต่อๆไป) ถ้ามองทางด้านผลตอบแทน vs demand/supply เมื่อก่อนตอนขยายเศรษฐกิจ เราเน้นด้านเทคโน/อุต demandวิศวะจึงมาก supplyน้อย จึงได้ค่าตอบแทนสูง วิทยาศาสตร์ demand ต่ำกว่า แม้ supply น้อยเช่นกัน ก็จะได้ค่าตอบแทนไม่เท่า (เช่นเดียวกับสาขาอื่น) คนก็จะหันไปทางวิศวะกัน (ขอไม่รวมหมอครับ งานต่างกับชาวบ้านเกินไป) จนถึงตอนนี้วิศวะ supply มากขึ้นเยอะ เถ้าแก่ไม่ต้องแย่งกันจ้างแล้ว ส่วนสายงานกฎหมาย ด้วยสภาพพื้นฐานสังคมเราเมื่อก่อน งานส่วนใหญ่จึงเป็นด้านเจ้าขุนมูลนาย-ราชการ ส่วนทนาย ชาวบ้านยังไม่มีทัศนคติต่อวิชากฎหมาย จึงไม่มีการ oversupply แต่ถ้ามาดูสภาพสังคมปัจจุบันและอนาคต สายกฎหมายเริ่มเห็น oversupply แล้ว (และพูดตามตรง สาเหตุเกิดคล้ายกรณีครู ) แต่ทั้งนี้ มีการคัดกรองอีกชั้น ด้วยการ"สอบ"ใบอนุญาต ครูไม่ได้มี supply ต่ำขนาดวิศวะสมัยก่อน >ถ้าบอกว่าลด supply โดยเลิกป.บัณฑิต(เพราะไม่ได้คุณภาพ และอ้างว่าวิชาชีพอื่นยังห้ามนู่นห้าม บิดเบือนตลาด) แนวทางแก้ไขแบบที่จะทำ คือขึ้นเงินเดือนครูไว้ซะ คนเก่งๆจะได้แห่มาเรียน (ซึ่งกว่าจะเกิดผลก็อีกนาน) เป็นการบิดเบือนตลาดยิ่งกว่าอีก เพราะเพิ่มผลตอบแทนทั้งๆที่ตอนนี้ยัง oversupply การให้น้ำหนักแบบที่ทำอยู่นี้ มุ่งพัฒนาก็จริง แต่มีผลประโยชน์ของ"อาชีพฝ่ายตน"เป็นแกน(อาจโดยไม่เจตนา) >และที่จริง oversupply ที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้เกิดจากแค่ป.บัณฑิตเท่านั้น ต้องมองด้วยว่าแม้แต่สายครูแท้ๆบางสถาบันก็บริหารเชิงธุรกิจ และบางคนก็เรียนเพราะไม่มีทางเลือก ถ้าจุดประสงค์จริงอันนึงคือลด supply ที่ไม่ได้คุณภาพ ก็ต้องจัดการ"เลือกปิด"ทั้ง2สายครับ และเห็นด้วยกับแนวทางที่กำหนดให้ต้องสอบใบอนุญาตครับ ปล.จากต้นกระทู้ ข่าวย่อหน้านึงบอกว่าไม่ขาดแคลน อีกย่อหน้าบอกขาดแคลน คุยกันเองหรือยังครับเนี่ย -_-" หรือหมายถึงไม่ขาดแคลนจำนวน แต่ด้านคุณภาพยังขาดแคลน?? ปล2.กระทู้ที่ผมบุ๊คมาร์ค ยังตามอ่านความเห็นทุกท่านอยู่ครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9597800/X9597800.html http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9599451/K9599451.html http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9597296/K9597296.html http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9602985/X9602985.html http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9606426/X9606426.html http://www.pm.go.th/connect/41499 จากคุณ : temp (temp003184) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 21:26:39

ความคิดเห็นที่ 8   #6 ผมว่าไม่ได้มักง่าย"ไปหน่อย" แต่ว่า"ไปเยอะ"เลยล่ะ บางคนอาจใช้คำแรงกว่ามักง่ายอีก จากคุณ : temp (temp003184) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 02:14:24

ความคิดเห็นที่ 9   สรุปแบบยาว&สั้น http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9614941/K9614941.html จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 16:44:46