ความคิดเห็นที่ 1 ไปดูกระทู้หลายๆ ห้อง เค้าก็.. สรรเสริญ ตำรวจไทย.. กันในทางลบมากมายนะคะ เหมือนว่าสมัยนี้.. วงการนี้มันฟ่อนแฟะไปมากแล้ว จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 13:20:53

ความคิดเห็นที่ 2 เด้กหัวกะทิที่อยากเรียนนายร้อยก็มี เด็กหัวกะทิไม่อยากเรียนนายร้อยก็มี ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ก็เป็นแบบนี้ ค่านิยมในแต่ยุคสมัยก็ไม่เหมือนกันครับ ผมเชื่อว่าระบบการคัดเลือกนายร้อย เขาก็เข้มพอสมควรแหละในด้านวิชาการ ร่างกายแข็งแรงอย่างเดียวแต่วิชาการไม่ได้เรื่องเขาก็ไม่รับไปเรียนเหมือนกันแหละครับ แล้วเราทราบได้อย่างไรว่าเด็กที่ไปสอบนายร้อยล้วนแต่เป็นเด็กหัวปานกลาง จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 13:22:13

ความคิดเห็นที่ 3 ผมคิดว่าเดี๋ยวนี้นะ วงการตุลาการ ทหาร ตำรวจ มันเละตุ้มเป๊ะไปหมดแล้ว จึงไม่ได้รับความน่าเชื่อถืออีกต่อไป จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 14:23:00

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วถามว่า ทำไมคนเก่ง ๆ ถึงต้องอยากไปเป็นนายร้อย? ป.ล.ขอให้หลายเจอ ผู้ชายในคณะแพทย์นะครับ อิอิ จากคุณ : Shinemon คุง เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 14:50:39

ความคิดเห็นที่ 5 หมอโง่ๆ ก็มีนะครับ แบบว่ายึดแต่ตำราที่เรียนมา พอคนไข้อธิบายตามประสบการณ์ก็ไม่เชื่อคนไข้ จากคุณ : หมานอนยิ้ม เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 16:36:42

ความคิดเห็นที่ 6 คุณถาม "ทำไมเดี๋ยวนี้นักเรียนนายร้อยไม่คัดคนเก่งเเบบหัวกะทิ เก่งเทพๆไปเรียนเเล้วเหรอ" เราตอบ โรงเรียนนายร้อยเป็นคนคัดนักเรียน เราไม่รู้นโยบายเขา แต่คนที่เป็นนักเรียนนายร้อยเป็นแค่นักเรียน ไม่มีสิทธิและหน้าที่ไปคัดนักเรียนที่ไหนให้ไปเรียนโรงเรียนายร้อยหรอก นี่เห็นไหม ภาษาไทยถ้าอ่านไม่ดีตีความผิดหมด ลองไปอ่านกระทู้นี้ดิ แล้วแปลไทยเป็นไทยดู http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9605019/K9605019.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 17:15:24

ความคิดเห็นที่ 7   ทหาร ตำรวจ ที่เป็นใหญ่ในวันนี้ ก็คือ เด็กที่เจ้าของกระทู้บอกว่าในอดีตคือคนเก่งที่คัดเข้ามาไง รบแพ้ลาว ทั้งที่ ไทยเรามีเงื่อนไขดีกว่าลาวทุกอย่าง ทหาร ตำรวจ ไทย ที่ห่วยแตก เพราะพื้นเพเป็นคนบ้านนอก อาชีพทหารตำรวจ ไปสืบดูได้เลย คนพวกนี้ร้อยละ 99 เป็นคนบ้านนอก จากคุณ : เอก เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 18:16:15 A:58.11.10.208 X: TicketID:247334

ความคิดเห็นที่ 8   ความคิดเห็นที่ 6 เเบบนี้ไม่ได้เรียกว่าตีความผิด เเต่เรียกว่าคห.6 กวนบาทามากกว่า จากคุณ : เหอๆ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 19:03:14 A:124.122.40.247 X: TicketID:270319

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ จิ้ม จขกท. ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องวิชาการ ไม่วิชาการตรงไหน แล้วเตรียมทหาร หรือ นายร้อย เข้าไปไม่ได้เรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เหรอครับ เหล่าปืนใหญ่...ไม่ได้เรียนฟิสิกส์เหรอครับ ตำรวจ ... ไม่ได้เรียนรัฐประศาสนศาสตร์เหรอครับ มัน ก็เป็นเทรนด์ครับ เด็กรุ่นใหม่อาจจะเบื่ออาชีพข้าราชการ เพราะ บางทีในมุมมอง อาจจะเป็นในลักษณะอภิสิทธิ์ชน เล่นพรรคเล่นพวก (อย่างเห็นได้ชัด) หรือว่าอาจเบื่อการทำงานช้าวชามเย็นชาม อยากทำงานเชิงรุก (ลักษณะของ Gen Y เลย) ทำนองเดียวกับที่ตอนปี 40 จากคนที่นิยมก่อนหน้านั้นจะเรียนสายฟายแนนซ์ ก็เลิกเรียน มาหันเรียนสายแพทย์สายวิทย์ หรือ หันมาทำอ่ชีพที่จะรับราชการ หรือว่าช่วง 5-8 ปีมานี้สายไอทีเรียนเยอะมาก หรือว่าในอนาคตวิชาชีพพยาบาล กายภาพบำบัดหรือทางด้านสุขภาพอาจจะเป็นเทรนดืมากขึ้นเพราะโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ..................... มองโลกแคบไปไหมครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 19:24:08

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเคยได้ยินคนรุ่นเก่าๆ บอกว่าสมัยก่อน ตท. ( โดยเฉพาะสาย จปร. ) มีแต่เด็กที่ฐานะปานกลางถึงยากจนพยายามจะมาเรียน เพราะต้องการถีบตัวเองให้พ้นจากความยากจนให้ได้ แน่นอนว่าเด็กที่หลุดเข้ามาพวกนี้ต้องเก่งจริงๆ นะครับ ในสมัยที่สังคมไทยยังเป็นแนวๆ ศักดินาเข้มข้นอยู่ ที่สำคัญนายร้อยสมัยก่อน ลูกคนรวยไม่ค่อยอยากเรียนครับ เพราะสมัยก่อนจบปุ๊บ ส่งไปรบเลย เป็นตายก็ไม่ต่างจากทหารเกณฑ์เท่าไรเพราะอยู่แนวหน้าเหมือนกัน บ้านไหนมีเงินจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกมากกว่า แต่ระยะหลังๆ ไอ่ระบบ " เพื่อนกุน้องกุพี่กุถูกเสมอ " ( มันดีมากเมื่ออยู่ในสนามรบ แต่มันไม่ดีเมื่ออยู่ในสังคมปกติ ) ทำให้เกิดการฝากการเส้นกันครับ เรียกว่าสมัยนี้ไม่มีเส้น หรือไม่ใช่พวกที่บรรพชนสร้างผลงานไว้ อย่าหวังจะได้เข้าไปครับ ถ้าคุณไม่เก่งมากชนิดที่ว่าพวกมีเส้นสู้ไม่ได้เลยก็ตาม เหนื่อยนะครับกองทัพเนี่ย คนรอบๆ ตัวผมยังบอกเลยว่าฝากกันสบาย ถ้ามีญาติทำงานอยู่ใกล้ๆ นายอะนะ ( แค่จบ ป.ตรีก็ฝากได้แล้ว เขามีวิธีดันเข้าของเขาเอง ) อีกอย่างคนรุ่นใหม่ไม่อยากรับราชการแล้ว บารมีมันลดไปจากเมื่อก่อนมาก ไม่ได้เป็นอภิสิทธิ์ชนเท่าเมื่อก่อนแล้วครับ แถมเงินเดือนน้อยอีกต่างหากถ้าเทียบกับเอกชนน่ะ ปล.ถึงผมจะไม่ชอบ เสธ.ผู้ล่วงลับ แต่ผมชอบที่แกบ่นนะ " สมัยนี้ไม่มีนักรบ มีแต่นักกอล์ฟเท่านั้น " " ไอ่พวก ตท. ที่หัวกะทิ มันไม่มา จปร. หรอก โน่นไปสามพรานหมด มีแต่ลำดับท้ายๆ นี่ละที่มาเป็นทหาร " จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 53 20:50:36

ความคิดเห็นที่ 11 ไอ่พวก ตท. ที่หัวกะทิ มันไม่มา จปร. หรอก โน่นไปสามพรานหมด มีแต่ลำดับท้ายๆ นี่ละที่มาเป็นทหาร .... ก็เพราะคำนี้ครับ เป็นเมียทหารนับขวด เป็นเมียตำรวจนับแบงก์ กว่าจะนับแบงก์ได้เมียทหารต้องให้ผัวเป็นนายพลระดับห้าเสือ มีสิทธิซื้อเรือเหาะที่เหาะไม่ได้ครับ ซื้อไม้เสียบผีอันละล้านครับ แล้วพวกนายพลระดับห้าเสือมันมีกี่คนกัน ในขณะที่นายสิบ นายร้อยตำรวจก็มีเงินถอยป้ายแดงแล้ว จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 02:13:55

ความคิดเห็นที่ 12 คห 7 ...... ทหาร ตำรวจ ไทย ที่ห่วยแตก เพราะพื้นเพเป็นคนบ้านนอก อาชีพทหารตำรวจ ไปสืบดูได้เลย คนพวกนี้ร้อยละ 99 เป็นคนบ้านนอก .......... เอาสถิติมาจากไหน ใครมีบ้านอยู่เลยเขตรังสิต เป็นคนบ้านนอกกันหมด ????!!!!! จากคุณ : ไม่ได้อยู่ในไห (NOSIG) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 10:45:01

ความคิดเห็นที่ 13 ในช่วงชีวิตหนึ่งผมก็เคยอยากเป็นทหาร ดูเท่ห์ดี มีคนเคารพ ให้เกียรติ และเกรงใจ แต่ตอนนี้มานึกๆดูแล้วก็ โอเคนะ ที่เราไม่ได้เป็นทหาร ลองดูนายทหารที่ยศ ตำแหน่งสูงๆ นามสกุลดังๆ หรือไม่ก็มีพี่ น้อง เครือญาติ เคยดำรงตำแหน่งสูงๆทั้งนั้น คิดว่ายากจริงๆที่ลูกชาวบ้านธรรมดาอย่างผมจะไปไกลขนาดนั้นได้ ยิ่งด้วยนิสัยที่ไม่ชอบการใช้เส้นสาย ประจบใกล้ชิดนายแล้ว ยิ่งรู้เลยว่าเราคิดถูกแล้ว ที่ไม่ได้เรียนทหาร วงการราชการอ่ะ ขยันอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องหลายอย่างประกอบ จากคุณ : gto14982 เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 15:53:38

ความคิดเห็นที่ 14   ผมไม่ค่อยทราบเรื่องการเรียนการสอนนายร้อยเท่าไหร่นะครับ เพราะมิได้สนใจในทางด้านอาชีพนี้ เพียงแต่อยากจะเสริมบางอย่างจากการสัมผัสมา ผมว่าจริงๆแล้วทั้งทหารและตำรวจในระดับชั้นประทวน ส่วนมากการศึกษาของคนที่จบมาทางนี้มิได้สูงมากนัก พื้นเพหลายๆคนก็อาจจะมาจากบ้านจริงๆ ซึ่ง ต่างจากระดับสัญญาบัตรที่จบมาจาก รร นายร้อยโดยตรง ซึ่งมีทั้งผู้ลากมากดี ขุนนางเก่าแก่ รวมถึงชาว บ้านธรรมดา ด้วยที่ว่าในระดับประทวนของข้าราชการนั้นล้วนได้สัมผัสใกล้ชิดกับชาวบ้านโดยตรง ทำให้ผู้ที่ได้สัมผัส ในบางครั้งสัมผัสว่า คนพวกนี้บางส่วน ไม่มีวุฒิภาวะ ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดว่าตัวเองคือนายของ ชาวบ้าน รวมถึงใช้อำนาจในทางที่ไม่ค่อยถูกที่ควรเท่าไหร่ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ทั้งหมดนะครับ ดีๆก็มี ยิ่งระบบทหาร ตัวผมเองมิเคยได้ไปสัมผัสไอ้พวกพรรณนี้ แต่เคยสนใจทำการศึกษาในบางเรื่องของชีวิต พวกทหารทั้งหลาย โดยเฉพาะทหารที่ถูกเกณฑ์ พวกนี้บางส่วนถูกกดดันและถูกกระทำนอกเหนือจาก การฝึก หรือเรียกง่ายๆว่าอยู่ที่อารมณ์ตัวเอง เอาความใคร่ตัวเองเป็นที่ตั้ง มีหลากหลายอย่างที่ทำแล้ว เสมือนการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งในบางสิ่งก็เป็นสิ่งที่ควรละไว้ในความเหมาะสมเช่นกัน โดยมักจะ อ้างว่าแค่นี้ทำมิได้แล้วจะเป็นทหารหาญได้อย่างไร 555 คนก็มิได้อยากเป็นทหารทุกคนนะครับ เข้าใจว่า เป็นหน้าที่พลเมือง แต่ในบางสิ่งความเหมาะสมก็ควรจะมีเช่นกัน บางคนก็วางท่า มีเกร็ดจากที่สัมผัสด้วยตัวเอง มีเพื่อนตั้งแต่สมัยประถม เรียนโง่มาก แต่พ่อเป็นทหารชั้นประทวน คราวนี้ พ่อตายในหน้าที่ เลยคงจะได้สิทธิ์เข้ารับราชการทหารตามพ่อ ซึ่งคนนี้จบเพียงม.6ก็ไปต่อโรงเรียนนาย สิบ ปัจจุบันดำรงยศที่นายสิบ แต่ทั้งการกระทำ คำพูด ชอบเบ่ง ชอบอวด ชอบวางกล้ามว่า จะเป็นเจ้า คนนายคน 555 นี่อาจจะเป็นเพียงส่วนน้อยในระบบ แต่ส่วนหนึ่งเราจะปฎิเสธอย่างไรว่า ในระดับ ประทวนมิใช่ชาวบ้านตาสีตาสาจริงๆ ในความเป็นจริง ถ้าพ่อเป็นสัญญาบัตรชั้นสูง ถ้าอยากให้ลูกตัวเอง ดำเนินรอยตามก็คงจะหาทางส่งเข้า รร นายร้อยจนได้ แต่ถ้าดันไม่ขึ้นหรือสนใจในสายอื่นมากกว่าก็คง ปล่อยไปในทางที่ถนัด คงมิให้ลูกตัวเองไปเรียนแล้วมาเป็นชั้นประทวนกระมัง เพราะถือว่าเรื่องพวกนี้เป็น หน้าเป็นตาของวงศ์ตระกูล  ส่วนคนที่อยากมียศฐาบรรดาศักดิ์แต่เส้นสายไม่มี ถ้าหัวดีหน่อยก็อาจจะมี โอกาสเป็นนายร้อย ถ้าเส้นไม่มี การกลางๆ ก็เป็นประทวนกันซะส่วนมาก เชื่อผมเถอะ ไอ้เรื่องที่คิดว่า อยากเป็นเจ้าคนนายคนคนอื่นมันยังมีอยู่จริง!! จากคุณ : ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 16:12:47

ความคิดเห็นที่ 15 ...สีเหมือนข้างบน เลยแปะใหม่แค่เพื่อเปลี่ยสี... แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 02:00:56 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:00:15

ความคิดเห็นที่ 16 ที่ จขกท พูดไว้ใน คคห 8 ว่า   "ความคิดเห็นที่ 6 เเบบนี้ไม่ได้เรียกว่าตีความผิด เเต่เรียกว่าคห.6 กวนบาทามากกว่า" ตอบ จริงๆแล้วสิ่งที่เราพูดใน คคห6 มันเป็น "เรื่องไร้สาระที่จริงๆแล้วมีสาระซึ่งกระตุ้นให้คน(ที่มีมันสมอง)ฉุกคิดได้ แล้วก็จะเห็นเป็นเรื่องตลกไป" นั่นก็คือ ถ้าพูดเรื่องง่ายๆแบบ หัวข้อกระทู้นี้ มันพอที่จะตีความได้ง่าย แต่ในชีวิตจริง มีคนหลายๆคนใช้โครงสร้างประโยคแบบนี้เขียนรายงานการวิจัยหรือเขียนแผนโครงการยากๆ แล้วส่งข้อความที่เขียนไปแปลเป็นภาษาอื่น ทำให้ "นัำกแปลหาไม่เจอว่าใครทำกริยาอะไรในประโยคก็เลยแปลผิดหมด...!!" เพราะจริงๆแล้วภาษาไทยมีลูกเล่นแพรวพราว และโครงสร้างประโยคแบบนี้ เป็นลักษณะเด่นเฉพาะตัวในภาษาไทยซึ่งผู้เขียนงานวิจัยหรือเขียนโครงการยากๆ หรือนักแปลควรหมั่นศึุกษาและระมัดระวังเอาไว้ให้มากๆ เนื่องจากเคยมีทั้งคนในหน่วยงานต่างๆที่ต้องประสานงานกัน เช่นวิศวะกร หรือ programmers (ที่วางระบบ) และนักแปล (ที่ต้องถ่ายทอดข้อความเป็นภาษาอื่น) ตีความภาษาไทยผิดจังๆ แล้วทำงานผิดพลาด จนระบบ computer และระบบงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่นระบบเก็บเงิน รวนเละใช้งานไม่ได้ วอดเงินไปเป็นจำนวนหลายล้านบาท...และตอนนี้หน่วยงานที่ว่านั้น กำลังเป็นคดีความกันอยู่ อันสืบเนื่องมาจากนักแปลและทีมงานวางระบบ "ไม่ได้กวนบาทาแบบเรา" เพราะมันเป็นเรื่องยากๆ ที่เดากันไม่ได้จริงๆ ถ้าเขียนภาษาไทยในโครงสร้างแบบนี้ เราเคยเจอความพินาศแบบนี้มาแล้วในชีวิตจริง นี่เล่าสู่กันฟังจากประสบการณ์จริง ตกลงไม่รู้ว่า จขกท เห็นเรากวนบาทาเลยใจดีจะแจกบาทาให้จริงๆหรือเปล่า? น่าเสียดายที่ใช้บัตรผ่าน ก็เลยหลังไมค์ไปขอบคุณไม่ได้...555+++... แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 04:49:01 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 04:36:20 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:01:07