 |
ความคิดเห็นที่ 6 |
คคห 3 ที่บอกว่า
"เรื่องฟัง อ่าน เขียน พอได้อยู่แล้ว แต่พอต้องพูดนี่แหละ ไอที่ฟัง อ่าน เขียนได้ ก็กลายเป็นด๋อยไปตามๆกัน"
ตอบ คุณคงประเมินผลตัวเองผิดอย่างแรงเลยหละ
ตอบทีละประเด็น
1.คนที่พูดไม่ได้ไม่มีทางเขียนเป็นเรื่องเป็นราวได้เลย เพราะพูดไม่ได้ก็คิดเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ ถ้าหลงคิดว่า "เขียนได้" คงไม่รู้หรอกว่าที่เขียนมาน่ะ "มันผิดธรรมชาติ" ถ้าอยากพิสูจน์ก็ลองเขียนภาษาอังกฤษยาวๆ 4-5 หน้า แล้วเอาให้ฝรั่งเจ้าของภาษาตรวจ แล้วบอกว่า "ไม่ต้องเกรงใจนะ" บอกมาเลยว่า "มีผิดกี่แห่ง" แล้วคุณจะเชื่อเรื่องที่เราพูด
2. คนที่พูดไม่ได้อ่านพอได้มันเรื่องจริง แต่มันได้ขนาดไหน? เราเคยเปรียบเทียบผลงานแปลหนังสืออังกฤษเป็นไทยระหว่างนักแปลที่พูดได้กับนักแปลที่พูดไม่ได้ โหมันแตกต่างกันมากเลยหละ เราเคยเป็นบรรณาธิการต้นฉบับตรวจงานแปล บางคนคิดว่าอ่านรู้เรื่อง แปลมาเป็นตุเป็นตะ แต่คนแปลแท้จริงแล้วอ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เืรื่องก็ไม่รู้ตัวด้วย
3. เรื่องการเลือกระดับเรียนที่คุณสงสัย ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การเลือกระดับหรอก แต่มันอยู่ที่วิธีการสอนของอาจารย์แต่ละคน สถานการณ์ของคุณน่ะเราเคยเจอมาแล้วแทบบ้า เมื่อก่อนเราเคยบริหารโรงเรียนสอนภาษา เราจัดให้นักเรียนสาวคนหนึ่งเรียนกับอาจารย์หนุ่มรูปหล่อ อาจารย์เห็นนักเรียนสาวๆก็พูดซะเพราะเลย เล่าเรื่องอะไรสนุกๆ นักเรียนสาวก็นั่งเคลิ้มจนตาลอย จีบกันด้วยสายตา เราผ่านมาเจอเข้่าก็แอบกระซิบบอกอาจารย์ว่า "เฮ้ย...พยายามให้นักเรียนพูดบ้างดิ...พยายามใช้วิธีการแบบ interactive สอนให้นักเรียน โต้ตอบ สอนให้นักเรียน improvise ...คือให้ประโยคตัวอย่างมา แล้วให้นักเรียนเอาไปดัดแปลงเป็นประโยคใหม่ (โดยการเปลี่ยน subject, verb, object และ modifiers) แล้วสร้างประโยคใหม่ขึ้นมาพูดเองแต่เปลี่ยนโครงสร้างประโยคไปเรื่อยๆ) แต่กาลเวลาผ่านไป เจ้าอาจารย์รูปหล่อนั่นมันก็ยังพล่ามมาก นักเรียนสาวก็ยังมองอาจารย์จนเคลิ้มเป็นใบ้ไปเลยหละ...ในใจเราก็โมโห คิดว่า "ไอ้อาจารย์คนนี้มันโง่ชมัดเลยว่ะ" แต่ช่างมัน ปล่อยเลยตามเลยฟะ เพราะนักเรียนรวย ต่อ course (ต้ัวต่อตัว) ไปเรื่อยๆ แต่...
แต่อะไร? ถึงคราวซวยดิ...อีก 6 เดือนต่อมา นักเรียนสาวมาโวยวายกับเราบอกว่า "สอนยังไงก็ไม่รู้พูดไม่ได้สักที ขอเงินคืนได้ไหม?" ...ทีนี้ละเจ็บหัวดิ...555+++...คราวหน้าถ้าเราบริหารโรงเรียนสอนภาษาแล้วเจออาจารย์รูปหล่อมันพล่ามมาก แต่ไม่กระตุ้น (อาจโดยการบืบคอนักเรียน) ให้นักเรียนโ้ต้ตอบแบบ interactive หรือกระตุ้นให้นักเรียน improvise อีก ละก้อ เราจะเขกหัวอาจารย์มัน...
"ปัญหาคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรียนระดับไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าอาจารย์คุณกระตุ้นให้คุณโต้ตอบหรือไม่ ต่างหากล่ะ"
การสอน conversation ที่ถูกหลัก ไม่ใช่ teacher to student (คือครูพูดกับนักเรียน สลับกันไปสลับกันมา) เพราะกว่าจะวนครบ ก็จะหมดเวลาเรียนเสียก่อน อีกทั้งถ้ามีนักเรียนพูดเก่งหลงๆมาคนหนึ่งมันจะแย่งพูดคนเดียวจนคนอื่นเซ็งเลิกเรียนไปเลยหละ
วิธีที่ถูกต้องควรทำ pair work นั่นก็คือให้น้ักเรียนจับคู่พูดกันเอง แล้วสลับคู่เรื่อยๆ โดยมีอาจารย์คอยดูและคอยแก้ไขข้อผิดพลาดให้ ซึ่งเรียกว่า controlled practice ทำๆไปสักพักหนึ่ง ก็ให้ทำ pair work ใหม่โดยปล่อยให้นักเรียนจับคู่พูดกันตามสบาย อาจารย์เดินออกนอก classroom ไปจีบสาวยังได้เลย แบบนี้เรียกว่า uncontrolled practice
เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 มีมากมาย ที่ต้องเรียนรู้ค้นคว้า ฝรั่งเจ้่าของภาษาที่ไม่เคยเรียนรู้ศาสตร์เหล่านี้ สอนไปให้ตายนักเรียนก็ไม่เก่งขึ้นมาได้ โรงเรียนสอนภาษาดีๆเขาจะมีการฝึกอบรมอาจารย์ มีการทำ workshop ให้อาจารย์มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการสร้างสื่อการสอนดีๆขึ้นมา
การฝึกพูดด้วย improvisation นั้น สามารถสร้าง situations ต่างๆขึ้นมาได้ สามารถทำเป็น dramatization คือ role play ก็ได้ ไม่ใช่หาอาจารย์หล่อๆมาพล่ามไปเรื่อย (เพราะม้ันสอนไม่เป็น) แล้วนักเรียนสาวๆก็ฟังจนเคลิ้มแต่ไม่ได้อะไร (แบบที่เราเคยเจอมาแล้ว)
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ส.ค. 53 02:16:54
|
|
|
|
 |