ความคิดเห็นที่ 1 ปกติอาจารย์ก็จะหาคำตอบมาอธิบายสนับสนุนนะครับ ถ้าไม่ได้จริงๆก็คงยกไปครั้งหน้า จากตัวอย่างก็พออธิบายได้นะครับ ค กับ ง ในข้อ1 ประมาณว่าได้ของที่"ใช้ไม่ได้ ไม่มีประโยชน์แก่ตัว" แต่ ก กับ ข ดูแล้วเข้าทีแต่ต่างอยู่นิดหน่อยคือกิ้งก่าได้ทอง ลองนึกภาพกิ้งก่าใส่ทองแล้วยืนเชิ่ดอยู่บนคอนไม้จะเป็นแบบนั้น คือได้ลาภยศแล้วทะนงตน ลิงได้แก้วคงต้องนึกภาพลิง ถ้าได้แก้วมันก็คงเล่นวุ่นไปหมดเหมือนกับได้ของอื่นๆ ไม่เห็นค่าหรอก คนโบราณจึงอุปมาไว้ดังนี้แล แต่อย่างข้อสองผมจนปัญญาครับเพราะข้อ ค กับ ง เหมือนกันเลย(ปล่อยเสือเข้าป่าก็ทำนองว่าปล่อยสิ่งอันตรายให้กลับไปสู่ที่ของมัน มีนัยว่าจับมาได้แล้วกลับปล่อยไป ชี้โพรงให้กะรอกคล้ายๆกับไปเสนอแนะแนวทางให้ มีนัยว่าจะไม่ค่อยดี) แต่ ค กับ ง ความหมายเหมือนกันเลย ตอบไม่ได้ว่าแล้วทำไมจะตอบข้อบอกหนังสือสังฆราชไม่ได้ จากคุณ : Alovera เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 02:05:09

ความคิดเห็นที่ 2 นี่มันคือวิชาอะไรกันหว่า? เดาว่าเป็นวิชาภาษาไทย  เวรกรรมเคยเรียนกับเขาซะเมื่อไหร่ล่ะ ภาษาไทยก็สอบตกภาษาอังกฤษก็สอบตก ไอ้ข้อสอบแนวนี้เนี่ย อ่านแล้วมึนหัว ตอบไม่ถูกหรอก แต่จะลองทำดูเล่นๆ คืนนี้นอนไม่หลับเพราะฝันเห็นผีตานี ไม่หลับไม่ใช่กลัวผีหรอกนะ แต่เป็นเพราะพี่ขอหวยแล้วผีไม่ให้อ้ะ ผีจะลวนลามพี่ท่าเดียวอ้ะ ...(พี่ไม่ชอบท่าเดียว (หมายถึงไม่ชอบผีจริงๆนะ อย่าตีความผิด)...555+++...) ก็เลยหงุดหงิดนอนไม่หลับ กำลังรอนางฟ้ามาเข้าฝันแต่ก็ไม่มาสักที...เฮ้อ...!!! ลองไล่ทีละข้อนะ กิ้งก่าได้ทอง ภาษาอังกฤษเขาพูดว่า Set a beggar on horseback, and he'll ride to the devil. แปลว่า "ได้ดีแล้วลืมตัว"...ตรรกะมันยังไงหว่า? น่าจะเป็นกิ้งก่าตัวเนื้อมันน่าเกลียดไปได้ทองมาก็เลยดูเหมือนเป็นคนร่ำรวย ...ให้ตายสิ คิดตรรกะมาอธิบายไม่ถูก ถึงสอบภาษาไทยตกง่ะ...ใครรู้ช่วยอธิบายหน่อยดิ? หัวล้านได้หวี หมายถึง ได้สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง (เพราะหัวมันล้านไม่รู้จะเอาหวีไปหวีอะไร...ห้ามคิดทลึ่งนะจ๊ะ...เอ่ออันนี้ตรรกะสมเหตุผลหน่อย) โคลงโลกนิติ  อธิบายความหมายว่า   หัว หูดูชั่วช้า         ไฉไล ล้าน เลื่อมแลเงาใส    เกือบแก้ว ได้   ส่องกระจกใจ     เจียนขาด หวี แต่จับจ้องแล้ว      ลูบโอ้อายเอง แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 02:43:58 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 02:35:57

ความคิดเห็นที่ 3 ตาบอดได้แว่น ได้สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง (เพราะใส่แว่นก็ไม่ได้จะทำให้ตามองเห็น) ข้อความที่มีความหมายเหมือนกันก็คือ "นิ้วด้วนได้แหวน"...อ้าวก็แสดงว่า "มันด้วนทุกนิ้วดิฟะ"เพราะถ้านิ้วมือด้วนก็ยังใส่นิ้ว teen ได้...555+++...เป็นไงๆเป็นไงเรียนกับพี่มันกว่าเรียนกับครูไหม? วิธีจำก็คือ "ตรรกะมันกวนๆ" วานรได้แก้ว (เหมือนกับ ไก่ได้พลอย) ได้ของมีค่ามาแต่ไม่รู้คุณค่า เพราะลิงมันซุกซนไปเจอแก้ว(ในที่นี้คงไม่ได้หมายถึงแก้วเหล้านะ แต่หมายถึงแก้วแหวนเงินทอง) มันก็ไม่รู้ว่ามีค่า  ไก่ก็เหมือนกันไปคุ้ยดินจะเอาเมล็ดข้าวซะมากกว่าแต่ถ้าไปเจอเพรชซาอุเข้าก็ไม่สนใจ... ดังนั้นคำถามข้อ 1 มันไม่น่าจะเป็น ผู้ที่มีสิ่งที่ตนได้รู้จักคุณค่า กล่าวโดยอุปมาว่าอย่างไร แต่ควรจะเป็น ผู้ที่มีสิ่งที่ตนไม่รู้จักคุณค่า กล่าวโดยอุปมาว่าอย่างไร และคำตอบข้อ 1. ควรเป็น ข้อ ข."วานรได้แก้ว"...โอ้ยเหนื่อยว่ะ ดีแล้วที่ตูไม่เป็นครูสอนภาษาไทย... อ้า เสร็จไปหนึ่งข้อแล้วนะ...เดี๋ยวพี่ขอไปเจรจากับผีแม่ตานีน้อยก่อน แล้วจะมาทำข้อ 2 ให้ เผื่อผีจะรู้คำตอบมั่ง...อิๆๆ... แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 02:46:29 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 02:37:44

ความคิดเห็นที่ 4 ................................... เอ้านักเรียนโปรดดูข้อต่อไป คือข้อ 2 (อ้าได้ 1 กับ 2 แล้วงวดนี้ เลขท้าย 2 ตัวอย่าลืมซื้อนะ) "ปล่อยเสือเข้าป่า" หรือ "ปล่อยปลาลงน้ำ" สำนวนนี้มีความหมายอย่างเดียวกันทั้งสองประโยคที่ว่า การปล่อยให้บุคคลสำคัญ หรือศัตรูที่เราจับได้กลับไปสู่แหล่งเดิมของมัน เพราะเสือย่อมอยู่ในป่า และปลาอยู่ในน้ำ เมื่อมันกลับสู่รังธรรมชาติของมันแล้วกำลังวังชาของมันก็ย่อมมีขึ้นอย่างเดิม มันอาจจะเป็นเหตุให้ศัตรูกลับมาคิดแก้แค้นเราได้ภายหลัง ปล่อยปลาไหลลงตม ความหมายอย่างเดียวกับ "ปล่อยเสือเข้าป่า" หรือ" ปล่อยปลาลงน้ำ" ชี้โพรงให้กระรอก แปลว่า ชี้ลู่ทางให้แก่คนอื่น โดยไม่คำนึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้น อันนี้ก็ไม่เข้าใจตรรกะอีกนั่นแหละ...เอ่อมันยังไงกันหว่า...เพราะยังไม่ทันจะชี้เลยกระรอกมันเห็นคนมันก็เผ่นก่อนแล้วหละ ยิ่งชี้มันยิ่งไม่ลงโพรงใหญ่เลยหละ...555+++...ทำไงจะ "บิดสมองตัวเองให้ดูมันให้มีตรรกะให้ได้?"...เอ่อคือยังงี้ พี่เคยเห็นกระรอกในเมืองไทยมันเห็นคนไทยแล้วมันรีบเผ่นหนีเลย(คงเป็นเพราะพวกมันโดนยิงหรือจับไปขายบ่อยๆ พวกมันเลยส่ง emails ไปแจ้งให้เพื่อนๆรู้นั่นเอง) แต่เคยเจอกระรอกประเทศแถบตะวันตกมันเชื่องมากๆมันเห็นคนให้อาหารมันแล้วมันวิ่งเข้ามากินจากมือคนเลยก็มี  ตรรกะอันกวนๆของมัน เอ้ยของพี่เอง ก็คือ มันต้องเป็นกระรอกฝรั่งแหงๆที่เข้ามาหาคน (เพราะมันเชื่อง) คนเลยชี้มันลงรูไปซะเลย...555+++...ตูเป็นบ้า "บอกหนังสือสังฆราช" ไม่เคยได้ยินอ้ะ เคยได้ยินแต่ "สอนหนังสือสังฆราช" แปลว่าสอนสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แล้ว เพราะสมัยโบราณยังไม่มีใครเรียนจบดอกเตอร์ก็เลยเชื่อกันว่าสังฆราชต้องรู้หนังสือดีที่สุด ดังนั้นใครอาจหาญไปสอนหนังสือสังฆราชก็เท่ากับทำซ่าไปสอนคนที่เขารอบรู้อยู่แล้ว (ทั้งๆที่ตัวคนสอนอาจไม่รู้เท่าเทียมก็ได้) สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ  หมายถึงการชี้ทางหรือสอนให้คนที่ทำอะไรพอเป็นอยู่แล้วให้เก่งหรือชำนาญยิ่งๆขึ้นไปอีก  ยกตัวอย่างเช่นเมื่อก่อนพี่มาเล่นห้องสมุดตอบคำถามภาษาอังกฤษ พี่รู้อังกฤษแค่จำๆแบบมั่วๆมา พอโดนเซียน grammar ทักท้วงว่าไอ้โนน่ก็ผิดไอ้นี้ก็ผิด พี่เลยเรียนรู้ grammar จากโรงเรียนสอนภาษาอาหารจานด่วน...เอ้ยไม่ใช่...เรียนจาก google ต่างหากล่ะ เอ่อพอขยับจะตอบว่า ข้อ 2. ต้องตอบ "สอนหนังสือสังฆราช" แต่โจทย์มันเฉือกให้มาเป็น "ค.บอกหนังสือสังฆราช" ไม่เคยได้ยินแฮะ...อย่างนี้คนออกข้อสอบมันกวน...นิหว่า....!! จะหลอกให้เลือกเป็น "ง.สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ" ...เฮ้ย ยังงี้ไม่ยอมเฟ้ย ใครออกข้อสอบแบบนี้ฟะ? อย่างนี้ต้องถือว่ายกประโยชน์ให้คนตอบผิดนะ...(ต้องให้คะแนนเขา) ม่ายงั้นจะร้องเรียนไปถึงกระทรวงเรียนเยอะแต่โง่ ก็มันเล่นออกข้อสอบกวนๆยังงี้ดิครูหนูถึงไม่ยอมอธิบายให้ยังไงล่ะ เพราะพี่ก็งงจนสมองมีแต่ขี้เลี่อยไปซะแล้ว ครูหนูก็คงรำคาญข้อสอบกวนๆแบบนี้เต็มทีซะแล้ว...555+++... แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 02:53:49 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 02:41:10

ความคิดเห็นที่ 5 เอ่อ แล้วความลับที่จะบอกให้นะ เจ้าหนูเอ๋ย คือไอ้คำถามพวกเนี้ย จริงๆแล้วพี่ตอบไม่ได้หรอก เพราะพี่เรียนภาษาไทยทีไรก็หลับทุกที ส่วนใหญ่จะส่งกระดาษเปล่าเวลาสอบ  แต่เผอิญพี่จบมหาลัย google มา คือพี่หยุดค้น software เถื่อน แล้วมาค้นคำตอบให้เจ้าหนูยังไงล่ะ... เอ่อเอาไว้พี่จะไปสมัครเป็นครูที่โรงเรียนหนูนะ จะเอาปริญญาจากมหาลัย google ไปแสดง หวังว่าเขาคงจะรับพี่นะ พี่กำลังตกงานอยู่ด้วยดิ...ถ้าไม่ยอมรับพี่เข้าทำงานเป็นครูพี่จะไปร้องเรียนที่กระทรวงไม่เคยเรียนหนังสือแต่เป็นอัฉริยะได้...อิๆๆ... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 02:42:20

ความคิดเห็นที่ 6 ก่อนอื่นสำหรับผม ขอตอบก่อนว่า ไม่ว่าจะเรียน ศาสตร์ ไหนๆ ต้องอาศัยการหลักจำ + การเข้าใจ ควบคู่กันไป เพราะที่มาบางอย่างการจำดีกว่าเข้าใจ แต่ไม่ใช่ จำๆไปส่งเดช อย่างน้อยก็ให้รู้เหตุ รูิผลบ้างก็จะดี เช่น ตอนเรียน ม.๔ เรียนชีวะ ใหม่ๆ เคยสงสัยว่า ทำไม เรียกว่าอันนี้มันเรียกว่า cell ทำไม เรียก sarcoplasmic reticulum โอ้ย! ไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นวิทย์ เลย เพราะ เรียนวิทย์ไม่ต้องจำ แต่ให้เข้าใจ สุดท้ายก็ไม่เข้าใขอยู่ดีเลยต้องจำ เข้าเรื่องต่อ ภาษาไทยเรื่องสำนวน สำหรับ admission นั้นอกไม่ยาก ประมาณข้อที่น้องบอก อาจให้เหตุการณ์มาแล้วเลือกสำนวน ให้เน้นใช้ sense จับความรู้สึกเอา (วิธีการจำอาจไม่ถูกหลักที่มาของ คำจริงๆ แต่อยากให้ลองดูวิธีคิดแล้วกัน เพราะ ให้คิดว่าสำนวน น่าจะเกิดจาก การพูดต่อๆกันมาที่เกิด การเปรียบเทียบเพื่อให้เกิดมโนภาพ หรือ บางสำนวนอาจจะเอามาจากเหตุการณ์จริงๆที่ได้เห็น แล้วเอามาร้อยเรียงคำให้ไพเราะ ) เช่น สอนสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แล้ว ก็ให้ลองนึกดู ก.ปล่อยเสือเข้าป่า (ปล่อยปลาลงนํ้า)>> ลองนึกดูว่า ใครหล่ะที่น่าจะจับเสือ ก็น่าจะเป็น นายพราน แล้วปล่อยมันไป มันก็เปรมสิครับ พออีกวันเข้าป่าไป เรียบร้อยโรงเรียนเสือ ข.ชี้โพรงให้กระรอก >> คำนี้ได้ยินบ่อย "อย่าไปถามข้อสอบห้องอื่นมานะ" นึกในใจ เอ้า!! ห้องอื่นสอบแล้วเหรอ (ชี้ลู่ทางให้แก่คนอื่น มักจะใช้ในแง่ลบ แต่ ใช้ในแง่บวกก็ได้ เช่น แนะแนวทางให้ ส่วนใหญ่ไม่ใช้กัน) ** ส่วนใหญ่มักจะลังเล 2 ข้อนี้ ลองคืดดู ค.บอกหนังสือสังฆราช (สอนหนังสือสังฆราช) >> ลองคิดดูว่าสมัยก่อนเรียนที่วัดเรียนกับพระทั่วๆไป เรียนได้ไม่กี่วันไม่ทันรู้เรื่อง แต่ดันจะไปอวดฉลาดสอน พระสังฆราช (ประธานการปกครองคณะสงฆ์) ความหมายจริงๆ >> สอนสิ่งต่างๆ ที่คนรู้ดีอยู่แล้ว โดยเราไม่รู้ว่าผู้นั้นมีความรู้ดีกว่าเรา คล้ายกับ "เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน. ง.สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ >> การชี้ทางหรือสอนให้คนที่เป็นอยู่แล้วให้เก่งหรือชำนาญขึ้นไปอีก ต่างกันอยู่นะครับ ข้อ ค ง คือ ค >> เราเพี่งจับไม้เทนนิสเป็นแต่ดันไปสอนภารดร มีหรือไม่มีความรู้ สอน ด๊อกเตอร์ ง >> สิ่งที่พี่กำลังสอนอยู่ คือ มีความรู้ สอน มีความรู้ (ให้มีความรู้มากขึ้น) ข้อนี้ครูเฉลยว่า ตอบ.สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ ปล. แย้งคำตอบอาจารย์ จริงๆ สอนสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แล้ว น่าจะตอบ ค มากกว่า เพราะรู้ดีอยู่แล้ว รอท่านอื่นๆด้วยครับ จากคุณ : nunumum เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 02:53:04

ความคิดเห็นที่ 7 ผู้ที่มีสิ่งที่ตนได้รู้จักคุณค่า ค.หัวล้านได้หวี ง.ตาบอดได้แว่น >> แว่นสายตานะครับ เพราะพี่เคย งงมาก่อน ก็ดีดิ ใส่แว่นดำ ขาย ล๊อตเตอรี่ เออ...บ้าไปกันใหญ่ ค ง ได้มาก็ไม่รู้เอาไปทำอะไรดี ข.วานรได้แก้ว อันนี้โอเค แก้ว(แหวนเกินทอง) มันมีค่า แต่ลิงสมัยก่อนมันจะรู้มั่ยว่ามีค่า แต่ลิงสมัยนี้อ่ามันรู้นะครับ ลองไปดูตามสวนสัตว์ที่เอาลิงมาแสดงดิ จากคุณ : nunumum เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 03:07:21

ความคิดเห็นที่ 8 แปะไว้ลองทำดู http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sansook&month=12-2005&date=16&group=11&gblog=9 ภาษาไทยง่ายนิดเดียว ... พิมพ์เสร็จลมแทบจับ จากคุณ : nunumum เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 03:09:11

ความคิดเห็นที่ 9 คำพังเพยและสุภาษิต มันต้องทั้งจำและเข้าใจครับ จำได้อย่างเดียวแต่ไม่เข้าใจ มันจะมีประโยชน์อะไร เพราะคำพังเพยและสุภาษิต มีจุดมุ่งหมายคือเอาไปใช้เป็นข้อเตือนใจในชีวิตจริง ดังนั้น มันต้องเข้าใจจริงๆ ด้วย ผมว่านะ ครูที่ตอบแบบนี้ ครูเองก็ยังไม่เข้าใจอย่างแท้จริง ง่ะ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 08:17:16

ความคิดเห็นที่ 10 ครูเองก็คงไม่เข้าใจ ก็เลยไม่อธิบายให้นักเรียนเข้าใจ แต่ที่ครูบอกให้จำอย่างเดียว ก็สะท้อนถึงระบบการศึกษาของประเทศไทย ซึ่งไม่เคยสอนให้นักเรียนคิดด้วยตัวเอง มีแต่ให้นักเรียน (และนักศึกษาด้วย) จำสิ่งที่ครูสอนเอาไปตอบในการสอบ คนไทยส่วนใหญ่ก็เลยไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำตามที่ผู้ใหญ่บอกก็พอ จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 08:35:04

ความคิดเห็นที่ 11 เราว่าข้อแรก คนสอนก็ไม่รู้ว่าวานรได้แก้วกับกิ้งก่าได้ทองมันต่างกันยังไง ส่วน "ตาบอดไ้ด้แว่น - หัวล้านได้หวี" ก็เป็นอุปมาอุปมัยชุดเดียวกัน ถ้าคำถามข้อแรกไม่ผิด คำตอบข้อนี้ที่พอจะเป็นไปได้ก็คือ "หัวล้านได้หวี" เพราะคนหัวล้านน่าจะเคยรู้คุณค่าของหวีอยู่ คงยากที่จะมีใครหัวล้านแต่กำเนิด ถ้าคำถามข้อแรกเจ้าของกระทู้พิมพ์ผิด และที่ถูกคือ ได้สิ่งที่ตัวเองไม่รู้ค่า คำตอบที่ถูกต้องคือวานรได้แก้ว (เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันต่างกับกิ้งก่าได้ทอง 555) เพราะกิ้งก่าได้ทองมันแปลกว่า ได้ของดีมาแล้วโอ้อวดผู้อื่น (เราเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ย) ส่วนข้อสอง ข้อนี้ชัดเจนค่ะ ตอบได้เลยว่า บอกหนังสือสังฆราช ถึงแม้ข้อ ค. และ ง. มักเป็นสำนวนคู่ แต่ในความเป็นจริง ทั้งสองมีที่ใช้แตกต่างกัน สอนหนังสือสังฆราช คือการไปสอนในสิ่งที่อีกฝ่ายมีความรู้ดีกว่า โดยที่ผู้กระทำมักไม่รู้ สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ อันนี้ผู้กระทำออกแนวประหลาด คือไปสอนคนที่เขามีความชำนาญกว่าตนให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ไปสอนช่างไม้ให้ไสไม้เป็นต้น ป.ล. เราไม่เคยเจอครูภาษาไทยแบบนี้นะคะ แล้วการสอนภาษาไทยที่ถูํกต้องก็ไม่ควรสอนกันแบบนี้ด้วย งานนี้ ซตพ. ได้ว่าผู้สอนความรู้อ่อนด้อยไม่สมควรเป็นครูภาษาไทย ป.ล. 2 คนตอบกระทู้นี้ก็เพิ่งมาเห็นความเลอเลิศแห่งวิชาภาษาไทยเอาตอนเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ขอแสดงความนับถือและเคารพท่านอาจารย์จากคณะศิลปศาสตร์ทั้งคู่ไว้ ณ ที่นี้ แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 11:58:22 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 11:57:35 จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 11:52:36

ความคิดเห็นที่ 12 ที่ถูก ควรจะตั้งชื่อกระทู้ ใหม่ว่า ครูสอนภาษาไทย บางคน เค้าสอนให้จำ แต่ไม่ต้องเข้าใจหรือครับ???       ไม่ใช่ ภาษาไทย เค้าสอนให้จำ แต่ไม่ต้องเข้าใจหรือครับ??? จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 12:15:36

ความคิดเห็นที่ 13 จำกับเข้าใจ  แยกกันยากครับ  เพราะเป็นของคู่กัน บางวิชา จำมาก เข้าใจน้อย บางวิชา จำน้อย เข้าใจมาก หากผสมสูตรทั้งสอง  อย่างลงตัวแล้ว ก็ถือได้ว่า ประสบความสำเร็จในวิชานั้นๆ แล้ว จากคุณ : techkon_d เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 14:19:10

ความคิดเห็นที่ 14 พิมพ์คำถามถูกแน่นอนครับ ผมก็ งง กับคำถามอยู่เหมือนกัน คห.14 จริงด้วยครับ น่าจะตั้งชื่อกระทู้ใหม่เป็น "สำหรับครูภาษาไทยบางคน เค้าสอนให้จำมากกว่าเข้าใจหรอครับ???" แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 15:56:58 จากคุณ : Mr.Bato เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 15:54:10

ความคิดเห็นที่ 15   1. คำถามที่เจตนาถามคือ "ผู้ที่มีสิ่งที่ตนไม่รู้จักคุณค่า กล่าวโดยอุปมาว่าอย่างไร" (ต้นฉบับแบบฝึกหัดน่าจะพิมพ์ผิด) ก.กิ้งก่าได้ทอง (หรือ คางคกขึ้นวอ เปรียบถึงผู้ที่ได้รับรางวัล หรือการยกย่องแล้ว แล้วลืมตัว) ข.วานรได้แก้ว  (หรือ ไก่ได้พลอย เปรียบถึงผู้ที่ได้สิ่งของมีค่าแล้วไม่รู้จักคุณค่า) ค.หัวล้านได้หวี (หรือ ตาบอดได้แว่น เปรียบถึงผู้ที่ได้สิ่งของมาแล้วใช้ประโยชน์สำหรับตัวเองไม่ได้ เนื่องจากเหตุส่วนตัว) ง.ตาบอดได้แว่น (เหมือน ค.) ข้อ ข. คำตอบชัดเจน ๒.สอนสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แล้ว กล่าวโดยอุปมาว่าอย่างไร ก.ปล่อยเสือเข้าป่า (ปล่อยปลาลงน้ำ เปรียบถึงการเปิดโอกาสให้ใช้ประโยชน์ได้เปรียบจากสิ่งที่เขาถนัดหรือคุ้นเคย) ข.ชี้โพรงให้กระรอก (เปรียบถึง การส่งเสริม หรือแนะนำให้ปฏิบัติ โดยไม่เจตนา) ค.บอกหนังสือสังฆราช (สอนหนังสือสังฆราช,สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ เปรียบถึงการไปแนะนำในสิ่งที่เขารู้ดี หรือชำนาญ อยู่แล้ว) ง.สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ (เหมือน ค.) คำตอบตอบได้ทั้ง ค.และ ง. จากคุณ : จะเดินจากไปเงียบๆ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 12:42:26

ความคิดเห็นที่ 16   มีปัญหาที่คุณครูท่านนั้นเองครับ ไม่เกี่ยวกับระบบการเรียนสอนเลย เป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆ ที่ครูภาษาไทยตอบแบบนั้น จากคุณ : จะเดินจากไปเงียบๆ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 12:50:10

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบการตอบของ ความเห็นที่ 15 ครับ สั้นๆ เรียบง่าย ได้ใจความ อ่านแล้วเข้าใจเลย แต่อยากนำเสนอในมุมมองเพิ่มเติมใน ข้อ 2 ครับ ที่เฉลยว่า ข้อ ง. น่าจะเป็นเพราะว่า ข้อ ง. สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ เป็นอุปมาถึงการสอนสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แล้ว ได้ชัดเจนกว่า ข้อ ค. บอกหนังสือสังฆราช (หรือ บางตำราว่า สอนหนังสือสังฆราช) ทั้งนี้เพราะถ้าให้เหตุผลเชิงตรรกะ บางที การที่คนจะไปบอกหนังสือพระสังฆราชได้ ก็มีความเป็นไปได้ เพราะพระสังฆราช ไม่ใช่พระพุทธเจ้าที่จะรู้แจ้งในทุกสิ่ง แต่ย่อมมีบางเรื่องที่คนอื่นจะไปสอน ไปบอกได้ แค่ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควร และย่อมมีผู้เห็นแย้งได้ว่า "ไม่เห็นจะเป็นไร ก็พระสังฆราชไม่รู้ เราก็ไปบอก" ในขณะที่ ข้อ ง. ชัดเจนว่า จระเข้ว่ายน้ำเก่งอยู่แล้วจริงๆ แล้วคนที่จะไปสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำก็เป็นเรื่องไม่ควร เป็นเรื่องอันตราย เพราะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง เป็นการคิดเหตุผลในเชิงตรรกะเพิ่มเติม จากตัวอย่างข้อสอบเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า ระบบการศึกษาในปัจจุบัน เน้นให้ผู้เรียนได้คิดอย่างมีเหตุ มีผล ไม่ใช่สักแต่ว่าท่องจำนะครับ ในฐานะคนเรียนจบครู สาขาวิชาเอกภาษาไทย ถ้าคุณครูของ จขกท. ตอบแบบนี้ ถือได้ว่า คุณครูอาจจะเป็นคุณครูที่ยังยึดติดกับระบบการศึกษาไทย แบบเดิมที่เน้นแต่ท่องจำ โดยไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ สอนไป ติวไป ตามข้อสอบที่ได้มา ซึ่งเป็นวิธีการที่ผิด และไม่สอดคล้องกับการศึกษาในยุคปัจจุบัน อย่าไปตำหนิท่านเลยครับ สู้เรามาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น โดยการท่องจำในแง่ของทฤษฎีไปด้วย แล้วรู้จักตั้งข้อสังเกต แล้วคิดหาคำตอบด้วยความเข้าใจจะดีที่สุด (อย่างที่มาหาความรู้อย่างนี้ ก็เป็นวิธีที่ดีอย่างหนึ่งครับ) ภาษาไทย ส่วนใหญ่ยอมรับว่าสอนให้จำ แต่ต้องเข้าใจด้วยครับ ไม่เข้าใจจำไปก็ไม่เกิดประโยชน์ครับ จากคุณ : leeming047 (leeming047) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 00:57:22

ความคิดเห็นที่ 18 ครูไปเรียนภาษาไทยใหม่ดีกว่ามั้งคะ แล้วค่อยมาสอน ^^' จากคุณ : คนกาสิก เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 21:23:13