ความคิดเห็นที่ 1 ความเห็นสนันสนุน (พึงระวังว่าความเห็นอาจไม่ใช่ข้อเท็จจริง) -คณะอื่นนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ในการผลิตบัณฑิตเพื่อออกไปทำหน้าที่ครู -การพัฒนาวิชาชีพครู กลุ่มเป้าหมาย คือครู แล้วที่ไหนล่ะที่ผลิตครู? -บังคับให้คนที่เรียนเฉพาะเท่านั้นถึงจะเป็นครูได้แบบวิชาชีพอื่นซะ คนเก่งอยากเป็นครูก็ต้องมาเรียนครู คนที่ไม่เก่งจะถูกเบียดออกไปเอง พอมีคนเก่งมาเรียนครูมากๆเข้า อนาคตปัญหาครูด้อยคุณภาพก็จะหมดไป -การจะพัฒนาวิชาอื่นๆ ที่คุณถกกันนั้น มันคือ รายละเอียดปลีกย่อย -อะไรมาการันตีว่าคนที่เรียนมาเฉพาะทางมีความรู้แน่นกว่าหรือคะ เด็กไม่ได้ต้องการครูที่ความรู้แน่น -สิ่งที่ครูไม่รู้ เขาจะไปหาความรู้มาบอกนักเรียนหลังจากนั้น (เคยเจอมาแล้วและไม่เคยรังเกียจที่ครูบอกว่าไม่รู้เลย ) -เข้าใจว่าอยากจะมีใจรัก ท่านมีความรู้  แต่ท่านก็หยิบโหย่ง ไม่ได้อยากเป็นครูแต่แรก -อยากเป็นครูทำไมไม่เรียนครู หรือเรียนเผื่อเลือก กะจะมาแย่งที่ครู -ถ้าขนาดตัวเองยังพบช้าขนาดนัน้สอนเด็กเมื่อไรจะพบละครับ -รู้สึกประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นอย่างนี้นะครับ ต้องมาจากครูเท่านั้น -ครูที่ดี ต้องสอนคนมากกว่าหนังสือ -ไม่สามารถเลือกครูที่เข้าใจนักเรียน และเก่งวิชาการได้ในคนๆเดียวกัน -ทำเพื่อเด็ก ทำเพื่อโรงเรียน เรื่องเงิน ไว้ทีหลัง -ขอเลือกครูที่เข้าใจเด็กไว้ในโรงเรียนก่อนนะคะ ส่วนครูที่เก่งวิชาการ เดี๋ยวจะให้ลูกหลานไปเรียนพิเศษด้วยละกัน -สอนในโรงเรียนเอกชนได้เลย โรงเรียนสามารถขอผ่อนผันให้คุณสอนได้โดยไม่มีใบอนุญาตค่ะ แต่แค่ชั่วคราวนะคะ มันทำได้ถ้าโรงเรียนจะทำ -เก่งเรื่องการสอนและ การอธิบายจริงๆ ทำไมไม่ไปเปิดโรงเรียนสอนพิเศษ  จะทำเงินได้มากกว่าอย่างแน่นอน -ถูกหล่อหลอมมาโดยวิชาชีพครูให้มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นหลัก เราถูกหล่อมหลอมให้อยู่ในวิชาชีพครูตลอด 4 ปี (ปัจจุบัน 4 ปี อีก 1 ปี เจอสภาพจริง) -ไม่จำเป็นต้องด่าคุรุสภาหรอกค่ะ แค่ด่าในนี้ก็รู้ว่านี่คือ นิสัยติดตัว ซึ่งถ้าหากเล็ดลอดเข้าสู่วงการครู แล้วไปทำกับนักเรียนละคะ จะเกิดอะไรขึ้น อันนี้แหละ ที่ ครุศาสตร์ / ศึกษาศาสตร์ เขาจะถูกสอนให้ไม่ทำ -มีครูมากมายที่ใช้วิธีด่านักเรียนแบบนี้ ด่า ประชดประชัน กระทบกระเทียบ ท้ายที่สุด ครูแอนตี้นักเรียน  และสถานการณ์นี้ ทางวิชาการเขาพบว่า สัดส่วนของการเกิดเหตุการณ์แบบนี้ วิชาชีพอื่นมากกว่าวิชาชีพครู -นักวิชาการทั้งหลายเขาคิดกัน ก็เพื่อพัฒนาวิชาชีพครู เพื่อวิชาชีพครูมันดีขึ้นเรื่อยๆ บังเอิญว่าสิ่งที่เขาคิดมันไม่ต่างกับใจพวกเราเท่านั้น และไอ้ความที่ไม่ตรงกับใจเราเนี่ยแหละ เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงว่า คนๆ นั้น เหมาะสำหรับวิชาชีพครูหรือเปล่า -การเป็นครูทุกวันนี้ ต้องใจเย็นอย่างมาก ควรมีจิตใจที่เปิดกว้าง ยอมรับความคิดเห็นต่างได้ -สายอื่นที่ไม่ได้จบมาจากสายครู รับกับสภาพเด็กไม่ได้ ตกม้าตายลาออกกันก็มีไม่น้อยนะครับ -พอถามบุคคลที่คุณว่ารู้จริง หรือเก่งๆ เหล่านั้นว่าให้ไปอยู่บนดอย อยู่ในป่าในเขามั๊ย น้อยมากค่ะ หรือไปก็แค่ประมาณว่าไปเอาตำแหน่ง เพื่อขอย้ายกลับเข้าเมืองทั้งสิ้น -ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู บังคับใช้เฉพาะ ครูที่ปฏิบัติการสอนระดับก่อนปริญญาตรี จนถึง ปฐมวัย หมายถึง ครูที่สอนคนจากที่ไม่รู้อะไรเลย จนรู้ความ ส่วนวิชาเฉพาะนั้น เรารู้ความแล้วจึงมาเรียนนั่นเป็นเรื่องของระดับปริญญาตรีขึ้นไป -ต่ำกว่าปริญญาตรีในที่นี้ ก็นับกันตั้งแต่อนุบาล 1 ,2, 3 , ป.1, ป.2 ,ป.3, .................ยัน มัธยม หรือ ปวช. , ปวส. เท่านั้น -ประสบการณ์การสอน ป.บัณฑิต เพราะพบคนที่เรียนบางคน มีความเป็นครูน้อยมาก -ป.บัณทิตวิชาชีพครู คุณจัดการเรียนการสอนอย่างไร ฝึกสอนกันอย่างไรได้ทีละ 200-300 คน บางทีปาเข้าไป 500 คน -ทำไมไม่เลือกปิดไปทีละที่ละครับ เขาบอกสาเหตุไหมว่าปิดรวดเดียวเลย เพราะมองในคนนอก มันคือการกีดกันทางวิชาชีพดีๆนี่เอง ตอบ   โดยทางนโยบายแล้ว ณ ขณะนี้ ยังไม่มีอะไรชัดเจน ณ ขณะนี้คนที่เรียนอยู่แล้ว ก็เรียนไป แต่ของใหม่ต้องยุติ -สถาบันที่สอนไม่แก้ไข แล้วทิ้งนักศึกษาให้แก้ปัญหาเอง โดยมองว่านักศึกษาคือผู้บริโภค ผู้บริโภคต้องหาข้อมูลเอง แล้วปัญหามันก็ไปกระจุกอยู่ที่หน่วยงานออกใบอนุญาตฯเป็นคอคอดเลย -ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้พยายามพัฒนา ก็เพื่อคงไว้ซึ่ง "ศักดิ์ศรีของวิชาชีพครู" -การแก้ปัญหาอย่างนี้ วิชาชีพอื่นมองว่าตัดสิทธิ์   แต่วิชาชีพครูถือว่าให้ยาแรงและดีมาก -งานวิจัยที่ว่า ถ้ามีใครสนใจจริงๆ ร้องขอไปที่หน่วยงานได้เลย -กลุ่มที่สอบโวยวายว่าไม่ไดบรรจุก็กลุ่มวิชาชีพอื่นเนี่ยแหละ -สอบบรรจุที ปัญหาของ ป.บัณฑิตที่แต่ละสถาบันหมกเม็ดไว้ ออกตอนนี้กันสนั่นเลยทีเดียว -ปรัชญาการผลิตคนไปตัดสิทธิสาขาอื่นมาแล้ว ในกรณีของการผลิตวิศวกร  แต่หลายๆท่านกำลังไม่ยอมรับวิธีคิดแบบนี้ ในการผลิตครู มันทำให้เราดับเบิลแสตนดาร์ดหรือเปล่า?  หรือเรากำลังจะบอกว่าสถานการณ์ต่างกัน ใช้วิธีคิดแบบเดียวกันไม่ได? -จบ คอ.บ.xxxxxxxxxxxxxxxxxกว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพวิศวะเหนื่อยมากมาย แล้วทำไมท่านที่จบสายตรงที่ไม่ได้เรียนหลักสูตรทางด้านการศึกษาถึงอยากมาทำงานด้านการศึกษา พวกคุณกีดกันพวกผมทำงานด้านสายตรง xxxxxxxxxxxxxxxxอยากกลับไปสอนที่ที่ทำให้ผมเกิดมา แต่แค่ยังไม่พร้อมเท่านั้นเอง -หรือคนที่ตั้งกระทู้นี้หางานในสายตรงทำไม่ได้เลยมา.... จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 04:13:36

ความคิดเห็นที่ 2 ความเห็นค้าน (พึงระวังว่าความเห็นอาจไม่ใช่ข้อเท็จจริง) -ที่ผมพูดและคนทั้งหมดในห้องหว้ากอพูดนี่คือ ม. ปลายครับ ไม่ได้พูดถึง ป.ตรีเลย -ทุกวันนี้สอนกันหูดับตับไหม้ ครูคนหนึ่งสอนมากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ คนหนึ่งสอน 2-3 ระดับ -แทนที่ครูจะมีเวลาเตรียมการสอน มีเวลาให้นักเรียน กลับต้องมาทำงานเอกสารมากมาย -สรุปว่าครูที่จบครุ/ศึกษาไม่ด่าไม่เหน็บประชดเด็ก(และผู้คนในอินเตอร์เนต) ทุ่มเทกายใจอย่างที่คนสายอื่นไม่อาจทำได้ซินะครับ ขอให้เป็นจริง สาธุ -ต้องเข้าข้างกันเองเป็นธรรมดา -ขอครูพันธุ์เก่าแทนได้ไหมครับ สมัย 40-50 ปีก่อน -พัฒนาครูเพื่อวงการครู หรือพัฒนาครูเพื่อเด็กล่ะครับ -บางคนเขาพบว่าตัวเองพร้อมแล้วไงครับ "คนอื่น"ทำงานไม่ตรงคณะที่จบแปลว่าเขาหางานไม่ได้เหรอ -อีกหน่อย จะมี รร. สอนพิเศษ โฆษณาว่า รร. แห่งนี้สอนโดย ครูจบ ป.ตรี วิศวะ - วิทยาศาสตร์ - หมอ เท่านั้น -ครูปกติเป็น หัวโขน แต่เอา คนที่จบตรงมาสอนเป็นวิชาเสริม ที่ไม่ได้เกี่ยวกับวิชาบังคับ ... (คือบังคับเรียนพิเศษ ...นั่นหละ) แล้วก็โฆษณา .... วิธีนี้ จะทำให้ รร. ต่างๆ สามารถรีดเงินจากพ่อแม่ได้เยอะเลยทีเดียว -นักศึกษาที่จบจากวิทยาลัยครูตกงานมาก -เป็นฐานให้คณะอื่นเหยียบอยู่ดี ตอนเรียนวิชาเฉพาะต่างๆ -บางครั้งยังอดคิดไม่ได้ว่าคุรุศาสตร์ยังเป็นแหล่งรวมของคนที่ไม่มีที่ไป ไม่มีทางเลือก นั่นคือ คนที่ไม่คิดจะเป็นครูตั้งแต่แรก -เห็นหลายคนเอ็นฯ ไม่ติด ไม่รู้จะเรียนอะไร ก็ไปเรียนครู -คนจบศึกษาที่สอนดีจริงๆ เขาไม่มากังวลเรื่องโดนแย่งที่หรอก แบร่ๆ -หรือว่าไม่กล้าสอบแข่งกับคนที่จบสายตรงมาแล้วเรียนเอาวุฒิิ -ถ้ามองกลับกัน จะเป็นครูคณิต ต้องไปเรียนคณิตอีก 4 ปี คงไม่มีครูคนไหนยอมxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxครูสอนข้ามสายได้ไหมครับ เช่นคณิตข้ามไปฟิสิกส์ ถ้าได้ ต้องกลับไปเรียนใหม่ไหมครับ -ครูที่พื่นไม่แน่น เทคนิคการสอนช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกครับ -ครูที่รู้ลึกซึ้ง "อาจ" จะทำได้ดีกว่าเพราะอะไร? เพราะว่ารู้ลึก ว่าอะไรเป็นอะไร รู้ว่าจุดไหนควรเน้น จุดไหนควรปล่อย รู้ว่าอะไรคือพื้นฐานที่สำคัญที่เด็กควรรู้ จุดไหนที่กระตุ้นความคิดเด็กได้ ไม่ยัดเนื้อหามั่ว ๆ แบบที่กระทรวงกำหนดมา -คิดถึงตอนเรียน วิชาxxxxซึ่งจะเอาครุศาสตร์เอกxxxxมาตัดเกรดร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ ปรากฎว่าทางครุศาสตร์ไม่ยอมเพราะว่าคะแนนสู้ไม่ได้ -ยกตัวอย่างชัดๆใน มหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านxxxxxx เด็กจากคณะศึกษาศาสตร์ xxxx มาเรียนกับ เด็ก วิทยา xxxxเพียว คะแนนของเด็ศึกษาจะต่ำว่า เด็กวิทเพียวอย่างเห็นได้ชัดเจน -เรียนก็แค่ 4 ปี เหมือนเอกทั่วๆ ไปนะคะ แต่ฝึกประสบการณ์สอน 1 ปี เลยเป็น 5 ปีถึงจบหลักสูตร...   ไม่ใช่เรียนอย่างเดียว -วิชาไหนในหลักสูตรครู 5 ปี ที่ทำให้เป็นครูมากกว่า -หลักสูตรครู๕ปีที่เรียนๆกันอยู่ ไปฝึกสอน๑ปียังทำข้อสอบวิทย์ม.๓ไม่ได้เลย -บางคน มันเป็น skill ติดตัวแต่เกิดด้วยซ้ำไป -อยากได้โปรแกรมด้านบัญชี ใช้ในบริษัทจะให้โปรแกรมเมอร์ไปเรียนอ่าน บัญชี หรือ จะให้พนักงานบัญชีไปเรียนเขียนโปรแกรม -ที่มาของปัญหาคือ"บางคน" แต่ผลออกมากับ"ทุกคน" -oversupply ที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้เกิดจากแค่ป.บัณฑิตเท่านั้น -หลักสูตรป.บัณฑิต สังกัดคณะวิทย์ อักษร ฯลฯ เหรอครับ -ปรัชญาของคณะอื่นๆไม่ได้เพื่อผลิตครู ถ้างั้นปรัชญาของหลักสูตรป.บัณฑิตคือ?? -ถ้าหลักสูตร ป.บัณฑิต สาขาวิชาชีพครูไม่สามารถผลิตครูที่คุณภาพเทียบเท่าหลักสูตร 5 ปี แล้วทำไมถึงให้ผ่านการรับรองหลักสูตรล่ะครับ -เพิ่ม ป.บัณฑิต เป็น2ปีน่าจะเข้มข้นพอนะ -ครูสอนวิทยาศาสตร์ที่หลานผมไป AFS เขาก็เคยเป็นนักวิทยาศาสตร์มาก่อนนะครับ แต่เพราะเบื่อทำวิจัยแล้วก็เลยมาเป็นครู -"อีกทั้งผลวิจัยของมหาวิทยาลัยxxxxxxxxxพบว่าผู้เรียนหลักสูตรป.บัณฑิตคุณภาพ ต่ำกว่าผู้เรียนหลักสูตรครู 5 ปี" อยากให้เอางานวิจัยชิ้นนี้มาตีแผ่จังเลย -rank เด็กสายตรงเมื่อสอบ comprehesive เพื่อจบคณะศึกษาศาสตร์ ในรุ่นก่อนปี xxxx จะอยู่ใน rank ต้นทั้งหมด เสมอ -เรียนเทคนิคการสอน จิตวิทยาการสอน และรายวิชาอื่น ๆ ในภาคการศึกษาต้น โดยคณะศึกษาศาสตร์ (ในมหาวิทยาxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx) จะเปิดเทอมให้กับนิสิตกลุ่มนี้ก่อนคณะอื่น ๆ ในภาคการศึกษาที่ 2 จึงจะเป็นการฝึกสอนจริง........... จากปีการศึกษา xxxx เป็นต้นมา คณะศึกษาศาสตร์ บังคับให้นิสิตทั้งเรียนและฝึกสอนไปพร้อมกันทั้ง 2 ภาคการศึกษา ซึ่งสำหรับเด็กที่ไม่เคยเรียนเทคนิคการสอน และจิตวิทยาการสอนมาก่อนอาจมีปัญหา xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxผลวิจัยที่ว่า....เป็นผลการวิจัยที่ทำในช่วง 2 ปี นี้แหละค่ะทุกท่าน -ในขณะที่นิสิตคณะศึกษาศาสตร์เอง ทุกรายวิชาที่ว่า..เรียนมาหมดแล้ว... จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 04:13:53

ความคิดเห็นที่ 3 หลากหลายความเห็น&fallacyมากมาย พยายามตัดคำกระแนะกระแหนออกไปส่วนนึง (แต่ส่วนที่เกทับกันยังคงไว้ เพราะเป็น bias ที่เป็นฐานความคิดของหลายคน เพื่อให้เห็นว่าไม่เหมาะสม ยั่วยุกันทั้ง2ฝ่าย) จัดเป็นกลุ่มๆที่เนื้อหาใกล้เคียงกัน โดยไม่ได้เรียงลำดับโพสท์ก่อนหลัง ขาดตก ผิดเพี้ยน ยังไงเชิญเพิ่มเติมแก้ไข ถ้า wording ผิดพลาดไปกระทบหรือกล่าวหาใคร ถือเป็นความเลวของผมเองละกัน ขออภัยล่วงหน้าครับ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 04:14:50 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 04:14:15

ความคิดเห็นที่ 4 กระทู้อ้างอิง http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/08/K9580873/K9580873.html http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/08/K9597296/K9597296.html http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9597800/X9597800.html http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9599451/K9599451.html (2อันนี้กระทู้หาย แต่มีเซฟไฟล์ไว้ส่วนหนึ่ง http://www.upload-thai.com/download.php?id=63d99f13fda785fa86a80cbb847b6828 http://www.upload-thai.com/download.php?id=e2fe25733a08743efc595079451d6c64 ) http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2010/08/X9602985/X9602985.html http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2010/08/X9606426/X9606426.html http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/08/K9603045/K9603045.html http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9614941/K9614941.html (กระทู้หาย เลยเอาที่ก๊อปไว้มาแปะไว้ที่คห.102กระทู้นี้) http://www.pm.go.th/connect/41499 --> เห็นควรทบทวนมติ  โหวตทีครับ(ต้องสมัคร) แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 16:02:02 แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 53 00:05:03 แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 53 00:01:42 แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 53 23:59:08 แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 53 21:04:11 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 53 13:36:24 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 53 13:35:31 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 04:20:09 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 04:15:33

ความคิดเห็นที่ 5 กรุณาอย่าใช้อารมณ์ เสียดสี ประชดประชัน โจมตีบุคคล ครับ แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 04:21:56 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 04:17:12

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณทุกท่าน และพันทิพครับ จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 04:17:48

ความคิดเห็นที่ 7 ความเป็นมา: เรียนจบคณะอื่นมา แล้วอยากเป็นครู ต้องไปเรียนป.บัณฑิต แล้วถึงจะไปขอใบอนุญาตครู มติ: ห้ามทำแล้ว(เริ่ม19สค53) เพราะครูล้นตลาด และเขา"วิจัย"มาแล้วว่าไม่มีคุณภาพเท่าครูที่จบครุศาสตร์ ความเห็นสนันสนุนมติ: เป็นการพัฒนาวงการครูซึ่งเป็นวิชาชีพเฉพาะ พันธกิจของคณะ ต้องผ่านการอบรมอย่างเข้มงวด ต้องตั้งใจจริงเลือกเรียนครู หางานทำไม่ได้เลยจะมาแย่งที่ครูละซิ กีดกันไว้คนเก่งๆจะได้มาเรียนคณะครุ ฯลฯ ความเห็นค้าน: บางสาขาน่าจะเปิดกว้าง คนจบคณะอื่นก็มีจริยธรรม&คุณธรรมได้ การที่หน่วยงานไม่ทำหน้าที่มาต่อเนื่อง งานวิจัยจริงรึ เรียนอะไรไม่ได้ก็เลยเรียนครูละซิ โอกาสที่เด็กจะได้รับ ฯลฯ ถ้าจะสรุปแต่นี้เดี๋ยวก็โดนหาว่าบิดเบือน และอยากให้ท่านๆได้เห็น&คิดตามเหตุผลปลีกย่อยของอีกฝ่ายด้วยจึงใช้การตัดมาทั้งประโยค จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 04:18:14

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าท่านคิดว่าน่าสนใจ ช่วยบอกต่อทีครับ เพื่อความเห็นที่หลากหลายและรอบคอบครับ จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 04:27:56

ความคิดเห็นที่ 9 ถามหน่อยครับสงสัยอยากรู้ ครับ (อ่านไม่รู้เรื่องเท่าไร) ตาลาย ตกลงคือจะยกเลิก การเรียน ป.บันฑิต แล้วขออนุญาตครู คือยกเลิกแล้วใช่ไหมครับ   แล้วยกเลิก ปีนี้ ใช่ไหมครับ? แสดงว่า ต่อไป ถ้าไม่ได้จบครูมา ไม่สามารถเป็นครูได้หรอครับ พอดีตอนนี้อยู่ปีสาม เรียน จบ แม่อยากให้เรียน ป.บันฑิต และขอใบอนุญาตครูนี่แหละครับ  พอดี ไม่ได้เรียน ครุศาสตร์ หรือ ศึกษาศาสตร์ งั้น แม่ผมคงผิดหวัง  (ไม่ได้เป็นครูเลยตรู - -") จากคุณ : ข้างหลังบ้าน เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 06:19:26

ความคิดเห็นที่ 10   ตอบ ข้างหลังบ้านครับ โรงเรียนบางแห่งไม่ได้จำกัดว่าจะต้องมีใบกระกอบอนุญาตด้วย แต่แน่นอนว่า จะต้องมีการคัดเลือกและสัมภาษณ์เข้าทำงานเปรียบเสมือนพนักงานทั่วไป ซึ่งไ้ด้เงินเดือนดีกว่าแน่นอนครับ อย่างพวกโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนที่มีห้องเรียนวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (MWIT , ดรุณสิกขาลัย , โครงการ วมว. , อื่น ๆ) ถ้าเพื่อทดสอบความครูของตัวเองน่าจะลองไปสมัครเป็นครูตามโรงเรียนพวกนี้ก็ดีเหมือนกันครับ เพราะอย่างน้อยก็จะได้สร้างแรงกดดันให้เกิดการพัฒนาตัวเองด้วย (ไปตามโรงเรียนรัฐอาจจะหมดไฟก่อน) จากคุณ : RakRok12 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 09:58:15

ความคิดเห็นที่ 11 "โรงเรียนบางแห่งไม่ได้จำกัดว่าจะต้องมีใบกระกอบอนุญาตด้วย" >เอกชนหลายแห่งที่ผมเห็น เป็นการขอผ่อนผันชั่วคราวครับ แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 11:51:06 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 11:32:39

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านแล้วงง ถ้าคนจบครุศาสตร์ 5 ปีได้ใบประกอบ แต่ไม่ได้เป็นครูถูกเอก ต้องเรียนเพิ่มเติมเปล่า จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 14:31:41

ความคิดเห็นที่ 13 ตลก คิดมา > ใช้ แป๊ปๆ > ยกเลิก คห.ส่วนตัว  ไม่ใช่ทุกคนที่เรียนครูมา จะเป็นครูที่ดี                 แล้วครูที่ดี ก็อาจมาจากคนที่ไม่ได้เรียนครูมาก็ได้ ดังนั้น อาชีพครู มีกฎเกณฑ์ได้ แต่ควรเปิดกว้าง อย่ากีดกัน เพราะคห.ของแต่ละคนช่างแตกต่าง แล้วไม่มีใครถูกผิดเลยสักคนเดียว ควรทำเพื่อการศึกษาของเด็ก ทำเพื่อเด็ก ไม่ใช่มีความคิดแต่ว่ากลัวจะแย่งที่ แย่งอาชีพ ของอย่างนี้ แย่งกันได้ง่ายๆเหรอครับ? ที่ผ่านมายาวนาน การศึกษาไทยเป็นอย่างไรก็รู้ๆกันอยู่ เซงมากครับ อยากเป็นครู แต่ไม่อยากเรียนครู ทำไมล่ะ? จำเป็นด้วยเหรอ? ก็ให้กวดวิชาจงเจริญรุ่งเรือง ต่อไปละกันนะครับ . . . ครูบางคนก็ทุ่มเท มีจิตวิญาณเป็นครุสุดๆ บางคนกลางๆ บางคนก็มาเพราะเงินเดือน ความั่นคง แต่หาได้เป็นครูที่ดีไม่ หามาตรการที่จะทำให้คนเป็นครู ที่ทำงานเป็นครู เป็นครูที่รู้จักพัฒนาตัวเองดีกว่านะครับ  ดีกว่าการมาถกประเด็นเรื่องใครจะมาเป็นครู ต้องอย่างโน้นอย่างนี้ . . . แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 17:01:07 จากคุณ : ผมน่ารัก^^ (deepthink) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 16:57:48

ความคิดเห็นที่ 14 ก็เข้าใจว่า คุณ ดร. ก็อยากเอาใจครูในกระทรวง แต่ยุคสมัยแบบนี้ อดคิดไม่ได้ว่า มันดูกีดกันกันจัง ผมว่าคนเราควรมีโอกาสสร้างทางเลือกให้ตัวเองนะ เข้าใจคนเรียนสายครูตรงก็คิดว่า สายอื่นเรียนจบมาแย่งที่นั่งตน แต่ก็อย่าลืมด้วยว่า นั่นเพราะพวกเขาเลือกสร้างโอกาสให้กับตนเอง เพื่ออนาคตของพวกเขาเหมือนกัน สงสัยต้องวาน นายก ช่วยทีแล้วอะ 55 จากคุณ : แชมพูไม่มีฟอง เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 17:10:42

ความคิดเห็นที่ 15 ตอนที่ผมเรียน ABAC มีอาจารย์หลายท่านที่เป็นอาจารย์พิเศษ อาจารย์พิเศษคือผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละสาขา ประสบการณ์เพียบ เพราะเป็นผู้บริหารระดับสูงแล้วทั้งนั้น มาช่วยถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้ นักศึกษาแต่ละคนต่างได้ความรู้และซึมซับประสบการณ์ไปตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ มีอาจารย์ท่านหนึ่ง โอ เจ๋งเป้งมากๆ เวลาเข้ามาสอนในชั้น ก็บอก นี่พวกเธอ หนังสือตำราเรียนน่ะไม่ต้องเปิดหรอก ฟังอาจารย์พูดดีกว่า ความรู้ในตำราน่ะพวกเธอไปอ่านเองได้ ผล นักศึกษาได้ภาษาอังกฤษ เพราะต้องอ่านตำราเรียนของ ABAC ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ยกเว้นวิชาภาษาไทยและกฎหมาย ซ้ำยังได้ซึมซับประสบการณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์โชกโชน ไม่เห็นจะต้องง้อวุฒิครูอาจารย์แต่ประการใด จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 17:53:02

ความคิดเห็นที่ 16 อันนี้เป็นมุมมองของผู้บริหารครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9614941/K9614941.html#11 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 18:01:20

ความคิดเห็นที่ 17 #12 จากข่าว -ต้องมาสอบขอใบอนุญาตในสาขาวิชาที่เรียน -ครูเก่าจะต้องนำหลักฐานการอบรมความรู้เพิ่มเติมย้อนหลัง 3 ปีมายื่นขอใบอนุญาตฯ เช่น ครูที่จบสาขาพลศึกษาแต่สอนฟิสิกส์มา 5 ปีและมีใบอนุญาตฯอยู่แล้ว ก็ต้องอบรมเพิ่มเติมโดยเบื้องต้นเท่าที่หารือกันควรอบรมความรู้เพิ่มเติมในวิชานั้นๆ 15 ชั่วโมง จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 18:07:11

ความคิดเห็นที่ 18 งง... ยิ่งนับวันยิ่งเละเทะ ปัญหาสอนดีไม่ดีไม่ได้มาจากผลการสอบ อยู่ที่ตัวเด็กต่างหาก คนที่เรียนครูใช่ว่าจะสอนดีเสมอไป เพื่อนเรารวมทั้งเราด้วย ต่างก็ไม่ได้เรียนจบครูมาโดยตรง แต่ไปเรียนเพิ่มวุฒิ ป.บัณฑิตนี่แหละ แล้วครูที่สอนบัญชีตามวิทยาลัยการอาชีพต่างๆ จะทำอย่างไร เอ่อ...แอบโง่ค่ะ พวกวิชาบัญชีหรือบริหารเนี่ย มีที่คณะศึกษาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไหนไหมคะ แล้วครูที่สอนบัญชีตามวิทยาลัยอาชีวะ หรือโรงเรียนพาณิชการต่างๆ เขาจบครูมาโดยตรงรึเปล่า อันนี้ สงสัยมาตั้งนานแล้ว จากคุณ : ryuzaki เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 20:08:53

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ถ้าจำไม่ผิด บังคับเฉพาะสายสามัญครับ ป.1 ถึง ม.6 สายอาชีพไม่เกี่ยว อ่านข่าวนี้คิดถึงเมื่อก่อนที่จะเปลี่ยน อ. มหาวิทยาลัยให้เป็นคนจบ ครุ อย่างเดียวเท่านั้น โชคดีที่ความเห็นนี้โดนค้านจนตกไป จากคุณ : Buff_Power เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 20:48:05

ความคิดเห็นที่ 20 ดีนะไม่บังคับให้อ.ที่สอนมหาวิทยาลัยต้องไปสอบป.บัณฑิต หรือต้องมาจากครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์เท่านั้น เฮ้อ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 22:05:33

ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อวานพึ่งดูรายการของอ.เสรี ได้ยินคำพูดหนึ่งว่า อาจารย์สอนเรื่องการขาย  แต่ไม่เคยขายของเลยแล้วสอนยังไง (คำพูดอาจไม่ตรง แต่ใจความคิดว่าทุกท่านน่าจะเข้าใจ) วิชาบางอย่างมันต้องประสบการณ์ ไม่ใช่มีแต่ทฤษฎี จริงๆ ประเทศไทยกีดกันกันเกินไปในเรื่องการศึกษา ถ้าเปิดเสรีจริง อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยสู้คนอื่นไม่ได้ เลยไม่มีสิทธิเรียนในสาขาที่อยากเรียน  แต่ไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นจะเรียนไม่ได้ เพียงแต่คะแนนน้อยกว่า โอกาสจะเลยหายไปเท่านั้น ผมยังเชื่อในความขยันของคน วิชาใดใด มันก็แค่ท่องจำ เข้าใจและไปสอบ แพทย์ เภสัช วิศวะ ที่ว่ายากๆ   คนฉลาดอ่านรอบเดียวเข้าใจ  ฉลาดน้อยหน่อยแต่ขยันอ่านสามรอบมันก็เข้าใจเหมือนกัน คนที่จบอะไรมาก็เถอะ  อย่าใจแคบที่จะให้คนอื่นเข้ามาเรียนรู้ในสาขาของตนเองเลย   ใครเก่งจริงก็เป็นที่ต้องการเองแหละ สิ่งสำคัญคือต้องไปควบคุมคุณภาพตอนที่เรียน ไม่ใช่ปล่อยผ่าน จากคุณ : ยูไลพันมือ เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 22:14:01

ความคิดเห็นที่ 22 ยังไงผมก็คิดว่า การมี ป.บัณฑิตเป็นการคานอำนาจกับพวกเรียนศึกษาศาสตร์ - คุรุศาสตร์นะ เพราะ Expert ด้านต่างๆ ถึงจะไม่ได้จบครูมาโดยตรง แต่ความชอบและเชี่ยวชาญย่อมมากกว่าคนจบครูแน่ๆ ( ดังนั้นเมื่อใจรัก ก็ย่อมจะแสวงหาความรู้ในด้านนั้นๆ ทั้งในและนอกตำรา ) และในหมู่คนที่เป็น Expert ก็จะต้องมีคน 2 ประเภท ประเภทแรกคือเก่งคนเดียว สอนคนอื่นไม่ได้ กับอีกประเภทคือเก่งเองด้วย และสอนคนอื่นได้ด้วย ทำไมไม่ให้โอกาส Expert พวกนี้มีโอกาสได้อบรมหลักสูตรการสอนเพื่อมาเป็นครูบ้างก็ไม่รู้ งงครับ จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 22:38:45

ความคิดเห็นที่ 23 อยากบอกคนที่ไม่ได้เรียนครูแล้วสุดท้ายก็มาทำอาชีพครู เพราะทำอย่างอื่นไม่ได้ แล้วก็เรียกร้องบางอย่าง ว่าครูไม่ใช่อาชีพทางเลือก"สุดท้าย" ส่วนคนที่อยากเป็นครูจริงๆ แต่จบอย่างอื่นมา ก็ขอให้โชคดีมีทางออกที่เหมาะสม หวังว่าจะเป็นครูที่ดีจริงๆ ไม่อยา่กให้อาชีพครู เป็นอาชีพสุดท้ายที่เลือก เพราะทำอย่างอื่นไม่ได้ หรือแม้่เป็นสาขาหรือคณะสุดท้ายที่เลือกเรียน แค่คะแนนถึง -*-   หรือเป็นครู....เพราะทำๆไปแค่เพราะเรียนจบครูมา ไม่อยากให้ใครมาบอกว่าคนเรียนครูโง่กว่าคนที่เรียนสายตรงๆมา เพราะกว่าจะเรียนจบครูมาได้ไก็ไำม่ใช่เรื่องง่ายทางความรู้สึกเหมือนกัน ปล.อาจจะออกมาพูดกันคนละเรื่อง แต่อยากบอกค่ะ จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 23:28:09

ความคิดเห็นที่ 24 เฮ้อ++   ผู้จบครูเองในไม่ช้าก็ต้องสอบเพื่อประกอบอาชีพครูจริงๆ  ยิ่งกว่านั้นต่อไปจบพละและไปสอนฟิสิกส์ก็จะทำไม่ได้แล้ว  ใบอนุญาตจะแยกเป็นกลุ่มๆ  เมื่อดูแนวทางนี้แล้ว  มันก็คือการยกระดับวิชาชีพนั่นเอง  เหล่า Expert ที่ว่านั้นน่ะเขาจะยอมมาขังความสามารถตัวเองโดยยอมสอนยิบย่อยแบบนี้ล่ะหรือ  อีกอย่างตอนนี้เรากำลังพูดถึงการสอนระดับประถมถึงมัธยมในขอบเขตทั่วประเทศ  ซึ่งรวมถึงท้องที่ทุรกันดารด้วยนะ    ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้ศาสตรจารย์ด้านฟิสิกส์ไปสอนประจำเด็กประถมที่อำเภอบันนังสตาร์ จังหวัดยะลานะ  แต่มันจะเป็นไปได้ล่ะหรือ? ผมเองนะมองว่า ความเชี่ยวชาญพิเศษที่ว่านั้น มันเหมาะกับระดับอุดมศึกษามากกว่า ถ้าสนใจจริงก็ติดต่อขอไปบรรยายเป็นครั้งคราวหรือไปเป็นอาจารย์พิเศษก็ยังได้   คิดคล้ายๆข้างบน  ถ้าคิดเพียงว่า อาชีพครูเป็นอาชีพที่ถูกเลือกเป็นตัวสุดท้าย  เป็นอาชีพที่จะทำยามที่หมดไฟ  เป็นอาชีพที่เป็นก๊อกสองจากวิชาชีพตัวเอง  แล้วเมื่อไรอาชีพครูจึงจะพัฒนาได้ล่ะนี่? จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 00:14:02

ความคิดเห็นที่ 25 คห.24 ถ้าเป็นที่กันดารที่อื่น เพิ่มค่ากันดารสิครับ รับรองผมว่าต้องมีคนยอมไปบ้างแน่นอน แต่ 3 จว. เชื่อเถอะ นอกจากจะลำบากแล้วยังเสี่ยงตายด้วย เคยได้ยินว่า บ.บางแห่งจ้างขับรถส่งของในพื้นที่ 3 จว. เดือนละ 80,000 บาท อาทิตย์นึงออกแค่ไม่เกิน 2 เที่ยว มีที่พักให้ที่สงขลา เชื่อไหมครับ ยังหาคนทำไม่ได้เลย ใครก็กลัวตายครับ แต่ลำบากน่ะไม่เท่าไร หุๆ จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 00:46:06

ความคิดเห็นที่ 26 มีวิวาทะที่เวบคุรุสภาเล็กน้อยครับ http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4222 http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4223 > มีนศ.รวมกลุ่มกันแล้วครับ http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4224 http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4233 แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 05:35:28 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 01:34:04

ความคิดเห็นที่ 27 จากประสบการณ์ความเป็นครูที่ทำมานานมากกว่า 10 ปีแล้ว บอกได้เลยว่าความเป็นครูมันถูกฝึกมาสำหรับคนที่เรียนคณะครุศาสตร์จริืงๆ มันฝังในจิตสำนึกเลยค่ะ ความดูแล ความใส่ใจ หัวใจ แต่คนนั้นต้องผ่านสถาบันที่มีคนมีวิญญานแห่งความเป็นครูเป็นคนหล่อหลอม และสอนนะคะ ไม่ใช่อาจารย์แบบสอนไปวันวัน แต่ถ้าจะถามว่าคิดอย่างไรกับใบประกอบวิชาชีพครู และการมี ป.บัณฑิต ขอบอกว่่า สำหรับคนที่มีความตั้งใจที่จะเป็นครูเพราะรักอาชีพนี้  และอยากทำจริงแล้วละก็ มันเป็นทางเลือกที่ดีนะคะ ไม่อยากให้กีดกันกัน แต่ถ้ามาเรียนเพราะว่ามันเป็นความมั่นคงในชีวิต ต้องการใบประกอบวิชาชีพครูเพราะต้องการรับราชการเท่านั้น แต่หัวใจยังไม่ได้ต้องการทำอาชีพนี้อย่างแท้จริงแล้ว มันก็เป็นการทำลายวิชาชีพครูดีดีนี่่เอง มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่จบวิชาเฉพาะทางที่เป็นวิชาขาดแคลน แต่ถ้าไม่ยอมให้เรียน ป.บัณฑิต คุรุสภาควรจะมีทางออกที่เป็นการยกเว้นสำหรับบางวิชา เพราะความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ หรือทางสาย มันต้องมีทั้งจากประสบการณ์การทำงานและความใฝ่หาความรู้่ ถ้าทำตัวเป็นชาล้นแก้ว  มันก็แย่ค่ะ ที่สำคัญ อย่างที่บางความเห็นข้างบน ตำราไม่ได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด ประสบการณ์เป็นสิ่งที่มีค่ามากในการสอน สรุปว่า อยากให้มีการเรียน ป.บัณฑิตต่อ สำหรับคนที่มีจิตใจรักอาชีัพนี้อย่างแท้จริง แต่้สถานศึกษาที่เปิดต้องมีคุณภาพ และกรองรับแต่คนที่มีคุณสมบัติแห่งความเป็นครูอย่างแท้จริงนะคะ ไม่ใช่ทำแบบธุรกิจการเรียนเท่านั้น ถ้าไม่มีความรักในอาชีพจริงจริงแล้วอย่ามาเป็นครูเลยค่ะ อาชีพนี้ไม่ร่ำรวยเงิืนทองอย่างที่คิดหรอกค่ะ แต่ร่ำรวยลูกศิษย์ แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 02:09:12 จากคุณ : สองสาย เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 02:06:06

ความคิดเห็นที่ 28 เข้าไปโวตในนี้ดีกว่า http://www.pm.go.th/connect จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 02:31:03

ความคิดเห็นที่ 29 เข้าไปโวต http://www.pm.go.th/connect/41499 จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 02:33:41

ความคิดเห็นที่ 30 คนที่อยากเป็นครู เขามีฝัน เขามีความตั้งใจจริง เขาอยากสอนอยากให้ความรู้แก่เด็ก   เขาจึงเรียนครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์... ไม่ใช่เพิ่งอยากจะมาเป็นครู เพราะต้องการความมั่นคง  หรือตอนที่คิดอะไรไม่ออก.!! จากคุณ : สควิบ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 02:48:18

ความคิดเห็นที่ 31 ที่คุณบอกก็มีจริงครับ แต่"บางคน"เขาก็มั่นคงแล้ว เลยอยาก"ให้"เด็กบ้าง และทางกลับกัน"บางคน"ก็ไม่ได้อยากจะเรียนคณะนี้แต่แรกเช่นกัน ประเด็นนี้อย่าเถียงกันเลยครับ ขัดใจกันทั้งสองฝ่าย พึงมองว่าเป็นเรื่องรายบุคคลครับ ไม่ใช้ทุกคน แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 03:20:55 แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 03:12:04 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 03:07:52

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าคุรุสภาทำแบบนี้ มันเท่ากับว่าตัดโอกาสที่เด็กๆ จะได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำงานจริงๆ จากผู้ที่มีประสบการณ์เชี่ยวกราก ลองเปรียบเทียบกับการสัมนาสิครับ จะเห็นภาพชัดขึ้น ในการสัมนานั้น วิทยากรรับเชิญแต่ละท่าน โห เขี้ยวลากดินทั้งนั้นเลย เวลาผมจะไปเข้าสัมนาที่ไหน ผมจะดูก่อนว่าใครเป็นวิทยากร ถ้าเป็นพวกนักวิชาการล้วนๆ ผมไม่สนเลย แต่ถ้าเป็นพวกนักบริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากกว่าผม ผมจะไป โหวตโลดครับ เพื่อให้กรรมการคุรุสภางี่เง่าพวกนี้ มันจะได้เข้ามาเห็น มันจะได้รู้ว่าสังคมคิดอย่างไร แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 04:33:49 จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 04:19:04

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ i sky แตกเพิ่มไว้ที่นี่ แวะไปดูได้ครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9626855/X9626855.html จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 05:24:56

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านแล้วนึกถึงเพื่อนสมัยมัธยมของเรา เรียนจบ ป.โท ประวัติศาสตร์จากต่างประเทศ รับงานแปลหนังสือเรื่อยเปื่อย สบายๆ อาจารย์ ร.ร.เก่ามาติดต่อชวนไปเป็นครูสอน ม.ปลายห้องสองภาษา รู้สึกจะสังคมหรืออังกฤษหรือไงเนี้ยะแหล่ะ เพื่อนเราปฏิเสธเพราะเกลียดเด็ก ไม่ชอบสอนใคร ปฏิเสธไปทั้งๆ ที่พ่อมันก็เป็นครู ญาติๆ ก็เป็นครูนี่แหล่ะ ในทางกลับกัน ถ้าเพื่อนเราเกิดมีความคิดที่อยากจะถ่ายทอดสิ่งที่เรียนมา ประสบการณ์ต่างๆ และสาขาวิชาที่มันจบมา แต่เป็นครูไม่ได้เพราะ...ไม่ได้จบครุ อืม...ดีนะ ไม่จำกัดไปถึงมหาวิทยาลัย เพราะครูก็เป็นอาชีพนึงที่เราวางแผนว่าอยากจะทำตอนเรียนจบ เหอๆ จากคุณ : เมษาพาเพลิน เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 08:44:01

ความคิดเห็นที่ 35 อยากให้มีป.บัณฑิต เพื่อคนคุณภาพที่ไม่ได้จบครูมา แล้วต้องการอาชีพครูจริงๆ แต่ก็ต้องมีจัดการขึ้นในมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพยอมรับได้จริงๆในคณะทางการศึกษา-ฝึกหัดครูเท่านั้น เพื่อไม่ให้มันกลายเป็นเรื่องธุรกิจ เรายอมรับว่าอยากให้อาชีพครูเข้าสู่วงธุรกิจ ในแง่เงินเดือน...เท่านั้น แต่ไม่ใช่เข้าสู่วังวนธุรกิจเพราะมีช่องทำเงิน (ช่างเป็นอะไรที่ไม่ถูกที่ถูกเวลาซะเลย) เรื่องจบครู ไม่จบครู เลือกเรียนครู ไม่เลือกเรียนครู มันไม่ใมช่ประเด็นสำคัญเลย มันอยู่ที่เจตนา(และความตั้งใจ)เท่านั้น!!!!! จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 11:13:26

ความคิดเห็นที่ 36   รู้สึกชื่นใจมาก  กับข่าวที่ว่า จะปิดสอนหลักสูตร ป.บัณฑิต  เข้าใจว่า  หลาย ๆ คนที่เรียนครูมาโดยตรงคงจะถูกใจกับข่าวนี้ไม่ใช่น้อย     เราเป็นคนหนึ่งที่เรียนครูมาโดยตรง  และปัจจุบันก็ได้ทำหน้าที่ครูเต็มตัว  ในระหว่างที่เรียนนั้น  ต้องขอบอกกับคนที่เรียน ป. บัณฑิตว่า  เราต้องฝึกฝนและผ่านขั้นตอนการฝึกความเป็นครูมาก  ทั้งด้านเจคติ  หลักการสอน  เทคนิคการสอนต่าง ๆ ตลอดจนกิจกรรมพัฒนาคุณลักษณะ  ที่นักศึกษาต้องเข้าร่วมทุกครั้ง  กิจกรรมการเรียนการสอนต่าง ๆ เข้มงวดมาก  อยากจะบอกหลาย ๆ คนที่เรียนคณะอื่นสาขาอื่นมา ว่า  ท่านถามใจตัวเองดีแล้วหรือที่อยากจะมาเป็นครู  หรือไม่มีอะไรจะทำ  ไปไหนไม่รอด  ก็จะมาเป็นครูท่าเดียว  (โดยเฉพาะ พวกลูกท่านหลานเธอทั้งหลาย)     เราไม่อยากให้หลายคนเข้าใจผิดว่า  ศึกษาศาสตร์จะเรียนวิชาไม่เก่ง  คนที่เก่ง ๆ ก็มี  แต่เขาเหล่านั้นล้วนแต่ก็มีเจคติและความเป็นครู     หากจะอยากมาเป็นครู  ก็ควรเรียนครูตั้งแต่แรก  มิใช่หรือ   เห็นหลาย ๆ คน  บางคนไม่ได้เรียนครูมา  กลับได้ตำแหน่งครู แสนง่ายดาย  เพราะเขาเหล่านั้นมีพื้นฐาน  (เส้นสาย)  บางคนได้เข้ามาเป็นครูแล้ว ถึงไปเรียน ป. บัณฑิต  เพราะ  หลักสูตร ป. บัณฑิต กำหนดไว้ว่า ต้องเป็นครูอยู่แล้ว  จึงสามารถเข้ามาเรียนได้  แบบนี้  คงจะช่วยยกระดับความเป็นครูได้หรือไม่ จากคุณ : ครูอุ้ยตาโต้ คนโก้เมืองชุมแพ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 12:19:40

ความคิดเห็นที่ 40 เหมือนจำกัดเลยว่า เรียนอันนี้ต้องเป็นอันนี้เนอะ เราว่าถ้าเก่ง ถ้าเจ๋งจริง เส้นก็เส้น มันจะเส้นได้หกสิบล้านคนทั้งประเทศเลยหรือไง เก่งจริง เจ๋งจริง ที่ไหนเขาก็รับ  เรียนจบคณะครุศาสตร์โดยตรงมาใช่ว่าจะเก่งหรือเชี่ยวชาญนา จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 13:13:22

ความคิดเห็นที่ 41 ในความเห็นผม คนจบ ครุ มีความรู้ความเข้าใจ เท่าคนจบวิทยาศาสตร์ อักษร หรือเปล่าครับ ถ้าสอบแข่งกันสองคนนี้ ใครจะได้คะแนนเยอะกว่ากัน ส่วนไอ้เรื่องหลักสูตรครูสมัยนี้ เห็นเด็กครุแต่ละที่แล้วกลุ้มใจ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 13:48:30

ความคิดเห็นที่ 44 #37,38ถูกลบใน5นาทีครับ ย้ายมา#39ได้ซักพักก็หาย #42,43ด้วยครับ ขอภัยท่านที่ไฟแดง ผมไม่ได้มีเจตนาหาเรื่องใครครับ แค่เอาเนื้อหาจากลิ้งมาให้ดู ความเห็นของนศ.ครับ (มีแต่ลิ้งแล้วครับ) หรือถ้าadminหรือระบบพันทิพเป็นผู้ลบอัตโนมัติก็ขออภัยด้วยครับ เฟชบุค/group.php?gid=149181245110620 คุรุสภา/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4223 ขอโทษครับ ผมเซ่อเอง ระบบคงบล็อกเฟชบุ้คอัตโนมัติน่ะครับ -_-" แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 15:50:12 แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 15:49:46 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 14:27:49

ความคิดเห็นที่ 45 คห 36 เรื่องเส้นสาย ก็แก้กันไปดิ ไม่เห็นต้องกีดกันด้วยวิธีนี้ เรื่องคุณภาพ ถ้าครูจบ ตรงดีจริง ทำไมคนต้องมาเรียนพิเศษสอนโดย หมอ วิศวะ ตอบผมได้ใหม ประเด็นคือควรเปิดกว้าง ทีนี้โรงเรียนอยากได้ครูแบบใหนก็เลือกเอาซี่ นี่ตัดออกตัวเลือกน้อยลง แล้วมันดีตรงใหน จะเอาครูจบตรงสอนเด็นเล็ก เอาครูที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสอนเด็กโต เลือกได้ ตามชอบใน ยิ่งมีตัวเลือกเยอะยิ่งดี ทำไมต้องกีดกัน งง ว่ะ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 14:46:26

ความคิดเห็นที่ 47 เฮ้อ #36 ตอบกันแบบนี้ทุกคนเลย นอกจากเหตุผลที่ว่าอยากเป็นครูแล้วทำไมไม่เรียนครูแต่แรก นี่ มีเหตุผลอื่นอีกรึเปล่า เห็นกี่คนต่อกี่คน ก็อ้างแต่คำตอบนี้ทั้งนั้น ไม่เห็นคนที่จบครูคนไหนจะกังวลถึงนักเรียนเลยว่าจะได้รับความรู้จากคนสอนแค่ไหน มีแต่กระแนะกระแหน คนจบสายอื่นแล้วมาเรียน ป.บัณฑิตเพิ่ม ถ้าเขาไม่อยากเป็นครู คงไม่เสียเงิน เสียเวลา มาเีรียนหรอกครับ ไหนจะต้องไปสอบแข่งเพื่อที่จะบรรจุอีก พวกเด็กฝากเด็กเส้นนะ มีน้อยมาก ๆ ใครก็เบื่อกันทั้งนั้นแหละ แล้วถามจริง ๆ เถอะ คนที่จบครุ หรือศึกษาศาสตร์เนี่ย ลองไปถามรายคนเลยว่ามีซักกี่คนที่อยากจบมาแล้วเป็นครูจริง ๆ แล้วเลือกเรียนสายนี้ หรือสอบอะไรไม่ติดถึงมาเรียนสายนี้ กล้าถามกันรึเปล่าหรือกลัวคำตอบที่จะได้ จากคุณ : Buff_Power เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 15:02:03

ความคิดเห็นที่ 48 ตอนนี้ก็บ่ายวันอาทิตย์แล้ว วันพรุ่งนี้กระทู้แนะนำทุกกระทู้จะถูกลบไปจาก list กระทู้แนะนำ แล้วค่อยมาเริ่มกันใหม่ในสัปดาห์หน้าตามระบบของพันทิป ขอเชิญชวนให้เข้ามาช่วยกันโหวตอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เรื่องอย่างนี้ต้องเอาให้ถึงที่สุดครับ เพื่อการศึกษาของเยาวชนของชาติ ซึ่งรวมถึงลูกหลานของเราเองด้วย การเป็นครูอาจารย์นั้น ผู้ที่เป็นครูอาจารย์ต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญมาก 2 ประการ ประการแรก ต้องรู้จริงในเรื่องที่สอนและต้องรู้อย่างลึกซึ้งด้วย เพราะเหตุใด? ก็เพราะว่าในการเรียนการสอนนั้น ลูกศิษย์รับไปได้ไม่หมดทั้ง 100% ของที่สอนหรอกครับ อย่างมากแค่ 80-90 เท่านั้น ไม่งั้นก็ได้เกรด 4.00 กันหมดทุกคนแล้วสิ ดังนั้น ครูอาจารย์ผู้สอนจึงต้องสอนให้เข้มข้นเข้าไว้เพื่อชดเชยสิ่งที่เด็กรับแล้วตกหล่นไป กรณีที่เรียนเก่ง จบแล้วมาเป็นครูอาจารย์ในสถานศึกษาที่ตัวเองจบมา เป็นอย่างนี้เรื่อยไปรอบแล้วรอบเล่า คุณภาพการศึกษาจะค่อยๆ ลดต่ำลงเรื่อยๆ เพราะส่วนที่ตกหล่นไปนี่แหละ คำพังเพยเขาเรียก "วัวพันหลัก" ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ไม่ได้เรียนมาทางครุศาสตร์ แต่ประสบการณ์สูงส่งเพราะได้สั่งสมมาในชีวิตจริงหลายสิบปี จึงเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อมาเติมส่วนที่ตกหล่นไปนี้ให้เต็ม ประการที่สอง ต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นครู คนที่เรียนครุศาสตร์จะมีจิตวิญญาณของความเป็นครูทุกคนหรือไม่ ไม่รู้ บางคนอาจเรียนเพื่อมาประกอบอาชีพเป็นครู แต่ไม่มีจิตวิญญาณ บางคนอาจก็มีจิตวิญญาณของความเป็นครูด้วย แต่ผู้ที่มีประสบการณ์สูงส่ง มีความเชี่ยวชาญในสาขาที่ตนทำงานอยู่เนื่องจากได้สั่งสมมานานนับสิบปี บางคนหลายสิบปี แล้วอยากจะมาสอนเพื่อถ่ายทอดความรู้และประการณ์ให้คนรุ่นหลัง ไม่รู้จะเก็บไว้กับตัวทำไม แบบนี้สิถึงจะมีจิตวิญญาณของความเป็นครูชัวร์ๆ ไม่ต้องดูอื่นไกลก็ได้ เอาในห้องสมุดนี่แหละ ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาออกมาช่วยตอบปัญหากันเพียบ รุ่นอาวุโสประสบการณ์เพียบแปล้ก็มีอยู่มากหน้าหลายตา ช่วยมาสอนให้ ไม่ได้ตังค์แม้สักบาทก็ยังทำ แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 17:09:11 จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 17:06:40

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่ค่อยเข้าใจว่าจะตอบโต้กันเรื่องเรียนครูหรือไม่เรียนครูทำไม กระทู้นี้พูดเรื่อง ป.บัณฑิต ไม่ใช่หรือ ตรรกะเดียวกับที่เถียงว่าเรียนวิทย์ไม่ควรเอนท์(แอด)สายศิลป์ หรือในเมื่อวิทย์เอนท์ศิลป์ได้ ศิลป์ก็ต้องเอนท์วิทย์ได้(ซึ่งเป็นไปได้ยากในแง่ความรู้) มันก็ทำนองเดียวกัน คนที่จบครูก็โต้ว่าทำไมไม่เรียนครูแต่แรก งั้นห้ามมาเป็นครูนะ ทั้งที่จริงๆเรียนอะไรมาก็เป็นครูได้ แต่การที่ได้เรีียนครูมาแล่้วจะเป็นครูที่ดีได้(ในแง่ความรู้สึก)  แต่มันไม่ใช่เสมอไป **แต่โดนส่วนตัวก็อยากเข้าข้างคนเรียนครูนะ เพราะเราจบมา55+** เข้าใจไหม การโต้ตอบกันในบางเรื่อง มันไม่ใช่ทางออกของปัญหา เพราะจริงๆมันมีเหตุผลในตัวมันอยู่แล้ว แค่มาพิจาณาถึงประเด็นที่สำคัญดีกว่า ทำไมต้องเลิก และทำไมต้องมี แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 18:05:36 จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 22:50:27

ความคิดเห็นที่ 50 #36 เป็นคนชุมแพเหมือนกัน แต่ทำไมจิตใจคับแคบจัง ทำไมไม่คิดถึุงผลประโยชน์ที่ตกมาสู่ตัวเด็กละครับ ไม่อยากจะบอก มัธยมปลายพื้นฐานสำคัญมาก ๆ เลย สำหรับข้าพเจ้าที่ใช้ต่อทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ แต่ คุณครูที่โรงเรียน สอนแทบจะพื้นผิวมาก ๆ เลย อย่าง ชีว ได้ 4 ไม่ก็ 3 ตลอด พอมาเจอที่มหาลัยเค้าปูพื้นชีวให้ใหม่ คนที่แน่นมาตอน ม ปลาย เค้าก็สบาย แต่เรานี้สิ ไปเรียน คือถามตัวเองเลย อาจารย์เค้าสอนเราด้วยหรอวะ คนที่เรียนศึกษาศาสตร์เก่ง ๆ ก็มี มันก็จริงคับ แต่ถามว่าอัตราส่วนมันเยอะกว่าคนที่จบสายตรงมาหรอคับ ทำไมไม่ให้สอบวัดกันไปเลยคนที่จะมาเป็นครู ผลประโยชน์มันก็ตกมาที่เด็ก ทำไมต้องอ้างกิจกรรมหรือค่ายอะไรที่ทำระหว่างเรียนในเมื่อคนที่เรียนเอาเป็นเอาตายอย่างเดียวมันก็มี คนที่ทำกิจกรรมไปด้วยเรียนไปด้วยก็มี หรือคนที่มันไม่เอาอะไรเลยมีก็มี ข้อนี้พิสูจน์ไม่ได้หรอก ถ้าคนที่จบสายตรงเค้ามีประสบการณ์การทำงาน ประสบการณ์ชีวิตมากๆ แน่ใจหรอว่าเค้าจะถ่ายทอดไม่ดีหรือบางครั้งดีกว่าคนที่จบ ศึกษาศาสตร์เลยด้วยซ้ำ ปล. เป็นผมก็อยากได้ครูที่เก่ง ไม่ใช่ไม่ติดคณะที่เลือก ก็เลยไปจบที่ศึกษาศาสตร์ จากคุณ : n e e l j i m o n เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 23:00:25

ความคิดเห็นที่ 51 เข้าใจเป้าหมายของท่านผู้บริหารครับ แต่ท่านจัดระยะเวลาไม่เหมาะแค่นั้นเอง ทั้งที่เป็นการทุ่มหมดหน้าตัก น่าจะดูให้ชัดเจนและเปิดเผยกว่านี้ครับ แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 23:30:39 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 23:25:39

ความคิดเห็นที่ 52 เข้ามาโหวต จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:44:53

ความคิดเห็นที่ 53 คุรุสภาอาจจะเพิ่งตื่นจากฝันเกี่ยวกับอะไรสักอย่าง ความจริงเรื่องประกาศนียบัตรวิชาชีพครู เคยผ่านกระบวนการคิด ว่าสร้างไว้เพื่อให้คนเก่งสายขาดแคลนมาเป็นครู (สสวท.) สูตร ๔+๑ หลักสูตรกว่าจะผ่านมาได้คุรุสภาต้องเข้ามากลั่นกรองอยู่แล้ว แต่ต่อมาก็ขยายพันธุ์และเพี้ยนไปเรื่อยๆ  แบบว่าใคร(เพิ่งนึกอยากเป็นครู)มาเรียนก้ได้ ***** แต่อย่างไรคุรุสภาก็ต้องรับผิดชอบเรื่องการพิจารณาหลักสูตร**** นี่ประเด็นสำคัญคือ  ทำไมปล่อยให้หลักสูตรผ่านกันมาแบบบานตะไท   หลายหน่วยการผลิต  (ข่าวว่าสอนกันตามโรงแรมก็มี) ควบคุมไม่ได้ คุรุสภาจะคุมกำเนิดต้องทำให้ได้ก่อนเกิด   นี่เขาเกิดกันมาแล้ว และจะเอามาฆ่ากันเป็นๆ   ถึงบอกว่าคุรุสภา   เพิ่งตื่นจากการหลับใหล   ครูเก่าๆอย่างเราก็หน่าย เอาแต่ส่ายหน้า รักไม่ค่อยลงเลยจริงๆคุรุสภาที่รักของฉัน จากคุณ : วันจัน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 10:02:18

ความคิดเห็นที่ 54   ได้ยินมาว่า วันที่ 7 กย ทางคุรุสภา เขาจะมีประชุมอีกรอบเกี่ยวกะเรื่องนี้นะ เพื่อนเราที่ทำงานโรงเรียนและเรียนหลักสูตรนี้ด้วย แต่ภาคอินเตอร์ ก็ให้ทางโรงเรียนเขาโทรสอบถามที่คุรุสภา แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรที่ชัดเจน บ้างว่าไม่ทราบเรื่องข่าวด้วยซ้ำ แปลกแต่จริง ข่าวออกจะใหญ่โต แต่คนของคุรุสภา ไม่ทราบเรื่อง จากคุณ : Wellingtonion เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 10:36:42 A:58.11.73.97 X: TicketID:100486

ความคิดเห็นที่ 55   เรื่องแบบนี้ ใครพูดมากไม่ได้หรอก แกล้งบอกว่าไม่ทราบข่าวไปก่อน รอเบื้องต้นแจ้งข่าวเอง จากคุณ : RakRok12 เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 10:56:18

ความคิดเห็นที่ 56 ผมเป็นทั้งวิศวกรที่ทำงานบริหาร และ งานวิศวกรรม ตลอดจน งานการเรียนการสอน ประจำ ก่อนจะ ออกความคิดเห็น หรือ ออกกฏระเบียบใดๆ อยากให้ ผู้บริหารที่คิดดำเนินการ ตอบคำถามคำนิยาม คำว่า "ครู" ก่อนว่า คืออะไร ส่วนตัว ที่ทำงานมา เป็นวิศวกรที่รักความเป็นครู ไม่ใช่ ครูโดยสายเลือด ตำแหน่งผมก็ไม่ใช่ครู สูงกว่าตำแหน่ง ครู(ช่าง) แต่ ผมสอนนักศึกษา จนมาวันหนึ่ง มีนักศึกษา มาขออนุญาต เรียกผมว่า ครู ... แทนจะเรียกว่า อาจารย์ จะได้ไหม...  อาจารย์ จะรู้สึกว่า ลดตำแหน่งอาจารย๋หรือเปล่า นับจากวันนั้น ผมคิดว่า ผมรักความเป็นครู ไม่ใช่ เพราะความรู้ ที่ผมเรียนมา หรือ ใดๆ แต่    ผมเพิ่งรู้ตัวเองว่า ที่ผ่านมา ผมเป็นผู้รู้ เป็นอาจารย์ผู้ให้ความรู้ตามหน้าที่  แต่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่า แท้จริง เราเป็น"ครู"ในจิตใจผู้รับ มาตั้งนานแล้วต่างหาก... กลับมา ที่ นิยามคำว่า "ครู" ที่มาจากคำว่า ครุ ที่แปลว่างานหนัก ... หลายคนก็ แปล ออกมามากมาย ว่าต้องเป็นอย่างงั้น อย่างงี้ งั้น ครู คือ อะไร ... ปราชญ์ แห่ง ชาวบ้าน ที่ ครูไป ค้นหา เชญมา หรือ ไปกราบการขอถ่ายทอดมา หรือ ไปลักจำไปหลอกถามวิชามา เค้าปราชญ์เหล่านั้น เป็น ครู หรือ เปล่า     หากต่อไปนี้ ต้องไป เรียนใบประกอบวิชาชีพ ก่อน     ทำไมเค้าเป็นครูได้ แต่มาสอนเป็นครูไม่ได้ .... งงไหม ประชดไหม... นักศึกษาผม รีไทร์ ออกไป ก็มากราบลา ไปสอบเข้าใหม่ หาทางเดินชีวิตใหม่ ผม กล่าวกับเค้าเสมอ ว่า หากมีข้อต้องการคำแนะนำใด ก็ให้กลับมา หา คนที่เคยสอนคุณ คุณเป็นศิษย์ผมวันเดียว ผมก็คิดว่าเป็นครู คุณตลอดไป แม้ผมจะไม่ได้แจวเรือคุณข้ามฝั่งไปได้... ปราชญ์ หรือ ผู้เชียวชาญ ที่มาบรรยายให้เราคาบเดียว เค้าไม่ได้ ดูแลเรื่องอื่นๆเราหรือ ท่านวิทยากร สาขา สถาปัตยกรรมท่านหนึ่ง ที่ดังมากในเมืองไทย เคยมาบรรยายให้ฟัง แค่ 2 ชม เดียวนี้ เมื่อมีงานสถาปนิกฯ หรืมีเรื่องราวใดที่จะให้อาสา ช่วยเหลือ ผมเต็มใจทำให้ "ครู" ผมเสมอ คำสอน ท่านเปิดแสงสว่าง ในสายวิชาชีพผม ให้เห็นได้ ไม่แพ้อาจารย์ท่านอื่นๆที่สอนเรามาตลอด 4 ปี... เค้าไม่สมควร เป็นครูในจิตใจผมหรือ ... คนเป็นครู นะบางที ก็เรียกตัวเองไปเหอะ. แต่ ครูที่ลูกศิษย์รัก ... นั่นและ คือความเป็นครู ที่แท้จริง คนที่ควร เป็นผู้ออกใบนี้ให้ ควรเป็นใคร กันแน่ กระทรวงหรือ คนไม่ประสงค์ระบุนาม... ผู้รู้ กำหนดให้ เป็นปราชญ์ สอนคนที่จะเป็นครูได้ แต่ อย่ามาเป็นครู ให้ครู เป็นผู้สอนคนไม่รู้ ต่อไป แล้ว ตอนครูยังไม่รู้ ปราชญ์ เป็นผู้สอนใคร ... หากนิยาม ครู คือ ผู้รู้ ที่อยากมีจิต ถ่ายทอดให้ความรู้ แค่นั้น ใบประกาศ มีไว้บ่งบอกอะไร  มีแล้วทำไม ไม่มีจะเป็นอะไร .. ถ้าไม่มีสมควรเสียสิทธิ์ ความเป็นครูไหม ... การจะ"ออกกฏ" หรือ "ยกเลิกกฎ" ใดๆ ออก เพราะอยากได้ แสดงถึงผลประโยชน์ หรือเพื่อ แสดงนิยาย แห่งสิ่งนั้น กันแน่...   หาก ทำอย่างถูกต้องที่ควรแล้ว ก็จะรู้ว่า สิ่งที่ควรจะทำและ รายละเอียด มันควรเป็นอย่างไร ไม่ใช่ โดยลายลักษณ์อักษร..... แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 15:08:29 จากคุณ : The Polar Bear เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 14:58:48

ความคิดเห็นที่ 57 เข้ามาโหวตให้จขกท #56 การสอนตามอัธยาศัยทำได้เสมอครับ  ไม่ได้อยู่ในข้อห้ามอันใด แต่การสอนเด็กป.1 ถึงม.6 (ไม่รวมสายวิชาชีพ) คุรุสภากำหนดว่าต้องมีใบประกอบวิชาชีพจึงจะทำหน้าที่ได้ครับ ทำนองเดียวกัน อาจารย์สถาปัตย์สอนนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ได้  ตราบใดที่ไม่ใช่ผู้สอนหลักในวิชาที่มีการกำหนดว่าต้องใช้อาจารย์ที่มีวุฒิวิศวกรรมศาสตร์ครับ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 16:57:59

ความคิดเห็นที่ 58 ผมเองเข้าใจในระดับหนึ่ง ถึงแนวคิด นี้ ว่า เน้น การเรียนการสอน ในภาคบังคับ ใน รร.. อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้ มองให้กว้างและ หลายมุม และ บุคคลากรอื่นที่ มีหน้าที่เสริม และจำเป็น อีกทั้ง ระบบการเรียนการสอน ในแนวทางอื่นไม่ว่า จะ Home school การเรียนในภาคชุมชนท้องถิ่น และ การเป็นผู้เชี่ยวชาญการเรียนการสอนเด็กพิเศษ อื่นๆ แนวคิดนี้ มีความ อ่อนตัว และ ขัดแย้ง กับ case เหล่านั้นอย่างไร เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และ ควรต้อง รอบครอบ และ ศึกษา อย่าให้เป็นอย่าง onet anet ที่ปรับแล้วปรับอีก   การลองผิดลองถูก เป็นสื่งที่ต้องเรียนรู้ แต่ ต้องชัดเจนว่า เป็นขั้นทดลอง การเอาจริง แล้วเกิดล้มเหลวขึ้นมา แล้ว จะมายกเลิก จะมาแก้ไข ไม่ใช่ว่า แก้ไข ยกเลิกไม่ได้ เพราะ ถ้าสุดท้ายรู้ว่าไม่ดีก็ต้องเปลี่ยน  แต่ สิ่งที่ถูกมอง คือ การไร้ความรอบครอบ และ ไม่ชัดเจน ในสื่งที่ศึกษาก่อนการกำหนดนำมาใช้ ... แทนที่จะ ทดลองใช้ (คือ มันไม่ใช่ว่าเหมือนกันสะทีเดียวนี่) จากคุณ : The Polar Bear เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 17:51:47

ความคิดเห็นที่ 59 คุรุสภาไม่มีแรงควบคุมหลักสูตรป.บัณฑิตใช่เปล่า??? อิอิอิ เผ่นแล้วตู ~ จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 18:09:54

ความคิดเห็นที่ 60 ตอนนี้ประเด็นที่น่าจะcompromiseกันได้อยู่ที่เงื่อนเวลาครับ อยากให้ลองทบทวนดู ปล.คุณPaBo อย่าพูดถุกใจบ่อยๆซิ เปลืองกีบนะ (ผมเพิ่งสมัครไม่กี่วันเองนะ) ^^ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 18:20:57 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 18:20:38 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 18:18:07

ความคิดเห็นที่ 61 เข้ามาโหวตอีกรอบครับ เสียดายกิ๊ฟหมดแหล่ว จากคุณ : Firion เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 20:56:25

ความคิดเห็นที่ 62 เฮ้ออออ ว่าจะไม่เข้ามาให้ความเห็นแล้วเชียว แต่ก็อดไม่ได้ ต้องบอกก่อนครับว่าผมสอนระดับมหาวิทยาลัย ระดับที่หลายๆความเห็นบอกว่าไม่ใช่ครู แล้วผมเป็นอะไรเนี่ย อาจารย์เหรอ แล้วมันต่ำต้อยด้อยค่ากว่าครูใช่มั๊ยเนี่ย มีจิตวิญญาณความเป็นครูน้อยกว่าครูมัธยมหรือเปล่าหว่าตัวเราเนี่ย ผมเองเคยสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมาก่อน ก็ไม่ได้มีวุฒิครูกับเขาหรอกนะครับ แต่ก็สอนวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ปี 36 ก่อนจะย้ายมาสอนในระดับมหาวิทยาลัยเมื่อสี่ห้าปีที่ผ่านมานี่เอง (อยากเรียนต่อเอกหน่ะครับ เลยต้องเปลี่ยนมาสอนระดับมหาวิทยาลัย ถ้าอยู่โรงเรียนต่อถ้าจะยากที่ได้ทุน) นิสิตที่ผมสอนก็มีหลากหลายคณะ รวมทั้งนิสิตจากคณะศึกษาศาสตร์เอกการสอนวิทยาศาสตร์ที่มานั่งจุมปุ๊กในหมู่ที่ผมสอนด้วย (เออเนอะ เอาคนที่ความเป็นครูน้อยมาสอนคนที่จะมีความเป็นครูมากกว่าผมอี๊ก 5555) ตอนนี้ลาเรียนต่อป.เอกที่ญี่ปุ่นก็ยังต้องช่วยเซนเซสอนนิสิตที่เรียนคณะศึกษาศาสตร์ที่นี่อีก สำหรับนิสิตที่จะต้องการจะไปสอนระดับมัธยมวิชาวิทยาศาสตร์ของญี่ปุ่นนะครับ โดยทั่วไปจะเป็นนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ที่ไปลงทะเบียนเรียนเพิ่มในวิชาที่เกี่ยวข้องกับการสอนรวมทั้งต้องฝึกสอนในโรงเรียนมัธยมประมาณ 1 เดือนนะครับ จากนั้นก็ค่อยไปสอบรับใบอนุญาตการสอนอีกทีนึง นี่ถามจากน้องในแล็บที่เพิ่งไปฝึกสอนมานะครับ ผิดถูกเท็จจริงยังไงต้องลองไปหาข้อมูลอีกทีครับ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสช่วยเซนเซอบรมครูสอนชีววิทยาระดับมัธยมที่มาจากจังหวัดกุมมะ (Gunma) ก็ได้คุยกับครูมัธยมที่นี่ ฟังครูท่านเล่าแล้วก็สะท้อนใจนะครับ ครูที่นี่ต้องไปฝึกอบรมความรู้ทางด้านวิชาการอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี และแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่า 3 วัน จากนั้นต้องมีการประเมินในสิ่งที่อบรมมาด้วยการทำโครงงานร่วมกับเด็กนักเรียน ผมไม่แน่ใจว่าครูมัธยมบ้านเรามีกฏเกณฑ์อย่างนี้บ้างหรือเปล่า อบรมคงมีแหละครับเพราะผมก็เคยเป็นวิทยากรอบรมอยู่ แต่แหมคุณครูแต่ละท่านเอาแต่ถ่ายรูปว่าได้มาอบรมมากกว่าที่จะสนใจในเนื้อที่เข้าอบรมนะครับ สงสัยเอาไปใช้ประกอบการเลื่อนขั้นประจำปีแหงๆ เซนเซผมท่านเป็นศาสตราจารย์นะครับ แต่ท่านยังต้องลงมาอบรมวิทยาศาสตร์เด็กระดับประถมกับระดับมัธยมด้วยตัวท่านเอง ผมเคยถามท่านว่ามันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรือที่คนระดับศาสตราจารย์ต้องลงมาคลุกคลีและสอนเด็กขนาดนั้นด้วยตัวท่านเอง ท่านบอกผมว่าจำเป็นมาก เพราะเหตุที่วงการวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นสามารถพัฒนาเจริญรุดหน้ากว่าประเทศอื่นๆรวมทั้งมีนักวิทยาศาสตร์ระดับรางวัลโนเบลจำนวนมากมายก็เพราะว่า มีการถ่ายทอดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง พอได้ฟังเซนเซผมบอกอย่างนี้ ผมเลยตั้งใจไว้ว่าเรียนจบป.เอกกลับไทยเมื่อไหร่ จะรีบทำรศ.รวมทั้งเรียนป.บัณฑิตไปด้วยก่อนชดใช้ทุนรัฐบาลหมด พอชดใช้ทุนเสร็จแล้วก็กะว่าจะย้อนกลับไปสอนวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมอีกครั้ง เพราะผมเชื่อว่าถ้าจะสอนให้นักเรียนสนใจและเห็นความงามของวิทยาศาสตร์ได้ มันต้องเริ่มตั้งแต่ระดับก่อนอุดมศึกษาครับ แต่พอมีมติคุรุสภาอย่างนี้ออกมา สงสัยความฝันที่ว่าจะกลับไปสอนระดับม.ปลายอีกครั้งคงเป็นหมันไปแล้วครับ ขอให้คุรุสภาที่ออกมตินี้มาเจริญๆยิ่งๆขึ้นไปนะครับ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 21:03:19 จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 21:01:52

ความคิดเห็นที่ 63 ขอถามด้วยครับ ว่า เราจบ ปบัณฑิตวิชาชีพครู 1 ปี เมื่อเดือน พ.ค. เมื้อกี้นี้ ผ่านรับรอง 9 มาตรฐานวิชาชีพแล้ว ตอนนี้กำลังฝึกสอนอยู่ อีก 1 ปี ถ้าครบ 1 ปีแล้วยังจะสามารถไปขึ้นใบประกอบวิชาชีพได้รึเปล่าครับ   ใครจะตอบผมได้บ้างครับ  เครียดดดด จากคุณ : nymon เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 22:31:40

ความคิดเห็นที่ 64 ความคิดเห็นที่ 63 ได้ครับ แต่เค้าปิดคือไม่รับเพิ่ม จากคุณ : OFFBASS เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 22:44:46

ความคิดเห็นที่ 65 คห 64 ขอบคุณมากครับ ค่อยใจชื้นขึ้นหน่อย จากคุณ : nymon เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 22:46:17

ความคิดเห็นที่ 66 อัน ที่จริงเรื่องนี้ต้องยอมรับว่าผมเป็นคนเสียผลประโยชน์โดยตรงก็ว่าได้ ผมไม่ได้จบ คบ.  หรือ ศษ.บ. เพราะผมจบ ศศ.บ. แต่ตอนนี้ผมก็ทำงานเป็นครู อัตตราจ้าง (ลูกจ้างชั่วคราว)  โดยเป็นครู เถื่อน ตามกฏหมาย เพราะไม่มีใบประกอบฯ อยู่ในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งของรัฐ  โดย ในสัญญาจ้าง เขียนเลี่ยงกฏหมายว่า จ้างเป็นผู้ปฏิบัติการสอนไม่ได้จ้างเป็นครู ซึ่ง กำลังมีเป้าหมายกำลังจะไปเรียนต่อ ป.บัณฑิต ในเทอมหน้านี้ เพราะ จะรอให้เรียนจบ ป.โทก่อน   (ตอนนี้ผมเรียน ป.โทบริหารการศึกษา อยู่) ถ้าจะว่าเรื่องสายเลือด ผมก็ครู โดยสายเลือด ถ้าจะอ้าง เพราะผมเป็นลูกครู ทั้งพ่อและแม่เป็นครู เป็นพ่อ แม่เป็นครูมาแต่เล็กเห็นการทำงานของพ่อแม่และเพื่อนๆ ของพ่อ และแม่ จริงอยู่ผมอาจไม่มีเทคนิกการสอนดีเท่าที่ครู ที่เรียนครุ เค้าเรียนกันมา แต่ผมมีความรู้และความตั้งใจเต็มเปี่ยมที่จะถ่ายทอด ผมจบ ศิลปศาสตร์บัณฑิต โปรแกรมวิชาดนตรีสากล ซึ่งสาขานี้ มีเปิด ในคณะ ครุ และศึกษาศาสตร์ไม่กี่หมาวิทยาลัย   เท่าที่ผมทราบ ก็มีที่จุฬา ซึงรับ แค่ปีละ สิบกว่าคน ไม่ใช่ไม่อยากเรียนครูตั้งแต่แรก ผมตั้งใจตั้งแต่ตอนเรียนปวช. แล้วว่าจะมาเป็นครู ผมเรียนจบปวช.เอกดนตรีสากล และเลือกต่อ ต่อปริญญาตรี ศิลปศาสตร์บัณฑิต 4ปีและคิดไว้ว่าจะมาต่อ ป.บัณฑิตเพิ่ม 1 ปี เท่ากับว่าจบ ดนตรี ทั้งม.ปลาย และปริญญา รวมแล้วเรียนวิชาดนตรีมา 7ปีกว่า   จบมาก็ทราบข่าวว่า ที่โรงเรียนที่ผมสอนในปัจจุบันนี้กำลังเปิดรับครูสอนวิชาดนตรีสากล ก็มาสมัครและได้ทำงาน  โดยหน้าที่หลักนอกจากสอนในวิชาดนตรีแล้ว ผมยังมีหน้าที่พิเศษ คือ สอนวงโยทวาธิต ซึ่ง โดยทั่วไปแล้วมีแต่ระดับมัธยมถึงจะมีวงโยฯ แต่นี่ด้วยวิสัยทัศน์ผู้บริหารที่จะส่งเสริมเด็กในทุกๆด้าน  ท่านก็เลยดำเนินการ จัดหาเครื่องดนตรี มาให้ จัดหาครูมาสอน(ซึ่งก็คือผม) เพื่อจะทำวงโยทวาทิตของโรงเรียนซึงเป็นโรงเรียนประถมขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ก็นับว่าประสบ ความสำเร็จพอสมควร ได้รับการตอบรับจากผู้ปกครองนักเรียนอย่างดี   วงโยทวาทิตระดับเด็กประถมที่สามารถบรรเลงได้ไม่น้อยหน้า  เด็กมัธยมตัวโตๆเลยครับ แต่ เมื่อปิด ป.บัณฑิต ก็เท่ากับปิดโอกาสที่ผมจะได้เป็นครูเต็มตัว ผมรู้สึกผิดหวัง และช๊อคมาก  ไม่ใช่ว่าไม่มีทางทำมาหากินอย่างอื่นนะ แต่ผมว่าผมรักอาชีพนี้นะครับ  ถึงจะไม่ได้เรียน คบ. มาก็เถอะ แต่เค้าไม่ให้ผมเป็นแล้ว   -ภาพ นักเรียน ลูกศิษย์ของผมครับ จากคุณ : OFFBASS เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 23:20:17

ความคิดเห็นที่ 67 คุณ OFFBASS สู้ๆค่ะ อย่าเพิ่งท้อ เราเชื่อว่ามันน่าจะมีทางเลือกอื่นที่จะทำให้คุณเป็นครูได้ เราเชื่อว่าคนที่รักอาชีพนี้ จะต้องมีโอกาสสักวันหนึ่ง ไม่แน่ คุรุสภาอาจเปลี่ยนใจ หวังว่านะคะ อย่างที่บอกในความเห็นข้างบนว่า เรายินดีต้อนรับคนที่รักที่จะเป็นครูอย่างคุณอย่างเต็มใจ อย่าพึ่งท้อค่ะ เพิมเติม รวมถึงคุณกุ้งบก และทุกคนที่รักที่จะเป็นครูด้วยความจริงใจค่ะ อ้อ เราคิดว่าเค้าอาจอยากให้เงิน หรือยกระดับพวกเราชาวครูมั้ง แอบมองแบบบวก แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 53 02:08:48 แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 53 01:29:15 จากคุณ : สองสาย เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 01:27:43

ความคิดเห็นที่ 68 แตกไปรูปแบบใหม่ เพื่อคนที่เกลียดคห.ยาวๆเป็นพรืดครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9636705/K9636705.html จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 05:29:01

ความคิดเห็นที่ 69 #62 "ขอให้คุรุสภาที่ออกมตินี้มาเจริญๆยิ่งๆขึ้นไปนะครับ"   ขอบคุณค่ะ.. #66 OFFBASS วิธีแก้ปัญหาของคุณก็คือ เอาปริญญาตรีและปริญญาโทของคุณไปเทียบโอนเสีย  ได้กี่มาตรฐาน ที่เหลือคุณก็สอบเอา(ปีหนึ่งมี 2 ครั้ง)  แล้วเอามารวมกัน  เมื่อครบทั้ง 9 มาตรฐาน คุณก็ให้โรงเรียนที่คุณสอนนั่นแหละ ประเมินรับรองให้คุณ พร้อมกับสัญญาจ้างที่ว่า มายื่นได้เลย  แค่นี้คุณก็มีสิทธิ์รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูไปเต็มๆ จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 09:42:40

ความคิดเห็นที่ 70 ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟังนะ ครูท่านหนึ่งของลูกชายผม จบวิศวะเคมีเกียรตินิยม ปฏิเสธเงินเดือนหลายหมื่นถ้าจะเลือกเข้าทำงานในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี แต่กลับเลือกที่จะเป็นครูสอนหนังสือให้เด็กมัธยมปลายในต่างจังหวัด เงินเดือนไม่กี่พันบาท ซ้ำร้ายกว่านั้น ลูกชายผมเป็นคนเรียนเก่ง ครูท่านนี้จับเอามาติวเข้มข้นพร้อมกับนักเรียนที่เรียนเก่งระดับหัวกะทิอีกหลายคน ติวกันตอนพักเที่ยง ซื้อขนมนมเนยมาเลี้ยงให้พร้อมสรรพ ที่สำคัญคือ ติวให้ฟรีๆ ไม่คิดเงินแม้สักบาทเดียว ผล: ลูกศิษย์ที่นำมาติวเข้มนี้ ไปเรียนต่อปริญญาตรี ไม่หมอก็วิศวะ ทุกคนเลย ขอคาราวะคุณครูท่านนี้ครับ แต่...อนิจจาเอ๋ย ถ้าระเบียบใหม่ออกมาแบบนี้ คุณครูผู้ประเสริฐท่านนี้ รวมถึงคุณครูผู้ประเสริฐเช่นนี้ที่ผมเชื่อว่ายังมีอีกมากมายในเมืองไทย ก็หมดสิทธิ์ แล้วใครซวย? ก็เด็กๆ น่ะสิครับ เราควรช่วยกันโหวตกระทู้นี้ให้เป็นกระทู้แนะนำไปเรื่อยๆ เพื่อกดดันคุรุสภาให้กลับมติให้ได้ อย่าได้ดูถูกเว็บพันทิปนี้นะครับ เคยพลิกสถานการณ์หนังเรื่อง โหมโรง จากที่กำลังจะต้องลาโรงเพราะไม่ค่อยมีคนดู ให้กลับฟื้นขึ้นมาเป็นหนังดังเรื่องหนึ่ง จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 11:53:10

ความคิดเห็นที่ 71 ^ ^ ^ นี่ห้องสมุดอ้ะครับ คงหวังให้แรงแบบเฉลิมไทยไม่ได้มั๊ง ^^ จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 14:49:30

ความคิดเห็นที่ 72 ผมเชื่อว่ามีผลครับ ห้องสมุดนี่แหละ คือแหล่งที่รวมของผู้ทรงภูมิในด้านต่างๆ แต่ละเสียงมีน้ำหนักควรรับฟัง ตามสถิติ ถ้าผมจำไม่ผิดนะ เว็บพันทิปนี้มีคนเข้ามาวันละเป็นแสนคน กระจายอยู่ตามห้องต่างๆ เอ แว่บไอเดียใหม่ โพสต์มันทุกห้องเลยดีไหม จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 04:16:57

ความคิดเห็นที่ 73   หลายๆคนคงจะเสียโอกาส ถ้าจะปิด ป.บัณฑิต ทำไม ไม่ออกใบอนุญาตมาสองประเภทหล่ะครับ ระดับแรก สำหรับ คนที่จบโดยตรง ระดับที่สอง สำหรับ คนที่เรียบจบแล้วเพิ่งจะค้นพบตัวเอง หรือ เพื่ออาชีพเดิม แต่ ทั้งสองระดับ ควรจะมีมาตรฐานเดียวกันนะครับ เอาหลักสูตรไปเทียบขอ ใครขาดอย่างไหนก็ไปเรียนเพิ่มเติม หรือ ฝึกงานเพื่มเติมไปดิ วิศวกรรม ขอ กว. ยังมีให้เทียบได้เลย และก็ไปสอบกับส่วนกลางเอง จากคุณ : AK เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 14:59:55 A:10.131.12.36 X:202.57.177.84 TicketID:285335

ความคิดเห็นที่ 74 เฟชบุ๊ค.com/group.php?gid=149181245110620 รายงานความคืบหน้ากลุ่มน้องๆนศ.ที่facebookครับ มีการประสานระหว่างม.หลายแห่งแล้ว เริ่มแยกกันล่ารายชื่อแนวร่วม สรุปยอดถึงเมื่อวาน เฉพาะที่มอ.,ทักษิณ ได้ราวพันคน!! เตรียมล่ารายชื่อเพิ่ม ทั้งอ.&ปชช.ด้วย เร็วๆนี้อาจมีแถลงข่าวครับ ความเห็นของคุณๆมีค่า เพื่อเป็นข้อมูลให้น้องๆเอาไปใช้ และโหวตส่งนายก เพื่อน้องๆหน่อยครับ ถ้าได้อ่านวันอาทิตย์ เดี๋ยวสื่อก็มาเพิ่มครับ http://www.pm.go.th/connect/41499 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 14:41:54

ความคิดเห็นที่ 75 เห็น ด้วยว่าควรยกเลิก....กฎต้องเป็นกฎ มาตรฐานวิชาชีพจะมีไว้ทำไม  ยอมรับความจริงกันบ้างสิ!!!!  ไม่ใช่ว่าใจแคบหรอกนะแต่มันมีมากเกร่อจนเต็มเมืองไปหมดแล้ว  พวกเรา ค.บ.  ศษ.บ.  ยอมพวกคุณมานานแล้ว.......ขอบคุณทางกระทรวงมา ณ ที่นี้ ลอกเค้ามา...จะได้รู้ว่าอีกฝั่งเค้าคิดอย่างไร....ผมเป็นผู้เฝ้ามองเฉยๆ จากคุณ : iamsohungry99 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 17:25:41

ความคิดเห็นที่ 76 พบเนื้อหาจากเฟสบุ๊คน้องๆครับ "รายงานจากม.ทักษิณ วันนี้ได้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีและไม่เห็นด้วยกับเรา ได้ออกฉีกป้ายประกาศ ที่ติดอยู่รอบมหาวิทยาลัย ซึ่งเชื่อได้ว่าไม่ใช่เป็นการกระทำของนักการ เพราะมันมีร่องรอยหลักฐานเห็นเด่นชัดเช่น ฉีกทิ้งแบบเหลือเศษกระดาษติดอยู่ที่เสา ฉีกแล้วทิ้งให้ปลิว จึงขอประนามการกระทำนี้ว่าต่ำมาก ก็น่าจะรู้ว่าเป็น ฝีมือใคร..." จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 01:25:39

ความคิดเห็นที่ 77 ที่เวบคุรุสภาซัดกันนัว-_-" http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4383 http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4381 http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4377 http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4361 http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4359 http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4341 http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4339 etc. อันนี้คำแนะนำดีๆครับ http://www.ksp.or.th/ksp2009/th/webboard/detail.php?GroupID=&QID=4367 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 06:21:20 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 53 01:58:23 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 01:57:11

ความคิดเห็นที่ 78 ^ เห็นครู ว่าทีครู คนอยากเป็นครู พวกนี้คุยกันแล้ว ชักไม่อยากเอาลูกเข้าโรงเรียนแล้วหล่ะ จากคุณ : Buff_Power เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 14:13:19

ความคิดเห็นที่ 79 ^ ^ อ๊ะๆ สอนเองเดี๋ยวไม่เป็นเด็กดีนะครับ^^ =ขออภัย จะหยอกเล่น ความหมายดันกลายเป็นปากเสียเสียดสีอีกฝ่ายซะได้ เก็บไว้ประจานตัวเองละกัน= แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 53 18:24:52 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 18:21:32

ความคิดเห็นที่ 80   ครูที่โรงเรียนเก่าเรา อายุเริ่มเยอะแต่ตอนสอนเซี้ยวมาก บอกเด็กๆว่า ฉัน!!!มาเป็นครูเพราะอยากสอนควายให้เป็นคน ไม่ใช่ เพราะไม่มีกิน???? บ้านฉันรวยอยู่แล้วย่ะ (สะบัดบ๊อบอีกสองที) แต่อาจารย์สอนดีนะ อยากจะเกษียณยังไม่ได้เกษียณเลย เด็กร้องไห้ขอให้อยู่ต่อ แต่จารย์แกตาไม่ค่อยดีแล้ว ขับรถมาสอนก็เอารถแคมบรี่ เที่ยวเชี่ยวชนเสาไปทั่ว ราคารถเหลือไม่ถึงสามพัน แถมเสี่ยงชีวิตมาสอนเด็ก เพราะทิ้งเด็กไม่ลง (แอบซึ้ง) จากคุณ : อาจารย์ฉัน เปรี้ยวที่สุด เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 19:57:24 A:180.180.154.250 X: TicketID:285762

ความคิดเห็นที่ 81   ^ ^ ^ ลืมบอกไป อาจารย์จบ วท.บ.มา จากคุณ : อาจารย์ฉัน เปรี้ยวที่สุด เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 19:59:19 A:180.180.154.250 X: TicketID:285762

ความคิดเห็นที่ 82   T^T ดราม่า คือถ้าอยากเป็นครูก็ต้องเรียนครูไปเลยใช่มั้ย จากคุณ : maldra เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 21:27:15

ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อคืนแชทกับน้องๆ คาดว่าว่าบ่ายนี้อาจมีแถลงข่าวครับ จากfb "พรุ่งนี้ทางกลุ่มจะไปพบสื่อมวลชน ที่สงขลาจ่ะ เป็นกำลังใจให้ตัวแทนด้วยนะคะ..." หากผมทราบความคืบหน้าจะมารายงานต่อครับ จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 10:06:58

ความคิดเห็นที่ 84 ระหว่างที่ยังไม่ทราบความคืบหน้าของน้องๆ เอาหัวข้อข่าวมาให้อ่านเล่นรอไปก่อนครับ -คุรุสภาขยายเวลาการให้ทุนครูเรียน ป.บัณฑิต ??? -ชี้ประถม-มัธยมล้มเหลว ครูห่วงทำผลงาน -เปิดเสรีการศึกษา -รายการ“ครูไทย STATION” -โพลชี้วิกฤติขาดครูหนัก(อุดมศึกษา) -เล็งขึ้นราคาตำราเรียน -ก.ค.ศ.ห่วงงานเขตมัธยมฯล้น -ส่งโจ๋ลงใต้ ลิ้งไปที่เนื้อข่าวเชิญที่กระทู้หลัก ตั้งแต่คห.102ลงไปครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9636705/K9636705.html วิสัยทัศน์ท่านรมต. >> คห.114 ปล.ยิ่งติดตามผลงานท่านรมต. ผมยิ่งโพสท์พาออกนอกประเด็นป.บัณฑิตซะเองแล้ว -_-" จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:35:13

ความคิดเห็นที่ 85 ตั้งเงินเดือนครูจบใหม่ให้สูง คนเก่งจะมุ่งเข้าคณะศึกษาศาสตร์ /  ครุศาสตร์     ตั้งแต่ต้น แต่ถ้าเงินเดือนครูจบใหม่ยังต่ำเตี้ยติดดิน  แถมจบไปก็ต้องไปเป็นครูอัตราจ้างคุณภาพชีวิตแย่สุดๆ    คนเก่งที่ไหนมันจะอยากเรียนครู   เมื่อคนเรียนอ่อนต้องไปเรียนครู  แล้วยังมาจำกัดไม่ให้คนเรียนสาขาอื่นเป็นครูอีก สิ้นหวังกับประเทศไทยค่ะ     สรุปว่าหาตังค์ช้อปปิ้งไปวันๆ ดีกว่าเรา จากคุณ : ดอกไม้ใต้หมอน เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 02:00:08

ความคิดเห็นที่ 86 อยากให้กิฟท์ อาจารย์ฉัน เปรี้ยวที่สุด คห.80 สมัยผมเรียนเอแบค มีอาจารย์ท่านหนึ่งจากนิด้า เป็นอาจารย์พิเศษมาช่วยสอนที่เอแบค ท่านขับเฟอร์รารี่มาครับ โห รวยขนาดหนักแบบนี้ ตั้งบริษัทเอง แล้วท่านเองก็เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ได้อย่างสบายแฮ แต่ไม่ชอบ ชอบการสอนเด็กมากกว่า อีกท่านหนึ่งเป็นถึงประธานสโมสรโรตารี่กรุงเทพฯ ขับรถอเมริกันคันโก้ มาช่วยสอนให้เป็นครั้งคราว มีคนกลุ่มหนึ่งที่ตนเองลอยตัวไปแล้ว อยากจะถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์โชกโชนให้เด็กๆ เพราะไม่รู้จะเก็บไว้กับตัวทำไม ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ถ้าไปปิดกั้นเขา แล้วใครซวย? ก็เด็กๆ น่ะสิครับ อดเลย จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 08:08:53

ความคิดเห็นที่ 87 จขกท กำลังเสียผผมประโยชน์หรือเปล่า จากคุณ : Anakintam เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 13:50:30

ความคิดเห็นที่ 88 ^ ^ จขกท อายุเกิน30แล้ว เคยรับราชการมาแล้ว ลาออกมาทำเอกชนแล้ว ช้าไปแล้วที่จะกลับไปเริ่มงานราชการอีก ชีวิตมั่นคงพอควรแล้ว และไม่ได้อยากจะเป็นครู (แม้จะมีคนใกล้ตัวเป็นครูน่ะนะ^^) ถ้าจะบอกว่าเสียประโยชน์ก็อาจใช่ครับ ในฐานะประชาชนที่จะมีลูกหลานในอนาคต ผมให้ความสำคัญกับนโยบายการศึกษา ถ้าเป็นเรื่องโกงกินอะไรนั้นปชช.ตระหนักรู้และจับตากันอยู่แล้ว ผมไม่ต้องมาเป็นกระบอกเสียงให้ใครอีก และแถมด้วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนศ.บางส่วน และความรู้สึกเป็นห่วงประเทศชาติ (เวอร์ไปไหม?) ไม่ใช่มาฟันธงว่านโยบายผิดหรือถูกแต่อย่างเดียว ประเด็นคือ"ทบทวน&รอบคอบ" ที่ทำอยู่ แค่ต้องการเป็นกระบอกเสียงอันนึง สร้างawarenessให้เกิดกันทั่วไป(บ้าง) แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 15:13:29 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 15:10:38 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:07:17

ความคิดเห็นที่ 89 บางทีก็สงสัยว่า คนเราจะทำอะไรซักอย่าง เพื่อคนอื่น โดยที่ตนไม่มีผลประโยชน์เลย ได้ไหม?? ทำไมเวลาใครเรียกร้องอะไร จะต้องโดนว่ากลับว่าห่วงผลประโยชน์ตัวเอง(เป็นเรื่องปกติซะแล้ว) หรือเป็นแค่บางคนที่คิดว่าคนอื่นเป็นเช่นนั้น อย่างที่ใจตนคิดรึ?? จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:24:49

ความคิดเห็นที่ 90 ทางกลับกัน คนที่สนับสนุนเรื่องที่ทำให้มีคนอื่นบางคนเสียประโยขน์ (ไม่ใช่แค่เรื่องครูคราวนี้นะ) เราจะสรุปได้ไหมว่าเขาได้ประโยชน์ ก็เลยสนับสนุน ไม่ใช่ว่าเพราะเขาเห็นด้วยอย่างจริงใจนะ >>เราสรุปอย่างนี้ไม่ได้แน่ เพราะมันเป็นเรื่องของ"บางคน"ใช่ไหม? ฝ่ายที่คัดค้านก็ฉันใดฉันนั้นครับ เรามัวแต่มองเรื่อง"ฝ่ายตรงข้าม"ได้หรือเสีย ไม่มอง"ผลรวม" >>สิ่งที่ถูกต้อง อาจเสียประโยชน์ทั้ง2ฝ่ายก็ได้ ถ้าฝ่ายที่3(หรืออื่นๆ)ได้ประโยชน์  แล้วผลรวมเป็นบวก^^ แต่เพราะงี้ เราถึงได้เล่นกีฬาสีกันอยู่ทุกวันนี้ไง -_-" จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:35:52

ความคิดเห็นที่ 91 มาให้กำลังใจเจ้าของกระทู้อย่าสนคนที่มือไม่พายเอาเท้าราน้ำเลย จากคุณ : OFFBASS เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 20:31:15

ความคิดเห็นที่ 92   เห็นใน FB น้องๆเอาข่าวมาลงว่าต่อไปคนจบสาขาอื่นให้ไปต่อ ป.โท ด้านตรุศาสตร์พอจบก็จะได้ไปประกอบวิชาชีพทันที อันนี้ผมว่าโอเคนะ เพราะอย่างคนจบ ตรี วิทยา วิดวะ ปัจจุบัน พอไปทำงานด้านบริหารก็มาเรียนโท MBA เพื่อให้มีความรู้เพิ่ม ผมว่ามันก็ลักษณะเดียวกัน ป.โท ครุน่าจะเรียนแค่ 2 ปีมั่ง ก็นานกว่า ป.บัณฑิตแค่ปีเดียวเอง ผมว่าดู make sense กว่าต้องไปเรียนตรีใหม่ตั้ง 5 ปีนะครับ จากคุณ : Dark Prince of Lonely Castle เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 15:11:20

ความคิดเห็นที่ 93 แนวทางนี้ก็เข้าท่าครับ ผมค่อนข้างเห็นด้วยระดับนึง แต่ทางปฏิบัติ ค่าใช้จ่ายที่ต่างกันก็มีผลกระทบกับคนบางกลุ่ม หรือจำนวนเวลาที่ต้องใช้ก็มีผล(โดยเฉพาะคนที่มีความจำเป็นต้อง part-time) และอีกเหตุผลนึง เขาติเด็กจากสายอื่นเรื่องการสอนและจิตวิญญาณ ซึ่งผมเคยเปิดๆดูหลักสูตรป.โทไม่ได้เน้นแบบป.ตรี? ด้านเชิงวิชาการ เดิมเขาว่าไม่ต้องรู้มากขนาดนั้น แล้วบอกจะให้เรียนป.โทให้รู้มากๆ? ก็เลยเหมือนว่าเขายังลักลั่นกันเป้าหมายของตัวเองนิดหน่อย ซึ่งเดิมเขาต้องการจูงใจคนชั้นเยี่ยมมาเป็นครู แต่วิธีพวกนี้คือจูงใจ? และทั้งหมดนี่ ยังไม่เกิด?? ระหว่างนี้จะใช้ระบบใดรองรับ จะเกิดเมื่อไร สามารถเข้าถึงได้แค่ไหน นศ.รุ่นปีใกล้ๆนี้จะวางแผนทันได้ไหม ผมก็เลยยังมาผลักดันต่อครับ ราชการจะได้อยากทำงานให้เร็วขึ้น เผื่อน้องๆเขาจะได้รับผลดีอะไรบ้าง^^ ปล.สรุปก็คือปัญหาเกิดมาจากประสิทธิภาพการควบคุมในช่วงที่ผ่านๆมา แล้ววิธีทั้งหลายที่เขาคิด จะไม่ก่อปัญหาการควบคุมอีกใช่ไหม?(ก็มันคนละส่วนกันนิ) และหน่วยงานเขายังไม่มีคำตอบให้สังคมว่าที่ผ่านมาหลักสูตรเชิงธุรกิจมันเกิดจากใคร? ปล2.ข่าวในfbของน้องๆนศ.น่ะ ส่วนใหญ่ก็ผมไปแปะไว้ล่ะครับ(แก่กว่านศ.นิดหน่อยแต่ไปแจมที่กลุ่มเขา^^) แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 20:32:28 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 20:22:30 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 53 20:15:16 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 20:13:54

ความคิดเห็นที่ 94 ข่าวใหม่กว่า http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9636705/K9636705.html#147 OMG!! จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 02:48:48

ความคิดเห็นที่ 95   OMGeeeeeeeeeeeeeeeeezer 0_O!!! จากคุณ : Dark Prince of Lonely Castle เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 14:45:36

ความคิดเห็นที่ 96 ผมจบ วท.บ. ทำงานเอกชนพักหนึ่ง จากนั้นสอบบรรจุ ในปี 45 เพราะตอนนั้นเค้าอนุญาต ให้เอกวิทย์สอบบรรจุได้เป็นสาขาขาดแคลนที่ต้นสังกัด อยากได้คนจบวิทย์มาโดยตรง ข้อตกลงคือ เมื่อบรรจุได้แล้วต้องเรียน ป.วิชาชีพครูภายในสองปี หลังจากนั้นผมก็เรียน ป.วิชาชีพครู ที่มสธ. ซึ่งเป็นแบบหลักสูตรเก่ารุ่นสุดท้ายที่เรียนแค่ปีเดียว นับว่าโชคดีมากเพราะเป็นรุ่นสุดท้ายที่คุรุสภารับรองหลักสูตร ป.วิชาชีพครู 1 ปี หลังจากนั้นคุรุสภาก็ บังคับให้ปรับหลักสูตร เป็น ป.บัณฑิตวิชาชีพครู ปีครึ่ง หรือ  2 ปี (ไม่แน่ใจ) แต่รุ้สึกว่าผ่านมาไม่กี่ปี ก็จะยุบหลักสูตร ป.บัณฑิตอีกแล้ว แล้วเพิ่มเป็นครู 5 ปี ล่าสุดก็ชงเรื่องจะเป็นครู หกปี ที่เรียนควบป.โทไปเลย จนจบ ขยันคิดกันจังนะครับผู้หลักผู้ใหญ่บ้านนี้ ปัญหาระบบการศึกษาเราเน่าเฟะจนทุกวันนี้ก็เพราะการเปลี่ยนแปลงบ่อย  ๆ ไม่มีอะไรนิ่ง ทุกอย่างเป็นไปตามนโยบายทางการเมือง โครงการต่าง ๆ เต็มพืดดด ทุกอย่างลงโรงเรียนทั้งหมด โดยเฉพาะ ร.ร. สังกัดกทม. ที่ต้องสนองนโยบายนักการเมือง นโยบายที่ใช้หาเสียง ทุกสำนักในกทม.  อยากได้ผลงานส่งตรงมาที่ รรทั้งนั้นไม่เชื่อลองเช็คดูได้เลยครับ อย่าแค่เห็นภาพโฆษณา แล้วเชื่อ ในภาพที่เห็น อนิจจา ..............การศึกษาไทย 555 ประเทศไทยจงเจริญ............. จากคุณ : peeradol33189 เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 53 16:54:58

ความคิดเห็นที่ 97   ในฐานะของคนที่เรียนจบกฎหมายมา ขอบอกว่า กฎระเบียบยิ่งมากยิ่งขัดขวางความเจริญ ในฐานะของคนเรียนจบวิศวะมา ขอบอกว่า ครูที่สอนจนจบวิศวะมาได้ ไม่มีใครจบครูมาโดยตรง เพียงแต่จบวิศวะแล้วมีจิตใจเป็นครู ในฐานะคนเคยจบมัธยมมาก่อน ครูที่สอนได้รู้เรื่องดี ล้วนแต่จบ วท.บ.จาก มศ.ว. บ้างละ จุฬา บ้างละ เกษตรฯ บ้างละ ขอนแก่นบ้างละ จะเป็น คณิตศาสตร์ เคมี ชีวะ อะไรก็ตามที ส่วนครูที่สอนภาษาอังกฤษสุดเยี่ยมจบ ศศ.บ.ธรรมศาสตร์ ส่วนครูฟิสิกส์ที่จบ ว.ค.แห่งหนึ่งในกทม.มา ทำโจทย์ฟิสิกส์ ม.4 ไม่เป็นต้องให้นักเรียนอย่างเราสอนกลับ แล้วนับแต่นั้นก็จงเกลียดจงชังคอยถ่วงความเจริญพวกเราเรื่อยมา ขณะที่ครูจบ วท.บ.จะเข้าใจพวกเราเพราะเคยผ่านชีวิตการพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐมาก่อน คอยอบรม ชี้แนะแนวทางทั้งเรื่องการเรียน เรื่องการใช้ชีวิต การเป็นครูจึงสำคัญที่วิญญาณมากกว่าว่าจะจบอะไรมา นี่อาจเป็นตัวอย่างที่ไม่ตรงสำหรับคนอื่นอาจมีครูจบ ว.ค.ที่ดี ที่สอนเป็นก็ได้ แต่ชีวิตผมตอนเป็นนักเรียน มันแทบจะแยกได้เลยว่า ครูที่จบ วท.บ.มาจะมีความเป็นผู้ใหญ่สูงกว่า และมีความรู้ความเข้าใจดีกว่า ขณะที่ครูที่จบ ว.ค.มา จะมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำกว่า ความรับผิดชอบในหน้าที่ความเอาใจใส่นักเรียนน้อยกว่า ความสามารถในการแก้ปัญหาโจทย์ ความเข้าใจในเนื้อหาแย่กว่า และการเตรียมการสอน(ไม่เตรียมกันเลย)ไม่มี เคยมีเขียนประชดบนกระดานด้วยว่า ผมสอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาแล้ว นักเรียนอย่างเราได้แต่ส่ายหัว นี่คือประสบการณ์ตรงที่ผมได้รับ ทุกวันนี้อายุมากขึ้น บางครั้งก็นึกถึงครูหลายคนที่เคยสอนเราและมีความรู้สึกผูกพัน นึกไปนึกมา ไม่มีสายจบ ว.ค. แม้แต่คนเดียว มีแต่จบสาย วท.บ. สายช่างเช่นที่จบจากวิทยาลัยเทคโนฯ เมื่อนึกถึงสายที่จบจาก ว.ค. อนิจจา มีแต่ความทรงจำแย่ ๆ จนต้องรีบอโหสิ หอคอยงาช้าง เอ๋ย หอคอยงาช้าง ที่ปู้ยี่ปู้ยำกันอย่างนี้ ก็เพื่อให้โรงเรียนทางเลือกมีช่องทางทำเงินได้ใช่ไหมหนอ หรือไม่ก็ โฮมสคูลคงเต็มบ้านเต็มเมืองกันละทีนี้ จากคุณ : tanlove เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 53 17:26:28

ความคิดเห็นที่ 98   มันเบิ้ล แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 53 17:34:54 จากคุณ : tanlove เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 53 17:28:03

ความคิดเห็นที่ 99   ซ้ำ ทริปเปิ้ล แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 53 17:35:30 จากคุณ : tanlove เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 53 17:28:18

ความคิดเห็นที่ 100 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 53 13:19:45

ความคิดเห็นที่ 101 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 53 05:34:03 แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 53 03:05:53 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 23:33:12

ความคิดเห็นที่ 102 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9614941/K9614941.html กระทู้หายไปแล้ว ในกูเกิ้ลก็ไม่มี เอาที่เซฟไว้มาแปะไว้ที่นี่ล่ะกัน ความคิดเห็นที่ 8 นานาจิตตัง ครับ ประเด็นที่จะต้องพิจารณาคือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็ก ไม่ใช่หรอครับ คนที่สอนทั้งหลาย เคยใช้ทฤษฎีนี้กันหรือป่าวครับ "ความแตกต่างระหว่างบุคคล" และกระบวนการทั้งหลายที่เรียนกันมาได้ใช้กันมากน้อยแค่ไหนกันแล้ว ???? อยากให้สถาบันเหมือนกับการทำงานในบริษัททั้งหลาย สถาบันการศึกษาเหมือนบริษัืทหนึ่ง ครูที่มีความสามารถก็จะได้เลื่อนระดับตามความสามารถที่เพิ่มขึ้น ครูที่มีความบกพร่องทางสอนทั้งหลายก็ควรตักเตือนและมีบทลงโทษบ้างได้แล้ว (ครูจะได้เกิดการพัฒนาตัวเองด้วย) ครูที่ดี ก็น่ายกย่อง ครูที่อยู่ไปวัน ๆ ก็น่าจัดการบางอย่าง ... จากคุณ : RakRok12   เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 19:26:06   ความคิดเห็นที่ 9   อ้างถึง -หลักสูตรป.บัณฑิต สังกัดคณะวิทย์ อักษร ฯลฯ เหรอครับ -ปรัชญาของคณะอื่นๆไม่ได้เพื่อผลิตครู ถ้างั้นปรัชญาของหลักสูตรป.บัณฑิตคือ?? --------------- .......เค้าหาว่าเราแย่งซีน จากคุณ : อวดจำ   เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 53 00:11:58   ความคิดเห็นที่ 11   http://www.bflybook.com/BookSharingSystem/Kaao3/Kaao3.htm หัวข้ออาจจะเก่า แต่เนื้อหายังน่าสนใจครับ -เช่นเดียวกับที่แพทย์รู้จักและสามารถกำจัดเชื้อโรคชนิดใหม่ ครูต้องรู้วิธีการถ่ายทอด -คุณภาพของผลผลิตจะสูงหรือต่ำย่อมขึ้นอยู่กับตัวป้อนเข้า กระบวนการผลิต ผลผลิต -หลายคนอาจบอกว่าคุณภาพของคณาจารย์คณะครุศาสตร์ก็เป็นตัวป้อนเข้าที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาคุณภาพของบัณฑิตครุศาสตร์เช่นกัน -คุณลักษณะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย นั่นก็คือบัณฑิตครุศาสตร์จำนวนมากขาดคุณลักษณะ สมรรถนะ และพฤติกรรมบางอย่างที่จำเป็นสำหรับการเป็นสมาชิกวิชาชีพ -ต้องคัดเลือกคนชั้นเยี่ยมมาเรียนครู -ให้ทุนและจำกัดจำนวนนักเรียนครูที่จะรับ -นักเรียนทุนเหล่านี้เมื่อสำเร็จการศึกษาก็ให้บรรจุเป็นครูได้โดยการคัดเลือก ไม่ต้องสอบคัดเลือกอีก -ให้ได้บัณฑิตครูที่มีคุณลักษณะ สมรรถนะตรงตามความต้องการของผู้ใช้ครู ต้องเอาความต้องการของผู้ใช้ครูเป็นใหญ่ -ถ้าคณะครุศาสตร์ของสถาบันใดสถาบันหนึ่งไม่สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตที่รับประกันคุณภาพของบัณฑิตครูได้ ศธ.ก็ไม่ควรจัดให้นักเรียนทุนไปเรียนในคณะครุศาสตร์นั้นๆ ซึ่งในที่สุด คณะครุศาสตร์นั้นก็จะเหี่ยวเฉาและปิดตนเองไปในที่สุด -บลาๆๆ (พอก่อนครับ เดี๋ยวจะว่ายาวเกินอีก) >อยากแก้เป็นเงี้ย ต้องคัดเลือกคนชั้นเยี่ยมมา"เรียน"ครู >>> ต้องคัดเลือกคนชั้นเยี่ยมมา"เป็น"ครู http://news.giggog.com/330948 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9621044/K9621044.html นอกเรื่องหน่อย แต่ดูเทียบเป็นมุมกลับ จากคุณ : temp (temp003184)   เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 53 01:08:29   ความคิดเห็นที่ 12 ยกประโยคที่ว่า //////////  ต้องคัดเลือกคนชั้นเยี่ยมมา"เรียน"ครู >>> ต้องคัดเลือกคนชั้นเยี่ยมมา"เป็น"ครู ด้วยค่านิยมแล้ว คนที่เรียนดีตั้งแต่แรกอยู่แล้วน้อยนักที่จะมาสมัครเป็นครูสอนตามโรงเรียน มีส่วนนึงก็แค่อยากเป็นอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยมากกว่าซะอีก แปลกบางอย่างที่ โรงเรียนที่เน้นการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เช่นพวก mwit , หรือโรงเรียนเอกชนอื่น ๆ ที่เน้นหลักสูตรวิทยาศาสตร์เข้มข้น จะรับครูสอนที่จะต้องจบปริญญาโทในสาขาวิชาที่ตัวเองจะสอนด้วย เช่น ถ้าจะสอนฟิสิกส์จะต้องเรียนสาขาวิชาที่เกี่ยวกับฟิสิกส์ (วิทยาฟิสิกส์ จะได้โอกาสมากกว่า) ซึ่งเค้าไม่ได้คิดที่จะเลือกคนที่จบครูการสอนโดยตรงหรือแค่ปริญญาตรีแต่อย่างใด (แค่ยกมาเฉย ๆ) ด้วยสิ่งที่คนไทยเป็นค่านิยม ส่วนมากจะต้องการอะไรที่สบาย ๆ กันอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เงินเยอะ ก็ขอสบายไว้ก่อน แม้แต่บางคนที่ได้เงินเยอะก็ไม่อยากทำอะไรที่ยุ่งยาก ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ต้องการพัฒนาอะไรอีก แล้วเมืองไทยจะก้าวหน้าไปได้อย่างไร ??? อย่างที่ผมคิดไว้ ยังไงซะ คนทุกคนก็จะต้องเกิดการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่มัวแต่ยึดติดกับค่านิยมที่ทำให้ตัวเองไม่ก้าวหน้าไม่เกิดการพัฒนาตัวเอง คิดให้โรงเรียนเปรียบเสมือนบริษัทไปเลย ใครทำหน้าที่ได้ไม่ดีประเมินออกมาต่ำ ก็จะถูกพิจารณาเพิกถอนความเป็นครูได้ตลอดเวลาไปเลยดีไม๊ (เหมือนพนักงานบริษัทที่จะต้องให้เกิดผลงานด้านดีอยู่ตลอดเวลา ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีที่สุด) คนทุกคน ผมคิดว่ามีศักยภาพเหมือนกัน พรสวรรค์หรือจะสู้พรแสวง ทุกคนเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ถ้าคิดว่าตัวเองโง่ทำอะไรไม่ได้ ก็จะโง่อยู่ยังงั้นตลอดไป ถ้าคิดว่าโง่แล้วไขว่คว้าไม่ให้โง่ เหมือนเวลาเรียนที่ใครยกมือถามแล้วในห้องชอบล้อกันว่าไอ้นี่โง่นี่ แต่ถ้าไม่ถามก็จะโง่อยู่ยังงั้นไปตลอดชีวิต "อย่ากลัวที่จะโง่เพราะเราจะยิ่งโง่ถ้าเรากลัว" - - อยากให้คนที่มาอ่าน ได้พัฒนาตัวเอง ปรับตัวได้ตามกระแสอยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณหยุดนั่นหมายถึงคุณกำลังก้าวถอยหลังแล้วเพราะคนอื่นจะยิ่งแซงหน้าคุณไปเรื่อย ๆ กับกลุ่มที่บอกว่าจะแย่งที่ทำงาน ก็ถ้าคิดว่ากลัวที่จะไม่มีที่ทำงานแล้วไม่ทำอะไรเพื่อพัฒนาตัวเอง ก็สมควรที่จะไม่มีที่ทำงานแล้วครับ ... จากคุณ : RakRok12   เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 53 09:42:11 แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 53 21:01:01 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 13:33:05

ความคิดเห็นที่ 103 ดัน แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 53 14:23:01 แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 53 06:25:40 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 53 20:50:30 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 21:18:21