ความคิดเห็นที่ 1 ยิ่งแปลไทยเป็นอังกฤษมากยิ่งขึ้นและชำนาญการใช้ google มากยิ่งๆขึ้น เราก็ยิ่งหวาดผวา...เพราะอะไรจะระบายให้ฟัง เอกสารภาษาไทยเป็นจำนวนมากที่เอามาส่งแปล เกิดจากการที่ผู้จัดทำเอกสารอ่านๆภาษาอังกฤษตามแหล่งข้อมูลต่างๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก websites ต่างประเทศ) แล้วสรุปมาเป็นภาษาไทย "แต่สรุปมาผิดเพราะอ่านภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ" แล้วลูกค้าเอาภาษาไทยมาจ้างเราแปลเป็นภาษาอังกฤษ (ซึ่งบางทีลูกค้ากับผู้จัดทำเป็นคนเดียวกันหรือคนละคนกัน) บางทีก็เป็นการแปลเพื่องาน PR บางทีเพื่องานวิจัย บางทีเพื่อดำเนินโครงการ ฯลฯ   ขณะที่พยายามตีความภาษาไทยที่อ่านไม่ค่อยจะรู้เรื่อง (ส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องเพราะ meaning shift) เราใช้ google ค้นข้อมูลเรื่องกระบวนการทำงานของระบบ หรือเทคโนโลยีที่เราไม่รู้จัก หรือภูมิหลังเกี่ยวกับเนื้อหาในเอกสารที่เรากำลังแปล แล้วตกใจมากๆ จนงง แปลอะไรไม่ถูก (ต้องหยุดแปลแล้วออกจากบ้านไป "ไหว้ครู") เพราะเจอเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อนในชีวิต ดังเช่นกรณีต่างๆดังต่อไปนี้ 1. รายหนึ่ง เอกสารกฎหมาย คนเขียน อ้างคดีตัวอย่าง แล้วสรุป case note มา  ว่า "โจทก์ชนะคดี" แต่พอเราไปค้นข้อมูลจาก google กลับพบว่า "จำเลยชนะคดี" 2. อีกรายหนึ่ง คนเขียนบอกว่า นักวิจัยตั้งชื่อเม็ดเล็กๆนี้ว่า "fishes(คำนาม)" แต่เราไปค้นข้อมูล จาก google พบว่า นักวิจัยพูดว่า bead (เม็ดเล็กๆ) fishes...out of...(งม (กริยา)) สารอะไรบางอย่างออกมาจากน้ำ (ไม่กล้าเขียนชัดเจนเพราะกลัวเป็นการเปิดเผยความลับลูกค้า ...แต่อยากจะระบายว่า "ทำให้ทั้งมึนตึ๊บทั้งเครียดจนแทบบ้าไปผูกคอตาย" 3. อีกรายหนึ่ง คนเขียนบอกว่า ทฤษฎีนี้สร้างขึ้นโดย "ชื่อคน" ในประเทศอังกฤษเมื่อสม้ย (ปี คศ....) พอเราค้นข้อมูลจาก google พบว่า ไอ้หมอนั่นที่สร้างทฤษฎีดังกล่าวขึ้นมา (โดยการเขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส) มันเป็นชาวฝรั่งเศสที่ไม่เคยย่างเท้าไปเหยียบประเทศอังกฤษเลย   แถมหนังสือของมันยังถูกแปลจากฝรั่งเศสเป็นอังกฤษ และโดน banned ไม่ให้เผยแพร่ในประเทศอังกฤษ แต่ต่อมาคนอังกฤษยอมรับว่าเป็นทฤษฎีที่ดีมากๆ ...เฮ้อ...!!!...มึนๆๆๆๆ (a + b)^n ออกมาเป็น binomial expansion เลยอ้ะ...ใกล้จะบ้าอยู่แล้ว...ขอระบายหน่อยเหอะ... แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 53 15:56:41 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 53 02:19:52 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 01:56:24

ความคิดเห็นที่ 2 เราต้องเผชิญกับ dilemma นั่นก็คือ 1. ถ้าแก้ไขข้อความให้ถูกต้องในการแปล ลูกค้าอาจหาว่า "แปลผิด" 2. ถ้าไม่แก้ไขข้อความให้ถูกต้องในการแปล คือแปลซึ่งสัตย์ต่อต้นฉบับภาษาไทยไป เกิดลูกค้าเอาไปยื่นเสนอโครงการ ฝรั่ง (ที่รู้กลไก) อ่านเข้าก็จะบอกว่า "ไอ้นักแปลมันโครตโง่เลย" เราเคยแก้ไขให้ลูกค้ารายหนึ่ง (พร้อมส่งคำอธิบายไป) แล้วลูกค้าไม่พอใจบอกว่าเราไปแก้ไขข้อความโดยพละการ เราจึงรับอาสาแปลให้ใหม่ "ตรงตามต้นฉบับฟรีๆ" พอส่งงาน version ใหม่ไป ลูกค้าชมว่า "แปลได้ดีมาก" ...โอ้เวรกรรม!!! เราแก้ไขให้ลูกค้าอีกรายหนึ่ง (พร้อมส่งคำอธิบายไป) แล้วกำลังรอ feedback จากลูกค้า...ใจไม่ดีอ้ะ...ยังไม่ได้รับเงินค่าแปลรายนี้ด้วยดิ... เรากำล้งเจอปัญหาแบบเดิมกับเอกสารอีกชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นรายที่กำลังแปล  และอยากให้มันเสร็จลุล่วงไป เพราะมีงานแปลนิยายอังกฤษเป็นไทยให้สำนักพิมพ์จ่อคิวอยู่หลายเล่ม คืออยากจะกลับไปแปลหนังสือเหมือนเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วที่เคยบุกเบิกไว้แต่เลิกแปล เพราะแปลเอกสารได้เงินมากกว่า แต่ตอนนี้ขอเงินน้อยแล้วไม่ปวดหัวแถมได้ความรู้จะสุขภาพจิตดีกว่า   แล้วอีกเหตุผลหนึ่ง จากการแปลนิยายภาษาอังกฤษที่เขียนโดยนักเขียนระดับอัฉริยะเมื่อ 2-3 เล่มที่แล้ว (เราเป็นนักแปลผีแปลให้เพื่อน) เราหัดอ่านจับใจความแล้วเอาประโยคภาษาอังกฤษที่เราอ่านเจอไปเล่นแร่แปรธาตุจนกลายเป็นเราเขียนภาษาอังกฤษได้สวยงามและรวดเร็วกว่าเดิมอีกตั้งหลายเท่า (ซึ่งในอดีตสมัยหัดอ่านหนังสือภาษาอังกฤษใหม่ๆเราไม่เคยเล่นแร่แปรธาตุได้มากขนาดนี้)  ซึ่งเราคาดว่า ถ้าเราได้แปลนิยายอีกหลายสิบเล่ม บางทีเราอาจเขียนภาษาอังกฤษเก่งขึ้นมามากพอที่จะเขียนหนังสือภาษาอังกฤษเพื่อเอาไปตีพิมพ์ในต่างแดนได้...(เราจะไม่ยอมเป็นเหมือนนักแปลบางคนที่แปลหนังสือภาษาอังกฤษไป 200 กว่าเล่ม (และเขียนคำแปลภาษาไทยเก่ง) แต่ก็ยังยอมรับสารภาพว่าเขาเขียนภาษาอังกฤษไม่เป็น...) แต่เราคงมิบ้ังอาจเขียนนิยายภาษาอังกฤษ (ซึ่งมันยากเกินความสามารถเรา) แต่เราจะเขียนหนังสือภาษาอังกฤษเป็นพวก howtos ในแนวที่เราถนัด... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 02:02:13

ความคิดเห็นที่ 3 โอ้ยเสร็จๆซะทีไอ้งานแปลไทยเป็นอังกฤษชิ้นที่ทำอยู่นี้...เราอยากจะรีบๆเริ่มต้นแปลนิยายที่กำลังจ่อคิวอยู่หลายเล่ม (เป็นนักแปลผีให้เพื่อน) จริงๆแล้วเราเคยแปลนิยายให้สำนักพิมพ์เป็นชื่อเราเองแค่ 4 เล่มเอง กับเป็นบรรณาธิการต้นฉบับชื่อจริงเราให้สำนักพิมพ์แค่อีก 4 เล่มเอง ตอนนี้แปลให้เพื่อนไปพลางๆก่อน แต่จะรีบๆระบายงานออกไป แล้วหานิยายมาแปลเป็นชื่อเราเองบ้าง และสัญญา (กับตัวเอง) ว่า "จะใช้เงินประหยัดๆมากๆ" จะได้อยู่รอดจากรายได้จากการแปลนิยายหรือหนังสือแนวอื่นๆให้สำนักพิมพ์...เพราะจวนเจียนจะเสียสติกับการแปลเอกสารไทยเป็นอังกฤษจะตายอยู่มะรอมมะร่อแล้ว...ฮือๆๆ... จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 02:03:29

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่านะ ลืมการแปลโดย google ไปเสียเถอะครับ อีกหนึ่งพันปีข้างหน้า มันก็ยังไม่สามารถแปลแทนมนุษย์ได้ ก็มนุษย์เป็นผู้สร้างมันขึ้นมา แล้วมันจะเก่งกว่ามนุษย์ได้ไง ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้ google มันจะแปลได้ยังไง - ภาษากวีนิพนธ์ ซึ่งเขามี poetic license - ภาษาโบราณ ก่อนที่มนุษย์จะมีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตใช้ ภาษาเหล่านี้ไม่มีระบบอินเตอร์เน็ต - ต้นฉบับเพี้ยน แล้วมันจะแปลให้ถูกได้ไง มันไม่มีความคิดเหมือนมนุษย์ มันเป็นแค่หุ่นยนต์ตัวหนึ่ง คิดเองไม่เป็นหรอก - มีศัพท์ใหม่ๆ เกิดขึ้นในโลกตลอดเวลา ในทุกวงการ แล้วมันจะตามทันได้ไง - ฯลฯ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 08:03:05

ความคิดเห็นที่ 5 น่าเห็นใจจริงๆ อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สู้ๆค่ะ จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 09:37:08

ความคิดเห็นที่ 6   คุณหมอดูหมายถึงใช้อินเทอร์เน็ตค้นคว้า แล้วเจอข้อมูล ความรู้ที่ขัดกับต้นฉบับแปลนั่นเอง ทำให้สติแตก หึ หึ เรียกว่ายิ่งรู้มาก ยิ่งทุกข์มากหนอ จากคุณ : ชาต เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 09:57:27 A:58.8.216.59 X: TicketID:201623

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบ คุณหนุ่มไทยไร้นาม คคห 4 กรณีของปัญหาเรา "ไม่มีใครใช้ google แปล"...เอ่อจะอธิบาย...แต่เผอิญคุณชาตอธิบายไปแล้วใน คคห 6...ว่า "...หมายถึงใช้อินเทอร์เน็ตค้นคว้า แล้วเจอข้อมูล ความรู้ที่ขัดกับต้นฉบับแปลนั่นเอง ทำให้สติแตก หึ หึ เรียกว่ายิ่งรู้มาก ยิ่งทุกข์มากหนอ..." เราว่ามันเข้าข่าย proverb ที่พูดว่า Curiosity killed the cat. แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 53 10:06:53 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 53 10:06:01 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 10:00:17

ความคิดเห็นที่ 8 อ้าว แล้วกัน ผมเข้าใจประเด็นผิดไปเองหรือนี่ ต้นฉบัยเพี้ยน สร้างความปวดเศียรเกล้าให้นักแปลมานักต่อนักแล้ว ยิ่งในกรณีที่ติดต่อเจ้าของงานเพื่อสอบถามให้เคลียร์ไม่ได้ ก็ต้องดำน้ำไปเลย มันช่วยไม่ได้จริงๆ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 10:10:19

ความคิดเห็นที่ 9 ผมใช้วิธีวงเล็บตัวแดงไปเลยว่าที่ถูกมันเป็นอย่างนี้นะเฟ้ย   เคราะห์ดีที่พอมีเครดิตอยู่กับเขาบ้าง   ส่วนมากเจ้าของงานมักไม่โวยวาย จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 16:31:38

ความคิดเห็นที่ 10 ตรงกันข้ามเลยค่ะ งานที่เคยแปลบางงานนี่มีทำแบบมีบริการเสริม คือพิสูจน์ความถูกต้องของข้อมูล ตรวจหน่วย ฯลฯ ให้ด้วย (ถ้าสงสัยจะได้มีนั่งไล่กันอีกรอบ) จากคุณ : jk (jackfruit_k) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 17:16:20

ความคิดเห็นที่ 11 อือ  คุณ JK บริการดีจริง   เรื่องตรวจหน่วยนี่ทำเอาผมทะเลาะกับเจ้าของงานมารอบหนึ่งแล้ว ดันเอาแรง กับ พลังงาน มารวมเป็นเรื่องเดียวกัน พอท้วง   ซึ่งมีผลให้ต้องรื้อทั้งบท   ก็เลยโดนตอกหน้าว่ามีหน้าที่แปลก็แปลไป   เขารับผิดชอบเรื่องถูกผิดเอง สมัยนั้นใจไม่เย็นเท่าไหร่ด้วย จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 09:47:05

ความคิดเห็นที่ 12 ^ รายการข้างบนนั่นความจริงส่วนหนึ่งที่ได้งานก็เพราะสามารถเช็คข้อมูลให้ได้นี่แหละค่ะ เลยถือเป็นข้อได้เปรียบแทน ^_^ จากคุณ : jk (jackfruit_k) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 19:40:29

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นข้อได้เปรียบเสมอไป... ตามที่เล่าให้ฟังในกระทู้ล่างๆว่าเราดวงซวยไปรับแปลรายงานการวิจัยที่นักศึกษาปริญญาเอกที่เราต้องเสียเวลาปรับสำนวนไทยให้อ่านรู้เรื่องกว่าจะแปลเป็นอังกฤษได้ (ที่นอกจากจะไม่ได้เงินเพิ่มแล้ว ยังตามเก็บเงินลำบากมากๆ) จนเราทำงานชิ้นถัดไปแทนที่จะได้เงินซักหลายๆหมื่นบาทกลายเป็นได้แค่ไม่กี่พันบาท เพราะเจ้าของงานต้องส่งคนอื่นทำเนื่องจากเราล่าช้า หลังจากนั้นเผอิญเราโชคดีไ้ด้งานชิ้นเล็กๆมาช่วยชีวิตไว้ 2-3 ชิ้น แต่การเงินเราก็ยังย่ำแย่ (ก็เพราะไอ้งานรายงานการวิจัยนั่นแหละ) แล้วอยู่ดีๆมีคนเพิ่งส่งเอกสารชุดหนึ่งมีข้อความภาษาอังกฤษปนไทยมาให้เรา เขาบอกว่าให้เรา edit ภาษาอังกฤษ และแปลไทยเป็นอังกฤษ เจ้าของงานบอกว่า "ถ้าข้อมูลผิดพลาด ให้เราแก้ไขได้" ...เราอ่านๆดูแล้ว เห็นว่า "งานนี้ยืดเยื้อแน่ๆ เพราะต้องแก้ไขต้นฉบับเยอะ ซึ่งกว่าจะแก้ไขได้เราก็ต้องค้นข้อมูลและโต้ตอบกับเจ้าของงานเป็นระยะๆ ซึ่งต้องใช้เวลามาก" แต่กระนั้นก็เถอะจำนวนคำมันน้อย ถ้าคิดเป็นคำละเราแย่ ถ้าคิดเพิ่มลูกค้าคงไม่เอา เราเลยคืนงานไปเลย ไม่รับทำ...แล้วรีบแปลหนังสือง่ายๆให้สำนักพิมพ์จะดีกว่า (เผอิญได้หนังสือง่ายๆมา) ถึงจะได้เงินน้อยกว่าแปลเอกสาร แต่ตะลุยแปลม้วนเดียวจบ แล้วรีบๆเอาเงินมาโดยไม่ต้องปวดหัว ชีวิตจะปลอดภัยกว่า บางครั้งถ้าเราทำงานง่ายๆไม่ปวดหัว และได้เงินไวๆ ถึงเงินจะน้อย ก็ยังดีกว่างานปวดหัวยืดเยื้อเพราะถึงเงินดีแต่หักล้างกันแล้วลงเอยสูสีกัน จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 53 00:26:59