PANTIP.COM : K9646901 อยากทราบว่า หากตอนนี้เราใช้นามสกุลไทยอยู่ จะสามารถเปลี่ยนไปใช้"แซ่"เดิมของตระกูลได้หรือไม่ครับ? [จีนศึกษา]

ความคิดเห็นที่ 6

"จ่าเพียร"กับนาม สกุล"ภูวพงษ์ พิทักษ์" (ตอนที่ 14)

ทำไม พ.ต.อ.สมเพียร จึงเปลี่ยนนามสกุล จาก"เอกสมญา" เป็น"ภูวพงษ์ พิทักษ์" เชื่อว่าผู้อ่านจำนวนมาก ที่ต้องการทราบที่มา ที่ไป ของนามสกุล เอกสมญา ซึ่งเป็นนามสกุลที่ พ.ต.อ.สมเพียร ใช้ตั้งแต่ยังเป็น พลตำรวจ เป็นตำรวจลูกแถว ที่ สภ..บันนังสตา จนถึงนามสกุลภูวพงษ์พิทักษ์ ที่ ภรรยา และลูก 3 คนใช้อยู่ในขณะนี้ ว่ามีที่มา ที่ไป อย่างไร

พ.ต.อ. สมเพียรนั้น บิดา มารดา เป็นคนบ้านวังใหญ่ อ.เทพา จ.สงขลา พ่อ ของ พ.ต.อ..สมเพียร เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เป็นคนจีนไหหลำ และ"แซ่เจ้ง" บ้านวังใหญ่ในอดีตนั้นคือถิ่น"ไกลปืน เที่ยง" อย่างแท้จริง ชีวิตในวัยเรียนของ พ.ต.อ.สมเพียร มีความลำบาก เช่นเดียวกับคนจำนวนมากในชนบท คือต้องเดินเท้าจากสวนยาง เพื่อรอขึ้นรถสองแถวไปโรงเรียนในตัวอำเภอ จนเรียนจบชั้นมัธยม ซึ่งครอบครัวต้องการที่จะให้ไปสอบเข้าวิทยาลัยครูสงขลา เพราะต้องเห็นลูกชายเป็นครู เพราะในอดีตอาชีพครูคืนหน้าตาของสังคมไทย แต่เป็น เพราะการสอบเข้าเรียนมีปัญหาอุปสรรคหลายอย่าง พ.ต.อ. สมเพียรจึงไม่ได้ไปสอบ และตัดสินใจไปสอบเป็นตำรวจ โดยตั้งความหวังไว้ที่การ เป็น ตชด. หรือ ตำรวจตระเวนชายแดน แต่เพราะในครั้งนั้น ข้อมูลข่าวสาร ที่กว่าจะได้รับ กว่าจะเดินทางไปยังโรงเรียนตำรวจภูธร 9 ที่ อ.เมือง จ.ยะลา เป็นเรื่องที่ล่าช้า จึงทำให้เกิดความผิดพลาด สอบ เข้า ตชด.ไม่ทัน แต่สอบเข้าตำรวจภูธรแทน ได้ และเรียนจนจบหลักสูตรของโรงเรียนตำรวจภูธร 9 จนถูกส่งบรรจุเป็น ตำรวจลูกแถวที่ สภ.บันนังสตา เมื่อปี พ.ศ.2513

ส่วน นามสกุล"เอกสมญา" ที่คนไทยรู้จักกันทั้งแผ่นดิน เป็นนามสกุลของเพื่อนรักคนหนึ่ง ที่ พ.ต.อ.สมเพียรของมาใช้ เมื่อครั้งที่เปลี่ยนจากนามสกุลเดิม และใช้นามสกุลเอกสมญามาโดยตลอด ทั้งที่ไม่ใช่นามสกุลของตนเอง เพราะเห็นว่าเป็นนามสกุลที่เหมะกับตนเองและครอบครัว โดย พ.ต.อ.สมเพียร เล่าว่า ไม่คิดจะเปลี่ยนนามสกุลใหม่แล้ว ถ้าไม่มีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นในวันหนึ่ง

นั่น คือ "เพื่อน" ที่เป็นเจ้าของนามสกุล ที่ พ.ต.อ.สมเพียร ไปยืมมาใช้ มาหาที่ทำงาน และมาขอ ลูกระเบิด มือ 2 ลูก เพื่อทำไปใช้ในภารกิจของการ แก้แค้น ซึ่ง พ.ต.อ.สมเพียร กล่าวว่า เห็นใจเพื่อนรักมาก กับเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัว แต่ตนไม่ต้องการให้เพื่อนทำผิดกฎหมาย จึงไม่ยอมให้ลูกระเบิดมือไปตามที่เพื่อนต้องการ เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับเพื่อน จนถึงขั้น ขอทวงนามสกุลคืน

พ.ต.อ. สมเพียร เล่าว่า เรื่องนี้ทำให้คิดมาก และสุดท้ายคิดว่า จะต้องตั้งนามสกุลใหม่ให้กับครอบครัว เพราะ"เอกสมญา" ที่เราใช้อยู่ แม้จะดีอย่างไร ก็ไม่ใช่ของเรา ดังนั้นจึงได้ไปหา"หลวงพ่อ" ที่เคารพนับถือที่วัดแห่งหนึ่ง เพื่อให้ตั้งนามสกุลให้กับเพื่อเป็น สิริมงคล กับครอบครัว โดยมีการตั้งนามสกุลให้เลือก 4-5 นามสกุลด้วยกัน แต่ตนเห็นว่า"ภูวพงษ์พิทักษ์" เป็นนามสกุลที่ดี เพราะเหมือนกับ ผู้พิทักษ์แผ่นดิน จึงเลือก เอานามสกุลนี้ มาใช้ ดังนั้น ภรรยา และลูกๆ รวมทั้งตนเอง ได้เปลี่ยนนามสกุลจาก"เอกสมญา" เป็น"ภูวพงษ์ พิทักษ์" ทั้งหมด ยกเว้น นายชุมพล ลูกชายคนโต ซึ่งตอนนั้น อยู่ที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังไม่ได้เปลี่ยน

หลัง จากนั้น จึงได้ทำป้ายชื่อ นามสกุลใหม่ ติดที่หน้าห้องทำงานที่ สภ.บันนังสตา รวมทั้งในการรายงานข่าวในการปะทะกับ สมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดนของ "นักข่าว" จากชื่อ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา เป็น พ.ต.อ.สมเพียร ภูวพงษ์พิทักษ์ ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตนเคารพ พรรคพวกเพื่อนฝูง ต่างแสดงความไม่เห็นด้วย และเห็นว่า"เอกสมญา" เป็นนามสกุลที่เหมะสม ดังนั้นจึงได้ไปเปลี่ยนนามสกุลกลับมาใช้"เอกสมญา" อีกครั้งหนึ่ง พ.ต.อ.สมเพียร เคยเล่าว่า " ผมชอบและภูมิใจนามสกุล เอกสมญา ถึงแม้จะไม่ใช่นาม สกุลของผม แต่ชีวิตของผมก็ได้อะไรที่ดีๆ จากนามสกุล เอกสมญา แต่เมื่อเป็นนามสกุลของเพื่อนที่เราขอเขามาใช้ ผมคิดคิดว่าผมของใช้คนเดียว โดยได้ตั้งนามสกุลใหม่ให้กับครอบครัว เพื่อให้เป็น นามสกุลของตนเอง

แต่ การตั้งนามสกุลใหม่ แทน"เอกสมญา" ของ พ.ต.อ.สมเพียร นั้น ยังมีนัยที่แอบแฝงอยู่ เพราะ พ.ต.อ.สมเพียร ทราบดีว่า "แกนนำ"ขบวน การบีอาร์เอ็นโคออดิเนต ซึ่งเป็นผู้นำขบวนการการและกลุ่มผู้ต้องการแบ่งแยกดินแดนอีก 9 กลุ่ม มีการขึ้นบัญชีดำชื่อของ พ.ต.อ.สมเพียร เอาไว้ โดย มีค่าหัวเป็น แพะ 40 ตัว และเงิน 5แสนบาท สำหรับ สมาชิกที่สามารถปลิดชีพของ พ.ต.อ.สมเพียรได้ ความกังวลลึกๆ ของ พ.ต.อ.สมเพียร ที่มีต่อทุกคนที่ใช้นามสกุล " เอกสมญา" ที่จะตกเป็นเป้าของขบวนการฯ เพื่อแก้แค้น จึงมีส่วน ที่ทำให้ พ.ต.อ.สมเพียรเปลี่ยนนามสกุลให้กับภรรยาและลูกๆ เพื่อให้มีความปลอดภัย ซึ่งเป็น การแสดงให้เห็นว่า ที่แท้จริง พ.ต.อ.สมเพียร ไม่ได้เป็นคนที่"บ้างาน"จนบาง ครั้ง ลืมครอบครัว แต่ พ.ต.อ.สมเพียร ห่วงความเป็นอยู่ของครอบครัวมาโดยตลอด เช่นเดียวกับที่เป็นห่วงความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นห่วงลูกน้อง และทุกคนที่เคยร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา

และ แม้ว่า"เอกสมญา" จะเป็นเพียงนามสกุล ที่ขอเพื่อนมาใช้ แต่ พ.ต.อ.สมเพียร ก็ได้ใช้มันจนถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิต และกลายเป็น นามสกุลแห่งความเสียสละแ ม้ชีวิต เพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งแผ่นดิน อันควรแก่การภาคภูมิใจ ทั้งของเจ้าของนามสกุลและครอบครัวของ พ.ต.อ.สมเพียร และสิ่งที่น่าภาคภูมิใจไปกว่านั้นคือ นามสกุล เอกสมญา ยังมีนายชุมพล เอกสมญา ลูกชายคนโต เป็นผู้สืบทอดต่อไป แม้เขาจะไม่มีอาชีพเป็นตำรวจอย่าง พ.ต.อ.สมเพียร ผู้เป็นพ่อ แต่ความเป็นศิลปินของเขา จะทำหน้าที่สืบทอด เรื่องราวของ พ.ต.อ.สมเพียร เรื่องราวของ "บันนังสตา"ที่เป็น บ้านเกิด เพื่อเป็น ตำนานชีวิต ได้อย่างดีที่สุด

บท เพลง บันนังสตาบ้านเกิดของฉัน และ บทเพลงตัวตลก ของเขาได้สะท้อน ถึงปัญหาความไม่สงบ ถึงความฟอนเฟะของวงการตำรวจ และการเมือง ทั้งในอดีตและปัจจุบันได้เป็นอย่างดี "แพะโง่ๆ หนึ่งตัว ที่เขาร้องตอกย้ำในเพลง"บันนังสตา" คงเป็นคำตอบสุดท้ายของ การร้องขอความเป็นธรรม จากคำสั่งโยกย้ายโดยมิชอบ ที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.อ.สมเพียร

วันนี้"แพะ"ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะที่ บันนังสตา ถูกแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนจับมาบูชายัญหลายร้อยตัว เพื่อฉลองความสำเร็จที่ สามารถลบรายชื่อ วีรบุรุษแห่งเทือกเขาบูโดลงได้ หลังจากพยายามมาหลายสิบปี

ใน ขณะที่ รัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังพยายาม หาทางออกด้วยการหา"แพะ" มารับผิด เพื่อไถ่บาปที่สร้างไว้กับ พ.ต.อ.สมเพียร ยังไม่ได้ ซึ่งสังคมต่างจับตาดูว่า ใครที่จะเป็น"แพะ"ตัวนั้น

ไชยยงค์ มณีพิลึก

จากคุณ : MR.Runabout

เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 23:46:37