 |
ความคิดเห็นที่ 11 |
เห็นด้วยกับคุณ ปีเตอร์นอร์ธ ค่ะ
ในฐานะที่พี่เรียนอักษร อยากแนะนำน้องว่า...
ถ้าน้องไม่คิดจะอยู่กับตัวหนังสือ เช่น พวกงานแปล งานเขียน คอลัมนิสต์ อ.มหา'ลัย ...พวกนี้ หรือคาดหวังว่าจะมาเก็บเกี่ยวทักษะการฟัง พูด จากในคณะ ...พี่แนะนำคณะท่องเที่ยว, ธุรกิจการบิน, การโรงแรม ไปเลยค่ะ พี่จะอธิบายให้เห็นภาพรวมนะ เพราะ... - คณะเหล่านี้มีหลักสูตรวิชาที่เอาไปใช้ได้จริงค่ะ พวกวิชาก็จะเน้นสถานการณ์ในชีวิตจริง(เช่น ภาษาญี่ปุ่นเพื่อการโรงแรม ,การจัดอบรมสัมนา เป็นต้น) อย่างเพื่อนพี่เรียนการท่องเที่ยว เค้าก็จะมีหลักสูตรA, B, C พี่ก็จำรายละเอียดไม่ค่อยได้นะคะ แต่เป็นประมาณว่าจะได้บัตรไกด์ไม่เหมือนกัน(มีแบบทำได้แต่ในประเทศและทำได้ทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ) แล้วก็บางหลักสูตรก็มีเรียนพวกอบรม สัมนา บางหลักสูตรก็เรียนอีกอย่างหนึ่ง...ประมาณนี้น่ะค่ะ
-ได้ฝึกงานจริง พี่ขอบอกว่าถ้าน้องไม่ได้เรียนดีมาก หรือได้เกียรตินิยม...การฝึกงานสำค้ญมากค่ะ เพราะมันทำให้น้องมีเครดิตดีกว่าคนอื่นๆที่โปรไฟล์เหมือนๆกัน(คนเรียนดี-ปานกลางมีเยอะแยะ จริงมั้ย?) ที่สำคัญคือน้องได้ประสบการณ์ตรงจากการทำงาน รู้ว่าอะไรต้องทำยังไง มันก็ปรับตัวได้ง่ายด้วย ได้ฝึกฝนทักษะจริงๆด้วย(อย่างพวกการฟัง-พูด) ซึ่งอันที่จริงมันก็ฝึกเองได้ แต่มันก็เหมือนบังคับเราให้ฝึกในสถานการณ์จริงด้วย อ้อ...รุ่นพี่ในคณะก็ทำให้เราหาที่ฝึกงานได้ง่ายด้วย เพราะบางที่เค้าไม่รับ แต่รุ่นพี่ที่เคยไปฝึก หรืออาจารย์ก็จะช่วยหาหรือฝากให้ ถ้าคณะที่ไม่บังคับฝึกงานก็จะหายาก ไม่มีคนแนะนำด้วย
- มีประวัติการณ์ฝึกงาน/ใบผ่านงาน/ใบประกอบวิชาชีพ อย่างเรียนไกด์ก็ได้บัตรไกด์ ไม่ต้องไปสอบอีก เป็นครูก็ได้วุฒิครู ถ้าน้องเรียนอักษรแล้วจะเป็นครูก็ต้องไปเรียนเอาวุฒิอีก1ปี(ก็เหมือนเรียนครู...5ปีเหมือนกัน)
พี่ไม่ได้หมายความว่าคณะอักษรไม่ดีนะคะ คนเก่งๆมีเยอะมากๆ ทำให้เราต้องกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา เพราะมีแต่คนเก่ง(ซึ่งพี่คิดว่าเป็นข้อดีนะ ถ้ามันไม่กดดันเราก็จะชิวๆเล่นๆ ไม่ขวนขวาย) แต่ลองสังเกตดูนะคะว่าเค้าก็จะไปทำอาชีพในวงการหนังสือมากกว่า อย่างนักเขียน นักแปลดังๆ รวมทั้งอาจารย์เก่งๆก็จบมาจากอักษรฯเยอะ (สมเด็จพระเทพฯก็ทรงจบอักษรฯ จะเห็นได้ว่าทรงพระนิพนธ์หนังสือเยอะมาก) การเรียนในคณะก็จะค่อนมาทางงานเขียน วรรณกรรม อ่านๆๆๆ ที่จริงวิชาเลือก(พวกวิชาภาษา)เค้าก็มีพวกวิชาล่ามอะไรพวกนี้นะคะ แต่พวกวรรณกรรมหรือหนังสือนอกเวลาเนี่ยมีอยู่ในวิชาที่บังคับเรียนเยอะมาก (รวมทั้งวิชาภาษ๊าภาษาอย่าง ภาษาศาสตร์...อารมณ์แบบว่า "เสียงนี้ เกิดจากการเอาปลายลิ้นแตะเพดานอ่อนแล้วปล่อยลมออกมา - -") แล้ววิชาเลือกก็เป็นพวกประวัติศาสตร์ สังคมฯ ปรัชญา เหมือนเป็นการปูเพื่อฐานความรู้ให้หลากหลาย เพราะถ้าน้องจะเป็นนักเขียน หรือนักแปล การมีความรู้รอบด้านเนี่ยมันสำคัญมากๆ และการอ่านก็ทำให้น้องแปลภาษาออกมาได้สละสลวย แล้วคนที่เก่งๆมากๆ(เก่งทั้งพูด ฟังอ่าน เขียน)ไปเป็นอาจารย์ก็เยอะ (ถ้าหนูเป็นเด็กกวดวิชาก็คงรู้) ยิ่งอาจารย์มหาลัย ส่วนมากก็จบตรงสายมาเลย แล้วต่อโท-เอก ไม่มีที่จบครูมาโดยตรง เช่นจบตรี-เอก ภาษาญี่ปุ่น ก็มาสอนญี่ปุ่น
แต่ทีนี้หนูจะทำงานสายนี้รึป่าว...หรือชอบที่จะพูด ชอบสื่อสารมากกว่า ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นน้องอาจจะเบื่อบางอะไรบ้าง แล้วก็ท้อ อารมณ์แบบว่า...ชั้นจะไปคุยกับลูกค้านะ ให้ชั้นมาถอดความพงศาวดารเพื่อ? หรือ...(จากข้อสอบ)จงเขียนEssayเกี่ยวกับเนื้อหาวิชา Medieval Europe ตลอดระยะเวลา7สัปดาห์ที่ผ่านมาโดยสรุป(พร้อมแจกสมุด8หน้า1เล่ม) ...ที่ช๊อคกว่านั้นคือมีคนไปเอาสมุดเพิ่มค่ะ (T.Tช้านเพิ่งเขียนไปหกหน้าเองนะนั่น)
แต่ถ้าน้องเรียนได้ และขวนขวายหาความรู้ หาโอกาส ลองไปฝึกงานบ้าง ฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ...อักษรฯจบมาแล้วรุ่งแน่ๆค่ะ (แต่ตอนนี้พี่เองกำลังจะร่วงค่ะ 555+) ถ้าเลือกสองคณะนี้พี่เชียร์อักษรฯค่ะ
ส่วนการเป็นครูก็อย่างที่คุณ ปีเตอร์นอร์ธ อธิบายไว้เลยค่ะ ...แต่ที่แน่ๆถ้าไม่อยากเป็นครู อย่าเลือกเลยนะ ทำด้วยใจรักดีกว่า มันต้องทุ่มเทนะ ต้องใส่ใจ อย่างร.ร.พ่อพี่นะ คนที่มาเป็นครูแล้วมาแบบไม่มีใจ...เยอะมาก แล้วเค้าไม่ทุ่มเท เห็นแล้วสงสารนักเรียน
ลองคิดดูนะคะ... ยังไงก็ขอให้น้องประสบความสำเร็จนะคะ ^^
แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 53 00:16:44
จากคุณ |
:
amdekd
|
เขียนเมื่อ |
:
5 ก.ย. 53 00:14:17
|
|
|
|
 |