ความคิดเห็นที่ 1 .... แก้ไขครับ ผิดพลาดแห่ะ ๆ... ร้านขายของที่สนามหลวง  จะมีสถานที่ตั้งประจำแน่นอนครับ  คืออยู่ตรงส่วนไหนก็ส่วนนั้น  ส่วนจะเสียค่าเช่าที่หรือไม่ ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 53 10:39:05 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 53 10:36:28 จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:27:16

ความคิดเห็นที่ 2 ร้านค้าในท้องสนามหลวงในอดีต มีขายแทบทุกอย่างครับ  ของกิน ของใช้ เครื่องดนตรีไทย ร้านขายรูปภาพ โปสเตอร์ดารา  ร้านขายยาแบบแผนโบราณ ร้านอาหาร ร้านขายของเล่น ฯลฯ     ส่วนบริเวณตรงกลาง ๆ ด้านในของสนามหลวง   จะเป็นเต๊นท์ที่ขายพวกสัตว์เลี้ยง หมา แมว กระต่าย กระรอก นกหงษ์หยก  ร้านขายปลาตู้มีสารพัดปลาสวยงาม ร้านขายเครื่องยาสมุนไพร  ร้านปาหี่ตีฆ้องร้องขายกอเอี๊ยะ  แสดงมายากลผสมขายยาผีบอก   มีกระทั่งโชว์การต่อสู้กันระหว่าง พังพอนกับงู... ..... แวะร้านแรกกันก่อนเลย อันดับแรกสุด..เพื่อความเป็นศิริมงคล  เป็นร้านขายภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ พระบรมราชินีนาถ       พระโอรส พระธิดา ซึ่งในภาพล้วนยังทรงพระเยาว์อยู่เลยครับ   เท่าที่เห็นนอกจากนี้ก็ยังมี พระรูปของ 9 รัชกาล  ล้นเกล้า ร.6  ฯลฯ สังเกตได้ว่า เป็นภาพที่บรรจุกรอบเรียบร้อยแล้ว  ผู้ซื้อเมื่อซื้อไปแล้ว ก็สามารถนำไปแขวนได้ทันที เห็นรูป พ่อค้าเงินเชื่อ พ่อค้าเงินสดด้วยนะ อยู่มุมล่างขวามือครับ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:28:39

ความคิดเห็นที่ 3 ... ผมจะไปเดินเล่นโต๋เต๋สนามหลวงเกือบทุกอาทิตย์ ส่วนมากจะเป็นวันเสาร์ซะมากกว่า  เพราะโรงเรียนหยุด เสาร์ อาทิตย์  การเดินทางก็ขึ้นรถเมล์จากแถวหัวลำโพง แต่จำไม่ได้แล้วว่าไปสายอะไร     ..ถึงสนามหลวง เดินครบรอบวงกลมดูนู่นดูนี่ ( ดูอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ซื้ออะไร เพราะตอนนั้น ยังไม่มีตังค์เท่าไหร่ )  เสร็จแล้วก็จะข้ามไปดูหนังสือเก่าที่ซุ้มหนังสือตรง ริมคลองหลอด ตรงแม่พระธรณีบีบมวยผม เพื่อหาซื้อหนังสือติดมือกลับบ้าน.. แต่มีอยู๋ สองร้านที่ผมต้องแวะไปยืนดูทุกครั้ง  ร้านแรกเป็นร้านขายโปสเตอร์ดารา นักร้องฝรั่ง  ยุค 1970 เป็นโปสเตอร์แผ่นใหญ๋ ๆ เท่าขนาดใบปิดหนัง จำได้ว่ามีตรา IS song hits ของคุณเล็ก วงศ์สว่างอยู่ด้วย    ยุคนั้นที่ดัง ๆ แขวนกันตรึม  ก็มี  OLIVIA NEWTON JOHN  เจ๊ Suzi Quatro ( รูปโปสเตอร์ยุค 70 ของเจ๊ Suzi สะพายกีตาร์เบสตัวใหญ่ๆ เท่ห์เป็นบ้า..)  Bay city rollers  Deep purple อะไรพวกนี้  ร้านนี้ชอบยืนดูอย่างเดียว  ไม่ได้ซื้อ เพราะซื้อแล้วก็ไม่รู้จะเอาไปแขวนมุมไหนของบ้าน ผมหาภาพไม่ได้จริงจริ๊ง... เลยต้องผลิตภาพนี้ขึ้นเอาเอง จากความทรงจำ ...คล้าย ๆ อย่างที่เห็นในภาพปลากรอบนั่นแหละครับ..อิอิ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:30:13

ความคิดเห็นที่ 4 ..ร้านที่สอง ที่ต้องแวะทุกอาทิตย์ ร้านนี้ได้เสียตังค์ซื้อครับ  เป็นร้านขายภาพดารา สมัยนั้นเป็นภาพขาวดำ ขนาดประมาณ 3 นิ้ว คือเล็กกว่าโปสการ์ดนิดหน่อย ร้านนี้เค้าจะอัดภาพเอาเอง แล้วเอามาขาย มีทั้งดาราไทย ดาราจีน ดาราญี่ปุ่น มิตร เพชรา อรัญญา  แต่รู้สึกภาพหนังฮีโร่ยุค 70 หลอกเด็กญี่ปุ่น มีเยอะสุด พวก กาโม่ ไอ้มดแดง มนุษย์ไฟฟ้ามหากาฬ  ตอนนั้นผม crazy มาก ไปซื้อได้ซื้อดีทุกเสาร์ เอามาเก็บสะสมไว้  จำราคาไม่ได้แล้ว รู้สึกใบละไม่ถึง 5 บาทมั๊ง จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:31:23

ความคิดเห็นที่ 5 ... รูปพวกนี้แหละ กินเงินผมไปทุก ๆ สัปดาห์  อุลตร้าแมน A จัมโบ้ A Iron king มนุษย์ไฟใต้พิภพ  มนุษย์ตาทอง  หน้ากากสิงห์ มนุษย์คอมพิวเตอร์  เยอะแยะตาแป๊ะ  ซื้อยังไงก็ไม่มีหมด... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:32:30

ความคิดเห็นที่ 6 .. ส่วนใหญ่ภาพที่ผม เซิรช์หามาได้ เกี่ยวกับตลาดนัดสนามหลวงยุคอดีต จะเป็นภาพเกี่ยวกับร้านขายอาหาร  อย่างภาพนี้ ขายเต้าหู้ทอด.. จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:33:48

ความคิดเห็นที่ 7 ภาพบรรยากาศการขายของตลาดนัดท้องสนามหลวงในสมัย 40 ปีก่อน  ในภาพมุมซ้ายล่างไม่รู้ขายอะไร อยู่ในถ้วย ดูคล้าย ๆ เต้าฮวย หรือ ข้าวหมาก  อ่านออกแต่ว่า มาจากบ้านโป่ง ก็น่าจะเป็น ราชบุรี จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:35:04

ความคิดเห็นที่ 8 ร้านนี้ สงสัยขายข้าวหมูแดง  ตู้ไม้ขายอาหารรุ่นนี้  สวยนะครับ เป็นไม้ทั้งใบ ด้านบนเจาะเป็นช่อง ๆ ใส่กระจกลายดอกที่เป็นสีสี   สีฟ้า สีเขียว เดี๋ยวนี้ กลายเป็นของหาดูยากแล้ว  กลายเป็นของแอนติคไปแล้ว   รุ่นใหม่ ๆ เห็นเป็นตู้อลูมิเนียมหมดแล้ว มองจากด้านหลังร้าน  ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปจากฟุตบาททางเดินรอบนอก   ก็ยังมีร้านขายของอย่างอื่น ๆ อีกครับ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:35:37

ความคิดเห็นที่ 9 ร้านขายน้ำ  โหลแก้วทรงกลมแบบนี้  ยังพอหาดูได้บ้างในสมัยนี้  ตามรถเข็นที่เข็นพวกน้ำใบบัวบกขาย  แต่แก้วน้ำที่เห็นติดกับโหลในภาพ  เป็นแก้วจีบครับ ปัจจุบัน หายากแล้ว กลายเป็นของสะสมไปซะอีก จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:36:19

ความคิดเห็นที่ 10 ..  ดูกันให้ชัด ๆ   แก้วจีบ หรือบางคนก็เรียกว่า แก้วตูดจีบ สมัยก่อนฮิตมาก  ผมเคยกินกาแฟอาแปะแบบใช้ถุงชง แล้วก็ใส่นมข้นลงไป ก็เป็นแก้วแบบนี้ครับ แก้วรุ่นเก่าพวกนี้ เดี๋ยวนี้กลายเป็นของเก่า ของสะสม  เหมือนกับพวกชามตราไก่ สมัยก่อนเค้าไว้ใช้ใส่ข้าวต้มกินกัน  เดี๋ยวนี้กลายเป็นของเก่า ซื้อขายกันหลายตังค์ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:36:59

ความคิดเห็นที่ 11 .. บรรยากาศสบาย ๆ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:38:13

ความคิดเห็นที่ 12 อาเฮียขายข้าวขาหมูจ้า  น่ากิ๊น น่ากิน  สมัยนั้นยังราคาไม่แพงแบบจานละ 30 -40 เหมือนเดี๋ยวนี้  ขายกัน 10 -15 บาทก็ หรูแล้ว.. จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:39:46

ความคิดเห็นที่ 13 .. อาซิ่มหาบเร่  ขายอะไรในกระจาดน๊า... ? จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:40:44

ความคิดเห็นที่ 14 ....ร้านซื้อขายแสตมป์ก็มี  ร้านนี้แบกระดินเลย  สมัยก่อนการสะสมแสตมป์เป็นที่นิยมครับ  ซื้อไปขายมา มีกำไร  บางดวงชอบมาก ๆ สวยดี ก็เก็บไว้เองก็มี   แม้แต่เด็ก ๆ เองก็ชอบ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:41:30

ความคิดเห็นที่ 15 ..ร้านขายผัก... ในภาพจะเห็นคนกำลังถือถุงโชคดีอยู๋ในมือ   ถุงโชคดีเป็นถุงกระดาษที่ฮิตมากเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน  สมัยก่อน ยังไม่มีถุงเสื้อกล้าม หรือถุงก๊อปแก๊ปใช้กันเกลื่อนเหมือนปัจจุบัน  ถุงโชคดี เป็นถุงกระดาษสีน้ำตาลที่เอาไว้ใช้ใส่ของ หาซื้อได้ตามร้านทั่ว ๆ ไป  จำได้ว่าใบละบาทมั๊ง ถุงโชคดี บางแบบก็พิมพ์เป็นรูปลายหมากฮอส  บางรูปก็พิมพ์เป็นรูปนางสาวไทยในสมัยนั้นก็มี จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:42:12

ความคิดเห็นที่ 16 ลองไปอ่านประวัติดู  http://www.mrpalm.com/board/view_board.php?id=106951 ภาพชัด ๆ.. ของถุงโชคดี ถุงสวัสดี  บรรพบรุษของถุงก๊อปแก๊ปในปัจจุบัน อิอิ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:43:24

ความคิดเห็นที่ 17 นิยมใช้กันเป็นที่แพร่หลายในบรรดาชาวบ้านสมัยก่อน ... ขนาด ผีขนุน ก็ยัง.... หิ้วถุงโชคดีเยย ... อุอุ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:44:33

ความคิดเห็นที่ 18 ..ห๊อม หอม ทุเรียน.. จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:45:24

ความคิดเห็นที่ 19 .. หนูน้อยน่ารัก กับ ถุงโชคดี ถ้าวันนี้ เธอยังอยู่  น่าจะมีอายุประมาณ 45 up อย่างน้อย... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:47:02

ความคิดเห็นที่ 20 ..ภาพนี้คล้าย ๆ # 9 ลังน้ำอัดลมสมัยก่อน ทำด้วยไม้จริง ๆ    ปัจจุบันไม้หายาก เลยเปลี่ยนมาใช้ลังแบบพลาสติคแทน จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:48:52

ความคิดเห็นที่ 21 มุมซ้ายสุด ร้านขายน้ำแข็งไส ( เพราะเห็นโหลแก้ว ) ตรงกลาง ไม่รู้โต๊ะขายอะไร จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:50:04

ความคิดเห็นที่ 22 ร้านนี้  ขายอาวุธหนัก  มีด ดาบ ถ้วยกระดาษใส่น้ำแข็ง น้ำเย็นสมัยก่อน จะเป็นถ้วยกระดาษไข  เดี๋ยวนี้แทบไม่มีให้เห็นแล้ว  กลายเป็นถ้วยพลาสติคแบบ 7-11 ไปเสียหมด จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:51:41

ความคิดเห็นที่ 23 ..คุณป้าแบกระดิน ขายหลายอย่าง มุมขวา ร้านขายน้ำอ้อย  หวานเย็นชื่นใจ  แก้วละ บาทเดียว !!!!!!! จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:53:15

ความคิดเห็นที่ 24 .... ส่วนที่สอง  จักรยานให้เช่าที่ท้องสนามหลวง สมัยก่อนที่ท้องสนามหลวงยังมีตลาดนัด   ( จำไม่ได้ซะแหล๋ว ว่า เสาร์ อาทิตย์มีให้เช่าขี่ด้วยหรือเปล่า เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่กลายเป็นตลาดนัด )   ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ที่สนามหลวงจะมีร้านจักรยานให้เช่าขี่เล่นครับ    ผมไปหัดขับจักรยานสองล้อเป็นเมื่อยุคประมาณ 40 ปีก่อนก็ที่นี่แหละครับ  ที่สนามหลวงจะมีร้านให้เช่าหลายร้าน  ดูจากภาพประกอบครับ  แต่ละร้านก็จะอยู่ติด ๆ กัน  แต่มีกี่ร้านก็จำไม่ได้แล้ว   ที่ร้านเช่าจะมีจักรยานเช่าจอดอยู่อย่างที่เห็นในภาพแหละครับ  เราก็เข้าไปเลือก มีตั้งแต่คันเล็ก ๆ เพื่อให้เด็กเล็กหัดขับ   คันใหญ่หน่อยผู้ใหญ่ตัวโตขับ    เราชอบคันไหนก็เลือกเอา ค่าเช่าจำได้ว่า คิดเป็นรายชั่วโมงครับ  แต่ลืมไปแล้วอีกว่า มันชั่วโมงละเท่าไหร่  จำได้ว่าไม่กี่บาทหรอกครับ   ท่านใด ร่วมสมัย เคยใช้บริการมาแล้ว ยังจำได้ กรุณามาเล่าให้ฟังด้วยครับ... รถจักรยานที่เอามาให้เช่า ส่วนมากสภาพกลางเก่า และค่อนข้างเก่า ไม่มีใหม่เอี่ยมสักคัน  แหมก็รถเช่านิ ...  เข้าใจว่า รถแต่ละคันทาสีเป็นสัญลักษณ์เอาไว้จะได้ไม่สับสนกันในระหว่างแต่ละเจ้าของ พอเลือกรถที่ชอบได้แล้ว ก็จ่ายตังค์ แล้วก็ขับออกไปลุยกับชาวบ้านคนอื่น ๆ เค้าได้เล้ย... แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 53 10:54:20 จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:54:18

ความคิดเห็นที่ 25 ..อีกภาพของร้านให้เช่าจักรยานที่สนามหลวงในสมัยก่อนครับ .. พอเราเริ่มขับจักรยานออกจากร้านไปแล้ว  ทางร้านเค้าก็จะจับเวลาโดยประมาณของแต่ละคันให้เอง  ซึ่งคนเช่าส่วนมากเป็นเด็ก ๆ นักเรียน   ก็จะขับกันลูกเดียว ไม่สนใจเวลาครับ   มีน้อยรายมาก ๆ ที่จะขับไม่ครบชั่วโมงแล้วนำไปส่งคืนที่วินจักรยานก่อนที่จะหมดเวลา    ส่วนมากเป็นหน้าที่ของ สายตรวจตามล่าจักรยานของแต่ละเจ้า  ทำหน้าที่ขับรถจักรยานตามหาผู้เช่าเอง  มักเป็นเด็กโตโตหน่อย ที่เจ้าของร้านแต่ละวินเค้าจ้างไว้ สายตรวจพวกนี้เก่งครับ  สนามหลวงพื้นที่ไม่ใช่เล็ก ๆ  รถจักรยานก็มีแยะ เด็ก ๆ ขับกันขวักไขว่  แป๊ปเดียวเค้าก็ตามเราเจอ เพื่อมาบอกเราว่า หมดเวลาแล้ว ให้ไปส่งรถคืน  ส่วนมากร้อยละ 95ของคนเช่า  ต้องให้สายตรวจประจำร้านมาตามทั้งนั้น แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 53 09:56:01 จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:55:05

ความคิดเห็นที่ 26 .. อีกภาพหนึ่งครับ  ( หัวใครโผล่อยู่บนแท๊งค์น้ำง่ะ ??? ) สายตรวจที่มาตามรถลูกค้าที่หมดเวลาเช่า บางคนเก่งมาก ๆ ครับ เพราะผมเคยเห็นมากะตาตัวเอง  เค้าสามารถขับพารถจักรยานเปล่ากลับวินทีเดียว 4 คันครับ !!! เรื่องของเรื่องคือ เด็กบางกลุ่มหมดเวลาเช่า แล้วขี้เกียจไปคืนที่วินก็มี  ทิ้งรถกลางสนามหลวงเฉยเลยก็มี เปิดตรูดซะไม่สนใจ   ให้เป็นหน้าที่สายตรวจมาเก็บเอาเอง  ผมเคยเห็นสายตรวจ พ่วงคล้องแฮนด์รถเปล่า ๆ ข้างซ้าย 2 คัน ข้างขวาอีก 2 คัน  ตัวเองอยู่ตรงกลาง  แล้วขับกลับไปวินได้... เก่งมั่ก ๆ ทำได้ไงเนี่ย ?? สมัยก่อนจำได้ว่า สนามหลวงมีของกินแยะ  มีพ่อค้าหาบน้ำตาลสดมาขาย ปลาหมึกปิ้งก็มี  ขับ ๆ ไปเหนื่อย ก็หยุดพักซื้อน้ำตาลสดกิน..อิอิ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:57:25

ความคิดเห็นที่ 27 .. กล่าวได้ว่า เด็กกรุงเทพฯ  ยุค 30 - 40 ปีก่อนส่วนใหญ่ ผ่านการรถล้ม ได้แผลแบบซาลาเปาที่หัวเข่า หรือ ที่ข้อศอก กันมาทั่วทุกคน   ก่อนที่จะขับรถจักรยานเป็น ก็ที่ท้องสนามหลวงนี่แหละครับ บรุษไปรษณีย์ยุคก่อน ที่ยังใช้จักรยานสองล้อส่งจดหมาย ก็มาหัดขับจักรยานที่นี่.. สาวยาคูลท์ รุ่นแรก ๆ  ก็มาหัดขับจักรยานกันที่ท้องสนามหลวงนี่แล... ในที่สุด กทม. ก็มีมติให้ย้ายและยกเลิกตลาดนัดท้องสนามหลวงไปอยู่ที่ สวนจตุจักร ประมาณปี 2525 ( มั๊ง ไม่แน่ใจ แห่ะ ๆ ) ตอนแรก ๆ พวกพ่อค้าแม่ค้า ทำท่าจะไม่ยอมเหมือนกัน  ยื้ออยู่พักใหญ่ ๆ  เพราะตอนนั้นกลัวว่า ย้ายไปจตุจักรแล้วจะขายไม่ดีเหมือนที่เดิม   เพราะสวนจตุจักรสมัยก่อนยังไม่เจริญเหมือนปัจจุบัน   และต่อมาในปัจจุบัน ก็แตกสาขาเป็น สนามหลวง 2 อีกด้วย ร้านเช่าจักรยานที่สนามหลวง ก็เลยต้องเลิกไปด้วย    เหลือไว้เป็นเพียงตำนาน บทความในกระทู้นี้ ผมเขียนขึ้นเองจากความทรงจำในอดีต  อาจมีข้อผิดพลาดบ้าง ต้องขออภัย  ท่านใดเคย ร่วมสมัย เกิดทันเคยได้ไปเที่ยวตลาดนัดสนามหลวงใน อดีต หรือเคยไปเช่ารถจักรยานขับเล่นมาแล้ว  กรุณามาช่วยเล่าสู่กันฟังครับ.. ขอบคุณทุกท่าน ..  ไจ้เจี้ยน จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 09:58:57

ความคิดเห็นที่ 28 วันนี้สนามหลวงกลายเป็นคอกไปแล้วครับ แม้แต่ทางเท้า ก็ยังไม่มีให้เดินเลยครับ ถ้าจะเดินจากฝั่งคลองหลอดมาท่าพระจันทร์ ต้องอ้อมกันหูตาเหลือกเลยทีเดียว จากคุณ : กรประเสริฐ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 10:21:59

ความคิดเห็นที่ 29 ยังมีร้านขายว่าวด้วยครับ  มีร้านนึงอยูฝั่งตรงข้ามศาล มีช่างทำว่าวจุฬาปั๊กเป้าขนาดย่อส่วน ผมเคยสั่งทำซื้อไปฝากพ่อ ขนาดเล็กใส่กลักไม้ขีดไฟได้ครับ แล้วชักขึ้นได้จริงๆ  สมัยนั้นตัวนึงก็ยี่สิบกว่าบาท แพงเหมือนกันข้าวจานละสามบาทเท่านั้นเอง ภาพ 21 โต๊ะตรงกลางน่าจะขายเครื่องเปิดกระป๋อง แบบมีที่ลับมีด และตัดกระจกอยู่ด้วย เขามักเอากระป๋องนมมาเจาะรอบๆ ใช้เป็นโคมไฟโชว์ด้วยครับ จากคุณ : Mr MOT เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 10:43:32

ความคิดเห็นที่ 30 รูปที่ 7 มุมล่างซ้าย คือ ข้าวหมากหวาน  แม่สง่า อ.บ้านโป่ง ครับ ส่วนรูปที่ 12 ไม่น่าจะเป็นข้าวขาหมูนะครับ  น่าจะเป็นต้มเครื่องในหมูมากกว่า เพราะเป็นปอด ลำไส้ ชัดเจนเลยดีเดียว สำหรับผมเคยไปเดินตลาดนัดสนามหลวงอยู่เพียงครั้งเดียว  ไปหาซื้อหนังสือ อ่าน  ไม่กี่ปีหลังจากนั้นก็ถูกย้ายไป จตุจักร  พร้อมกับข้อกังขาของพ่อค้าแม่ค้า ทั้งหลายว่าจะขายของได้หรือไม่  เพราะห่างไกลชุมชนซะเหลือเกิน ขอบคุณสำหรับภาพเก่า ๆ นะครับ  ไม่เห็นมานานแล้ว จากคุณ : ~สายลมแห่งความเดียวดาย~ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 11:16:16

ความคิดเห็นที่ 31 จะรอสนามหลวงรูปโฉมใหม่ จะเวิร์คไหมหน้อ ?? น้ำแข็งใส ราดน้ำอ้อย อื้มมม ไม่เคยกินอ๊า เจอก็น้ำแดงน้ำเขียวแล้น 55 จากคุณ : radiergummi เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 12:11:32

ความคิดเห็นที่ 32 พูดถึงความเก่าแก่ของตลาดนัดสนามหลวง ต้องเริ่มก่อน พ.ศ.๒๔๙๕ แน่นอน เพราะเมื่อก่อนที่ผมจะเกณฑ์ทหาร ได้เป็นลูกจ้างใช้แรงงานอยู่ที่กรมพาหนะทหารบก สะพานแดง หน่วยไปออกร้านขายอาหารเครื่องดื่ม อยู่ที่ตลาดนัดสนามหลวง ขายไข่ไก่ราคาถูกช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน โดยการจัดเจ้าหน้าที่ไปซื้อไข่ใส่รถบรรทุกของทหารจากจังหวัดแถวตะวันออกประมาณชลบุรี เอามาขายที่ตลาดนัดสนามหลวง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผมและเพื่อน ๆ วัยหนุ่มเป็นเจ้าหน้าที่ขายทุกอาทิตย์ครับ ส่วนเรื่องรถจักรยานเช่านั้นในวัยเด็กผมอยู่แถวตรอกโรงเรียนนายร้อย แล้วย้ายมาอยู่หน้าวชิรพยาบาล เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๔ จนเกิดสงครามมหาเอเซียบูรพาหรือสงครามโลกครั้งที่ ๒ ผมมีความลำบากเรื่องค่าครองชีพมาก ต้องเร่ขายขนมหารายได้แทนแม่ซึ่งเป็นครูโรงเรียนราษฎร์ เมื่อโรงเรียนปิดเพราะสงครามก็ไม่ได้เงินเดือน จึงไม่ได้เที่ยวเตร็ดเตร่เหมือนเด็กทั้งหลาย และไม่เคยไปหัดจักรยานที่ท้องสนามหลวงเลยครับ ผมมานั่งดูว่าวพร้อมกับกินเหล้าแกล้มบาเยีย เมื่อเขาเลิกเป็นตลาดนัดแล้วครับ. จากคุณ : เจียวต้าย เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 12:39:56

ความคิดเห็นที่ 33 โค้งสนามหลวงเลยมาจากทางศาลหลักเมือง จะมีป้าอ้วนๆ ขายข้าวแช่ชุดละ 10 บาท ถึงแม้จะ 10 บาทแต่ข้าวใส่น้ำแข็งลอยดอกมะลิอบขวัญเทียนหอมมากๆ เครื่องที่รับประทานด้วยมีกะปิชุบไข่ หัวไชโป๊ผัดหวาน เนื้อเค็มผัดหวาน หมูยัดใส่พริกหยก ได้มีโอกาสเดินสนามหลวงบ่อยมากๆ  ยังคงจำภาพเดิมๆ ได้ดี หาอะไรไม่ได้ต้องรอเสาร์ อาทิตย์ มาหาที่สนามหลวง จากคุณ : ต้นมะขาม (สุริยนันทนารี) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 12:54:43

ความคิดเห็นที่ 34 .. ขอบคุณ คุณ ฮิปปี้ สิงห์มณี มากครับ สำหรับ กีบ แจกซะหนัก อิอิ  สงสัยจะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม ยุค Sound of '70.. ขอบคุณทุก ๆ ท่านด้วยครับ คุณลุงเจียวต้าย พูดถึง บาเยีย   อยากกินขึ้นมาทันที  เด็กรุ่นใหม่ๆ อาจไม่รู้จักหรือเคยกิน  อาบังสมัยก่อนทำมาขายที่สนามหลวงครับ  อ้อ เจ้าหมูสะเต๊ะก็มีนะจ๊ะ  หมัยก่อน..นู้นนน    ของกินสนามหลวงเพียบบบบ   เย็น ๆ มีครอบครัวน่ารัก ๆ หลายครอบครัว  มานั่งปูเสื่อมิตติ้ง กินลม จิบเบียร์แกล้มบาเยีย หมูสะเต๊ะ  ดูลูก ๆ วิ่งว่าวเล่น.... บาเยียเป็นขนมแขกมุสลิมชนิดหนึ่ง  ทำจากถั่วเหลืองบดเอาไปปรุงรสเค็มปะแล่มๆ เผ็ดพริกไทยนิดๆแล้วทอด กินกับน้ำจิ้มหวานๆเผ็ดๆแบบน้ำจิ้มไก่ และพริกแห้งทอด จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 13:11:40

ความคิดเห็นที่ 35 มันได้กลิ่นออกมาด้วยครับ คิดถึง น้ำเขียวโซดา และ ลอดช่องสิงคโปร์  โปสเตอร์ ยูราฮีป วงคิส และจะตื่นเต้น เมื่อเห็นกาละมังขายปูเสฉวน สมัยนั้นตัวละ บาท นั่งสาย 82 พระประแดง สนามหลวง  ตอนนั้นก็ยังเด็กตาพาไปเที่ยวครับ จากคุณ : ฮิปปี้ สิงห์มณี เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 13:45:02

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากๆครับผม - ตอนสมัยเด็กๆราวๆปี 2535-2540 ผมยังพอเห็นมีร้านขายว่าวที่ท้องสนามหลวงเยอะๆอยู่ แต่ปัจจุบันหายไปเสียมาก เหลือกันอยู่ไม่กี่เจ้าเอง - ท่านใดพอจะทราบไหมว่า ร้านค้าในจตุจักรปัจจุบัน ที่เคยค้าขายในท้องสนามหลวงมาก่อน ยังหลงเหลือบ้างไหมครับ หรือโดนให้เช่าช่วงต่อจนจำเจ้าของแผงเดิมไม่ได้หมดแล้ว หุหุ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 53 14:20:23 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 14:17:30

ความคิดเห็นที่ 37 บาเยีย  น่าทานมากครับ จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 14:22:58

ความคิดเห็นที่ 38 เคยไปตอนประมาณสัก 3 ขวบ แม่พานั่งสาย 9 จากฝั่งธนไปหาญาติ ที่ขายของเก่าอยู่ในสนามหลวง ตอนนั้นรู้สึกว่าตลาดใหญมากๆมอง ไปทางไหนก็มีแต่ร้านค้า ปีที่ไปสนามหลวงน่าจะประมาณ 2524 จากนั้นไม่นานก็สมโภชกรุง 200 ปี แล้วตลาดนัดสนามหลวงก็หาย ไปนิรันดร ^ ^ ร้านขายว่าวหายไปพร้อมเทศกาลแข่งว่าวช่วงวิกฤติการเมืองตั้งแต่ที่เขา เริ่มการประท้วง รบ.ทักษิณ ผมชอบไปดูประจำทุกปี แต่ปี 49 เป็นต้นมา ก็ไม่มีการจัดที่นี่ เขาเอาไปจัดกีฬาสีแทน ต้นปีหน้าถ้าไม่มีกีฬาสีอีกน่าจะ เริ่มกลับมาจัดใหม่ ร้านขายว่าวก็จะกลับมาเหมือนเดิม เพิ่มข้อความ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 53 14:34:13 จากคุณ : DEDETE เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 14:29:53

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณสำหรับรูปเก่าๆ  ที่หาดูยาก กล้องรุ่นเก่าคมชัดไม่แพ้รุ่นใหม่เลยนะ จากคุณ : sawkitty เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 14:34:02

ความคิดเห็นที่ 40 ใน คคห.ที่ 12 มี .สต ด้วย ขายเป็นสตางค์ด้วยอ่า อิอิ จากคุณ : Mr.Nuke เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 15:59:01

ความคิดเห็นที่ 41 ขออนุญาต เสริม นิดนึงครับ ผมรุ่นกลาง ๆ ครับ ยังพอทันตลาดนัดสนามหลวง แต่ไม่ค่อยได้ไปบ่อยนัก เพราะว่ายังเด็ก ต้องรอให้ผู้ใหญ่พาไปเท่านั้น สิ่งที่เด็ก ๆ แม้แต่ผู้ใหญ่ ชอบมาก ก็คือ เร่เข้ามา เร่เข้ามา อยากรู้อะไรถามได้  อับดุลรู้ อับดุลเห็น ชาย...รู้  หญิง...รู้ จำได้ไหมครับ ขายยาสมุนไพร นั่นเอง ผมจำรายละเอียดไม่ได้แล้วหละ เพราะเนื่องจากว่า การแสดงนั้นยืดยาด ต้องรอให้คนเข้ามามุงกันเยอะ ๆ ก่อน จึงจะเริ่มแสดง และ ขายของ ผู้ใหญ่ ซึ่งเขารู้ทันเล่ห์กล เขาก็ไม่สนใจจะมุง ผมซึ่งเป็นเด็ก อยากดู แต่ก็ต้องอดดู เพราะต้องตามผู้ใหญ่ตลอด สิ่งที่พอจำได้เกี่ยวกับตลาดนัดสนามหลวงก็คือ  แผงขายหนังสือเก่า ผมไม่เคยซื้อหนังสือเก่ามาใช้ เนื่องจาก ยังเป็นเด็กเล็ก ใช้หนังสือแบบตกทอดมาจากพี่ ๆ ในครอบครัว จากคุณ : นายบราวน์ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 16:20:27

ความคิดเห็นที่ 42 ตะก่อนตอนที่ยังไม่มีอากู๋ให้ค้นรูปภาพ จำได้ว่าเพื่อนไปซื้อรูปที่ตัดจากนิตยสาร ที่สนามหลวง มีแยกหมวดเลยว่าจะเอาอะไร รูปดอกไม้ หรือรูปอะไรต่อมิอะไร ตอนนั้นยังไปสนามหลวงเองไม่เป็น มาตอน ม.ปลายได้ไปสนามหลวงกับเพื่อน เพราะเรียนวิชาศิลปะ ต้องไปดูพิพิธภัณฑ์ แล้วเพื่อนก็พาเดินสนามหลวงด้วย ไปเดินดูหนังสือเก่าๆ จะเจอนิยายสิบสตางค์มั่ง บางทีได้หนังสือดีๆ มา เช่น นิยายวิทยาศาสตร์ หนังสือแปลจากที่นี่ราคาไม่แพง คิดว่าตอนที่ย้ายไปจตุจักรน่าจะหลัง 2525 นะ เพราะตอนที่เราไปซื้อหนังสือเก่า มันหลังจากนั้น แต่ก่อนจะย้าย ก็มีข่าวมาเป็นปี ว่าจะย้าย เพราะจะเอาสนามหลวง เป็นสถานที่ประกอบราชพิธี ก็มีการประท้วงกันใหญ่ แต่ไม่รนแรงแบบสมัยนี้ ทำนองว่าจตุจักรไกล ใครจะไปซื้อของกัน ลำบากทั้งคนซื้อ-คนขาย จากคุณ : Canossa เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 17:29:04

ความคิดเห็นที่ 43 จะบอกว่าทันแก้วกระดาษไข  -*- รุ่นที่ผมเคยเจอมันจะเป็นของโค้ก  ใบเล็กๆสีแดงครับ  ใส่ไขเยอะมากจนบางทีกินเสร็จ  ไขจะติดตามริมฝีปาก  ไม่เคยชอบเลย  แต่มันก็ค่อยๆหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน เป็นเด็กตจว.แต่ก็เคยได้เล่นว่าวที่สนามหลวงเหมือนกันนะครับ ช่วงประมาณปี 2548  ตอนนั้นเพิ่งได้งานทำที่กรุงเทพ  วันอาทิตย์เบื่อๆก็เลยลองนั่งรถเมล์จากแถวพัฒนาการไปสนามหลวง(นานมากกกกกกกกกก  รถติดสุดๆ) เล่นไม่ค่อยเป็น  คอยแต่จะเอาสายไปเกี่ยวเขา  แต่พี่ๆที่โน่นเค้าก็ใจดีช่วยหลบให้ครับ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เห็นบรรยากาศที่สนามหลวงนี้อีกเลย.... จากคุณ : ไม่งงครับ ไม่งง เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 19:58:56

ความคิดเห็นที่ 44 # 35 คุณ ฮิปปี้ สิงห์มณี  .. จริงด้วยครับ ผมลืมเจ้าปูเสฉวนไปได้ยังไงเนี่ย ? จำได้ว่าเคยซื้อเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านอยู่เหมือนกัน   แต่ไม่กี่วัน  ซี้ม่องเซค.. ตายเรียบอ่ะ   สงสัยผมจะเลี้ยงไม่เป็น.. # 36 คุณ อุ้ย (digimontamer)  เท่าที่ผมทราบ พ่อค้าแม่ค้ารุ่นแรก ๆ ของตลาดนัดสวนจตุจักร  ก็คือที่ย้ายมาจากสนามหลวงแหละครับ  แต่ปัจจุบันไม่รู้เลิก หรือ เปลี่ยนมืออะไรยังไงไปแล้ว  ผมก็ไม่ได้ไปจตุจักรนานมากแล้ว.. # 37 คุณ jin leng  งั้นลองทำบาเยียดูดีไหมครั บ  ทำแล้วบอกด้วยนะ ยินดีอย่างยิ่ง อิอิ  อยากลองฝีมือ # 38 คุณ DEDETE  ระยะหลัง ดูเหมือน ร้านว่าวจะหายไปเกือบหมดแล้วมังครับ อยากให้กลับมาอีก  ร้านขายว่าวถือเป็นสีสันอย่างหนึ่งของสนามหลวงเชียวครับ # 39 คุณ sawkitty  กล้องรุ่นเก่า ๆ ถ่ายได้คมชัดกว่า รุ่นดิจิตอลใหม่ ๆ ปัจจุบันบางรุ่นอีกครับ  เพราะเค้าใช้ ฟิลม์ เพียงแต่ถ่ายแล้ว ต้องเสียเวลา ล้าง อัด ขยาย  แต่ คุณภาพเลยออกมาดี.. เลนส์กล้องก็ใหญ่ เพียงแต่ระบบอาจไม่ทันสมัยเหมือนกล้องดิจิตอลในปัจจุบันที่ถ่ายปุ๊ปดูได้เลย   # 40 คุณ Mr.Nuke   สมัยก่อน เงินบาท เงินเหรียญมีค่ามากครับ  เงินบาทสมัยก่อน หรือ สิบบาทสมัยก่อน  จะมีมูลค่าเท่ากับ 100 บาทสมัยนี้  สมัยผมไปโรงเรียนครั้งแรก ได้วันละ 50 สตางค์ครับ   รถเมล์ก็ 50 สตางค์ตลอดสาย ก่อนจะขึ้นเป็น 75 สตางค์ แล้ว ก็ อัพขึ้นมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน  เงินเศษสตางค์มีค่ามากสำหรับสมัยก่อน  เด๋วนี้ ให้ขอทาน บางคนเค้ายังไม่เอาเลย... # 41 คุณ นายบราวน์  ความจำดีครับ ยังจำพวกแขกเล่นกล แอบดุล เอ๊ย อับดุลได้... เรื่องหนังสือแบบเรียนรุ่นเก่า ในสมัยก่อน เนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำราเรียนเกือบทุกปี แบบไม่จำเป็น แบบติงต๊องเหมือนในปัจจุบัน   ตำราเรียนรุ่นเก่า ๆ  ใช้ในหลักสูตรได้นานหลาย  ๆปีเลย   พี่เรียนจบก็ส่งต่อให้น้อง  ส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ  หนังสือเรียนแทบไม่ต้องซื้อ ซื้อก็แต่สมุดเท่านั้น ที่แผงหนังสือสนามหลวง จะมีบางซุ้มขายตำราเรียนมือสองครับ เด็กต่างจังหวัด หรือ เด็กกรุงเทพฯ เองบางคน สมัย 30 กว่าปีก่อนก็ชอบมาซื้อ เพราะจะราคาถูกกว่าไปซื้อใหม่    หนังสือเรียนพวกนี้ ผ่านมือกันมาไม่รู้กี่รุ่น กี่คน  บางทีก็เซ็นชื่อไว้เลอะเทอะไม่รู้กี่เจ้าของ  กว่าจะตกมาถึงมือคนซื้อรุ่นต่อ ๆมา  บางคนกลับชอบครับ  เพราะตำราบางเล่ม เจ้าของเดิมเค้าทำคำตอบเฉลยแบบฝึกหัดในหนังสือเล่มนั้นไว้ด้วย   คนต่อไปมาซื้อสบายเลย  ลอกคำตอบต่อไม่ต้องคิดเอง  อิอิ... # 42 คุณ Canossa  ครับ ตลาดนัดสนามหลวงย้ายไปประมาณปี 2525 ครับ  แต่แผงหนังสือที่พระแม่ธรณีบีบมวยผม ไม่ได้ย้ายตามไปด้วยทันทีครับ  ยื้ออยู่ต่อไปได้อีกหลายปีพอสมควร  จนในที่สุดก็ต้องเลิกกิจการตามไป.. แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 53 20:26:31 จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 20:13:25

ความคิดเห็นที่ 45 # 43 ..คุณ ไม่งงครับ ไม่งง ... ใช่ครับ  สมัยก่อน ถ้วยไอศครีม จะเป็นกระดาษทั้งนั้นครับ  ไม้พายก็เป็นไม้จริง ๆ      เด๋วนี้ ไม่มีแล้วครับ  ถ้วย + ไม้พายเป็นพลาสติคหมดแล้ว สมัยก่อน มีแบบ ป่านคม.. ด้วยนา เผลอเข้าไปใกล้... ขาดผึง เรียบร้อย..อิอิ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 20:25:42

ความคิดเห็นที่ 46 มาดู จขกท ระลึก ความหลัง  เมื่อแก่  เอ๊ย..เก่าแก่    ช่างเป็นคนสมองจดจำอะไรๆได้เป็นเลิศ   เล่าฉอดๆ เป็นฉากๆ เลย   ทันตลาดนัดสนามหลวงเหมือนกัน  แถมต้องผ่านตอนไปเรียนหนังสือด้วย   ตอนแรกเห็นนั้นก็งงๆ  นึกว่าเป็นงานวัดเสียอีก  พอเย็นวันศุกร์ ก็แออัดยัดเยียดไปหมด  พอเช้าวันจันทร์  ก็ต้องทนกับกลิ่นเน่าหมักหมม  เลยไม่ค่อยหลงใหลได้ปลื้มกับสนามหลวงเลย    เพียงแต่นึกเสมือนว่ามันคือซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่  มีสารพันที่คุณจะเรียกหามาใช้ มาชิม หรือ มาชม     ป้จจุบันมันคือสนามหลวงจริงๆ   ที่ไม่มีตลาดนัดแล้ว   จึงเป็นเรื่องราวในอดีตที่จะมาเล่าขานให้คนรุ่นหลานได้รู้กันว่า   "ข้าฯนะแก่แล้ว  หลานเอ๋ย..."   หมายถึง จขกท  นะคร้าบ  ไม่ใช่ผม   อิอิอิ จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 21:08:13

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณท่านพี่มิตรภาพไม่รู้จบที่ตั้งกระทู้แล้วยังหลังไมค์ไปชวนให้ผมเข้ามาระลึกชาติครับ ราวๆปี 2522-23 ตอนผมอยู่ป.2 เกือบทุกวันเสาร์ พ่อผมจะพาผมนั่งรถไฟจากลพบุรีมาลงหัวลำโพง แล้วต่อรถเมล์สาย 53 มาลงที่ท่าช้าง จากนั้นก็พาผมเดินจากท่าช้างผ่านม.ศิลปากร ถ้ามีนิทรรศการศิลปะพ่อจะพาผมเข้าไปดูทุกครั้ง (ผมเลยกลายเป็นคนชอบดูงานศิลปะมาจนบัดนี้เลยครับ สิ่งที่ได้ทำบ่อยๆในวัยเด็กนี่มันฝังใจจริงๆ) จากนั้นก็พาผมเดินลัดเลาะรอบสนามหลวงจากฝั่งวัดพระแก้ววนไปทางซ้าย จำได้ว่ามีร้านขายหัวโขนกระดาษ พวกหัวพระคเนศวรสีแดงๆ ร้านขายหลังตะลุง ร้านขายดนตรีไทย ร้านขายอาหาร ที่จำได้แม่นเลยก็คือร้านขายน้ำที่มีเครื่องบินอยู่หน้าร้าน เวลาขายก็ใส่น้ำหวานแล้วโยกโซดาออกมาด้วย คิดถึงจริงๆครับ รสชาติมันช่างหอมหวานชื่นใจยิ่งนัก เดี๋ยวนี้น่าจะไม่มีแล้ว รวมทั้งหาบเร่ขายไอติมแท่งยาวๆที่ห่อกระดาษ เวลาขายต้องเอาวางบนเขียงแล้วใช้มีดตัด จากนั้นจึงใช้ไม้เสียบไอติมส่งให้ลูกค้า ก็เดินดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยจนมาวนถึงหน้าวัดมหาธาตุ พ่อผมก็จะพาผมเดินผ่านต้นประดู่ที่อยู่ริมทางเดินระหว่างวัดมหาธาตุกับธรรมศาสตร์ แล้วก็พาผมเดินเข้าตลาดพระท่าพระจันทร์ต่อ พอใกล้ๆสามโมงเย็นก็จะพาผมขึ้นรถเมล์สาย 53 เหมือนเดิมกลับหัวลำโพงเพื่อขึ้นรถไฟกลับบ้านที่ลพบุรีเที่ยวสี่โมงเย็น จำได้ว่าพอคืนวันศุกร์ผมก็จะเริ่มฝันหวานแล้วว่าพรุ่งนี้พ่อจะพาผมไปดูอะไรบ้างที่สนามหลวง แต่พอเริ่มขึ้นป.3 พ่อเริ่มงานเยอะขึ้นเลยไม่ได้พาผมเข้ามาเที่ยวสนามหลวงอีกเลยครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 53 21:14:51 จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 21:10:27

ความคิดเห็นที่ 48 จำอะไรในช่วงนั้นไม่ได้เลย แต่เคยไปแน่ๆ ครับ  เพราะนั่งรถต่อเดียวก็ถึง จากคุณ : เสือดำขโมยใจ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 21:13:01

ความคิดเห็นที่ 49 .. # 46  โถท่านซินแสก้อ.. ถ้าผมมีสมองจดจำได้เป็นเลิศจริง ทำไมผมจำราคาค่าเช่ารถจักรยานก็ไม่ได้????   นั่งรถเมล์สายอะไรไปสนามหลวงก็จำไม่ได้ ??  ผมยังไม่ยอมแก่ครับ เอาแค่เกือบ ๆ ...  เอาแค่ ส.ว.ก็แล้วกัน ..# 47 ขอบคุณ คุณกุ้งบกมากครับ ที่กรุณามาช่วยผมระลึกชาติกาล อิอิ  หลาย ๆ หัวดีครับ จะได้หลาย ๆ ชาติ อิอิ..  ขอบคุณสำหรับ ร้านขายน้ำที่มีเครื่องบินอยู่หน้าร้าน... เอ มันอยู่ตรงไหนหว่า จำม่ายล่ายแร้ววว.. สมองเสื่อมอ่า.. # 48 ขอบคุณครับ คุณ เสือดำขโมยใจ   ....  ขออภัย กีบผมเริ่มหมดแล้ว ต้องไล่แจกหลายห้อง เลยเริ่มหมด ให้ไม่ทั่วถึงต้องขออภัยคร๊าบบบบ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 22:04:23

ความคิดเห็นที่ 50 โหวตให้ค่ะ เข้ามาดูความทรงจำเก่าๆค่ะ จากคุณ : หัวใจถวายวัด เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 22:53:43

ความคิดเห็นที่ 51 โหวตค่ะ รูปสวย ชอบอะ เชื่อมั้ย เราไม่เคยไปสนามหลวงและอีกหลายที่ใน กท.เลย --' จากคุณ : หมู1 เรียก หมู2 เปลี่ยน เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 01:28:05

ความคิดเห็นที่ 52 ไอ๊หยา...อั๊วจะเข้ามาลู จัก กะ ยานเช่า ของลื๊อ กลายเป็นมาชวนช๊อปปิ้งไป "สถานสอนการขับขี่สองล้อแห่งชาติ" มีผู้ให้บริการเช่าจักรยานไว้สำหรับเด็กๆ ที่ไม่มีเงินซื้อจักรยานมาหัดขี่  ไว้สำหรับผู้ใหญ่ที่มาหัดขี่เพื่อนำไปประกอบการทำงาน ผุ้ให้เช่าจักรยานในยุคนั้นมีอยู่ถึง ๑๕ เจ้าด้วยกัน และดำเนินกิจกรรมมานาน จนทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถขี่จักรยานกันหลายต่อหลายรุ่น จักรยานที่นำมาให้เช่านั้นมีทั้งจักรยานฟิลิปส์ ราเลห์ ฯลฯ เรียกว่าเป็นจักรยานที่มียี่ห้อ มีราคา ค่าเช่าชั่วโมงละ บาท จนถึง หลายบาท แล้วแต่ช่วงเวลา จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 07:09:06

ความคิดเห็นที่ 53 ทางราชการมีมติให้เลิกการให้เช่าขี่จักรยานในท้องสนามหลวง ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๖   ขอรับรองว่าไม่มีการต่ออายุเด็ดขาด แม้ว่าเจ้าของกิจการจะหลบเดินทางไปอยู่ไหนก็ตาม ด้วยเห็นว่าเกะกะรกหูรกตา ไม่เป็นที่สวยงามในละแวกนี้สำหรับผู้ที่พบเห็น แต่ว่าในความเป็นจริงที่ลองสอบถามจากหลายๆ คนแล้ว ปรากฎว่าการให้เช่าจักรยานขี่เล่น หรือหัดขี่ที่สนามหลวง นั้นยังปรากฏมีอยู่ต่อมาจนถึง ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ก่อนที่จะต้องถูกย้ายออกไปจริงๆ พร้อมกับตลาดนัดสนามหลวง เนื่องจากจะต้องใช้พื้นที่ในการเฉลิมฉลองในวาระ กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ ๒๐๐ ปี เครดิทภาพ เสือจุ่น จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 07:11:50

ความคิดเห็นที่ 54 เป็นที่พึ่ง ที่เปลี่ยนอะไหล่ของชาวสามล้อถีบ ด้วย ปะยาง เปลี่ยนยางใน เติมลม ทำโซ่ ขัดสี แจ่มเลย จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 07:22:56

ความคิดเห็นที่ 55 อันนี้เก๋ดีครับ ที่ไหนไม่ทราบ แต่หามาฝาก จักรยานล้วนๆ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 07:24:13

ความคิดเห็นที่ 56 แบบนี้ต้องขอขี่โชว์ดีไหมนี่ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 07:28:32

ความคิดเห็นที่ 57 สมัยเด็ก ๆ ทันได้ใช้ถุงโชคดีด้วยค่ะ จำได้ว่า ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมืองจริง ๆ เวลาสอบก็จะถือถุงโชคดีไปโรงเรียน ข้างในใส่แต่ไม้บรรทัดกับเครื่องเขียนไว้สำหรับสอบ หุหุ แอบแก่นะนี่ สนามหลวงเราตอนนี้ กลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ มีทั้งผีขนุน มีทั้งคนเร่ร่อนนอนกองกันเต็มพื้น ใครนึกจะวางอะไรขายก็ได้ สภาพไม่น่าดูเลย เสียดายจริง จากคุณ : papa mama love u เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 09:28:15

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณ คุณ หนุ่มรัตนะ และ คุณ papa mama love u  ครับ โดยเฉพาะ คุณหนุ่มรัตนะ  ผมต้องยกนิ้วให้เรื่องข้อมูล เพราะหาได้เก่ง และละเอียดกว่าผมแยะ เห็นฝรั่งมาโชว์ จักรยาน เพนนี ฟาร์ธิง  ( รถรุ่นนี้เกือบ ๆ 150 ปีแล้วมั๊ง ? ).. งั้น พี่ไทย ขอส่งเข้าประกวดมั่งดิ... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:31:59

ความคิดเห็นที่ 59 ตอนเด็กๆ ไปซื้่อของที่สนามหลวงประจำค่ะ เพราะพ่อเป็นเด็กวัดชนะเก่า เลยชอบกลับไปคุยกับท่านพระครูที่วัีดชนะสงครามบ่อยๆ ก็เลยได้โอกาสไปสนามหลวงแทบจะทุกสุดสัปดาห์ ตั้งแต่ซื้อหญ้ามาปูที่สนาม ต้นไม้ต่างๆ อุปกรณ์ตัดหญ้าทำสวน ของคุณพ่อ หนังสือ เครื่องเขียน สมุดดินสอ ของคุณลูก ลูกหมา ลูกเป็ด อาหารกระต่าย กรงหมา กรงไก่ สำหรับคุณแม่ เิสื้อยืด สแตมป์ เหรียญกษาปณ์สำหรับพี่ชาย ซื้อของเล่นก็ที่นี่  หนังสือมือสองก็ที่นี่ สมุด 3 เล่ม 10 บาทก็ที่นี่ค่ะ เอาไว้ไปเรียนพิเศษ โดยเฉพาะสมุดที่มีปกสีน้ำตาล หน้าปกจะพิมพ์เป็นรูปพระราชกรณียกิจของในหลวง ปกข้างหลังถ้าไม่้เป็นสูตรคูณ ก็จะเป็นรูปเตือนภัยยาเสพติด ที่เป็นรูปวาด คนชันเข่าก้มหน้า ใต้ภาพมีคำรณรงค์ไว้ว่า "ยาเสพติด เป็นภัยต่้อชีวิต เป็นพิษต่อสังคม" จำได้ว่า เวลาแม่เลือกสมุด จะพยายามไม่เอาลายที่มีรูปนี้ค่ะ เอาแบบสูตรคูณดีกว่า เรียกว่าไปที ได้ของครบทุกคน   เวลาไปก็หาที่จอดแถวศาลหลักเมือง แล้วเดินมา ได้กินน้ำใบบัวบกครั้งแรก ก็ที่ตลาดนัดสนามหลวง ได้กินน้ำเฉาก๊วยเส้นๆ ก็ที่นี่... ชอบจังเลย ตลาดนัดสนามหลวง สนุกมาก จากคุณ : พี่เหมาโหล เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:32:09

ความคิดเห็นที่ 60 .. ขอบคุณ คุณ พี่เหมาโหล มากครับ ที่กรุณามาเล่าเรื่องสนุก ๆ เกี่ยวกับสนามหลวงให้ฟัง จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 13:13:27

ความคิดเห็นที่ 61 ที่เค้าย้ายสนามหลวงในปี 2525 เป็นเพราะจะฉลองกรุงเทพฯ 200 ปีหรือเปล่าคะ ปีนั้น เด็กๆ พี่น้องที่บ้านมีเสื้อ 200 ปีใส่ทุกคน... จากคุณ : พี่เหมาโหล เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 14:27:14

ความคิดเห็นที่ 62 จนป่านนี้ ผมยังไม่ทราบเหตุแน่ชัดเลยครับ ว่าทำไมให้ย้าย  น่าจะมีหลายสาเหตุ  เรื่องจัดงาน 200 ปีนั่นก็น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่ง   ผมเดาว่า คงเป็นเพราะสนามหลวงระยะหลัง มักจะใช้เป็นที่จัดพระราชพิธีสำคัญ ๆ  และอีกอย่างก็อยู่ติดกับพระบรมมหาราชวังด้วย   หรือ ทางการเห็นว่า เลอะเทอะ เห็นควรให้ย้าย... ไม่ทราบแน่ชัดครับ สนามหลวงโบราณสถานสำคัญของชาติ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 94 ตอนที่ 126 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2520 มีเนื้อที่ 74 ไร่ 63 ตารางวา จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 16:21:18

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณค่ะที่ตามมาดู ไม่เคยผิดหวังเลย เกิดทันตลาดนัดสนามหลวงค่ะ ตอนเด็ก ๆ จะเปิดเทอมทีรับรายชื่อหนังสือแล้วคุณพ่อก็ขับรถตระเวนซื้อหนังสือเรียน แถว ๆ สนามหลวง นางเลิ้ง ผ่านฟ้า เรามีหน้าที่นอนเฝ้ารถไม่ให้โดนใบสั่งกะพี่สาว 2 คน แล้วก็จะมีรางวัลเป็น ไอติมตัด แบบเป็นแท่งยาว ๆ ตัดแล้วเอาไม้เสียบถือกินอ่ะ ค่ะ หรูหน่อยก็ไอติมป๊อบ (ตราเป็ด) บ่าย ๆ ก็เอารถจักรยานใส่ท้ายรถ มาขี่ที่ สนามหลวง (บ้านคุณปู่อยู่บางลำภูเด็ก ๆ มาบ่อยค่ะ) คุณแม่ทำของกินมาปูเสื่อ ปิคนิควันอาทิตย์ พี่ชายก็ทำว่าวมาเล่นกัน จำได้สมัยก่อนใช้กาวหนังควายผสม อะไรไม่รู้เคี่ยวกันเหม็นทั่วบ้านใช้ทำป่านว่าวมาตัดกัน ส่วนมาเราทำปักเป้า เคย ตัดได้ว่าวจุฬาตัวโต ดีใจกันทั้งบ้าน  สนุกมากค่ะจำได้ .........ขอบคุณจริง ๆ ค่ะสำหรับกระทู้เช่นนี้ ช่วยนำความทรงจำในวัยเยาว์อัน แสนสุข ที่ซุกซ่อนอยู่ในก้นลิ้นชักออกมาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะลืมเลือนไป.......... จากคุณ : กบจูเนียร์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 17:19:55

ความคิดเห็นที่ 64 สุดยอดครับ กระทู้ทรงคุณค่า จากคุณ : จ้องจนปวด เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 17:40:21

ความคิดเห็นที่ 65 .. มีแต่คนบ่นอยากกินไอติม  คุณกุ้งบก เอย คุณกบจูเนียร์เอย... .. แจกให้ทุก ๆ ท่านเลย มารับไปคนละแท่ง... ที่คุณกบจูเนียร์เล่ามา...ปิคนิควันอาทิตย์ พี่ชายก็ทำว่าวมาเล่นกัน จำได้สมัยก่อนใช้กาวหนังควายผสม อะไรไม่รู้เคี่ยวกันเหม็นทั่วบ้านใช้ทำป่านว่าวมาตัดกัน ผมเคยเห็นเค้าเอาหลอดนีออนทุบละเอียด ๆ ผสมลงไปด้วยอ่ะ  ตอนทำด้ายป่านคม  วิธีนี้ ปาดกับใคร ก็ชนะครับ ... เจอป่านคมผสมเศษแก้ว  ว่าวใครโฉบเข้ามา เสร็จผึงทุกราย... แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 53 20:22:13 จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 19:53:10

ความคิดเห็นที่ 66 ผมขี่จักรยานเป็นก็ที่สนามหลวง ดูภาพแล้วมีความสุขชมัดเลย จากคุณ : โซรอส เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 19:54:27

ความคิดเห็นที่ 67 จักรยานแต่ก่อนก็ต้องเช่าขี่เพราะที่บ้านไม่มี  แต่เช่าหลังวัดแถวบ้าน แอบคนที่บ้านไปด้วย ถ้าป๊ากับม้ารู้โดนตียับแน่ เรื่องถุงโชคดี สมัยนั้นก็ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแหละครับ เมื่อไม่นานมานี้(ยี่สิบกว่าปีก่อน) หลังสอบวันสุดท้ายเสร็จผมชอบไปดูตะกร้อ ว่าว กระบี่กระบองที่สนามหลวงบ่อยๆ  มักจะเจอผู้หญิงใส่เสื้อเชิร์ตตาหมากรุก นุ่งผ้าถุง ถือถุงโชคดี  ชวนไปเที่ยว  แต่ก็ปฏิเสธทุกครั้ง เพราะนอกจากจะไม่มีเงินแล้ว ยังกลัวรอยยุงกัดตามเนื้อตัวของคุณเธอ   ไม่น่าเชื่อ ผ่านไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน หาผู้หญิงแต่งตัวอย่างที่ว่าไม่เจอเลย บนท้องสนามหลวง  แต่ยังพอมีประปรายแถวคลองหลอด และวงเวียนยี่สิบสอง แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 15:06:49 จากคุณ : เสือดำขโมยใจ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 19:54:45

ความคิดเห็นที่ 68 # 62 เข้าที่อ่านจากนสพ.ไทยรัฐยุคนั้น ค่อนข้างจำได้ว่า เหตุผลจริงๆที่กทม.ต้องการให้ตลาดนัดย้ายออกไป ไปอยู่ที่จตุจักรก็คือ ตลาดนัดทำลายทัศนียภาพอันสวยงามของวัดพระแก้วเพราะตลาดนัดได้ ฝากของที่ระลึกไว้ให้เชยชมกันถ้วนหน้า นั่นก็คือ ขยะนั่นเอง ขยะเกลื่อนเต็มท้องสนามหลวง สร้างความขยะแขยงให้แก่นักท่องเที่ยว ตอนนั้นไทยติดอันดับต้นๆของโลกในเรื่องความสกปรก ทำลายภาพพจน์ ดีๆของประเทศเช่นวัดพระแก้วเสียหายมาก ผมเคยไปตลาดนัดสนามหลวงมาแล้วหลายครั้ง ตอนนั้นยังเด็กๆอยากไปสนามหลวง เลยฉายเดี่ยวไปคนเดียว ถือว่าไปไกลมากที่สุดแล้วจากถนนสาธุฯไปสนามหลวงสำหรับผม ที่ไปมากที่สุดก็คือโซนหนังสือ ชอบดูหนังสือ มีหนังสือให้เลือกซื้ออย่าง มากมายมหาศาล น่าเสียดายฐานะยากจน เลยเลือกซื้อเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ตอนนี้หนังสือก็ยังอยู่และกลายเป็นของมีค่าไปโดยปริยายเพราะหายาก ที่ซื้อมาส่วนใหญ่เป็นพวกหนังสือการ์ตูนเพราะตอนนั้นยังเด็กน่ะ 555 มีครบเลยคือ หนูจ๋า, ชัยพฤษ์, ขายหัวเราะ (เล่มใหญ๋), ฯลฯ จากคุณ : ปรานทยา เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 21:21:17

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณค่ะ สำหรับรูปเก่าและเรื่องที่มีคุณค่า จากคุณ : pounggati เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 22:13:31

ความคิดเห็นที่ 70 ..ขอบคุณ คุณ โซรอส  และ คุณเสือดำขโมยใจมากครับ   โดยเฉพาะคุณเสือดำ  ดีแล้วละที่คุณปฏิเสธไป  พวกคุณเธอพวกนั้น... สุดๆอ่ะ  อิอิ  อย่างที่บอกพวกผีขนุน ผีมะขาม ริมคลองหลอดวันนี้ก็ยังพอมีนะ  นาน ๆ ตำรวจเค้าก็ไปกวาดซะที   แถววงเวียน 22 หน้าโรงแรมไทเป.. นั่ง ยืน กันสลอน.. ไม่รู้เจ้าหล่อนเค้ามาคอยใคร อิอิ ...  คุณ ปรานทยา  เก็บไว้ให้ดีดีนะ พวก เบบี้ หนูจ๋า รุ่น 30 - 40 ปีก่อนน่ะ  ทุกวันนี้เค้าขายกัน 200 กว่าสำหรับสภาพดีดีบางเล่ม   ไม่นานนี้ก็ไปเห็นที่งานหนังสือที่ศูนย์สิริกิต  ร้านหนังสือเก่า การ์ตูน หนูจ๋า ราคา 3 บาท ที่ผมเคยซื้อเมื่อปี 2514  ที่บ้านผมก็มีหลง ๆ อยู่ 2 - 3 เล่ม  การ์ตูนพวกนี้หายหมดตอนย้ายบ้าน...  ที่ร้านเค้าขาย 250 ขาดตัว   ยังมีคนซื้อ    ส่วนชัยพฤกษ์การ์ตูนผมจำได้ว่าซื้อตั้งแต่เล่ม ปฐมฤกษ์เลย  พวกขายหัวเราะ มหาสนุก ผมซื้อตั้งแต่ออกฉบับแรกสุด ตอนนั้นเล่มใหญ่ ๆ  5บาท มีรูปมาฝากคุณ ปรานทยา  ครับ   สมัยก่อนนิยมเอารูปดารามาขึ้นปก  หนูจ๋าฉบับนี้ เป็นรูปคุณ อาภัสรา  มิสยูนิเวอรส์เชียวนา... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 22:14:13

ความคิดเห็นที่ 71 ตามเข้ามาชมภาพเก่าๆ ก็เลยต้องขอลงชื่อว่า เข้ามาดูแล้ว อีกสักคนครับ ต้องขอประทานโทษจริงๆ ที่ไม่มีความเห็น ผมคงจะเกิดไม่ทัน เลยไม่ค่อยมีความทรงจำกับตลาดนัดสนามหลวงสักเท่าใดนัก จำได้เลาๆ ว่า ตอนเด็กเคยไปที่ธรรมศาสตร์กับคุณพ่อ แล้วท่านก็เดินเข้าไปซื้อหนังสือที่สนามหลวง ผมได้หนังสือชุดนิยายพงศาวดารจีนเรื่องแรกก็จากที่นี่ นี่แหละครับ (เมื่อก่อนเป็นการ์ตูนเล่มละบาท แต่จำไม่ได้ว่าคุณพ่อซื้อจากที่ใหนมาให้) อิอิอิ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 53 22:35:33 จากคุณ : Diwali เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 22:34:49

ความคิดเห็นที่ 72 #70 เคยโพสรูปหนังสือเก่าๆไว้ในเว็บกาโม่แมนแต่ ตอนนี้เข้าไม่ได้แล้วต้องสมัครสมาชิกใหม่เพราะทางเว็บเปลี่ยนโฉมใหม่ ยังไม่ได้สมัครเว็บกาโม่แมนใหม่เลย จากคุณ : ปรานทยา เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 22:36:45

ความคิดเห็นที่ 73 โอ๊ะ..พูดถึงไอติมป๊อป จากความเห็นข้างบน  อยากกินอีกอ่ะค่ะ สมัยก่อน ต้องนั่งรถไปรับพี่สาวพี่ชายที่ รร.ดวงถวิล (ราชประสงค์) จะมีรถไอติมป๊อปอยู่ด้านหน้าโรงเรียน อันที่เป็นแป้งเหนียวๆ แล้วมีไอติมข้างในอร่อยมากมาย ส่วนไอติมตัด ที่สนามหลวงมี แต่พ่อกะแม่ไม่ซื้อให้กินค่ะ  เพราะกลัวลูกท้องเสีย แต่ถ้าเข็นมาขายหน้าบ้าน แม่ให้เหมารสทุเรียนมาแช่ช่องฟรีซซะงั้น ต่างกันตรงไหนน้อ.... จากคุณ : พี่เหมาโหล เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 22:39:54

ความคิดเห็นที่ 74 ..คุณ Diwali สบายดีนะครับ ไม่ได้เจอนานเลย พวก หนังสือบู๊ลิ้มรุ่นเก่า ๆ รุ่นเล่มละ บาทสองบาท  สมัยก่อน ผมเห็นที่ซุ้มหนังสือที่สนามหลวง  มี นักล่าไปตามหาทุกเสาร อาทิตย์เลยครับ เสียดายผมไม่ค่อยได้อ่านพวกกำลังภายในเลย ชอบแต่ดูจากทีวี เลยไม่ค่อยสนใจ ...โธ่ ถัง โธ่ ปี๊บ ..คุณ พี่เหมาโหลขอรัก จะไปหากินได้ที่หนายยย อ่ะ ไอติม ป๊อปอ่ะ  คงเหลือเก็บเอาไว้ได้แต่เพียงความทรงจำ   ผมคิดถึง ไอศกรีม หางเสืออ่ะ  จำได้ว่าเคยกิน แบบต้องเอาไม้ยาว ๆ คล้าย ๆ ตะเกียบ ดันก้นถ้วยให้ตัวไอติมมันยื่นออกมาจากปากถ้วยทีละนิด ๆ   คิดถึ๊ง คิดถึงไอติมตัวนี้ งั้นมาชม โฆษณา ไอศครีม ตราเป็ดครับ บางท่านอาจไม่เคยเห็น อยู่ท้าย ๆ เรื่องประมาณนาทีที่ 8.53 ครับ  เครดิต มอมให้คุณ หนามเตยแมน แห่ง ห้องเฉลิมไทย แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 53 23:18:32 แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 53 23:15:53 จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 23:13:12

ความคิดเห็นที่ 75 สวัสดีครับคุณมิตรภาพไม่รู้จบ ... ผมชอบเดินเลือกซื้อต้นไม้ที่ตลาดต้นไม้ริมคลองหลอดครับ ชอบซื้อกิ่งตอนต้นกุหลาบไปปลูกครับ ถีบรถจักรยานเป็นก็ที่นี่ และที่บางแสนอีกเห่งครับ ... ดาเรน ... ลืมขอบคุณภาพต่างๆ ที่นำมาให้ชมครับ ... แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 06:37:13 จากคุณ : ดาเรน เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 06:34:49

ความคิดเห็นที่ 76 ..ขอบคุณ คุณ ดาเรน  ครับ  ตอนนั้นไม่สนใจเรื่องปลูกต้นไม้ครับ ผู้ใหญ่ที่บ้านก็ไม่ว่าง เอาแต่ทำมาหากิน ผมเลยไม่ค่อยสนใจเรื่องต้นไม้ที่คลองหลอดเท่าไหร่     อย่างที่คุณว่า  ที่บางแสนก็มีจักรยานให้เช่าถีบริมหาด  ผมก็เคยไปเช่ามาเหมือนกัน   ที่บางแสนนี่ จักรยานเค้าแจ๋วครับ  พวกรุ่นถีบทีเดียว 3 4 คนนี้เด็ก ๆ ชอบขี่กับผู้ใหญ๋นะ  แบบ ผู้ใหญ่นั่งหน้าสุด ลูก ๆ ซ้อนท้าย... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 11:19:47

ความคิดเห็นที่ 77 ทำด้ายป่านคมใช้หลอดไฟหรือเศษแก้วเอาไปพาดรางรถไฟให้รถไฟทับหรือบางคนก็ตำเอา แล้วใช้กาวที่ว่ารูดกับเชือกว่าว นิ้วเนิ้วโดนบาดกันไป เวลาจะปาดใครต้องทาบบน นั่นคือต้องให้เชือกว่าวเราอยู่เหนือคู่ต่อสู้ เสร็จแล้ว ผ่อนหรือปล่อยเชือกให้ว่าวเราลอยไป เชือกป่านคมของเราก็จะเฉือนว่าวคู่ต่อสู้ให้ขาดลอยเลยล่ะครับ จากคุณ : เจียะป้าอู่สื่อ (tongboy) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 13:11:43

ความคิดเห็นที่ 78 ..ไอย๊า  ซือเฮียเจียะป้า-ปั๊งคิ้ม  ผู้เชี่ยวชาญการชัก...... ว่าว.... แห่ะ ๆ ให้เกียกมาสาธิกล่วยตัวเอง  กำเสี่ยนะอาเฮีย  ซาหมัยนงเกี้ยท่าทางอาเฮียจะปาดว่าวชาวบ้านเก่งสีหมี ????? จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 13:27:05

ความคิดเห็นที่ 79 แวะมาดูอีกรอบ พร้อมแจกกิ๊ฟค่ะ เห็นไอติมตัดแล้วคิดถึงตอนเด็กๆ ที่ยังไม่มีไอศครีมเป็นก้อน(แอบเผลอเฉลยอายุซะงั้นเลย) แค่ไอติมตัดก็หรูแล้วสำหรับเด็กบ้านนอก  ตอนนี้ก็ยังไม่ขายนะคะ แต่น้อยมาก ที่ตัวเมืองตรังสาวเห็นสัก ๑ เจ้า ที่เข็นขาย ตอนนี้ขายแท่งละ ๒ บาทแล้วละคะ ราคาถูกเหมือนเดิม จากคุณ : sawkitty เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 17:49:21

ความคิดเห็นที่ 80 ..คุณสาว ที่ตรังขาย 2 บาทเองเหรอถูกดี  กรุงเทพฯ หากินยากมากแล้ว ไม่ค่อยเห็นมีคนทำขาย  สงสัย ไอติม วอลล์ 7-11 เอาไปกินหมด.. .. คุยไปคุยมา ไหงกลายเป็นกระทู้ไอติมไปซะแล้ว อิอิ  ไม่เป็นไร กระทู้ผมจับฉ่ายอยู่แล้ว คุยอะไรก็ได้ ขอให้เป็นเรื่อง เก่า ๆ เล่าเหลา ละกัน  ก๊าก  วัยโจ๋ขออภัยนะครับ เพราะผม วัยแรกแย้ม ( ฝาโลง) ถ้าพูดถึงไอติมโบราณ ต้องนี่เลย เจ้าหวานเย็น  .. เคยซื้อกินแท่งละสลึงเดียวเองมั๊ง...  สมัยก่อน เด็กนักเรียนบางคนหาลำไพ่ หลังเลิกเรียนนะ  เคยเห็นเด็กใส่ชุดนักเรียนเดินเร่ขายด้วย จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 20:40:37

ความคิดเห็นที่ 81 เคยกินเหมือนกัน ไอติม แบบนี้ ชอบมาก ๆ มีไม้แดงด้วย  เวลากินชอบลุ้นไม้แดงกินฟรี  แท่งละ .50 สตางค์ จากคุณ : ชมพรกร เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 22:07:37

ความคิดเห็นที่ 82 ..กลายเป็นกระทู้ไอติมไปจริง ๆ  ก๊ากกก ไม่เป็นไร ได้ระลึกถึงความหลัง อย่างคุณ ชมพรกร ว่ามา เรื่องไม้แดง.. ทำไมผมไม่เคยเจอเลยอ่ะ  แปลก  แต่ไอติมตราเป็ด จำไม่ได้แล้ว แต่มีคนเคยเล่าว่า  จะพิมพ์คำว่า ฟรี ไว้ที่ไม้ ส่วน หวานเย็น แบบแท่ง ยังมีเห็นอยู่ที่งานภูเขาทอง มีขายทุกปี ไอติมรุ่นในภาพนี้ ผมก็ชอบนะ เป็นไอติมคู่  ออกตังค์ซื้อคนละครึ่งกับเพื่อน แล้วแบ่งสมบัติกันไปคนละข้าง ไม่ต้องทะเลาะกัน อิอิ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 22:40:06

ความคิดเห็นที่ 83 อ่านแล้วมีความสุขจัง  อิอิ สนามหลวงที่อยู่ในความทรงจำของผม  น่าจะเป็นเสียงเอะอะของใบ้ควงกระบองครับ ลงรถเมล์มา  เห็นคนมุงเป็นวง  เสียงเอะอะๆ เอิ๊กๆ อ๊ากๆ แล้วก็แผงหนังสือหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม  มีเสียงคอยถาม "โป๊มั้ยน้องๆ" จากคุณ : FolkWay เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 23:18:17

ความคิดเห็นที่ 84 อืมม์ อ่านกระทู้แล้วรำลึกความหลังได้มากเลยค่ะ ทันตลาดนัดสนามหลวง แต่ตอนนั้นไม่ค่อยปลื้ม แม่พาไปตลาด คนแน่นมาก เดินกันเหนื่อย ตอนนั้นยังเด็ก ขี้เกียจเดิน โตมาอีกนิด...จะไปหมกตัวอยู่ที่ซุ้มหนังสือพระแม่ธรณีบีบมวยผม หนอนหนังสือกระดื๊บ กระดื๊บ อยู่แถวนั้นมากมาย จากคุณ : Singing Blue Jay เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 08:18:52

ความคิดเห็นที่ 85 ว่างๆก็ไปเดินเล่นสนามหลวงเหมือนกันค่ะ ชอบถ่ายภาพชีวิตที่นั่น จากคุณ : Sonia Project เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 08:20:55

ความคิดเห็นที่ 86 .. คุณ ..FolkWay  ทีหลังใครมาถามผมอีกนะว่า โป๊ไม๊ ๆ.. ผมก็จะตอบไปว่า " ไม่โป๊ครับพี่ ผมแต่งตัวเรียบร้อย " วรรณกรรมโรเนียว หรือ พิมพ์ดีด หนังสือปกขาว .. อันลือลั่น สมัยก่อนชาวบ้านหนุ่ม ๆ เค้าก็ไปหาซื้อที่แผงหนังสือริมคลองหลอดนั่นแล.. แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 12:31:01 จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 12:29:11

ความคิดเห็นที่ 87 ...จำได้ลางๆ บ้านอยู่นครปฐม เคยไปกับพี่ชาย แล้วจะมีอีกแหล่งก็แถวๆ วงเวียนเล็กมั้ง??? ชอบไปซื้อพวกปลาทองกัน ...ชอบเรื่องเล่าเก่าๆ มากๆ ครับ มีคุณค่าจริงๆ ... ขอบคุณครับ... จากคุณ : เจ็บเพื่อเข้าใจ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 15:03:01

ความคิดเห็นที่ 88 นึกถึงพลนิกรกิมหงานเลยครับ จากคุณ : salt_kit เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 16:12:21

ความคิดเห็นที่ 89 จากความคิดเห็นที่ 80 จำได้ว่าอยู่อยุธยา มีไอติมใส่กระติกแบบนี้มาขายที่โรงเรียนตอนกลางวัน ขายแท่งละ สลึง เกี๋ยวเตี๋ยวชามละบาท (ใช้แบงค์บาทซื้อด้วยนะคะ เท่มากเลยตอนนั้น แหะๆ) ส้มตำกระทงเล็กๆราคา สองสลึง ขายในโรงเรียน กระทงใหญ่กว่าที่เขาใส่น้ำจิ้มปลาหมึกแห้งย่าง+บด พอสมควรค่ะ สนามหลวงจำได้ว่าเคยไปซื้อผัก ไข่(หิ้วเป็นแผงเลย) และอีกหลายอย่างจิปาถะ กับแม่ ขากลับขึ้นสาย 64 กลับบ้านที่เมืองนนท์ เหนื่อยมากๆ หน้าร้อนมีว่าวมาแข่ง มาเล่นกันตรึม เต็มท้องฟ้า ปูเสื่อนั่งจกข้าวเหนียว กินส้มตำไก่ย่าง เดินเล่นแถวหลังกระทรวง ซื้อของทหารๆพวกกระเป๋าเสื้อยืด สนุกมากค่ะ พอขึ้นม.ต้น ยังไปซื้อหนังสือเรียนมือสอง แถวแผงเก่า ทั้งที่ก่อนจะย้ายตลาดนัดไปอยู่หลายปี คิดถึงบรรยายกาศเก่าๆมากเลยค่ะ ขอบคุณเจ้าของทู้ ที่เดาว่า น่าจักอายุไล่ๆกัน และอีกหลายๆท่านด้วยค่ะ ที่เรียกอดีตเก่าๆมาให้ได้นึกถึงกันอีกครั้ง จากคุณ : มนต้นไม้ (Setakan) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 19:55:46

ความคิดเห็นที่ 90 ..ขอบคุณทุกท่านครับ โดยเฉพาะคุณ มนต้นไม้ (Setakan)  ที่กรุณาเล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง  ขนาดเคยกินหวานเย็นแท่งละสลึง ก๋วยเตี๋ยวชามละบาท  นี่ไม่ธรรมดานะเนี่ย อิอิ โชว์แบงค์ใบละบาทที่ คุณ มนต้นไม้ (Setakan) ว่ามาเสียหน่อย ผมก็ใช้ทัน ..( .. เออ ๆ  ชาวบ้านเค้ารู้แล้วว่าเอ็งแกร่... )  แล้วก็มีแบงค์ห้าบาทด้วย   สมัยก่อน เด็ก ๆ มีแบงค์ห้าบาทพกนี่  เท่ห์สุด ๆ แล้ว  .. มูลค่ามหาศาล แบงค์บาทเป็นสีขาว  สมัยก่อนไทยยังต้องจ้าง บ.โทมัส เดอลารูล์ พิมพ์อยู่ จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:35:40

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณที่ทำให้ผมมีความสุขนะครับ เห็นความสงบเรียบร้อยและความสุขของคนไทยสมัยนั้นแล้ว หวลคิดถึงปัจจุบันไม่ได้ สมัยนั้น น่าอยู่เหลือเกิน เมืองไทย..... จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 10:32:24

ความคิดเห็นที่ 92 .. อย่างที่คุณ natthaset ว่ามา  เมืองไทยสมัยนั้นน่าอยู่  ข้าวไม่ยาก หมากไม่แพง  รถไม่ติดมากเหมือนปัจจุบัน จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 12:09:55

ความคิดเห็นที่ 93 ,มีเสื่อให้เช่าปูนั่งดูว่าว  หาบเมี่ยงคำ กระเพาะปลาใส่ถังทองเหลือง น้ำตาลสด ใส่ถัง ข้าวเกรียบว่าวหาบเตาถ่านมาปิ้งขาย  ตรงกลางสนาม  หน้าว่าวก็มีว่าวให้ดู  ไม่ใช่หน้าว่าวก็พากันมานั่งเล่นลมเย็นๆ  ยังคิดถึงอยู่ค่ะ. จากคุณ : ช่างกล้า. (ช่างกล้า) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 21:32:46

ความคิดเห็นที่ 94 ... จัดให้ คุณช่างกล้า จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 22:34:54

ความคิดเห็นที่ 95 ขออนุญาต ร่วมระลึกชาติด้วยคนนะคะ ตอนเด็กอยู่ ตจว. ได้ยินคำว่าสนามหลวงจนติดหู จากพ่อและญาติผู้ใหญ่ที่กลับจากกรุงเทพฯ นี่ก็ซื้อจากสนามหลวง  นั่นก็ซื้อจากสนามหลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือต่างๆ และ magazine ต่างประเทศ และแล้ววันหนึ่ง เราก็ได้มาอยู่แสนใกล้กับสนามหลวง อย่างเกินฝัน เพราะได้มาเรียนทีศิลปากร ตอนอยู่ปีหนึ่ง  มีเรียนวันเสาร์ด้วย พอเรียนเสร็จ เที่ยงพอดี เราแอนด์ เดอะ แก็ง ก็ตรงดิ่งไปสนามหลวงกัน กินก๋วยเตี๋ยวแคะ  ซึ่งเราเรียกว่า ก๋วยเตี๋ยวเต้าหู้ ซึ่งเป็นของแปลกใหม่สำหรับเรา  เพราะที่เมืองเพชรไม่มีขาย   ถ้าไม่กินก๋วยเตี๋ยวแคะ ก็ต้องเป็นข้าวแช่ละ กินเสร็จก็โต๋เต๋เถลไถล  ดูนั่นดูนี่ เป็นที่ตื่นตาตื่นใจนัก เพราะสนามหลวงมีสินค้าจากทั่วทุกมุมของประเทศไทย(และบางทีก็จากต่างประเทศด้วย) ได้ดูของแปลกๆ  พืชผักแปลกๆ อาหารสารพัดสารพัน ถ้าอาทิตย์ไหนกลับบ้านต่างจังหวัดก็หอบของพะรุงพะรังกลับบ้านด้วยความภาคภูมิใจ พอเริ่มมีหวานใจ ซึ่งก็คบกันยั่งยืนมาจนปัจจุบันนี้ เราก็ไปเดทกันที่สนามหลวงนี่แหละ   ชวนเพื่อนไปเฮละโล กินเมี่ยงคำ เคล้าด้วยดูว่าวจุฬา ปักเป้า โก้ซะมิมี ....หาเจ้ามือมาเลี้ยงเพื่อนได้ รูป คห. 1 น่ะ มันใกล้เคียงกับกลุ่มพวกเราเลย แต่ไม่ใช่ สมัยนั้นก็แต่งตัวแบบนั้นแล  เป็นมินิสเกิร์ต รุ่นแรกๆของสังคมไทย ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ ราชาเพลงลูกทุ่ง สุรพล สมบัติเจริญ แต่งเพลง เสียวไส้  จริงๆ คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงสมัยนี้ แต่งตัวออกจากบ้านแต่ละที นุ่งสั้นสิ้นดี......นะแม่คุณเอ๋ย ผ้าผ่อนเมตรละไม่กี่สตางค์ ทำไมน้องนางจึงขี้เหนียวจังเลย ขาขาวๆก็พอไหว  แต่บางคนขาลายไม่เอาไหนเลย... สั้นแค่นี้เองละค่ะ ท่านเสียวไส้ จะแย่แล้ว ถ้าท่านมาเห็นสาวๆสมัยนี้แต่งตัว ท่านจะแต่งเพลงออกมายังไงหนอ อยากฟังจัง...อ้าวกลายมาเป็นเรื่องเพลงลูกทุ่งไปซะแล้ว ขออำภัยค่ะ ขอคารวะ สำหรับกระทู้แสนสุขนี้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 23:36:30 จากคุณ : พิชาภา เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 23:31:04

ความคิดเห็นที่ 96 รู้สึกว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วยังเคยเล่นว่าวที่สนามหลวงเลย  ตอนนั้นชอบมากเลยครับ  นั่งเสื่อกับพ่อแม่ และพี่ จากคุณ : K.O.S. เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 23:38:48

ความคิดเห็นที่ 97 เข้ามาอ่านกระทู้ นึกถึงความหลัง เมื่อยังสิบขวบ ผูกพันและเคยหัดขี่จักรยาน/เล่นว่าว แถวนี้ ขอเล่าบ้างครับ           จักรยานคันเล็กๆสำหรับวัยสิบขวบ ชม.ละ3-5บาท ครับ เช่าขี่กันวันธรรมดาไม่ใช่เสาร์อาทิตย์ (มีตลาดนัด) เขาแบ่งพื้นที่เป็นสนามฟุตบอล เทศบาล(กทม.) เรียกกันแบบนี้ครับ แบ่งเป็นรุ่น จิ๋ว เล็ก กลาง ใหญ่ ตามขนาดความสูง (จำได้แต่รุ่นเล็กไม่เกิน 150ซม.) วัดความสูงกันที่ ศาลา กทม.ครั้งเดียวเตะได้ตลอดปี ผมเคยลงแข่ง รุ่นเล็กที่นี่ ด้วย แต่ในสนามมีเศษกระเบื้องแตก ใครไม่ใส่รองเท้า ได้เลือดเลย ครับ                    ภัยสำหรับเด็กหัดขี่จักรยาน ก็คือ ก้อนหินก้อนใหญ่ๆที่พ่อค้าแม่ค้า เอามาผูกเชือกยึดเต้นท์ผ้าใบตอนมีตลาดนัด เลิกใช้ก็ไม่เก็บ ทีนี้พวกหัดขี่เป็นใหม่ๆ พอเห็นก้อนหินเมื่อไร สมองสั่งหลบทันที แต่แปลกมักต้องไปทับมันจนคว่ำ หัวเข่าถลอกเป็นประจำ                 เมื่อเหนื่อย กลางสนามมักมีหมูสะเต๊ะ เนื้อสะเต๊ะและขนมปัง อาแป๊ะหาบมาขายกลางสนามกันเลย  หาบด้านหนึ่งมีเตายาว คอยปิ้งสะเต๊ะไว้ให้ลูกค้า(เด็ก) คอยหยิบจากเตา จานใส่น้ำจิ้มใบใหญ่ วางข้างเตา อาจาดจานเล็กเด็กๆมักไม่ค่อยสน  จิ้มน้ำจิ้มตรงกลาง เข้าปากแล้วรวมไม้ไว้คิดเงินภายหลัง (ไม้ละสิบสตางค์ค่านั้น) ถูกอย่างนั้น เวลาอาแปะเผลอ หันไปหยิบหมู(เนื้อ) ที่หาบด้านหลัง (ใส่ไว้ในกล่องขนมปังสังกะสีอีกที) พวกทโมนหัวโจกมักดีดไม้สะเต๊ะไปทางอื่น ทำได้อย่างเก่งก็ไม้เดียว ถ้าอาแป๊ะจับได้แกจะบ่นว่าไม่เลิกน่ารำคาญมาก ผู้เล่าก็เคยไปดีดไม้เหมือนกันครับ แหะๆ                    กลางสนามมักมีเสื่อร้านเมี่ยงคำ ถาดละห้าบาทสำหรับเด็ก  กินเมี่ยงแล้วนอนดูว่าวกลางสนามฯลมเย็นสบายดี แต่ต้องระวัง จุฬาตอนมันติดเหนียงปักเป้า หัวจะปักลงมาแรงมาก คนที่โดนหัวแตกก็มีครับ ส่วนพ่อค้าวัยเด็กมักแบกถาด บาเยีย (ห้ามเติมคำว่าเม็ด นะ) เป็นแป้งปั้นกลมๆปนถั่ว ทอดเป็นเม็ดๆใส่กระทง พร้อมน้ำจิ้มหวานๆ กระทงละบาทสองบาท                    ขอบคุณ จขกท.ที่นำภาพในอดีต เตือนความจำสมัยเด็กซึ่งเลือนไปนานแล้ว กลับมาเติมสมองกันใหม่ นึกๆแล้วเหมือนว่าผ่านมา ไม่นานเลยครับ ขอบคุณจริงๆ.... แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 53 10:48:40 จากคุณ : นายเก่าคนก่อน เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 10:47:45

ความคิดเห็นที่ 98 ขอบคุณ คุณ k.o.s. และ คุณพิชาภา โดยเฉพาะคุณพิชาภา กรุณามาเล่าเรื่องก๋วยเตี๋ยวแคะ ก๋วยเตี๋ยวเต้าหู้  ทีสนามหลวงยังมี อาหารอีกหลายอย่างนอกเหนือจากที่กล่าวมา  เพียงแต่ผมยังนึกไม่ออก อิอิ  ขอบพระคุณ นายเก่าคนก่อนมากเลยครับ  ความทรงจำท่านยังดีมากนะครับ กรุณาเล่ารายละเอียดปลีกย่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ผมฟัง  แต่ละท่านก็มีความทรงจำแตกต่างกันกับสนามหลวง  เพียงแต่จะจดจำส่วนไหนได้  ลืมไปเสียมั่ง เพราะมันนานมากแล้ว.. แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 53 10:52:41 จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 10:48:47

ความคิดเห็นที่ 99 #12 น่าจะเป็น ตือฮวน นะครับ (ไม่ใช่ขาหมู) # 98 หน้าประตูทางเข้าวัดพระแก้วฯ มีศาลาเล็กๆปากประตู (2ข้าง) คงเป็นที่พักทหารเวรฯ ใช่ไหมครับ.. เดี๋ยวนี้ ไม่มีนะครับ จากคุณ : นายเก่าคนก่อน เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 11:28:13

ความคิดเห็นที่ 100 # 12 เป็นตือฮวน แน่ ไม่ใช่ขาหมู  ไม่รู้ผมดูเป็นคากิไปไดไง อิอิ ... เคยอ่านเจอว่า หลังจากเลิกสนามหลวงแล้ว ทางเทศบาล ต้องมาบุรณะสนามหลวงครั้งใหญ่   หมอต้นไม้ กทม.  ก็ต้องมาแงะตะปูที่ต้นมะขามออก ต้องมาซ่อม ยา  โพรงต้นมะขาม ให้สวยงามเหมือนเดิม ในภาพประมาณ รัชกาลที่ 4  เมื่อเริ่มปลูกต้นมะขามที่สนามหลวงใหม่ ๆ เห็นต้นเล็กนิดเดียวเอง   ต้นมะขามสนามหลวงผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนปัจจุบันก็ร้อยกว่าปีแล้วนะเนี่ย... จากคุณ : มิตรภาพไม่รู้จบ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 11:38:36