PANTIP.COM : K9659812 ++ ปีนี้เป็นรุ่นสุดท้ายจริงหรือ? คนที่ต้องการเป็นครูโดยเข้าไปเป็นครูได้เลย แล้วค่อยให้สถานศึกษาส่งเรียนวุฒิครูไปด้วย++ [การศึกษา]

ความคิดเห็นที่ 6

มัีนเป็นนโยบายที่โง่มากๆ เท่าที่เป็นอยู่ในขณนี้ ครูสอนประถมมัธยมได้ค่าตอบแทนน้อยมากๆ จนกระทั่งคนเรียนเก่งแทบไม่มีใครเลือกเรียนครูเลย แต่จะชิงกันเอ็นเข้ามหาลัยคณะที่เข้ายากๆ เช่นพวกแพทย์ วิศวะ วิทยาศาตร์ คอมพิวเตอร์ บัญชี อักษร และคนไม่เก่งที่เอ็นไม่ติดก็จะแห่กันไปเรียนมหาลัยระดับรองๆที่ผลิตครูปีละตั้งมากมาย เราคาดว่าตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่คนจบครูจากมหาลัยระัดับรองๆสะสมก้ันมากมายนับแสนๆล้านๆคงเข้าไปเป็นใหญ่ในหน่วยงานด้านการศึกษา แล้วก็ออกกฎระเบียบบ้าๆอันนี้มาเพื่อกีดกันคนเรียนเก่งๆ ไม่ให้เข้าไปแย่งอาชีพครู ผลก็คือเด็กไทยได้รับการถ่ายทอดวิชาจากคนเรียนไม่เก่งกัน...ลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว มีคนสมมุติว่าชื่อ "l" เรียนครู (มหาลัยรองๆที่ผลิตครูปีละตั้งมากมาย)เพื่อไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ตอนเธออยู่ปี 3 เขียน essay ภาษาอังกฤษ 2 หน้ามาแปะให้แก้ในห้องยำภาษา แต่แทบไม่มีประโยคไหนที่เธอเขียนได้ถูก grammar เลยสักประโยคเดียว ตอนนี้เธอเรียนจบมาและเป็นครูเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะเรียนต่อปริญญาโทเพื่อเพิ่มเงินเดือน (ป่านนี้คงเรียนจบแล้วด้วย) ซึ่งจริงๆแล้วเธอควรกลับไปเรียน grammar ม.1-ม.4 ที่เธอลืมเรียนมา และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เธอเอ็นเข้ามหาลัยดีๆไม่ติด เพราะอ่อนภาษาอังกฤษถึงได้ต้องไปเรียนเพื่อที่จะไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในมหาลัยระดับรองๆ และตอนนี้ออกไปเป็นครูที่ไม่เก่ง เพื่อสอนนักเรียนให้ไม่เก่งตามเธอ มันแปลกไหมระบบการศึุกษาไทย...???!!

จริงๆแล้วผู้บริหารการศึกษาน่าจะฉลาดพอที่จะรู้วิธีเลือกครูดีๆได้โดยไม่ต้องยึดติดกับกฎบ้าๆแบบนี้ นี่เราพูดถึงครูสอนภาษาอังกฤษ (แต่มันก็ใช้กับครูสอนวิชาอื่นได้ด้วย ถ้าผู้บริหารการศึกษษฉลาดพลิกแพลงเป็น) ยกตัวอย่างเช่นเมื่อสิบกว่าปีมาแล้วเราเดินเข้าไปสมัุครงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษซึ่งมีผู้บริหารเป็นฝรั่งชาวอังกฤษ ฝรั่งไม่ได้ขอดูวุิฒิการศึกษาเรา แค่สัมภาษณ์ดูว่าเราพูดอังกฤษคล่องเป็นธรรมชาติหรือไม่ พอพูดได้ แล้วเขาก็อยากรู้ว่าเราอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้แค่ไหน เขาก็เลยเอา essay ภาษาอังกฤษของคนเรียนปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมศาสตร์จากมหาลัยดังๆของรัฐมาให้เราแก้ไขข้อผิดพลาดของคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 แล้วให้เราเขียนภาษาอังกฤษอธิบายแผนการสอนว่านักเรียนระดับนี้จะต้องสอนอย่างไร และใช้สื่อการสอนแบบไหน ผลปรากฎว่าเราได้งานทำเป็นครูสอนภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องเอาวุฒิการศึกษาไปแสดงเลย แต่เราคาดว่า คุณ "l" ที่เรียนจบครูสอนภาษาอังกฤษจากมหาลัยรองๆมาคงสัมภาษณ์งานนี้ไม่ผ่านอย่างแน่นอน

นั่นก็หมายความว่าถ้าเราสร้างระบบตรวจสอบดีๆเราสามารถอบรมคนไทยที่เคยไปทำงานล้างชามในอเมริกามาเกิน 10 ปีแต่ไม่มีปริญญาเลยสักใบให้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษในระดับประถมมัธยมได้สบายๆ (ต้องทดสอบแบบฝรั่งทดสอบเราก่อน) แล้วเอาไปฝึกอบรมวิธีสอนภาษาอังกฤษแค่ 6 เดือน ก็จะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคุณ "l" ที่จบมาด้านครูสอนภาษาอังกฤษมาแต่เขียนภาษาอังกฤษแทบไม่ถูกเลยสักประโยคที่ได้งานครูสอนภาษาอังกฤษไปทำก็เพียงเพราะว่าเธอ

"ทำถูกกติกาของการเป็นครู"

"คราวนี้มาพูดรวมๆถึงครูสอนวิชาอื่นบ้าง...นั่นก็คือ แล้วทำไปในระบบการศึุกษาของไทย แทนที่จะต้องวางกฎเกณฑ์กีดกันคนจบสาขาอื่นๆไม่ให้เป็นครู ทำไมไม่สอนผู้บริหารการศึกษาให้คิดเป็นและฉลาดหลักแหลมเหมือนฝรั่งคนอังกฤษที่รู้วิธีทดสอบเราบ้างล่ะว่ามีความรู้พอที่จะสอนภาษาอังกฤษได้หรือไม่ วิธีการแบบนี้ใช้ทดสอบครูสอนวิชาอื่นๆเช่นครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภุมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์หรือวิชาอะไรต่อมิอะไรก็ยังทดสอบความสามารถครูได้สบายหายห่วง ไม่จำเป็นจะต้องมายึดติดอยู่กะอีแค่วุฒิครูบนเศษกระดาษใบหนึ่ง ซึ่งไม่มีหลักประกันอะไรว่าจะได้ครูสมองกลวง สร้างสื่อการสอนเองก็สร้างไม่เป็น...บ้าที่สุดเลย...!!???..."

และในทำนองเดียวกันกฎโง่ๆอันนี้มันก็จะจำกัดไม่ให้คนเก่งๆหลายๆคนเข้ามาเป็นครูได้ ยกตัวอย่างเช่น Thomas Edison ตอนเด็กๆเข้าเรียนโรงเรียนแต่เรียนไม่รู้เรื่องจนแม่ต้องร้ับตัวมาสอนเองที่บ้าน และเขากลายเป็นอัฉริยะได้โดยการเรียนด้วยตัวเองไม่ต้องเรียนในโรงเรียนหรือมหาลัย นี่ถ้า Thomas Edison ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วขอมาสอนวิทยาศาสตร์โรงเรียนมัธยมไทย ก็จะไม่มีใครรับเขาเข้าสอน หรือเฉินหลงที่เรียนจบด้านการแสดงละครมา ถ้ามาสมัครเป็นครูสอนพละศึกษาในโรงเรียนม้ัธยมไทย ก็จะไม่มีใครรับเขาเข้าทำงาน...

มันโง่ไหมล่ะ ไอ้การยึุดติดกับกฎเกณฑ์อะไรตายตัวที่ไม่ยืดหยุ่นแบบนี้น่ะ สงสัยคนเรียนไม่เก่งเข้าไปเป็นใหญ่ในระบบการศึกษามากจนต้องการกีดกันคนเรียนเก่งๆไม่ให้อยากไปกัดก้อนเกลือกินเป็นครูแข่งกับพวกเขา...555+++...

ในรอบการทำงานแปลเอกสารหลายปีของเรา ซึ่งส่วนใหญ่เราจะแปลแต่เอกสารของบริษัทสำคัญๆไม่ค่อยรับแปลงานนักศึกษา แต่ก็มีหลงๆแปลรายงานการวิจัยให้นักศึกษาบ้าง และที่เจอส่วนใหญจะเป็นพวกนักศึกษาปริญญาเอกที่ต้องทนเรียนปริญญาเอกไปเพื่อเลื่อนเงินเดือนเพราะทำงานเป็นครูหรือในตำแหน่งด้านการศึกษา พบว่าภาษาไทยที่เขาเขียนมา ส่วนใหญ่ "ระบบตรรกะชำรุด" เราต้องแก้ภาษาไทยในรายงานการวิจัยให้อ่านรู้เรื่องเป็นภาษาคน ก่อนที่จะแปลเป็นอังกฤษได้...มิน่าล่ะคนพวกนี้ถึงเอ็นเข้ามหาลัยไปเรียนสาขาวิชาอื่นๆที่ผู้คนแก่งแย่งกันเรียนไม่ค่อยจะได้ เลยต้องจับพลัดจับพลูมาเป็นครู แล้วก็ฝืนใจเรียนปริญญาเอกในสาขาที่ตัวเองก็ไม่ชอบ กะอีแค่หวังเอาวุฒิไปเลื่อนตำแหน่งและปรับอัตราเงินเดือน

มันอะไรกันนักกันหนา ระบบบ้าๆแบบนี้ก็มีด้วยในประเทศไทย...เฮ้อ...!!!...ถ้าไม่รีบแก้ไขโดยหาคนสมองทันสมัยคิดอะไรก้าวไกลมาวางแผนระบบการศึกษาบ้านเรา อีกหน่อยประเทศไทยก็จะล้าหลังกว่าประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างแน่นอน
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 53 12:18:21

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 05:36:08