ความคิดเห็นที่ 1 มาแนะให้ไม่ตรวจแก้ให้นะครับ อย่างที่บอกไปคราวที่แล้ว saleable ไม่น่าใช้เพราะไม่ได้หมายถึงหนังสือที่ขายได้ แต่มีความหมายเป็นหนังสือที่แต่งแล้วขายได้ (ต่างกัน) ดังนั้น saleable books ใช้ books sold ดีกว่า (ลดรูป books which are sold) แล้วจำนวนที่ขายไม่จำเป็นต้อง books ตลอดเวลา ใช้ copies (number of copies) ประโยคแรกย่อหน้าที่ 2 .76, 76 อะไรครับ ก็ต้องตามด้วย copies, books ประโยคที่ 4 ย่อหน้าที่ 2 ทำไมต้องเป็น passive voice? ตรวจดูว่าใครเป็นประธาน แล้วเอา respectively ไว้ท้ายประโยคอย่าลืม , ประโยคถัดไป ใช้ more? เพราะว่า........... ดูดี ๆ ครับตอนนี้เปรียบเทียบของกี่สิ่ง ประโยคสุดท้ายเหมือนกับข้างต้นเรื่องวาจก + word choice 'reckon' เลยหรือครับ คำอื่นน่าจะให้ความหมายที่ตรงกับที่เขียนกว่านี้ เขียนมาไม่ได้อ่านไม่เข้าใจนะครับ ไม่ต้องกังวลมาก แนะนำ (ได้มาจากกระทู้คำตอบของคุณ flowery) http://www.natcorp.ox.ac.uk/ British National Corpus ไว้หาตัวอย่างประโยคในการเขียน แนะนำว่าบางวลี บางประโยค เขียนแล้วก็ลองพิมพ์เข้าไปกูเกิ้ล ดูว่ามีตัวอย่างประโยคอะไรปรากฏมาบ้าง รอ คคห. เพิ่มเติมจากท่านอื่น ๆ ครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 12:23:24 จากคุณ : elenote เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 11:58:36

ความคิดเห็นที่ 2   ขอบคุณค่ะ คุณ elenote ที่ตามมาให้คำแนะนำ ตอนแรกงงๆ เรื่อง saleable แต่ตอนนี้คิดว่าเข้าใจแล้วค่ะ ว่าความหมายมันออกจะแปลกๆค่ะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับ British National Corpus นะคะ ตอนทำ ก็นั่งคิดอยู่ว่าจะหาประโยคตัวอย่างได้ที่ไหน มีประโยชน์มากเลยค่ะ จะลองพยายามแก้ดูค่ะ จากคุณ : june (june_auto) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 13:52:18

ความคิดเห็นที่ 3   แก้ไขตามที่คุณ elenote แนะนำค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นยังไงบ้างคะ =================================== This table presents books sold at the bookshop as of February 2000. The customers are grouped into 2 categories which are non-book club and book club members. Non-book club members are classified as the college staff, the college student and the public. Books are comprised of 3 distinct types: faction and non-fiction books as well as magazines. The large number of fiction books sold is 76 books that were bought by the book club member. The college staff and the college student purchased 44 and 31 copies of fiction book, respectively; however, none of public members evidently bought the any fiction books. The maximum number of non-fiction books sold is 942 items that were bought by the book club member. The college staff, the college student and the public member bought 29, 194 and 122 non-fiction books, respectively. The last type is Magazine which has a large number of sales in this bookshop. The college student bought the most magazines (1249) among the others. The college staff, the public and the book club member was bought 447 magazines that counted from 332 items by college staffs, 82 items by public members and 33 items by book club members.   The total number of purchased book is 3134 volumes, calculated from 1696 magazines and 1287 non-fictions as well as 151 fictions.  The largest buyer was the college student that bought 1474 books and the second was the book club member who took 1051 books. The college staff and the public member purchased 405 and 204 books, respectively. แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 16:10:33 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 16:09:20 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 13:55:41 จากคุณ : june_auto เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 13:53:23

ความคิดเห็นที่ 4 This table presents books sold at (a) the bookshop as of February 2000. Customers are grouped into two categories which are non-book club and book club members. Non-book club members are classified as (grouped into) college staff, college student, and member of public. Figures in the table are number of books sold which are divided (grouped/classified) into three categories (types) i.e. fiction, non-fiction, and  magazines 1. ในวงเล็บคือคำที่สามารถเลือกเปลี่ยนได้ 2. คำที่กล่าวหนแรกถ้าทำเป็นพหูพจน์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ the   The large number of fiction books sold is 76 books that were bought by the book club member. The college staff and the college student purchased 44 and 31 copies of fiction book, respectively, but (ดีกว่า however ในที่นี้) none of public members bought any book of this category. Non-fiction book purchased by (sold to) the book club members is the largest portion of books sold in this store, amounted to 942 copies. The college staff, the college student and the public members bought 29, 194 and 122 non-fiction books, respectively. The last type is Magazines which is the bigest volume sold in this bookshop. The college student is the group that bought the highest volume of  magazines (1249) compared with the remaining groups.  The college staff, the public and the book club member bought 447 magazines comprised of 332 copies bought (purchased) by college staffs, 82 copies by public members and 33 copies by book club members. บางทีการใช้คำหรู ศัพท์ใหญ่ก็ไม่เกิดประโยชน์ เช่น evidently เพราะให้ความหมายไม่ตรง ศัพท์ง่าย ๆ อธิบายตรง ๆ ไปเลยจะดีกว่า In all, the total number of books sold is 3134 copies, divided into 1696 magazines, 1287 non-fictions and 151 fictions book.  The largest buyer was the college student who bought 1474 books, followed by the book club member who bought 1051 books. The college staff and the public member purchased 405 and 204 books, respectively. คือย่อหน้านี้เป็นย่อหน้าสุดท้าย (สรุป) 1. Transition word ควรจะเป็นพวกนี้คือ in all, to summary, finally ฯลฯ 2. ก่อนหน้านี้เราบอกว่าผู้ซื้อคือใคร ๆ ๆ ได้ แต่สิ่งที่กำลังบรรยายคือจำนวนหนังสือที่ขาย ควรใช้เป็น no. of books sold มากกว่า purchased เอาเท่านี้นะครับ รอท่านอื่น ๆ จากคุณ : elenote เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 00:13:18

ความคิดเห็นที่ 5   ขอบคุณค่ะ คุณ elenote คำแนะนำที่มีประโยชน์จะเก็บไว้ปรับปรุงตัวต่อไปค่ะ ^^ ตอนแรกนึกว่าศัพท์สูงได้คะแนนมากกว่าศัพท์ง่ายค่ะ เห็นเพื่อนที่สอบ Toefl เค้าบอก ก็เลยพยายาหาศัพท์ค่ะ จากคุณ : june (june_auto) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 08:59:13

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ใช่ครับ ที่หมายถึงคือการใช้ศัพท์ระดับสูงที่ไม่ได้เข้ากับใจความของประโยคที่เขียนเป็นเรื่องที่ไม่ควรคำ ถ้าใช้แล้วตรงกับความหมายที่ต้องการเขียนก็ใช้ไป ไม่ใช่ว่าให้ใช้แต่ศัพท์ทั่วไปทั้ง ๆ ที่มีศัพท์ที่ยากกว่าแต่ได้ความหมายที่ดีกว่า การจะใช้ศัพท์ให้ถูกความหมายก็เป็นผลมาจากการอ่านมาก ก็หาอ่านเอาตามเน็ตนี่แหละ เช่นเว็บของ national geographic, bbc (learning english หรือ bbc business english) เป็นต้น เนื่องจากเน้นการเขียนสอบ ว่าง ๆ ก็เดินร้านหนังสือหาหนังสือพวก ielst เขียนมาดู ๆ ก็ได้ ไม่น่าเกินสามสี่ร้อยบาทสำหรับหนังสือภาษาไทยที่มีตัวอย่าง ที่มีคำศัพท์ที่ใช้ในการเขียน "เพื่อสอบ" จากคุณ : elenote เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 12:04:38

ความคิดเห็นที่ 7   อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ คือศัพท์บางตัวจูนใช้ไม่ถูกบริบทให้มั้ยคะ คือเค้าไม่ใช้กัน ฟังแล้วไม่เข้ากันใช่มั้ยคะ แล้วจะลองตาม link ไปดูนะคะ ว่าแต่คุณ elenote มีหนังสือแนะนำมั้ยคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : june (june_auto) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:04:11

ความคิดเห็นที่ 8 ไปตอบกระทู้อื่นมาที่คล้าย ๆ กันเลยเอามาแปะไว้ตรงนี้เผื่อจะได้ประโยชน์ ข้อแนะนำ 1. ค้นเรื่อง Sentence Pattern เอา sentence pattern มาใช้ในการเขียนเรียงความ (ค้นจากตำราเรียนหรือกูเกิ้ลก็ได้)  2. ต้องรู้จัก part of speech ให้มากขึ้น  3. เขียนแค่ simple sentence อธิบายความคิดหนึ่งอย่างในหนึ่งประโยคก่อนก่อน เพิ่มด้วย compound sentence (คือเอา simple sentence + FANBOYS (for, and, nor, but, or, yet, so) + simple sentence หรือ simple sentence; simple sentence) ส่วน complex sentence หรือ compound complex เอาไว้ไปเขียนตอนขึ้นปีสี่หรือตอนเรียนปริญญาโท  4. อ่านเยอะ ๆ ครับ ทำตามที่คุณ K Senior เคยแนะนำไว้คือไปเดินซีเอ็ด หรือร้านหนังสือขนาดใหญ่หน่อยหาหนังสือประเภท grade reading (นิทานเด็ก หรือนิยายที่เรียงเรียงใหม่ให้อ่านได้ง่ายขึ้นตามระดับการศึกษา (ภาษาอังกฤษ)) เปิดดูทีละระดับถ้าอ่านแล้วรู้สึกง่ายไป ก็ขยับไปเล่มที่อ่านยากขึ้น ถ้าเป็นนักศึกษาในหลักสูตรอินเตอร์ก็อ่าน text book มากหน่อย เป็นต้น จากคุณ : elenote เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 53 01:55:36