ความคิดเห็นที่ 1 คุณได้รับภารกิจให้สอนภาษาอังกฤษ แหมโชคดีจัง ไม่เหมือนเราเคยไปสมัครสอนแต่ไม่มีใครจ้างเรา...เราก็เลยแอบเป็นครูเถื่อนอยู่พักหนึ่งเกือบโดนตำรวจจับตั้งหลายทีแน่ะ...555+++...ก็เลยตอบคำถามคุณจากประสบการณ์ที่เคยสอนภาษาอังกฤษแบบไม่มีใบอนุญาตครูนะ... 1. เดี่ยวยนี้เข้าใช้หนังสืออะไรสอน ภาษาอังกฤษ ม 1 กันครับ ตอบ ไปที่ศึกษาภัณฑ์ ตอนเราเป็นครูเถื่อนเราก็ไม่รู้ว่าจะใช้หนังสืออะไร เราจึงตีสนิทกับครูมีใบอนุญาตแล้วถามว่าไปหาหนังสือเรียนได้ที่ไหน พวกเขาก็แนะนำเรา พอเข้าศึุกษาภัณฑ์เราก็ถามพนักงานว่าเด็ก ม.1 ใช้หนังสืออะไรเรียนภาษาอังกฤษ พอได้หนังสือมาแล้วเราก็อ่านดูว่าวัตถุประสงค์มันคืออะไร แล้วเราก็สร้างสื่อการสอนขึ้นมาใหม่เองหมด เพื่อใ้ห้บรรลุวัตถุประสงค์นั้นๆ แล้วเราก็แทบไม่ได้ใช้ตำราเรียนพวกนั้นอีก แต่จะใช้สื่อที่เราสร้างขึ้นมาเอง 2.ผมจะไปหาซื้อที่ไหนและมีหนังสือแนะนำมั้ยครับ ตอบ ดูข้อ 1. 3. ถ้าผมจะสอนศัพท์ วันละ 5 คำให้เด็ก จะมีประโยชน์ มั้ย คิดเล่นๆให้ท่องไป จดจบ ม6  1  ปี = 365  x 5 = 1,825 คำ 6 ปี จนจบม  6 ก็จะได้ ศัพท์ 10,950 คำ มันจะมีประโยชน์ มั้ยครับ :> ตอบ พอมีประโยชน์บ้างเล็กน้อย แต่ถ้าเรียนแบบนั้นอย่างเดียวตั้งแต่ ม.1 จนถึง ม.6 เด็กจะอ่านภาษาอังกฤษพอรู้เรื่องนิดหน่อย แต่ก็จะมีการตีความผิด คืออ่านแล้วเข้าใจผิดค่อนข้างมากเนื่องจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแปลเป็นคำเดี่ยวๆเหมือนภาษาไทยหรือภาษาจีน แต่มันจะแปลเป็นกลุ่มคำหรือเป็นวลี พอคำศัพท์ตัวหนึ่งไปจับกลุ่มใหม่กับคำศัพท์ตัวอื่นๆหรืออยู่ในวลีอื่นๆมันก็จะเปลี่ยนความหมายไปเรื่อยๆ...แถมถ้าเรียนแบบนี้เด็กก็ยังจะพูดอังกฤษแทบไม่ได้เลย แล้วเวลาเขียนภาษาอังกฤษก็จะเขียนผิดธรรมชาติหมด (บางคนเรียนแบบนี้ไปจนจบปริญญาตรี โท และเอก แล้วเขียนผิดหมดทุกประโยคก็มี) จนบางที่ฝรั่งเจ้าของภาษาอ่านข้อความที่เด็กเขียนแล้วก็อ่านไม่รู้เรื่อง 4.แล้วจะทำยังไงไม่ให้เด็กเบื่อการท่องศัพท์ละครับ ตอบ ไม่มีทางทำได้ การสอนแนวนี้ิั้้อาศัยแนวคิดเก่าๆนั่นก็คือ "เด็กต้องตั้งใจเรียน" ถ้าเด็กขยันหรือรักภาษาอังกฤษอยู่แล้วก็จะอุตส่าห์ดั้นด้นเรียนจนได้ แต่เด็กส่วนใหญ่ก็จะเรียนแล้วจำศัพท์ไม่ค่อยได้ แล้วก็จะเกลียดภาษาอังกฤษไปในที่สุด จากสถิติที่ประมาณการไว้น่าจะออกมาเป็นตัวเลข ประมาณนี้คือถ้าในห้องเรียนมีนักเรียน 40 คน สอนแบบนี้ให้ท่องศัพท์ลูกเดียวเด็กจะง่วงสลึมสลือประมาณ 20 คน หลับสนิทประมาณ 15 คน เหลืออีก 5 คนจะยังคงฟังอยู่ด้วยความตั้งใจ...แต่เรียนไปก็ไม่เก่งสักที เพราะไม่รู้วิธีสร้างประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการพูดหรือเขียนที่ถูกต้อง แล้วก็จะไม่มีทักษะการฟังด้วย (เพราะเท่าที่คุณคิดแผนการสอนมาคุณยังไม่ได้คิดเรื่องสอนการฟังเลย) วิธีแก้ปัญหาเหล่านี้จะทำได้ผู้สอนควรมีความรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้างในระดับพอฟังพูดสื่อสารได้ พออ่านภาษาอังกฤษได้มากพอที่จะค้นข้อมูลจากสื่อหรือตำราจากต่างประเทศที่เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆได้ (โดยไม่อาศัยภาษาไทยเลย) พอเขียนได้บ้าง และข้อสำคัญที่สุดก็คือจะต้องเป็นนักคิดที่สมองพลิกแพลง (จะได้คิดวางแผนและสร้างสื่อการสอนเพื่อการเรียนรู้ของตนเองและเพื่อเอาไปสอนผู้อื่นได้) ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้มันมีค่ามากกว่าใบอนุญาตประกอบอาชีพครูเสียอีก...!!!!! จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 23:40:35

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ^ "วิธีแก้ปัญหาเหล่านี้จะทำได้ผู้สอนควรมีความรู้ภาษา อังกฤษอยู่บ้างในระดับพอฟังพูดสื่อสารได้ พออ่านภาษาอังกฤษได้มากพอที่จะค้นข้อมูลจากสื่อหรือตำราจากต่างประเทศที่ เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆได้ (โดยไม่อาศัยภาษาไทยเลย) พอเขียนได้บ้าง และข้อสำคัญที่สุดก็คือจะต้องเป็นนักคิดที่สมองพลิกแพลง (จะได้คิดวางแผนและสร้างสื่อการสอนเพื่อการเรียนรู้ของตนเองและเพื่อเอาไป สอนผู้อื่นได้) ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้มันมีค่ามากกว่าใบอนุญาตประกอบอาชีพครูเสีย อีก...!!!!! " ชอบมากมายครับ ^^ ทุกวันนี้เรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนสภาพแต่ละคนก็อยู่ในห้วงนิทราหมดเลย --* จากคุณ : ศิริพิชญา เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 09:19:02

ความคิดเห็นที่ 3 fortuneteller  ขอบคุณมากครับ แล้วแบบนี้ ชักหนักใจที่จะไปสอนลูกแม่บ้านแล้วสิ คือเขาเป็นห่วง ลูกเขานะครับแล้วเขาไม่มีตังไปจ้างครูพิเศษ รู้ว่าผม จบมหาวิทยาลัยน่าจะมีความรู้ เฮอ อายจัง จะไปสอนเด็ก ม 1 ยังมีความรู้ไม่พอเลยเรา แบบนี้ผมต้องหางทางสอนไวยกรณ์ ตาม ตำรา ม1 ที่ไปดูจาก ศึกษาภัณฑ์ น้อง ม 1 คนนี้อาจจะพอีคามรู้บ้าง คงสอนแบบให้เขาพอเรียนได้ เฮอ เครียดนะเนี้ย ถ้า สอน  วิธีสร้างประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการพูดหรือเขียนที่ถูกต้อง แล้ว แล้วเรื่องท่องศัพท์  ก็จะมีประโยชน์ ใช่มั้ยครับ มีเพือนแนะนำว่า ให้สอนท่องศัพท์แล้วก็ แนะตัวประโยคด้วยจะดีกว่า ท่องศัพท์อย่างเดียว มันจะช่วยได้มั้ยครับ ทักษะการฟัง จากคำแนะนำจะลองหาการ์ตูน หรือ หนัง ให้เด็กดูนะครับ คำถาม สุดท้ายถามคุณ fortuneteller ว่า วิธีสร้างประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการพูดหรือเขียนที่ถูกต้อง เป็นยังไงครับ ขอบคุณมากครับ :> จากคุณ : pongplus เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 09:42:49

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ fortuneteller ทำไมโดนจับละคะ? ตลกน่ะ อำกันเล่นป่าว? พวกครูมากมายที่สอนอยู่ตามสถาบันกวดวิชาต่างๆไม่มีใบอนุญาตกันเยอะแยะ ยิ่งชาวต่างชาติละก็ ฝันไปเหอะ จะมีอะไรนอกจาก ID Card และใบวุฒิ? เราเป็นอาจารย์สอนพิเศษอยู่ที่สถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่ง ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู แต่จบเอกอังกฤษ และมีใบผลคะแนนโทอิคแค่นั้น ตอบคำถามคุณเจ้าของกระทู้ เด็กมัธยมต้นใช้หนังสือ Access หาซื้อได้ตามความเห็นที่ 1 ถ้าคุณไม่รู้ก็ถามเด็กไปตรงๆได้ค่ะว่าที่โรงเรียนใช้หนังสือเรียนอะไร จะได้สอนได้ตรงเนื้อหาประมาณนั้น การสอนต้องเตรียมตัวก่อนสอน จะมาอึกๆอักๆให้เด็กเสื่อมศรัทธาเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้เกิดค่ะ แม้คุณจะไม่ค่อยเก่งนัก แต่เด็กสามารถเป็นแรงบัลดาลใจให้คุณเก่งเพื่อสอนเค้าได้ และอาจจะประสบความสำเร็จท้ายที่สุด ไม่เก่งก็อย่าท้อ กว่าจะเป็นคนเก่ง ก็ต้องขยัน สู้ไม่ถอยกันมาก่อนทั้งนั้น   เรื่องสอนศัพท์ เราสอนผ่านการอ่านเรื่องสนุกๆค่ะ เลือกหนังสือที่มีเรื่องสนุกไม่น่าเบื่อและศัพท์ใกล้เคียงกับระดับที่เรียนอยู่ และจะมีการท่องศัพท์ แล้วต่อด้วยการเล่นบัตรคำ อย่างหนังสือด้าน Reading ที่ใช้สอนอยู่ก็จะมี Exploring Reading เล่ม 1-6 ไม่อยากซื้อก็หาเซิร์สฟรีๆก็ได้ค่ะ มีเยอะแยะไป จากคุณ : abcd (หลงชัวร์ทัวร์) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 09:58:05

ความคิดเห็นที่ 5 ผูกศัพท์เป็นคำคล้องจองสิครับ เช่น ant มด รถ car far ไกล ... ให้เด็กท่องสนุกๆ ด้วยครับ จากคุณ : Halls เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 10:41:26

ความคิดเห็นที่ 6 ปกติจะใช้หนังสือ ทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มาพลิกแพลงใช้ตามสถานการณ์ ที่เป็นหนังสือภาษาไทย  จะใช้หนังสือคู่มือภาษาอังกฤษ ม. 1 (ที่มีผู้เขียนจำนวนมาก) จากร้านหนังสือ  เพื่อดูเรื่องที่เด็กต้องเรียน เป็นแนวทางในการเตรียมการสอน หาก จขกท. อ่านภาษาอังกฤษได้ดี  ให้หาหนังสือชุด   side by side ของสำนักพิมพ์ Longman  จาก google หนังสือชุดนี้คุณ fortuneteller เคยแนะนำ ไว้ในกะทู้  มีจำนวน 4 ชุด    ตำราเรียนและแบบฝึกหัด  แยกออกจากกัน  และ teacher 's guide  (ที่ หาได้ เป็นของเล่มที่ 2   หนา 410 หน้า) โดยเฉพาะในเล่มที่ 1 มี conversation ในแบบ mp3 สำหรับฝึกสนทนาตั้งแต่ unitที่1 เป็นต้นไป  (หาได้จากgoogle เช่นกัน)   ชุดนี้เรียนสนุกไม่น่าเบื่อ  ภาพสวย   สำหรับ ม.1 เริ่มตั้งแต่เล่มที่ 2   ขึ้นไป เล่มที่3และ 4 จะเป็นเรื่องtense if-cause  passive voice relative pronouns   แต่ยังมีเนื้อหาที่เป็นระดับพื้นฐาน แทรกในเล่ม 3 และ 4 อยู่ตลอดเล่มด้วย จากคุณ : Stuff_shirt เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 10:59:10

ความคิดเห็นที่ 7 หนังสืออีกเล่มที่น่าใช้ คือชุดgrammar time ของLongman  มีตั้งแต่เล่ม 1 – 6 เล่มนี้ได้รับการปรับปรุงออกมาเรื่อยๆ  เป็น  newgrammar time 1 2 3 มี listening ให้ฝึกฟังด้วย (ชุดนี้หาได้จาก google เช่นกัน)  แต่ผู้ใช้ ต้องเฉลยเอง  ซึ่งไม่ยากจนเกินไป   หากต้องการเฉลย ต้องสั่งซื้อจาก amazon  เล่มนี้ สอนละเอียด  แบบฝึกหัดจะพลิกแพลง เช่น แต่งประโยค คำถาม จากประโยค คำตอบ  ฯลฯ  ให้ความรู้รอบตัวด้วย   ส่วนการศึกษาเรื่องการสร้างประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการพูดหรือเขียนที่ถูกต้อง ใช้หนังสือ english sentence structure ของผู้เขียนของม.มิชิแกน เป็นฉบับ Michigan   classic  หนาราว 700 หน้า มี  key ท้ายเล่ม หาได้จาก google จากคุณ : Stuff_shirt เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 11:02:39

ความคิดเห็นที่ 8 อย่าลืมดูพื้นฐานเด็กด้วยนะคะ อยู่ม. 1 ไม่ได้หมายความว่าจะมีความรู้ภาษาอังกฤษเท่าเนื้อหาที่เรียนจบ ป. 6 ข้อสาม แทนที่จะท่องศัพท์ เราว่าหาเป็นบทความ ข่าว หรือเนื้อหาสั้นๆง่ายๆ ในเรื่องที่เด็กสนใจ ให้อ่านน่าจะดีกว่านะคะ ได้อะไรมากกว่าศัพท์อย่างเดียว แล้วก็ไม่น่าเบื่อด้วย จากคุณ : ลิงลี่ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:26:49

ความคิดเห็นที่ 9 จขกท ลองใช้ตำรา Side by Side ที่เขาแนะนำไว้ใน คคห 6 สิ หนังสือนี้เป็น series ยาว (มีหลายเล่ม) ที่ใช้สอน grammar แบบสนุกๆ ไม่น่าเบื่อ  คือมันใช้หัดพูดแบบ interactive improvisation (มีการ์ตูนกับ dialogs สม้ัยก่อนมีเทปด้วย แต่สมัยนี้ versions ใหม่คงมี CD/DVD) ให้ grammar มันซึมเข้าสมองไปเลย (ศัพท์มันง่ายๆแค่ระดับ ม.1-ม.3 แต่เนื้อหา grammar น่าจะใช้่เรียนได้ถึงระดับจาก ม.1 - ม.6 เลยหละ...ถ้าศึกษาครบทุกเล่มใน series นะ) และ คคห 7 ก็แนะนำหนังสือดีๆไว้อีกเล่มหนึ่งคือ English Sentence Structure หนังสือเล่มนี้สอนวิธีสร้างประโยคในระดับพื้นฐาน ไปจนถึงประมาณระดับ ม.4  ใช้วางฐานรากให้นักเรียนตั้งแต่ ม.1 ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ศ้ัพท์ในหนังสือก็ง่ายๆด้วย ถ้าคุณ จขกท ศึกษา Side by Side ให้ครบทุกเล่ม (และนำไปใช้สอน) และศึกษา English Sentence Structure ทั้งเล่ม (และนำไปใช้สอน) ในขณะที่พยายามหัดใช้ esl dictionaries (dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ ที่มีตัวอย่างการนำคำศัพท์มาสร้างประโยค) ให้มากๆ (อันนี้หัดสร้างประโยคระดับยากๆขึ้นเรื่อยๆ) ในขณะที่หาหนังเป็นแผ่น DVD มาดูแบบเปิด subtitles อังกฤษ กับ ไทยสลับกัน แล้วหัดฟัง หัดพูดตาม (อันนี้ฝึกฟังกับพูด) คุณ จขกท ก็จะเก่งอังกฤษขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถค้นคว้าข้อมูลเรื่องการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 จากตำราต่างประเทศซึ่งฝรั่งผู้เชี่ยวชาญเขียนไว้เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆได้ หรือแม้กระทั่งตำราต่างประเทศที่สอนเรื่องอื่นๆเช่น writing หรืออะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย แล้วคุณก็จะมองเห็นทางสว่าง (หรือแม้กระทั่งคิดขึ้นมาได้เอง) เรื่องวิธีการสอนภาษาอังกฤษแบบพลิกแพลงใหม่ๆ ได้อยู่เรื่อยๆ ....................................................................... ที่ คคห 4 ถามว่า คุณ fortuneteller ทำไมโดนจับละคะ? ตลกน่ะ อำกันเล่นป่าว? ตอบ เราไปเช่าห้องแถวเิปิดติวภาษาอังกฤษอยู่บริเวณที่มีโรงเรียนฝรั่งอยู่เป็นกลุ่ม 2-3 โรงเรียนด้วยกัน และมีติวเตอร์หลายคนหากินอยู่บริเวณนั้นก่อนหน้าแล้ว พวกเขาไม่พอใจที่เรารุกล้ำอนาเขต ก็เลยโทรไปแจ้งกระทรวงศึกษาให้ส่งเจ้าหน้าที่มาขู่เราว่าจะต้องไปทำใบอนุญาตให้ถูกต้อง ซึ่งส่งผลให้เราต้องเพิ่มต้นทุนอีกเป็นจำนวนมหาศาล ในการดัดแปลงสถานที่เพื่อให้เข้ากับกฎกระทรวงเพื่อรับใบอนุญาต...นี่เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่พวกติวเตอร์ตัดกำลังทุนทรัพย์ของคู่แข่งตนเอง...คนที่สายป่านไม่ยาวถ้าต้องลงทุนเพิ่มบางทีอาจต้องล้มเลิกกิจการไปเลย... แต่เดี๋ยวนี้แกล้งก้ันแบบนี้ไม่สำเร็จหรอก เพราะติวในบ้านไม่ได้เปิดเป็นโรงเรียนกฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นการตกลงกันส่วนตัวระหว่างติวเตอร์กับนักเรียนกลุ่มเล็กๆ ซึ่งถึงจะกลุ่มเล็กๆ แต่ถ้ากลุ่มเล็กๆมันงอกขึ้นได้โดยยังคงสอนในบ้านนะ (ไม่ไปปิดป้ายโฆษณาซ่าหน้าบ้าน) ติวเตอร์ก็ยังรวยเละได้...ซึ่งสมัยนี้การแอบติวอยู่ในซอยหมู่บ้านไม่โดนหน่วยงานการศึกษาเล่นงาน (เพราะโดนติวเตอร์ด้วยกันแจ้งจับ) มันทำได้ง่ายๆ เนื่องจากสามารถโฆษณาทางเน็ต (ผ่าน social networking sites) ได้โดยไม่ต้องไปปิดป้ายโรงเรียนหน้าบ้านเพื่อชักศึกเ้ข้าบ้านนั่นเอง จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:13:01

ความคิดเห็นที่ 10 เราไม่ได้สอนภาษาอังกฤษมาตั้ง 15 ปีแล้ว เปลี่ยนไปทำงานแปลเอกสารกับแปลหนังสือตั้งนานแล้ว แต่บางทีก็ยังนึกสนุกคิดหาวิธีใหม่ๆมาสร้างสื่อการสอน และคิดวิธีการสอนใหม่ๆขึ้นมา เมื่อเร็วๆนี้เราเพิ่งใช้ software หลายๆตัวทดลองสร้างสื่อการสอนภาษาอังกฤษแบบ multimedia ขึ้นมา คือไม่ใช้กระดาษหมึกหรือ whiteboard เลย แต่ใช้ computer กับ Internet ล้วนๆ...(คิดเรื่อง computer assisted language learning ไว้) สนุกดีเหมือนกัน เคยคิดจะกลับไปสอนภาษาอังกฤษอีก แต่ก็กลายเป็นเบื่อๆเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษของตัวเอง (เพราะเราไม่ได้รักวิชาภาษาอังกฤษมากนักหรอก แต่เราเรียนภาษาอังกฤษแค่เพื่อความอยู่รอดเท่านั้นเอง) แล้วเรากลายเป็นพยายามฝึกคัมภีร์โบราณ (เพื่อให้ตัวเองกลับเป็นเด็กวัยรุ่นใหม่) อย่างที่เขียนไว้ใน คคห นี้แทน...อิๆๆ... http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K9738500/K9738500.html แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 14:26:33 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:23:21

ความคิดเห็นที่ 11   มาแอบเอาความรู้+วิธีการ ของ คห 1 ไปบอกเด็ก ม.1ในบ้าน ชอบการตอบ ข้อ 3 เรื่องการท่องคำศัพท์ ซึ่ง เป็นวิธีการผิด ๆ ที่ยังคงทำกันต่อเนื่องมาเนิ่นนาน และคงจะทำกันต่อไปเรื่อย ๆ อีกหรือเปล่า จากคุณ : tanlove เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:01:26

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณคุณ fortuneteller ค่ะที่ตอบ เพื่อนเราก็เปิดค่ะ แต่เลี่ยงโดยจดทะเบียนรูปแบบบริษัทแทน ประเภทธุรกิจรับจ้าง ไม่ได้เปิดเป็นโรงเรียน เพราะเพื่อนของเค้าเคยไปขอใบอนุญาต แล้วเปิดเป็นโรงเรียนหมดไปห้าแสน ไม่ได้อะไรนอกจากใบอนุญาตมาแปะข้างฝาแค่นั้น แล้วก็เลิกกิจการไปในที่สุดเหมือนกัน..... แต่เรามีเพื่อนดีค่ะ เค้าแนะนำเราหมดทุกอย่างเกี่ยวกับค่าสอน จำนวนเด็กต่อคลาสเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาน่ะค่ะ สำหรับเรา คงต้องเรียนรู้อีกมาก หนังสือที่เพื่อนๆแนะนำ ดีๆทั้งนั้น แต่ไม่เคยเห็นผ่านตาเลย ถ้าอยากจะได้คงต้องเข้าเว็บAmazon อย่างเดียว แล้ว imported เข้ามา Longman ค่อนข้างแพงนะ ส่วนมากเราจะใช้หนังสือที่มีสำนักพิมพ์อยู่สิงคโปร์ แต่คนเขียนเป็น Native น่ะค่ะ จะถูกขึ้นมาหน่อย อย่างหนังสือของ Learners Publishing ก็จะถูกกว่าของ Cambridge, Oxford, Longman เป็นต้นค่ะ เราก็ไม่ได้มีใจรักภาษาหรอกค่ะ แต่มองว่ามันช่วยให้มีช่องทางทำมาหากินง่ายเหมือนกัน แรกๆก็ทำงานด้านติดต่อต่างประเทศ ไปๆมาๆ คิดจะมีลูก และอาจจะต้องเลี้ยงลูกอยู่บ้านก็เลยวางมือด้าน Shipping มาสนใจด้าน Teaching แทน เอ่อ...พากระทู้คุณ pongplus ไปไกลออกนอกทะเลละ ไปก่อนละค่ะ :D จากคุณ : abcd (หลงชัวร์ทัวร์) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:12:55

ความคิดเห็นที่ 13 คุณabcd (หลงชัวร์ทัวร์)  มีหนังสือดีๆ ที่นำมาสอน ในระดับในมัธยมต้นและปลายได้   อีกเป็นจำนวนมาก   หาได้จาก www.google.co.th   ซึ่งหากผู้สอน เปิดสอนเอง  ก็จะมีอิสระในการเลือกหนังสือให้เหมาะสมกับเด็ก และปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ได้มากกว่า รับจ้างสอนในสถาบันภาษา  ซึ่งค่อนข้างจะกำหนดเนื้อหา บางแห่งเจ้าของสถาบัน เป็นผู้กำหนด ว่าต้องสอนเล่มไหน  เขาจะมอบหนังสือมาให้เลย  ที่เหลือสถาบันจะจัดทำเอกสารให้ ในที่ที่เราอยู่  มีสถาบันสอนภาษาตั้งอยู่   ที่นี่จ้างฝรั่งมาสอนด้วย    เราจะเตร่ไปที่ร้านถ่ายเอกสาร ในวันศุกร์เย็น เพื่อดูว่า วันนี้ สถาบันแห่งนี้ มาถ่ายเอกสารเพื่อทำตำราเป็นเล่ม  เพื่อนำไปสอนเด็ก   พอดีเราสนิทกับเจ้าของร้าน   เราก็พบเนื้อหาและตำราที่เขาใช้สอน มีตำราสำหรับเด็กเล็ก ไม่เกินป.4 เล่มหนึ่ง  ที่สถาบันแห่งนี้ใช้สอน ชื่อว่า   Let's go เล่ม 1-2 ของสำนักพิมพ์ oxford จากคุณ : Stuff_shirt เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:39:08