ความคิดเห็นที่ 1 ก้อปแม้แต่ประโยคที่สำคัญสัก 1-2 ประโยคก็คือ plagiarims แบบลอกแล้วครับ แนะถ้าก้อปก็ให้เครติตไปเลยในวงเล็บดีกว่าครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 23:50:30

ความคิดเห็นที่ 2   คือมันพูดยากมากเลยครับว่าอย่างไหนเรียกลอก เพราะเคยมีครั้งหนึ่งผมเคยเอาบทแรกไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วในนั้นจะมีบางประโยคที่ผมเอามาจากเจอนัลบางฉบับ แต่จะเป็นการพูดถึงภาพรวมทั่วๆไป ซึ่งอาจารย์อ่านแล้วก็บอกผมว่าไอ้ที่เขียนมานี่มันเป็นเรื่องทั่วไปมากซึ่งไม่จำเป็นต้องอ้างอิง ผมเอามาคิดเองตอนหลังว่าอาจารย์แกคงหมายถึงว่าถ้าเขียนอย่างนี้แล้วต้องอ้างอิงคงต้องอ้างอิงทุกย่อหน้า เพราะทุกอันก็ต้องมีคนเขียนมาก่อนหน้านี้แล้วทั้งนั้น แต่บางอันอย่างภาพรวมของบางบทจะมีอิทธิพลของแนวความคิดของคนที่เคยทำมาก่อน(เป็นระดับdissertationไม่ใช่หนังสือ หรือทฤษฏี) แต่ก็แค่เป็นไกด์ฉะนั้นตอนเขียนผมก็ต้องเริ่มเขียนจากตั้งต้นของแนวความคิดซึ่งก็ไม่ใช่ของเล่มที่ผมยืมความคิดมาหรอกครับเพราะเขาก็อ้างหนังสือเล่มอื่น ซึ่งผมก็ต้องย้อนกลับไปอ่านเล่มนั้นแล้วอ้างอิงเล่มเดียวกัน ซึ่งพอมาถึงระดับนี้แล้วผมก็เริ่มสับสนแล้วละครับว่าตอนไหนผมควรอ้างอิงอันไหน แล้วตอนไหนเรียกว่าลอก จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 00:31:20 A:141.54.140.84 X: TicketID:100676

ความคิดเห็นที่ 3   อันไหนที่เป็นไอเดียที่ค่อนข้างgeneral ต่อให้ใหม่สำหรับเราก็ไม่ต้องciteนะเราว่า แต่ตรงข้าม ถ้าเป็นไอเดียที่ค่อนข้างฟันธง หรือโดยเฉพาะข้อมูลที่มีอะไรเกี่ยวกับstatisticsก็ต้องcite historyก็ต้องciteนะ เราว่ามันพูดกันยาก ทำไปเรื่อยๆก็จะรู้เองค่ะ ว่าระดับไหนต้อง อันไหนไม่ต้อง อ๋อ อีกอันที่สำคัญก็คือ ถ้าเรายกโควตเค้ามา ต่อให้ไอเดียgeneralแค่ไหน ก็ต้องciteค่ะ อันนี้คือเท่าที่รู้จากที่เคยทำ ถ้าผิดพลาดยังไงก็ขอโทษด้วยค่ะ จากคุณ : มิวสิค เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 04:57:39 A:121.79.214.152 X: TicketID:235689

ความคิดเห็นที่ 4   ถ้าอ่านแล้วจับใจความสำคัญรวมๆมายำก็ไม่ต้องใส่ footnote/endnote หรอก ใส่เป็น bibliography อย่างเดียวพอ จากคุณ : 卡通 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 04:57:55 A:140.119.202.18 X:163.28.32.100 TicketID:286944

ความคิดเห็นที่ 5 เอามาครึ่งประโยคก็เข้าข่าย Plagiarism แล้วครับ ยำๆแล้วเขียนใหม่ดีกว่า แต่ยังไงก็น่าจะ cite ไว้กันเหนียวอีกชั้นนึงด้วย ถึงจะต้องมี [] เกือบทุกย่อหน้าก็ตาม เพราะนอกจากจะป้องกันข้อหา Plagiarism แล้ว มันยังทำให้คนอ่านวิทยานิพนธ์สามารถไปอ่านเพิ่มเติมเองได้ จากคุณ : kiwiboyz เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 05:41:47

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเกิดเอาข้อมูลที่มีเจ้าของมา ถือว่าลอกครับ อย่างเช่น 76% จากการสำรวจ บลาๆ ถือว่า plagiarism ต้อง cite นะครับ ไม่ว่าจะยาวเท่าไหร่ก็ตาม หรือ paraphrase ก็ต้อง cite นะครับ ประเทศไทยมี76จังหวัด ไม่ถือว่า plagiarism เพราะมันเป็นความจริง ไม่มีใครเป็นเจ้าของidea จากคุณ : `MaGuZ` เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 08:28:42

ความคิดเห็นที่ 7 plagiarism คือการเอาความเห็น ความคิด ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของคำพูดหรือข้อเขียนมาเป็นของตัวเอง โดยไม่ให้เครดิตกับเจ้าของความคิดหรือความเห็นนั้น ถ้าเอาความเห็นหรือความคิดเขามาแต่มีการ cite อย่างถูกต้องไม่ถือว่าเป็นการ plagiarism ครับ แต่ว่าการยกทุกข้อความที่เป็นความเห็นหรือความคิดคนอื่นไม่ใช่การเขียน academic writing ครับ (ยกเว้นในส่วนของ literature review) academic writing ไม่ใช่การเขียน summary ที่สรุปว่าแต่ละคนคิดอะไรครับ อ๋อบางทีที่ จขกท ไปใช้โปรแกรม turnitin แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เพราะว่า turninit ไม่ได้ comprehensive ขนาดนั้นครับ แต่ช้าก่อน คนที่สอน writing บางทีมองแป๊บเดียวก็รู้ว่างานนี้นักเรียนทำเองหรือเอามาจากที่อื่นครับ จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 11:29:30

ความคิดเห็นที่ 8   ต้องเอาของคนอื่นมา paraphrase เป็นภาษาของเราเสียก่อน จากนั้นก็อ้างอิงด้วยว่าเอามาจากไหน แต่ถ้าตรงไหนสำคัญมากๆ อาจ direct quote (ลอกมาตรงๆ เป๊ะๆ) ก็ได้ และอ้างอิงด้วย (แต่อย่า direct quote บ่อยเกินไป มันจะเหมือนงานตัดแปะที่ไม่ใช่ภาษาของเราเอง) จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 12:42:46