ความคิดเห็นที่ 1 จากพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ "การแรกเริ่มจะทำการตีพิมพ์เงินเหรียญนี้ก็เหมือนกัน เมืองไทยการช่างมือก็หยาบ วิชาก็น้อย ทุนก็ยังน้อย ถ้าทองและเงินเหรียญทำขึ้นได้ ผู้จะต้องการใช้และรับจ่ายซื้อขายก็ยังน้อย คนโง่คนเปรี้ยวมาก ถ้าจะคิดโตใหญ่ตื่นไฟตื่นฟืนในการปลายก็จะเสียทุนเปล่า เมื่อคิดอย่างนั้นจะไม่คิดทำเล่า ก็คิดอายแก่เจ้าเวียดนามมินมาง เขายังคิดทำเงินเหรียญมังกร มีชื่อเขาใช้ในเมืองญวนได้ และองค์พระหริรักษรามมหาธิศราธิบดี เขาก็ได้ทำเงินเหรียญ เขมรใช้ในเมืองเขา ถึงเขาเป็นแต่เมืองขึ้นแก่เรา การทำเงินเหรียญเสียดังนี้ ก็เป็นการกันเงินแดงดียิ่งนัก (เงินพดด้วงทำด้วยทองแดงชุบเงิน) ....เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าขอกำชับมาแก่ทูตานุทูตให้เอาใส่หาเครื่องมือเครื่องจักรสำหรับทำเงินเหรียญ.." ดังนี้แล้วผมขอนำภาพเหรียญที่ใช้กันอยู่ในรอบๆประเทศในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ว่าเป็นอย่างไร เริ่มจากเหรียญมังกร ของเวียดนาม จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:39:36

ความคิดเห็นที่ 2 พม่า ก็ทำเหรียญแบนใช้แล้วเหมือนกัน จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:40:43

ความคิดเห็นที่ 3 เงินกัมพูชา ของพระหริรักษรามมหาธิศราธิบดี จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:44:37

ความคิดเห็นที่ 4 มาถึงเหรียญตอกตรา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ทำขึ้นด้วยแรงคน มี ๓ ประเภท โดยเหรียญนี้ได้รีดแผ่นเงินให้ได้ขนาด และทำการตอกตราด้วยแรงงานคน เป็นการผลิตเหรียญที่กินเวลามาก ตัวเหรียญไม่ยกขอบ ไม่มีฟันเฟืองที่ขอบเหรียญ ขั้นตอนการทำเหรียญตอกตรา (แบบมาตรฐาน) ๑. หล่อโลหะเงิน ให้ได้มาตรฐานและน้ำหนัก โดยทั่วไปในสมัยรัชกาลที่ ๔ ใช้เนื้อเงิน ๙๐ ต่อ เนื้อทองแดง ๑๐ หลอมรวมกันแล้วตีเป็นแผ่น ๒. เมื่อตีเป็นแผ่นแล้วนำมาตัดรูปให้เป็นวงกลมตามขนาดที่ต้องการ ๓. ชุดตอกตราประกอบด้วยเหล็กกล้าสองชิ้น แท่งหนึ่งวางบนหมุดหินที่มั่นคง อีกแท่งเป็นทอยตอก ซึ่งเหล็กนี้จะถูกสลักแกะลายหน้าเหรียญเอาไว้ ๔. นำแผ่นโลหะเงินที่ขึ้นรูปแล้ว มาตอกด้วยค้อน จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:47:32

ความคิดเห็นที่ 5 เหรียญทำมือในพ.ศ. ๒๓๙๙ นี้มีด้วยกัน ๓ แบบ (เกิดจากแม่พิมพ์ ๓ ตัว) ๑. ด้านหน้าตอกตราเหมือนอย่างพดด้วง (พระเต้า-มหามงกุฎ-พระแสงจักร) และหลังเรียบ ๒. ด้านหน้าเป็นตราพระมหามงกุฎและฉัตรกระหนาบทั้งสองด้าน พร้อมลายเถาวัลย์ดอกไม้ ขอบเรียบไม่เป็นเฟือง ด้านหลังตอกตรา(พระเต้า-มหามงกุฎ-พระแสงจักร) ๓. ด้านหน้าเป็นตราพระมหามงกุฎและฉัตรกระหนาบทั้งสองด้าน พร้อมลายเถาวัลย์ดอกไม้ ขอบเรียบไม่เป็นเฟือง ด้านหลังตีตรา “กรุงเทพ” จะเห็นได้ว่ากระบวนการผลิตด้วยแรงงานมือนั้น ใช้เวลานานทำให้ผลิตเหรียญเพื่อแลกจำหน่ายไม่ทันแตก็ผลิตอยู่ได้ไม่นาน เครื่องจักรบรรณาการพร้อมกับคณะราชทูตก็เดินทางมาถึง เป็นอันสิ้นสุดการผลิตเหรียญแบนแบบตอกตราไปในตัว จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:50:47

ความคิดเห็นที่ 6 ครื่องจักรบรรณาการและเหรียญบรรณาการ เมื่อเครื่องจักรมาถึงสยามแล้วก็เริ่มผลิตเหรียญกันทันที แต่ลองวิเคราะห์กันสักหน่อยว่า ๑. เครื่องมือมาถึงสยาม ทำเหรียญกษาปณ์ได้เลยหรือ? ต้องมีคนมาสอนงานก่อนไหม? ๒. ต้องมีการเตรียมตัวสร้างบล๊อก แกะแม่พิมพ์ตราช้าง และตราพระราชลัญจักรมหาพิชัยมงกุฎจริงไหม? ๓. เรื่องการหลอมโลหะไม่เป็นปัญหา เนื่องจากชาวสยามมีความชำนาญผสมโลหะ ๔. เครื่องจักรทำเหรียญที่ส่งเป็นเครื่องบรรณาการมา มีกี่เครื่องจักร? ในพิพิธภัณฑ์กรุงลอนดอน มีเหรียญกษาปณ์ของไทยอยู่เหรียญหนึ่ง ระบุว่าเป็นสมบัติของขวัญพระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย พระราชินี ตัวปรู๊พถูกแกะขึ้นในประเทศอังกฤษและจัดทำเหรียญต้นแบบทดลองในประเทศอังกฤษ ก่อนที่จะถูกส่งไปยังสยาม ซึ่งเหรียญนี้เป็นเหรียญที่สวยงามมาก ซึ่งถูกจัดส่งมายังอังกฤษไม่นาน หลังจากที่เครื่องจักรได้เดินทางถึงสยามแล้ว เป็นตัวยืนยันว่า “สยามได้รับเครื่องทำเหรียญอย่างถูกต้องและสมบูรณ์” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศให้ใช้เหรียญแบบยุโรปขึ้นในประเทศเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๓ “ประกาศพิกัดราคาและเหรียญทองตราเหรียญบาทและเงินแป” เพื่อป้องกันผลกระทบจากมูลค่าเนื้อเงินส่วนผสมในเหรียญระหว่างเงินเม็กซิโกและเงินในประเทศ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 14:01:56 จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:53:17

ความคิดเห็นที่ 7 จากการค้นหาข้อมูลทำให้ทราบว่า เครื่องจักรที่ถูกส่งเป็นเครื่องราชบรรณาการนี้มีด้วยกัน ๓ ชิ้น ไม่ใช่ระบบไอน้ำ เป็นระบบทำด้วยแรงงานคนระบบหมุนมือ ๑. เครื่องเจาะเหรียญเพื่อทำขนาด ๒. เครื่องประทับตรา ทำลวดลายบนเหรียญ ๓. เครื่องทำขอบฟันเหรียญ เครื่องจักรทั้ง ๓ ชิ้นถูกส่งเข้ามายังพระบรมมหาราชวัง และถูกนำไปไว้ที่โรงกษาปณ์สิทธิการ ในพระบรมมหาราชวังตั้งอยู่ตรงกันข้ามพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิทธภัณฑ์วัดพระแก้ว) จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:54:45

ความคิดเห็นที่ 8 จากข้อความในพิพิทธภัณฑ์กรุงลอนดอนทำให้ทราบว่า ตัวตอกโลหะทำลวดลายเหรียญนี้ ถูกทำขึ้นในประเทศอังกฤษ โดนนายแฮรีปัก อุปทูตอังกฤษจัดหาให้ ซึ่งต้องดำเนินการไว้ตั้งแต่คณะราชทูตสยามเดินทางไปในครั้งนั้นแล้ว ขั้นตอนการทำเหรียญบรรณาการ (แบบมาตรฐาน) ๑. หลอมโลหะเงินให้ได้ตามสัดส่วนที่ต้องการ ๒. นำมารีดเป็นแผ่นให้หนาตามความต้องการ ๓. นำเข้าเครื่องเจาะรูให้ได้ขนาดตามต้องการ ๔. นำเข้าเครื่องตอกตราทำลวดลายเหรียญ ๕. ทำจักของฟันเฟืองเหรียญ ภาพการหลอมโละหะให้ได้ตามสัดส่วนที่ต้องการ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:58:25

ความคิดเห็นที่ 9 ขั้นตอนต่อมา ก็นำโลหะเข้าเครื่องรีดให้บางตามขนาดที่ต้องการ และเข้าเครื่องเจาะเหรียญ ซึ่งเรียกว่า "ตัวเปล่า" จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:01:30

ความคิดเห็นที่ 10 ต่อมานำเหรียญเข้าเครื่องอัด หมุนด้วยแรงงานคน ซึ่งเครื่องจักรหน้าตาแบบนี้ ที่ถูกส่งเป็นเครื่องบรรณาการ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:05:28

ความคิดเห็นที่ 11 เครื่องอัดเหรียญ มีรูปร่างเป็นแบบนี้ครับ หมุนด้วยมือ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:06:49

ความคิดเห็นที่ 12 และสิ่งที่สำคัญคือ แม่ตรา ซึ่งเรียกว่า "Dies" (ดายส์) ทำด้วยวัสดุเหล็กกล้า แกะบล๊อกพิมพ์ ซึ่งถูกแกะจากประเทศอังกฤษ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:09:29

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อเหรียญถูกปั๊มเสร็จแล้วจะถูกนำเข้าเครื่องทำขอบฟันเฟืองเหรียญ เพื่อยกขอบไม่ให้ลายที่ทำขึ้นมา ถูกสัมผัสจนเลือนหายไป จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:11:46

ความคิดเห็นที่ 14 แต่เมื่อเครื่องจักรนี้ทำโดยแรงงานคน อัตราการผลิตที่ได้ สามารถทำได้เพียงเงิน ๓๐ ชั่ง ( ๒,๔๐๐ บาท) และเงินย่อย ๑๐ ชั่ง ๑๐ ตำลึง (๘๔๐ บาท) และเหรียญทองคำพัดดึงส์ เล็กน้อย ไม่กี่เหรียญ ก็ต้องหยุดลงเพราะเครื่องจักรที่สั่งมาถึงสยามแล้วในราวปลายปี พ.ศ. ๒๔๐๑ ภาพเหรียญชุดแรกที่ผลิตจากเครื่องจักรบรรณาการ มีการบอกราคาด้วยรูปดาว โดยแทนค่า "เฟื้อง" ซึ่ง ๘ เฟื้องมีค่าเท่ากับ ๑ บาท เหรียญทั้งหมดนี้จึงถูกเรียกว่า "เหรียญบรรณาการ" ตามเครื่องจักรที่ได้ถูกส่งมาจากอังกฤษ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:14:11

ความคิดเห็นที่ 15 เหรียญบรรณาการ ๑๖ ดาว ก็ราคา ๒ บาท จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:21:25

ความคิดเห็นที่ 16 ราคาเฟื้อง ไม่มีดาว จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:24:45

ความคิดเห็นที่ 17 เครื่องจักรไอน้ำผลิตเหรียญกษาปณ์ ครั้นเมื่อถึงปลายปีพ.ศ. ๒๔๐๑ เครื่องจักรไอน้ำสำหรับผลิตเหรียญ ได้เดินทางมาถึงสยาม ซึ่งได้ค้นคว้ามาได้ว่าถูกสั่งจากประเทศอังกฤษ เป็นของ Taylor & Challen Limited เมืองเบอร์มิงแฮม ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องจักรหนัก และเป็นเมืองที่เป็นแหล่งผลิตเหรียญกษาปณ์อันโด่งดังในยุคพระนางเจ้า วิคตอเรีย บริเวณจุดสีแดง คือ แหล่งโรงงานที่เป็นโรงงานด้านทำเหรียญตรา ต่างๆ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:32:14

ความคิดเห็นที่ 18 บริษัท Taylor & Challen ตั้งอยู่ในเมืองเบอร์มิงแฮม จากจดหมายเหตุคณะราชทูตที่ไปเยือนประเทศอังกฤษ ระบุไว้ว่า “รุ่งขึ้นเจ้าเมืองจัดรถสามรถ มารับราชทูตแลข้าหลวงไปดูที่ทำเครื่องทองเหลือง ที่ทำเบี้ยทองแดง ที่ทำแก้ว ทำกระจกที่ทำเครื่องเหล็ก ที่ทำถาด กระดาด หีบกระตาด ของต่างๆ...” “เมื่อราชทูตไทยไปเมืองอังกฤษคราวแรก เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๐๐ จึงโปรดให้ไปซื้อ เครื่องจักรมาสร้างโรงกสาปน์ ทำเงินเหรียญบาทแลเงินสลึงเงินเฟื้องจำหน่ายแทนเงินพดด้วง แต่ปีวอก พ.ศ. ๒๔๐๓..” จากหมายเหตุสิ่งสถานที่แลวัสดุรัชกาลที่ ๔ ทรงสร้าง อาจจะมีการไปดูงานที่บริษัทแห่งนี้ด้วย จากประวัติของบริษัท Taylor & Challen พบว่าเป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องจักรสำหรับผลิตเหรียญที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเบอร์มิงแฮม ซึ่งในประเทศออสเตรเลีย โรงกษาปณ์ที่เมลเบินและซิดนีย์ ต่างก็ซื้อเครื่องจักรของบริษัทนี้ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๓ โดยนายโจเซฟ เทย์เลอร์ นี่ภือภาพเครื่องจักรไอน้ำ สำหรับผลิตเหรียญ ซึ่งถูกซื้อมาจากอังกฤษ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:35:28

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าดูจากการติดตั้งเครื่องจักรไอน้ำสำหรับผลิตเหรียญก็ระยะเวลากว่าปี ในการติดตั้ง ซึ่งเหตุผลคือ ไอน้ำเครื่องจักรผลิตเหรียญชนิดแรงดันไอน้ำที่สั่งซื้อมาถึงในปลาย พ.ศ. ๒๔๐๑  แต่เกิดปัญหาการติดตั้งเป็นเวลานาน  เนื่องจากช่างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่ถูกส่งเข้ามาดำเนินการติดตั้งได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุและอาการป่วยก่อนที่จะติดตั้งเสร็จถึง ๓ คน   จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๐๓  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฯ  ให้นายโหมด  อมาตยกุล  ดำเนินการติดตั้งจนเป็นผลสำเร็จ  ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีบรรดาศักดิ์เป็น พระวิสูตรโยธามาตย์ ทำหน้าที่กำกับการทำเงิน และให้สร้าง  “โรงกระสาปน์สิทธิการ”  ขึ้นที่โรงทำเงินพดด้วงเดิม  ทางด้านหน้าพระคลังมหาสมบัติ  บริเวณมุมถนนนอกประตูสุวรรณบริบาลข้างตะวันออก แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 14:36:43 จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:35:46

ความคิดเห็นที่ 20 นายโหมด อมาตยกุล ได้ศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์และเคมีเป็นส่วนตัวกับหมอเหา ต่อมารับราชการได้เป็นผู้อำนวยการของโรงกษาปณ์ ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระกษาปณ์กิจโกศล ท่านได้ส่งบุตรชายไปเรียนภาษาอังกฤษและเคมีกับหมอเหา ต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระปรีชา เมื่อหมอเหากลับไปสหรัฐเมื่อปี 1876/2419 ได้นำเอาหลานชายของนายโหมดชื่อนายกรไปศึกษาที่สหรัฐ สำเร็จวิชาวิศวกรรมศาสตร์แล้วกลับมารับราชการ ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระวินิจวิทยากร จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:39:02

ความคิดเห็นที่ 21 ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประวัติศาสตร์ช่วงระยะหนึ่งของประเทศ ถึงวิวัฒนาการด้านเหรียญกษาปณ์ไทย ซึ่งการผลิตเหรียญและการใช้เหรียญกษาปณ์ของไทยสมัยรัชกาลที่ ๔ ประชาชนนิยมเทียบค่ากับน้ำหนัก โดยนำเหรียญมาชั่งบนตาเต็งกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ในสมัยพระองค์ท่าน ทองคำจากแคลิฟอร์เนีย ได้ถูกขุดพบเป็นจำนวนมาก ราคาทองมีราคาถูกอย่างมาก ประเทศไทยก็เคยผลิตเหรียญทองคำ ซึ่งเทียบกับมูลค่าราคา ๒ บาท ๔ บาท (เหรียญราคาสูง) ไว้ใช้กันในประเทศด้วย และมีพระราชกำหนดการใช้เหรียญว่า ควรปูผ้าขาวแล้วนำเหรียญวางบนผ้า ห้ามโยน ห้ามวางบนพื้น โดยเด็ดขาด ภาพบริษัท Taylor & Challen ตั้งอยู่ในเมืองเบอร์มิงแฮม ปัจจุบันยังคงอยู่ และผลิตเครื่องจักรหนักสำหรับอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งบริษัทนี้มีชื่อเสียง ด้านเครื่องทำเหรียญกษาปณ์ให้กับหลายประเทศ เช่น อเมริกา จีน ออสเตรเลีย จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:41:50

ความคิดเห็นที่ 22 ตัวอย่างเหรียญ เครื่องจักรผลิตเหรียญกษาปณ์ สมัยพระนางเจ้าวิคตอเรีย จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:43:26

ความคิดเห็นที่ 23 โรงกษาปณ์ของไทย ในพระบรมมหาราชวัง ถ่ายไว้เมื่อต้นรัชกาลที่ ๕ เห็นปล่องไฟสูง ซึ่งเป็นการผลิตเครื่องด้วยไอน้ำ และเสาธงสูงซึ่ง รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯให้ย้ายมา จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:45:33

ความคิดเห็นที่ 24 และทั้งหมดนี้เป็นบทเริ่มต้นแห่งการมีเหรียญแบนที่เราใช้กันครับ คลังความรู้เก่า วัฒนาการเงินตราไทย http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/01/K8820505/K8820505.html เบี้ยหอย....ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราแรกๆของโลก http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/12/K7358722/K7358722.html จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 14:46:33

ความคิดเห็นที่ 25 ใน คห.3 เหมือนเหรียญ ห้าบาทของไทย สมัยพ.ศ. 2528 จากคุณ : Mr.บรรณารักษ์ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:34:49

ความคิดเห็นที่ 26 โหวตครับ จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:36:21

ความคิดเห็นที่ 27 อย่าลืมช่วยเก็บเข้าคลังกระทู้ทั้งกระทู้แรกและกระทู้นี้กันด้วยครับ จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 17:02:52

ความคิดเห็นที่ 28 เก็บเข้าคลังกระทู้เรียบร้อยแล้วครับ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 18:57:39

ความคิดเห็นที่ 29 ได้ความรู้ดีมากเลยค่ะ จากคุณ : ป้าอ้วนเหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 19:51:34

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณคุณหนุ่มค่ะ  เก็บเข้าคลังด้วยเหมือนกัน เชื่อเขาเลยไปหามาจากไหนนิ ช่างสรรสร้างจริง  ๆ  ความพยายามเป็นเลิศ จากคุณ : หนึ่ง ต. กับ สามตัว (หนึ่ง ต. กับ สามตัว) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 19:58:41

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆค่ะ อ่านแล้วสนุกด้วยน๊ะค่ะ ทู้ที่แล้วไม่ได้มาเม้นท์ ขอบคุณที่พามาอ่านกระทู้ดีๆความรู้แจ่มๆค่ะ จากคุณ : มองดูท้องฟ้า....ไม่เป็นเช่นเคย เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 22:51:40

ความคิดเห็นที่ 32 ผ่านโรงกษาปณ์ทุกครั้งที่เข้ากรุงเทพฯ  .. คราวนี้รู้ประวัติที่มาของเหรียญณ์กษาปเพิ่มขึ้นอีก  .. ขอบคุณค่ะ  .. จากคุณ : ป้าเกษ (inhouse) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 08:00:19

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณคุณหนุ่มรัตนะค่ะ เหรียญสมัยก่อนนี่สวยจริงๆ ดูพิถีพิถันในการผลิตมาก แต่แอบชอบเหรียญนกยูงของพม่าล่ะ ^-^ จากคุณ : apple a day เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 10:28:02

ความคิดเห็นที่ 34 ตามมาอ่าน ขอบคุณมากๆเลยค่ะ สำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปัน จากคุณ : sawkitty เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 11:50:16

ความคิดเห็นที่ 35 ด้วยคนครับ ขอบคุณสำหรับความพยายามในการสรรหา จากคุณ : techkon_d เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 19:16:16

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ จากคุณ : biebie999 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 20:14:26

ความคิดเห็นที่ 37 รายละเอียดและภาพประกอบมากมาย ทำให้อ่านเข้าใจชวนติดตามค่ะ ว่าแต่ว่า ไม่ยกไปแปะเก็บไว้ที่ blog บ้างเหรอคะ จากคุณ : นัทธ์ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:02:34

ความคิดเห็นที่ 38 ตามมาอ่านอีกรอบนึงค่ะ จากคุณ : sawkitty เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 08:34:06

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณครับ  จากคุณ : น้ำค้างหยกเก้าบุปผา เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 17:58:41

ความคิดเห็นที่ 40 มาศึกษาขั้นตอนการทำเหรียญกษาปณ์ ไว้จะตั้งโรงงานผลิต   จากคุณ : Fortunism เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 20:44:53

ความคิดเห็นที่ 41 เข้ามาอ่านเพิ่มพูนความรู้ครับ. จากคุณ : เจียวต้าย เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 53 13:01:22

ความคิดเห็นที่ 42 ได้ความรู้มากมายครับ  บางอย่างก็ไม่เคยรู้มาก่อน  แต่มีข้อผิดพลาดอยู่  2 ที่ครับ จากคุณ : เล็ก ยานนาวา เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 53 16:07:13

ความคิดเห็นที่ 43 คือในโพสต์ที่ 15  ภาพที่นำมาลงนั้น ไม่ใช่เหรียญบรรณาการ  ดูจากลายเกษรดอกไม้รอบขอบเหรียญเป็นลายเกษรออก  ไม่ใช่เกษรเข้าแบบเหรียญบรรณาการ  อีกทั้งเหรียญบรรณาการไม่มีชนิดราคา 2 บาท จากคุณ : เล็ก ยานนาวา เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 53 16:11:05

ความคิดเห็นที่ 44 อีกจุดนึงที่ข้อมูลผิดคือในโพสต์ที่ 16 ภาพที่นำมาลงนั้นไม่ใช่ราคาเฟื้อง (เพราะถ้าราคาเฟื้องต้องมีดาวหนึ่งดวงครับ)  ภาพที่นำมาลงนั้นเป็นราคากึ่งเฟื้อง หรือก็คือครึ่งนึงของเฟื้อง จึงไม่มีดาวครับ  แต่นิยมเรียกว่า 2 ไพ (เสี้ยว)  มากกว่าครับ  เหรียญบรรณาการที่หายากคือเนื้อทองคำครับ  ไม่แน่ใจว่ามีเพียง 3 เหรียญ หรือ 5 เหรียญในโลก จากคุณ : เล็ก ยานนาวา เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 53 16:19:46