ความคิดเห็นที่ 1 ตื่นจากแมทริกซ์ หรือออกจากแมทริกซ์นึงไปเข้าอีกอันก็ไม่รู้นะครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 16:08:37

ความคิดเห็นที่ 2 ลดศรัทธาจริตให้น้อยลงหน่อย หาความรู้ให้เยอะ ไปที่ไหนไม่เข้า Matrix ใหม่แน่นอน จากคุณ : นิรันดรกาลแปดตวัด เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 16:46:00

ความคิดเห็นที่ 3 พวกตื่นใหม่จะร้อนวิชาครับ น้ำหุน้ำตาแตกพลั่กๆ ต้องทำใจครับ พวกตื่นนานแล้วจะเนียน... แมททริกซ์บ้างล่ะ เกาเหลาเนื้อบ้างล่ะ 1984 บ้างล่ะ มันอะไรกันเนี่ย จากคุณ : กระต๊อบน้อย เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 18:37:42

ความคิดเห็นที่ 4 เพราะ เหตุมันสอดคล้องกับผล และตรงกับสถิติ ถ้าผมไม่ได้มองประเทศไทยจากข้างนอกก็คงยังไม่เข้าใจประเทศไทยอย่างที่เป็นอยู่ มนุษย์เป็นสิ่งที่ถูกชี้นำด้วยบรรยากาศง่ายมาก บางทีการเปลี่ยนบรรยากาศก็ทำให้เปลี่ยนวิธีการคิด และเป็นผลให้กา่รมองโลกเปลี่ยนไป ขอบคุณ Critical Thinking Smoke Gets in Your Eyes The Platters They asked me how I knew My true love was true Oh, I of course replied Something here inside cannot be denied They said someday you'll find All who love are blind Oh, when your heart's on fire You must realize Smoke gets in your eyes So I chaffed them and I gaily laughed To think they could doubt my love Yet today my love has flown away I am without my love Now laughing friends deride Tears I can not hide Oh, so I smile and say When a lovely flame dies Smoke gets in your eyes Smoke gets in your eyes แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 53 21:32:56 จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 21:29:52

ความคิดเห็นที่ 5 ู^ ^ ^ ^ ขออนุญาตแซวนิดนึงค่ะ เพลงบ่งบอกอายุมากเลยค่ะ หุหุ จากคุณ : papa mama love u เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:38:18

ความคิดเห็นที่ 6 การอธิบายเรื่อง Matrix ก็เหมือนการอธิบายเรื่อง พระเจ้า ในรูปแบบหนึ่ง จากคุณ : chenpinkun (chenpinkun) เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 23:11:14

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ได้อายุมากขนาดนั้น ~~~~ แต่ชอบฟังเพลงรุ่นคุณแม่ยังสาว เท่านั้นเอง พวก Elvis, Beatles, The carpenter etc. จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 14:10:57

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนใหญ่ผมก็อยู่ในหว้ากอนะ แต่ชอบมาอ่านเรื่องประวัติศาสตร์ในห้องสมุด สนุกดี  ชอบที่หลายๆ ท่านความจำดีมากเลย เหมือนกับว่าอ่านอะไรมาก็จำได้หมด เอาแค่จำให้ได้ว่าข้อมูลอยู่ที่ไหนแล้วหยิบมาอธิบายคนอื่นได้นี้ผมก็ว่าเก่งนะ เสียดายที่ช่วงนี้หว้ากอมีกระทู้ประวัติศาสตร์เยอะแต่อยู่ผิดห้อง ถ้ามีระบบย้ายให้มันถูกที่ถูกทางก็จะดีมาก จริงๆ เรื่องประวัติศาสตร์มันก็ยากที่จะบอกว่าอะไรเกิดขึ้นจริงๆ สาเหตุ และ/หรือ ความคิดของคนที่เกี่ยวข้องคืออะไร เพราะแม้แต่เหตุการณ์ในปัจจุบัน คนสองคนยังมีข้อสรุปที่แตกต่างกันเลยทั้งๆ ที่สื่อเยอะแยะท่วมเมือง เนื้อหาทางประวัติศาสตร์เลยเป็นการอ่านจากบันทึกของคนที่เค้าสนใจค้นคว้า หรือที่ต้องการจะสื่อสารอะไรออกมา เค้าจะมีไบแอสอะไรเราไม่มีทางรู้ได้หมด เลยคิดสะว่าอ่านแล้วก็พอจะได้เค้าโครงอะไรบ้าง แต่ให้เชื่อไปหมดคงยาก เมื่อกี้เพิ่งอ่านเรื่องย่อ troy ของ version 1956 กับ 2004 ยังเล่าเรื่องไปกันคนละทิศละทางเลย (ผมไม่คิดนะว่าคนเขียนบทภาพยนต์จะมีส่วนได้เสียกับ troy) ถ้าคุณเจอนักประวัติศาสตร์ที่ไม่ทำธุรกิจ ไม่มีเชื้อชาติ เพศ ศาสนา และการเมือง ก็บอกผมด้วยแล้วกัน ที่เขียนมาทั้งหมดข้างบนแค่จะบอกว่า ผมไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่ จขกท อยากให้มาตอบ แต่ก็นะขอเือกนิดนึ่ง อยากเริ่มต้นว่า ดูจากที่เขียน จขกท เองก็มีอคติกับนักการเมือง อาจจะด้วยประสบการณ์อะไรก่อนหน้า  แต่ส่วนตัวผมนักการเมืองคนที่เลวที่สุดยังไงก็ทำความเสียหายให้ประเทศได้น้อยกว่าทหารเลว เรื่องคนที่บอกว่าตัวเองหลุดออกจาก matrix แล้ว สุดท้ายมันก็เหมือนคนชอบศึกษาประวัติศาสตร์ที่พอได้คุ้ย อ่าน-เห็น-เจอ อะไรที่มันเข้าถูกกับจริตตน ก็จะให้น้ำหนักกับหลักฐานนั้นเป็นพิเศษ สุดท้ายก็สรุปเป็นความเชื่อของตน ผมเอง โดยส่วนตัวก็ดูจากประวัติศาสตร์หยาบๆ เนี้ยละ ก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม ทหารบ้านเรามันถึงกล้านัก  การทำรัฐประหาร ปฏิวัติ เนี้ยผิดแน่ๆ ทั้งทางกฏหมายของไทยเอง ทั้งในแง่การยอมรับจากต่างประเทศ  อยากเห็นตอนที่มันยึดอำนาจแล้วส่วนต่างๆ ของสังคม (โดยฉพาะส่วนหลักๆ ) ไม่ยอมรับ มันจะเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะยอมรับกันตลอดไง มันก็ไม่แปลกที่จะมีคนสงสัยว่า สรุปว่าเตี้ยมกันหรือเปล่าว่ะ ที่ยอมรับนี้จะบอกว่าเพราะขี้ขลาดกลัวตายกันทั้งหมดมันก็ไม่น่าจะใช่ จะว่าไม่ใช่ธุระ หรือไม่มีอำนาจจะหยุด ยิ่งไม่น่าใช่ใหญ่  ยิ่งข้ออ้างว่ายึดอำนาจได้แล้วถือเป็นรัฏฐาธิปัตย์นี้ยิ่งหนักเลย กลายเป็นว่าคุณยอมรับคนทำผิดกฏหมายให้กลายเป็นคนถูกกฏหมายเพราะเค้ามีปืน ถ้าคิดอย่างนั้นไม่ต้องมีแล้วครับกฏหมาย แปลงประเทศเป็นซ่องโจรเลย จะได้ไปปล้นประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ต้องมาปล้นบ้านตัวเองอย่างนี้ จริงๆ คนเค้าสงสัยกันมานานแล้ว แต่มาสงสัยกันหนักก็ตอน 19 กันยา กับงานหลัง 7 ตุลา เนี้ยละ แถมยังมีเรื่องอื่นๆ  หลังจากนั้นอีกที่คงไม่พูด แต่คิดว่า จขกท คงเคยได้รับรู้มาบ้าง มันก็ขึ้นกับคุณเองว่าคิดอ่าน และให้น้ำหนักกับเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างไร ป.ล. ผมไม่ใช่นักการเมืองนะจ๊ะ จากคุณ : C2minus เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 19:08:22

ความคิดเห็นที่ 9 ถึงต้องหาอ่านที่เป็น Primary Source เท่าที่จะเป็นไปได้ยังไงครับ ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบอ่านบทวิเคราะห์ ผมนิยมอ่านข้อเท็จจริงแล้วหาข้อสรุปเองมากกว่า มันช่วยได้มากกว่าอ่านบทวิเคราะห์เยอะ แต่หลายเรื่องมันหาอ่านยากเพราะเกิดในยุคที่ไม่ีค่อยมีการบันทึก และโดยปกติประเทศไทยก็ไม่ค่อยนิยมการบันทึกสักเท่าไหร่นัก ตอนนี้ผมกำลังรอบันทึกทูตสหรัฐว่าเมื่อไหร่จะ Declassify สักที แต่คงต้องรออีกนานเพราะแกบอกว่าให้เปิดเผยได้หลังจากแกตายแล้ว 30 ปี ล่าสุดได้ข่าวว่าตอนนี้ยังฟิตอยู่ จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 19:48:09

ความคิดเห็นที่ 10 ยิ่งข้ออ้างว่ายึดอำนาจได้แล้วถือเป็นรัฏฐาธิปัตย์นี้ยิ่งหนักเลย กลายเป็นว่าคุณยอมรับคนทำผิดกฏหมายให้กลายเป็นคนถูกกฏหมายเพราะเค้ามีปืน ^ ^ ^ เพราะถ้าศาลไม่ยอมรับ ก็อันตรายต่อตัวผู้พิพากษานะครับ แต่ผมเห็นด่วยนะครับ ข้อนี้ เพราะมันเป็นการบ่งบอกว่า อำนาจที่แท้จริงมาจากผู้ชนะ #9 เป็นกฏหมาย หรือครับ จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 23:37:01

ความคิดเห็นที่ 11 อ้อใช่ครับ ผมค่อนข้างมีอคติกับนักการเมือง ซึ่งปัจจุบันเป็นเป็นพวกแก่ๆ แต่ไม่ยอมละวาง เพราะผมเป็นคนนราธิวาสครับ เรื่องนี้ถ้าจะพูด พูดกันยาว ย้อนไปถึงสมัย ผู้ก่อความไม่สงบโน้น จริงๆแล้วปัญหามันเกิดเพราะมีคนได้ประโยชน์ด้วยหละครับ เลยเลี้ยงไว้ ซึ่งปัจจุบันนี้พวกนี้ยังยืดคออยู่ในสภาอยู่เลย ประกอบกับข้าราชการที่ทำงานด้วยใจมีน้อย แถมรัฐยังใช้การย้ายคนไปอยู่ชายแดนเป็นการเนรเทศอีก ปัญหามันไม่มีสิครับแปลก ถ้าจะพูดจริงๆนะครับ ผมยังค่อนข้างศรัทธากับสถาบันอยู่เนื่องจากโครงการในอดีตที่พระองค์เคยพัฒนานราธิวาส แต่ก็สนับสนุนให้เราสามารถคุยเรื่องนี้กันได้ เพราะผมยังคุยเรื่องศาสนากับอิสลามบ่อยๆ  ซึ่างผมก็แสดงทัศนคติของผมไปซึ่ง ถ้าเราคุยกันด้วยเหตุผล มันก็ไม่น่าจะมีอะไร แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 53 23:45:02 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 53 23:42:47 จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 23:38:51

ความคิดเห็นที่ 12 ผมก็เป็นคนที่ไปๆมาๆระหว่าง ห้องสมุด สินธร และหว้ากอ ครับ ส่วนตัวผมชอบอะไรที่เป็นข้อเท็จ มากกว่า ความเชื่อ ดังนั้นเวลาเจออะไรก็จะไม่ปักใจเชื่อไปเลย มันก็เหมือน เรื่องประวัติศาสตร์ที่มันเปลี่ยนแปลงได้ถ้าพบข้อเท็จจริงใหม่ๆ ดังนั้นถ้ามีคนบอกว่า หลุดออกจากเมทริก ก็น่าสนใจที่จะฟังจากเค้าครับ แล้วอีกอย่างห้องหว้ากอ(คิดว่าเจ้าของกระทู้นำคำถามนี้มากจากกระทู้ ในห้องหว้ากอ)ผมว่าพวกนั้นเค้ามีเหตุมีผลมากพอที่จะไม่เป็นเครื่องมือ อะไรให้ฝ่ายไหน จากคุณ : เหล่าฟาง เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 53 17:56:58

ความคิดเห็นที่ 13 ผมก็เป็นคนนึงที่เปลี่ยนไปจาก เหตุ 19 กันยา นะ แต่ขอบอกก่อนว่าไม่ใช่พวกสุดโต่ง เพียงแต่มองอะไรในพื้นฐานความเป็นจริงมากขึ้น จากเดิมที่ใช้อารมณ์ ความเชื่อส่วนตัวอย่างเดียว ก็เลยมีความเข้าใจคนทั้งสองแบบมากขึ้น เพราะเราก้าวมาอยู่ทั้งสองโลกแล้ว .... พูดก็พูดนะ ปัญหาตรงนี้ที่มีกันอยู่ เป็นเรื่องของความเชื่อและความศรัทธาและศักศรี มานะ ล้วน ๆ จริง ๆ มีจุดที่หย่อนให้กันและสังคมกลับมาสงบได้ แต่ต่างก็สุดโต่งทั้งคู่ มันก็เลยมีทางเลือกสำหรับผลลัพธ์ 2 ทาง แค่ซ้ายกับขวา..เฮ้อ จากคุณ : คนพิจิตร เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 53 22:29:11

ความคิดเห็นที่ 14 จุดอ่อนของสถาบัน เกิดขึ้นโดยตัวของสถาบันเอง หรือเกิดขึ้นเพราะปัจจัยอื่น? บางครั้งเห็นคนที่อ้างว่าออกมาปกป้องสถาบันแล้ว ประหลาดใจ ที่ประหลาดใจก็คือว่า แน่ใจได้อย่างไรว่า องค์สถาบันเองประสงค์อย่างไร หรือเจตนาอย่างไร อะไรๆก็ห้าม อะไรๆก็ปิด มันเป็นความลับ เป็นเรื่องลึก กันหมด ท้ายสุด เรื่องจริงที่ดีงาม ประชาชนก็ไม่รู้ แต่ข่าวลือนี่ ........ สะพัด บอกตามตรงว่าเป็นคนหนึ่งที่เรียกตัวเองได้เลยว่าเป็นรอยัลลิส และผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ที่"ค่อนข้าง"เป็นกลาง ทั้งนี้เพราะแม้จะมองสถาบันที่เคารพรักอย่างเทิดทูลทว่า ดีร้ายผิดถูกอย่างไร ก็ต้องว่าไปตามเหตุผล ยิ่งมองแบบนี้ก็จะยิ่งรักและเทิดทูลสถาบันมากขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ เพราะยิ่งเห็นถึงข้อเท็จจริงที่ทำให้เราควรเคารพ ไม่ใช่เคารพรักเพราะเค้าบอกว่า"ต้องเคารพนะ" เพราะสมัยนี้ เด็กๆเค้าไม่เชื่อแล้วเรื่องสมมติเทพ แต่เรื่องความดีงามที่น่าเคารพนี่สิ มันเป็น"อกาลิโก" ................................. เรื่องคดีหมิ่นฯ คำนี้ทุกคนก็รู้จัก เดี๋ยวนี้แม้แต่ตาแกละ เข็นผักอยู่ตลาดสี่มุมเมือง แกก็รู้จัก ถามแกสิว่ารู้ไหมหมิ่นคืออะไร แกก็ว่า "ไปด่าเจ้านาย" ทีนี้ พอใครออกมากล่าวหาใคร ว่าเอ้ย คนนี้มันหมิ่นฯนะ มันก็ไม่ได้สำคัญว่า ผลที่ศาลตัดสินจะออกมาเป็นยังไง เพราะว่า มันสำคัญตรงที่ คนเค้ารู้กันไปแล้วว่าไอ่คนนี้หมิ่นฯ คือ "มาด่าเจ้านาย"ของพวกตรู ประกอบกับคนไทย ลืมง่าย กระแสตกไว เรื่องหมิ่น จึงกลายเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพของนักการเมืองไปโดยปริยาย กฎหมายหมิ่น จึงไม่ได้มีไว้กลั่นแกล้งทางการเมือง เจตนารมณ์ของกฎหมายไม่ใช่อย่างนั้น พวกมันทั้งนั้นที่เอากฎหมายหมิ่นไปใช้เป็นอาวุธทางการเมืองต่างหาก ที่เลว พาลทำให้พระบรมเดชานุภาพต้องมัวหมองไปด้วย แล้วแบบนี้ ตกลงใครหมิ่นฯ? จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี (WeeN the Listener) เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 53 18:30:33