ความคิดเห็นที่ 1 วิทยานิพนธ์คือ "วิทยานิพนธ์, ปริญญานิพนธ์ หรือ ดุษฎีนิพนธ์ เป็นเอกสารที่เขียนโดยนักวิจัย นักศึกษา หรือนักวิชาการ  พรรณนาขั้นตอน วิธีการ และผลการศึกษาวิจัยที่ค้นคว้าวิจัยมาได้ โดยเขียนอย่างเป็นระบบ มีแบบแผน สำหรับนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา วิทยานิพนธ์เป็นเอกสารบังคับในการจบการศึกษา สำหรับนักวิจัยหรือนักวิชาการจะใช้เป็นเอกสารในการเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ วิทยานิพนธ์เป็นคำเรียกสำหรับเอกสารสำหรับนักศึกษาปริญญาโท โดยตรงกับในภาษาอังกฤษคำว่า ทีซิส (thesis) มาจากภาษากรีกคำว่า θέσις สำหรับเอกสารงานวิจัยของนักศึกษาระดับปริญญาเอกจะเรียกว่า ปริญญานิพนธ์ หรือ ดุษฎีนิพนธ์ ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า dissertation" ข้อมูลจาก WikiPedia  http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C จากคุณ : Mr.บรรณารักษ์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 10:49:26

ความคิดเห็นที่ 2 วิจัยคือ "    มีผู้ให้ความหมายไว้หลากหลายดังนี้    พจน์ สะเพียรชัย กล่าวว่า "การวิจัยคือวิธีแก้ปัญหาที่มีระบบแบบแผนเชื่อถือได้ เพื่อให้เกิดความรู้ที่เชื่อถือได้"    อนันต์ ศรีโสภา กล่าวว่า "การวิจัยเป็นกระบวนการเสาะแสวงหาความรู้จากปัญหาที่ชัดเจนอย่างมีระบบ โดยมีการทดสอบสมมติฐานที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล ซึ่งสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายในเรื่องนั้น ๆ เพื่อนำไปพยากรณ์หรือสังเกตการเปลี่ยนแปลง เมื่อควบคุมสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้คงที่"    เบส (Best) ให้ความหมายไว้ว่า "การวิจัยเป็นแบบแผนหรือกระบวนการวิเคราะห์อย่างเป็นปรนัย มีโครงสร้างที่เป็นระเบียบ มีการจดบันทึกรายงาน และสรุปผลเป็นกฎเกณฑ์หรือทฤษฎีขึ้น เพื่อนำไปอธิบาย ทำนาย หรือควบคุมปรากฎการณ์ต่าง ๆ"    เคอร์ลิงเจอร์ (Kerlinger) ให้ความหมายว่า "เป็นการใช้ข้อมูลในการตรวจสอบสมมติฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของปรากฎการณ์ ธรรมชาติ โดยมีการควบคุมอย่างเป็นระบบสม่ำเสมอ    ในที่ประชุม Pan Pacific Science Congress ค.ศ.1961 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แยกความหมายของ RESEARCH ไว้ดังนี้    R - Recruitment and Relationship หมายถึง การฝึกคนให้มีความรู้ รวมทั้งรวบรวมผู้มีความรู้และปฏิบัติงานร่วมกันติดต่อสัมพันธ์และประสานงานกัน    E - Education and Efficiency หมายถึง ผู้วิจัยจะต้องมีการศึกษา มีความรู้ และสมรรถภาพสูงในการวิจัย    S - Sciences and Stimulation เป็นศาสตร์ที่ต้องพิสูจน์เพื่อค้นคว้าหาความจริงและผู้วิจัยจะต้องมีพลังกระตุ้นให้เกิดความริเริ่ม กระตือรือร้นที่จะวิจัยต่อไป    E - Evaluation and Environment ผู้วิจัยจะต้องรู้จักการประเมินผลดูว่างานวิจัยที่ทำอยู่มีประโยชน์สมควรจะ ทำต่อไปหรือไม่ และต้องรู้ใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในการวิจัย    A - Aim and Attitude มีจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายที่แน่นอนและมีเจตคติที่ดีต่อผลของการวิจัย    R - Result ผลของการวิจัยที่ได้มาจะเป็นทางบวกหรือลบก็ตาม จะต้องยอมรับผลของการวิจัยนั้น เพราะเป็นผลที่ได้มาจากการค้นคว้าอย่างระบบและเชื่อถือได้    C - Curiosity ผู้วิจัยจะต้องมีความอยากรู้อยากเห็น มีความสนใจและขวนขวายในงานวิจัยอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าความอยากรู้นั้นจะมีเพียงเล็กน้อยก็ตาม    H - Horizon เมื่อผลการวิจัยปรากฏขึ้นแล้ว ย่อมทำให้ทราบและเข้าใจในปัญหาเหล่านั้นได้ เหมือนกับเกิดแสงสว่างขึ้น แต่ถ้ายังไม่เกิดแสงสว่าง ผู้วิจัยจะต้องดำเนินการต่อไปจนกว่าจะพบแสงสว่าง ซึ่งก็คือผลของการวิจัยจะต้องก่อให้เกิดสันติสุขแก่สังคม    โดยสรุปแล้ว การวิจัย คือ กระบวนการที่เป็นระบบน่าเชื่อถือ สำหรับใช้เป็นเครื่องมือในการค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่สนใจ " ข้อมูลจาก ฉัตรศิริ ปิยะพิมลสิทธิ์   อ้างถึงใน http://www.watpon.com/Elearning/res1.htm จากคุณ : Mr.บรรณารักษ์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 10:50:35

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนโปรเจค ไม่มีผู้ให้ความหายแน่ชัดในเชิงนามธรรม  แต่ในเชิงรูปธรรม  โปรเจคคือ ผลงาน หรือชิ้นงาน ที่ นศ. รับดับ ป.ตรี, โท, เอก  ทำขึ้นเพื่อเป็นผลงานก่อนการจบการศึกษา ครับ จากคุณ : Mr.บรรณารักษ์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 10:56:03

ความคิดเห็นที่ 4 สัมมนา  คือ "“สัมมนา” เป็นคำศัพท์บัญญัติ มาจากคำว่า “สำ-มนา” แปลว่า ร่วมใจ (Meeting of the Minds) เป็นการหาคำภาษาไทยใช้แทนคำ “Seminar” " อ่านเพิ่มเติม  http://learners.in.th/blog/paew5/76863 จากคุณ : Mr.บรรณารักษ์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 10:56:56

ความคิดเห็นที่ 5 รวมๆมันเป็นวิธีหาความรู้น่ะครับ โปรเจค คือ โครงงาน นักศึกษาระดับปริญญาตรีปี 4 ต้องทำจึงจะจบ ถ้าน้องชวนเพื่อนๆ มานั่งล้อมวงม้าหินคุยกัน ถกกัน มีหัวข้อ เช่น เรื่องสอบ เรื่องเรียน เรื่องกิจกรรม เรื่องโครงงาน จนมีข้อสรุป นี่ล่ะครับสัมนา จากคุณ : ตี้หลง เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 12:14:57

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ บรรณารักษ์   เจ้าของกระทู้อยู่แค่ ม.3 นะครับ   เอาใจวัยรุ่นมาใส่ใจเราหน่อย คุณตี้หลง ใครเขาสัมนากันอย่างนั้น วิชาสัมนานั้นถ้าจะอธิบายแบบเด็กๆ ก็คือเอา โปรเจ็คไปพูดหน้าชั้นให้เพื่อนๆในชั้นฟัง   แต่มันก็มีรูปแบบที่ชัดเจนว่าต้องนำเสนออะไร อย่างไร   ไม่ใช่ไปปาฐกถาน้ำท่วมทุ่ง วิจัยคือขบวนการทดสอบ ทดลอง เพื่อให้ได้คำตอบสำหรับปัญหาที่อยากศึกษา   โดยมีขั้นตอนที่เป็นที่รับรองกันว่าไม่มั่วไม่ยกเมฆ   ไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัว โปรเจคระดับปริญญาตรีจะเป็นการวิจัยหรือไม่ก็ได้   แต่ที่แน่ๆ ทำเสร็จต้องเขียนรายงานที่มีรูปแบบการเขียนเป็นเอกสารวิชาการ วิทยานิพนธ์ใช้กับการศึกษาในระดับปริญญาโท   ซึ่งบังคับว่าต้องเป็นงานวิจัยเท่านั้น   ถ้าเทียบให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือโปรเจคระดับที่ยากกว่า   เพราะฉะนั้นแน่นอนว่ารายงานมันย่อมหนากว่า จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 18:14:36

ความคิดเห็นที่ 7 เพื่อความเข้าใจขั้นต้นนะครับ สัมมนา คือ การเรียนรู้จากการพูดคุย ถกประเด็นกันระหว่างผู้(อยาก)รู้ ในประเด็นที่สนใจร่วมกัน (การเรียนปริญญาตรีสายบริหารธุรกิจกำหนดให้นักศึกษาปีสุดท้ายต้องเรียนวิชานี้ คือ แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน ไม่ใช่ฟังแล้วจด) โปรเจค คือ งาน (ที่ได้รับมอบหมาย) จะกลุ่มเหรือเดี่ยวก็ว่ากันไป วิจัย คือ การศึกษาหาความรู้อย่างเป็นระบบ มีการตั้งคำถาม สืบค้น/ทบทวนงาน/ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง กำหนดเครื่องมือในการค้นหา รายงานผล และวิจารณ์ผล   วิทยานิพนธ์ คือ งานวิจัยที่กำหนดให้ต้องจัดทำเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการได้รับวุฒิทางการศึกษา จากคุณ : หนุ่ยนะครับ เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 53 04:41:00