|
##################################### บทที่ 3 รู้จักตลาด #####################################
ตลาดแปล จะหางานแปลได้จากที่ใด คำถามฮิตที่สุด ที่เรามักได้ยินจากผู้ที่อยากเป็นนักแปลคือ จะหางานได้จากที่ไหน หรือ จะเริ่มต้นอย่างไร คำถามนี้ตอบได้ไม่ยากหากเรารู้ประเภทของงานแปลที่เราอยากทำ ตลาดแปลพอแบ่งได้ดังนี้
สำนักพิมพ์ เป็นตลาดสำหรับงานแปลหนังสือหรือวรรณกรรม ในการติดต่อสำนักพิมพ์ต้องอาศัยความอดทน อดกลั้นยิ่งกว่าการติดต่อราชการสมัยก่อนการปฏิรูปหน่วยงานราชการ สำนักพิมพ์มักมีงานให้ต้องสะสางมากมาย และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้การติดต่องานกับสำนักพิมพ์อาจต้องใช้เวลานานหลายเดือน บางครั้งกว่าผลงานของคุณจะได้ตีพิมพ์อาจกินเวลานานเป็นปี!!! สำนักพิมพ์แต่ละแห่งมีนโยบายในเรื่องการรับนักแปลต่างกันออกไป คุณสามารถหารายชื่อสำนักพิมพ์เพื่อติดต่อขอทราบนโยบายได้ตามปกหนังสือทั่วไป หรือค้นหาจากเว็บไซต์ที่เป็นเว็บท่า อย่างไรก็ดีการแปลงานให้สำนักพิมพ์นั้นมีข้อดีตรงที่คุณสามารถทำควบคู่ไปกับงานประจำได้ ได้เงินเป็นก้อน (ถึงแม้จะช้าไปหน่อยก็เถอะ) นอกจากนี้คุณยังอาจมีงานต่อเนื่อง มีชื่อเสียง และมีรายได้เพิ่มในกรณีที่คุณแปลงานดี ผลงานของคุณได้รับการตีพิมพ์ซ้ำ
บริษัทภาพยนตร์ วิดีโอ เคเบิลทีวี ฟรีทีวี ที่มีการแพร่ภาพ หรือจำหน่ายภาพยนตร์/สารคดีจากต่างประเทศ คุณสามารถติดต่อบริษัทเหล่านี้ได้โดยตรง อย่างไรก็ดี ตลาดนี้เข้ายากหากคุณไม่มีประสบการณ์มาก่อน เนื่องจากในการทำงานต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับนักพากย์ คุณภาพงานที่แปลออกไปมีผลต่อการทำงานของแผนกอื่น ทำให้บริษัทมักเลือกนักแปลที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วแทนการจ้างนักแปลใหม่ อีกประการหนึ่งที่คุณควรทราบ นักแปลที่ต้องการแปลงานด้านนี้มีเป็นจำนวนมาก เหตุผลก็เป็นเช่นเดียวกับเหตุผลของคุณนั่นแหละ บ้างชอบดูหนัง บ้างอยากมีชื่อเสียง บ้างคิดว่าแปลง่ายเป็นต้น
บริษัทแปลเอกสาร เป็นตลาดงานแปลที่มีงานป้อนต่อเนื่องที่สุด ติดต่อง่ายที่สุด มิหนำซ้ำคุณยังสามารถติดต่อกับบริษัทแบบนี้ได้มากกว่าหนึ่งแห่ง งานจากบริษัทแปลเอกสารแต่ละแห่งอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและการเจาะกลุ่มลูกค้า แต่โดยทั่วไปแล้วมักเป็นงานแปลเอกสารทางด้านเทคนิคและกฎหมาย ซึ่งมีทั้งจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ และจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย บริษัทแปลบางแห่งใช้นักแปลจำนวนมาก และเลือกที่จะส่งงานตามความถนัดของนักแปลมากกว่าการผูกอยู่กับนักแปลเพียงรายเดียว บริษัทแปลมีหลายระดับและหลายขนาด มีทั้งขนาดใหญ่ระดับนานาชาติ ระดับชาติ ไปจนกระทั่งแบบมีเจ้าของคนเดียวหรือเป็นเพียงหน้าร้านเล็กๆ ตามย่านธุรกิจหรือสถานศึกษา วิธีที่ดีที่สุดในการติดต่อตลาดส่วนนี้คือ การสมัครหรือติดต่อเข้าไปโดยตรง
ลูกค้าตรง เป็นตลาดที่นักแปลส่วนมากใฝ่ฝันอยากครอบครอง เนื่องจากให้ผลตอบแทนในอัตราสูงสุดเมื่อเทียบกับตลาดส่วนอื่น แต่ก็อาจเป็นตลาดที่ทำให้คุณเหนื่อยที่สุดได้ในขณะเดียวกัน ลูกค้าตรงได้แก่บริษัท ห้างร้าน ธุรกิจทั่วไปที่มีความต้องการใช้บริการแปลเอกสาร ในการติดต่อกับลูกค้าตรง นักแปลจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ ทั้งในด้านการนำเสนอบริการ และเอกสารประกอบต่างๆ เช่น งานตัวอย่าง ใบเสนอราคา เป็นต้น บางครั้งคุณอาจได้ลูกค้าประเภทนี้จากคนรู้จัก จากการเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ลูกค้าลงโฆษณา หรือจากเว็บไซต์ของลูกค้าโดยตรง นอกเหนือจากการทำตลาดตามปกติเช่น การลงโฆษณา การติดต่อทางโทรศัพท์ อยากเป็นนักแปล เริ่มต้นอย่างไร 2 (ต่อ) อยากเป็นนักแปล เริ่มต้นอย่างไร 2 (ต่อ)
##################################### บทที่ 4 การทำตลาด #####################################
ขั้นตอนควรปฏิบัติก่อนทำตลาด เตรียมตัว ในที่นี้หมายถึงการทำให้บุคลิกลักษณะของคุณดูน่าเชื่อถือ จริงอยู่ว่าอาชีพแปลเป็นงานอิสระ แต่เมื่อใดก็ตามที่ต้องพบลูกค้า คุณจะเปลี่ยนสถานะจากนักแปลเป็นเซลล์แมนชั่วคราว คุณอยากให้ผู้ที่ติดต่อธุรกิจกับคุณดูน่าเชื่อถือเพียงใด คุณต้องทำตัวเองให้ดูน่าเชื่อถือเท่านั้น เมื่อต้องติดต่อลูกค้า คุณอาจได้พูดคุยหรือเจรจาธุรกิจกับระดับผู้จัดการ หรือเจ้าของบริษัท หากฟอร์มดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง ผมเผ้าควรตัดให้เรียบร้อย หากไว้ผมยาวต้องระวังอย่าให้ดูสกปรก เล็บมือสะอาด เสื้อผ้าต้องดูเหมาะสมกับการไปเจรจาธุรกิจ รองเท้าต้องไม่ใช่รองเท้าแตะ ไม่เช่นนั้นคุณเองอาจมีปัญหาในการเข้าตัวอาคารสถานที่บางแห่งที่เข้มงวดเรื่องภาพลักษณ์ รปภ.อาจเชิญคุณออกไปเพราะคิดว่าเป็นเด็กแจกโบรชัวร์ หรือไม่คุณอาจรู้สึกประหม่าเองเมื่ออยู่ในกลุ่มผู้ที่แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ระวังอย่าให้มีกลิ่นบุหรี่หรือกลิ่นสุราติดตัว กำจัดกลิ่นปาก กลิ่นกายอย่าให้เป็นอุปสรรคกับงานของคุณ เตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้ซับเหงื่อแทนการป้ายกับแขนเสื้อเหมือนเด็กอนุบาล คุณไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเรียบร้อยเกินไปเหมือนไปสมัครงาน คุณอาจเลือกแต่งกายตามสไตล์ของตัวเอง สามารถใส่เสื้อผ้ามีสีสดใสฉูดฉาดได้ เพียงแต่ต้องดูสุภาพและให้เกียรติกับบุคคลและสถานที่
เตรียมใจ เตรียมใจที่จะต้องพบกับบุคคลระดับเดียวกับที่จะสัมภาษณ์คุณเวลาคุณสมัครงาน เตรียมใจพบกับลูกค้าหลากประเภท ลูกค้าบางรายอาจวางตัวอยู่ในระดับเดียวกับคุณ บางรายอาจข่มคุณอยู่ในที หรือมีบ้างบางรายที่คุยกับคุณราวคุยกับเจ้านายใหญ่ เตรียมรับมือกับท่าทีเหล่านั้น เตรียมรับการถูกปฏิเสธหรือต่อรองราคาซึ่งเป็นเรื่องปกติในการเจรจาธุรกิจ หาทางหนีทีไล่ที่จะทำให้คุณไม่เสียเปรียบหรือตกเป็นเบี้ยล่าง การฝึกซ้อมเจรจาต่อรองหรืออธิบายสิ่งที่คุณต้องการนำเสนอให้คล่องจะช่วยให้คุณไม่ประหม่าเหมือนออกไปนำร้องเพลงชาติหน้าเสาธง และเมื่อได้งาน อย่าแสดงความดีใจจนออกนอกหน้าจนทำให้ภาพลักษณ์ดีๆ ที่สั่งสมมายู่ยี่ยับเยิน
เตรียมอุปกรณ์ หากติดต่องานจากบ้านของคุณเอง คุณต้องเตรียมโทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ อีเมล์ของคุณให้พร้อม ขณะโทรศัพท์ไม่ควรมีเสียงรบกวน เสียงตะโกนด่าทอ เสียงรถขายกับข้าว กับข้าวมาแล้วครับกับข้าว มีหมู มีปลา มีกุ้ง มีหอยนางรม เสียงเก้าอี้ล้ม โทรศัพท์ตกเพราะมัวแต่รื้อปากกาหากระดาษ บอกคนที่บ้านของคุณให้เข้าใจ อย่าให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน โทรศัพท์ควรอยู่ใกล้โต๊ะทำงานและเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเวลาลูกค้าอ้างอิงถึงเอกสารอื่น การสนทนาจะได้ราบรื่นไม่ขาดตอน ตรวจสอบกระดาษแฟกซ์ของคุณให้พร้อมอยู่เสมอหากไม่ต้องการออกไปรับงานเองที่หน้างาน เตรียมกระดาษปากกาไว้เผื่อกรณีที่คอมพิวเตอร์ของคุณมีปัญหาขึ้นกระทันหัน ไม่เช่นนั้นคุณจะสำนึกได้ภายหลังว่าสิ่งที่คุณละเลยไปมีผลกับธุรกิจของคุณไม่น้อย การใช้อีเมล์ แนะนำให้คุณใช้โปรแกรม POP3 แทนการเช็คเมลจากหน้าเว็บ โปรแกรม POP3 จะทำให้คุณสามารถดูข้อมูลจากอีเมล์ได้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว
ใช้อีเมล์แบบ POP3 ขอเริ่มอธิบายจากตรงนี้ ปกติอีเมล์ที่ต้องเช็คจากเว็บนั้นเราเรียกว่า web based e-mail สมมติเช่น คุณใช้อีเมล์ของ Yahoo เวลาจะเช็คเมล คุณต้องไปที่หน้าเว็บ www.mail.yahoo.com จากนั้นป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเข้าไป วิธีนี้สะดวกตรงที่ไปเปิดดูจากเครื่องไหนก็ได้ที่มีอินเทอร์เน็ต ทีนี้ผู้ให้บริการอีเมล์บางรายเขาให้คุณสามารถโหลดจดหมายที่ได้รับเข้าไปเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าเว็บนั้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องเมลบ็อกซ์เต็ม และเก็บเมลทั้งขาเข้าและขาออกได้โดยไม่จำกัดจำนวน ในการโหลดเมลนี้จะกระทำโดยผ่านโปรแกรมประเภทอีเมล์ไคลเอ็นต์ เช่น MS Outlook Express, MS Outlook เวอร์ชันต่างๆ ซึ่งมีมาพร้อมกับ MS Office หรือโปรแกรมรับส่งเมลอื่นๆ ค่าที่ต้องกำหนดให้โปรแกรมได้แก่ ค่าเซิร์ฟเวอร์ที่รับเมล (POP3) ค่าเซิร์ฟเวอร์ที่ส่งเมล (SMTP) ชื่อบัญชีและรหัสผ่าน โดยค่า POP3 server และ SMTP server นั้น เราสามารถสอบถามได้จากผู้ให้บริการอีเมล์ของเรา เช่น ผมใช้บริการอินเทอร์เน็ตของบริษัทสามารถซึ่งมีอีเมล์แบบ POP3 ด้วย จากการโทรสอบถามที่ศูนย์บริการของสามารถได้ความว่า ค่า POP3 server = pop.samart.co.th ค่า SMTP server = smtp.samart.co.th ชื่อผู้ใช้ = ekkapol รหัสผ่าน = **** ผมก็นำข้อมูลเหล่านี้มาใส่ในโปรแกรม Outlook Express โปรแกรมประเภทนี้จะมีตัวเลือกสำคัญตัวหนึ่งที่ควรให้ความสนใจ คือ เลือกว่า เราต้องการเก็บอีเมล์ที่โหลดมาแล้วไว้บนเซิร์ฟเวอร์ต่อไปอีกหรือไม่ ในกรณีที่ต้องการเก็บ เราเลือกได้ว่าต้องการเก็บไว้นานเท่าใด ถ้าไม่เก็บ เวลาเราไปข้างนอก เราจะไม่สามารถดูอีเมล์ฉบับเก่าๆ จากหน้าเว็บได้ หรือหากเราเลือกเก็บไว้นานเกินไป อาจมีปัญหาพื้นที่เก็บเมล์เต็มโดยไม่รู้ตัวหากผู้ให้บริการนั้นไม่มีบริการแจ้งเตือน ผลคือเราจะไม่สามารถรับเมล์ใหม่ได้ การที่ผู้ให้บริการอนุญาตให้สามารถโหลดเมล์มาไว้ในตัวเครื่องได้โดยใช้อีเมล์ไคลเอ็นต์แบบนี้ เราเรียกว่า มีบริการ POP3 (POP คือโปรโตคอลประเภทหนึ่ง ส่วนเลข 3 เป็นชื่อเวอร์ชันของโปรโตคอล) ตัวอย่างของโปรโตคอลที่รู้จักกันดีคือ POP (รับเมล), SMTP (ส่งเมล), HTTP (เล่นเน็ต), FTP (โหลดข้อมูล)
กลับมาที่เรื่องการเตรียมอุปกรณ์ คงไม่ต้องบอกว่าอย่างน้อยเวลาออกไปพบลูกค้า คุณควรหาปากกาเหน็บกระเป๋าไปสักด้ามหนึ่ง เตรียมสมุดบันทึกสักเล่มไว้บันทึกข้อความสำคัญที่คุณคุยกับลูกค้ากันลืมเมื่อกลับมาถึงบ้าน เตรียมเอกสารที่ต้องการนำเสนอไปให้พร้อม อย่าล้วงๆ ควักๆ ทำท่าประดักประเดิดจนลูกค้าต้องให้เวลาคุณกลับมาเตรียมตัวใหม่ หากใช้โทรศัพท์มือถือ อย่าลืมปิดเสียงไว้ขณะสนทนากับลูกค้า คุณอาจพลาดโอกาสงามๆ ในการปิดการขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณเป็นคนที่มีโทรศัพท์เข้าทุกห้านาที
จากคุณ |
:
ขวัญ (khumchalong)
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ต.ค. 53 05:08:02
|
|
|
|
|