ความคิดเห็นที่ 1 คุณบอกไวยากรณ์จีนยากจะหันมาเรียนอังกฤษเพิ่ม แต่เราคิดตรงกันข้ามกับคุณนะ เรากลับว่าไวยากรณ์อังกฤษยากว่าตั้งหลายเท่า จะหันมาเรียนจีนเพิ่ม เอมันยังไงกันหว่า...!!!?? เมื่อก่อนเราเคยเรียนจีน เรียนแค่ไม่กี่เดือนก็สร้างประโยคให้คนจีนฟังกับอ่านรู้เรื่องได้แสนจะง่าย ในขณะที่เรียนอังกฤษตั้งเป็นสิบกว่าปีแต่สร้างประโยคภาษาอังกฤษแล้วฝรั่งฟังกับอ่านไม่รู้เรื่อง เราว่าจีนเขียนยากและจำศัพท์ยากต่างหาก แต่ตอนนี้มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ คือใช้ software กับ Internet ทุ่นแรงได้เพียบเลย ถ้าคุณพออ่านอังกฤษได้ลองใช้ Internet ให้เป็นประโยชน์สิ มีบทเรียนภาษาจีนดีๆของฟรีเพียบเลย การเรียนภาษานอกมหาลัยถ้าเรียนเจาะลึกจริงๆก็หางานทำไ้ด้ ไม่ต้องกังวลเรื่องวุฒิเรื่องเกรดหรอก ตั้งใจเรียนมหาลัยชีวิืตให้ดีๆ เราเรียนภาษาอังกฤษจาก Internet ล้วนๆแล้วหางานที่ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษทำมีรายได้พออยู่รอดได้โดยเวลาสมัครงานไม่เคยเอาวุฒิการศึกษาไปแสดงเลย คือทำงานแปลหน้ังสือ อยากได้งานทำก็ทดลองแปลบททดสอบ แล้วก็ได้งานทำน่ะ... ว. ณ เมืองลุงนักแปลภาษาจีนที่เก่งกาจ ก็เรียนภาษาจีนด้วยตัวเอง ลองคิดแบบนี้ แล้วพยายามใหม่กับมหาลัยชีวิตให้ดีๆนะ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 10:50:00

ความคิดเห็นที่ 2 แค่นี้ท้อแล้วหรอ  แล้วคนบางคน ยังยอมทุ่ม ม.5 เพื่อสอบเข้าเตรียมอุดมเพื่อให้ได้ดั่งใจ ชีตของเขาคนนั้น ผ่านวันที่ไม่ดีมามาก พึ่งมาคิดได้ตอนม.4 แต่เขาก็พยายาม อย่างไม่ย้อท้อ ในที่สุดเขาก็ .... คิดเอาเองนะครับ เพราะอนาคตยอมสละ อีกปีสองปี เพื่ออนาคต ตลอดชีวิต *-* จากคุณ : BMP MIX เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 13:07:10

ความคิดเห็นที่ 3 คุณfortunetellerตอบได้ตรงใจเรามากค่ะ ถ้าคุณไม่ได้ไวยากรณ์จีน อย่าหวังเลยว่าจะเรียนอังกฤษได้ ไวยากรณ์อังกฤษยากกว่าหลายเท่า เราเรียนสองภาษานี้ เรารู้ดี เหอะๆ ตอนที่เราเรียนจีน เราไม่เคยอ่านไวยากรณ์เลย ในภาษาจีนเรารู้แค่ว่าประธาน กริยา กรรม คำวิเศษเรียกว่าอะไรเท่านั้น นอกนั้นอย่ามาถาม ใช้ควาามรู้สึกล้วนๆ ตอนเรียนภาษาจีนระดับสูงอาจารย์เคยบอกว่า เวลาทำข้อสอบให้เลือกข้อที่ประโยคฟังแล้วสวยงามรื่นหูที่สุด ง่ายๆคือตอบตามความรู้สึก พอมาเรียนภาษาอังกฤษ โอ้แม่เจ้า ถ้าไม่ให้ความสำคัญกับไวยากรณ์อย่าหวังว่าจะรอด ไวยากรณ์จีนนั้นส่วนมากเน้นการใช้คำมากกว่า ประมาณว่าตัวนี้ใช้อย่างไร มีความหมายอย่างไร ดูประโยคตัวอย่างในไป่ตู้ก็ได้ค่ะ(แต่กรุณาระวังไวรัส มีพี่คนนึงจอคอมพ์เสียจนต้องซื้อใหม่มาแล้ว) แค่หน้าค้นหาดูรูปประโยคก็พอ คุณคงอ่านภาษาจีนออกใช่ป่ะ? ลองเข้า www.youku.com ดูนะ(เว็บอื่นก็มีให้เลือกเพียบ แต่เราถูกชะตากับเว็บนี้ที่สุด) หาละครมาดู กำลังภายในก็ได้ (ถ้าจะดูเกาหลีก็ได้นะ แต่ไม่ค่อยมีพากษ์เสียงจีน คุณจะได้แต่อ่านอย่างเดียว ไม่ได้ฝึกการฟัง) เราก็ได้ไวยากรณ์มาจากตรงนี้เอง แล้วจะได้การฟังแถมมาอีกหนึ่งด้วย แต่เว็บนี้พวกโฆษณาเยอะนะ แนะนำให้ใช้โปรแกรมนี้ SuperAntiSpyware http://www.filehippo.com/download_superantispyware/ มันจะช่วยคุณได้มากถึงมากที่สุด มิเช่นนั้นป๊อปอัพได้มาเยียนเครื่องคุณแน่นอน เยอะด้วยขอบอก โดนมาแล้ว ถ้าอยากถามเรื่องอื่นถามได้ที่หลังไมค์นะคะ อ้อ สำหรับภาษาแล้ว เวลาคุณจบก็ต้องสอบเอชเอสเค(คงรู้จักนะ)ทุกคน  ถ้าคุุณสอบได้ระดับสูงใครๆก็อยากรับค่ะ ไม่ต้องห่วง ยกเว้นคุณจะเป็นนักแปล เขาทดสอบให้คุณแปล แปลได้ก็ผ่าน เช่นเดียวกับภาษาอังกฤษได้โทอิคสูงๆก็พอแล้ว จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 13:34:49

ความคิดเห็นที่ 4 เราไม่รู้ว่าคุณพ่อของเจ้าของกระทู้เป็นคนยังไง แต่จากที่เราอ่าน ถ้าเราเป็นพ่อของเจ้าของกระทู้ เราจะห่วงเจ้าของกระทู้ว่าเป็นยังไงมากกว่าที่จะคิดว่าตัวเองเป็นยังไง เพราะลูกสาวเรียนไม่จบแล้วมีทั้งปัญหาสุขภาพและความเครียดในจิตใจ ส่วนเรื่องจะเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าเรียนเพื่อให้ตัวเองพูดได้ ฟังได้ ก็โอเค แต่ถ้าจะเรียนเป็นไวยากรณ์ เอ่อ... จะลองเรียนก็ได้ แล้วจะรู้ว่า ไวยากรณ์ของภาษาที่มีทั้งการผันรูป ไล่เปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่ มันเป็นยังไง และก็จะได้รู้ว่า ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว(ที่เหลือยากหมด) เห็นด้วยกับข้างบนว่า ต่อให้เกรดไม่ดี ถ้าสอบ HSK ได้ระดับสูง ก็มีงานทำ และบางบริษัทเขาไม่ได้ดูที่เกรดสูงมาก คือนอกจากดูที่เกรดแล้ว ยังดูอย่างอื่นด้วย ถ้าเจ้าของกระทู้ไม่สบายใจ เราคิดว่า ม.รัฐ ที่เจ้าของกระทู้เรียนอยู่ น่าจะมีฝ่ายนิสิตสัมพันธ์ หรืออะไรประมาณนี้ ลองติดต่อขอปรึกษากับนักจิตวิทยา เพื่อให้เขาช่วยแนะนำว่าทำยังไงไม่ให้เครียดมากไปกว่านี้ ทำยังไงให้จิตใจของเจ้าของกระทู้ไม่อ่อนแอทรุดหนักมากจนหมดแรง บริการฟรีนะจ๊ะ ไปใช้บริการเถิด สมัยเราเรียนอยู่เมืองนอก เครียดจะตายชัก อยากจะใช้บริการแบบนี้ เขาก็ไม่มีให้ (หรือมี แต่ก็เฉพาะคนที่พูดภาษาเขาได้คล่องๆ ไม่มีฉบับภาษาอังกฤษให้นักเรียนต่างชาติ) จากคุณ : Canossa เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 14:53:08

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าคิดว่าเราด้อย ไม่เก่ง เพราะการที่เราสอบเข้าม.รัฐได้ ก็แสดงว่าเรามีความสามารถในระดับหนึ่งแล้ว เพียงแต่เราอาจขาดความเข้าในในเนื้อหาที่เรียนเท่านั้น หากใช้วิธีการเรียนรู้เดิมแล้วไม่ดีขึ้น ก็เปลี่ยนไปใช้อีกวิธีหนึ่ง หาวิธีเรียนรู้ที่เราถนัดที่สุด จากคุณ : แฮม (noopin) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 15:05:40

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำตอบของทุกๆท่าน หนูคิดว่าภาษาอังกฤษของหนูค่อนข้างดีมากเมื่อเทียบกับนิสิตคนอื่นๆในเอกเดียวกัน ไวยากรณ์ภาษาจีนนั้น เวลาหนูเขียนเรียงความมีแก้บ้าง คะแนนเรียงความจะอยู่ที่ประมาณ 80-90 ค่ะ แต่ปัญหาอยู่ที่ส่วนมากคะแนนวิชานี้จะอิงกับข้อสอบ อาจารย์จะออกข้อสอบแนวให้เขียนนนิยามของการใช้คำนี้ๆ ออกมาค่ะ มีโจทย์มา 1 ข้อ เว้นบรรทัดไว้ให้ ข้อละ 5-10 คะแนน มีประโยคมา เว้นส่วนที่ต้องเติม พาร์ทหลังจะทำได้ เพราะคุ้นชินกับประโยค ส่วนพาร์ทแรกส่วนมากต้องท่องจำในหนังสือเพื่อเอามาตอบ หนูจนปัญญาจะจำ อาจารย์มักจะตรวจคะแนนแบบตอบผิดหักจากเดิมที่ได้ ไม่ตอบก็ไม่หักแค่ไม่มีคะแนน วันนี้ลองไปปรึกษาพี่กับที่ทำงานเก่าดูค่ะ ลองปรึกษาว่า ถ้าสอบพวก IELTS TOFEL HSK ได้ในระดับดี จะพอทดแทนกับการเรียน 5 ปีได้รึเปล่า แต่พี่เค้าเชียร์ให้หนูไปเป็นแอร์ ปกติเวลาหนูเรียน จะเตรียมบทเรียนของวิชาในวันถัดไปก่อน หาศัพท์ที่ไม่รู้และอ่านเนื้อหาที่จะเรียนก่อน มีการบ้านก็ทำ แต่หนูก็ยังเรียนไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้หนูสบายใจขึ้นมากค่ะ ห่วงก้แต่ความรู้สึกของพ่อหนู ทุกวันนี้หนูห่วงพ่อมาก รักพ่อมาก ไม่ให้ให้เค้าผิดหวัง อีกอย่างหนูเป็นพี่คนโต น้องชายหนูเรียนอยู่จุฬา น้องอีกสองคนอยู่โรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียง หนูกลัวว่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้น้อง ตอนหนูร้องไห้หนัก หนูเห็นพ่อร้องไห้ หนูเห็นพ่อทำหน้าเศร้าแล้วหนูก็ยิ่งเศร้า หนูกลัวพ่ออายคนอื่นเค้าที่ลูกสาวตัวเองต้องเรียน 5 ปี ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากค่ะ สำหรับคำปรึกา หนูจะลองคุยกับคุณพ่ออีกทีนึง จากคุณ : จันทร์โฉมหลบสุดา เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 18:45:14 A:58.8.249.221 X: TicketID:292488

ความคิดเห็นที่ 7 เอฟ ไม่เอฟ สี่ปี หรือห้าปี ไม่ใช่จุดจบของชีวิต ใจเย็นๆ แล้วก็อย่าซ้ำเติมตัวเองนะคะ ^^ ตอนนี้ทำไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าจะทำไม่ได้ตลอดไปซะหน่อยนี่นา เรียนจบไป หางานได้ไม่ได้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเกรดทั้งหมด มันอยู่กับความสามารถของเราด้วย ทำดีที่สุดแล้วอย่าเสียใจ ล้มแล้วไม่เป็นไร แต่ต้องลุกให้ได้ค่ะ ยิ่งเร็วยิ่งดี เราเป็นกำลังใจให้นะคะ ^^ จากคุณ : นางฟ้า ชากังราว เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 03:26:38

ความคิดเห็นที่ 8 ถึง เจ้าของกระทู้นะครับ ผมเห็นด้วยกับทุกความเห็น โดยเฉพาะความเห็นที่ 1, 4, 7 คห.4 พี่คิดว่าคุณพ่อของน้องน่าจะเป็นห่วงสุขภาพกายและใจของน้องมากว่าผลการเรียนของน้องนะครับ คห.7 อย่างที่คุณ นางฟ้า ชากังราว บอกไว้ครับ "เอฟ ไม่เอฟ สี่ปี หรือห้าปี ไม่ใช่จุดจบของชีวิต เรียนจบไป หางานได้ไม่ได้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเกรดทั้งหมด มันอยู่กับความสามารถของเราด้วย" พี่เองเรียนวิศวะ ม.รัฐ อันดับต้นๆของประเทศเหมือนน้องแหล่ะครับ พี่ได้ F ตั้งแต่ปี 1 แถมเรียนสี่ปีครึ่ง ก็ยังหางานทำดีๆได้ (เงินเดือนสูงกว่าๆเพื่อนๆในรุ่นเดียวกันด้วย) พี่ก็เป็นลูกคนโตเหมือนน้องนี่แหล่ะ ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องอีก พี่จะแนะนำว่าที่น้องคิดที่น้องทำอยู่เรื่องเป็นตัวอย่างที่ดีกับน้อง มันเป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่ว่าอย่าทำให้สิ่งที่เราคิดเราทำมามากดดันตัวเราเองจนเกินไปนะครับ คห.1 ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านความเห็นของเจ้าของความเห็นมาบ่อยๆ รวมถึงได้เคยหลังไมค์ไปขอความช่วยเหลือด้วย ผมรู้สึกว่าผมได้รับแรงบันดาลใจเรื่องเรียนภาษาจีนจากคำพูดของเจ้าของความเห็นเยอะเลยครับ ผมเริ่มเรียนจีนด้วยตัวเองจากคำพูดของเจ้าของความเห็นนี่แหล่ะ จนได้ไปทำงานที่ปักกิ่งและสามารถพูดคุยกับคนจีนได้โดยการเรียนด้วยตัวเองมาตลอด (ขอบคุณเจ้าของความเห็นนะครับ) ปล. ขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าคำพูดของเจ้าของ คห.1 มันออกจะดูแรงๆหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมไอ้คำพูดพวกนี้เวลาผมอ่านทีไร ผมได้แรงฮึดขึ้นมาทุกทีเลย (อิอิ) จากคุณ : อยากเป็นตากล้อง เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 12:18:27

ความคิดเห็นที่ 9 เจ้าของกระทู้ป่วยเป็นโรคเลือดจริงหรือเปล่า เป็นโรคอะไรรักษาได้หรือไม่ ทำไมถึงไม่รักษาให้หาย หรือเป็นโรคเครียดที่เขาเรียกว่าhyperventilation น่าจะแก้ปัญหาให้ตรงจุดนะครับ จากคุณ : hairy (hairy) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 12:53:46

ความคิดเห็นที่ 10 เอ๋อ.. อ่านข้อสอบแล้ว เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเอฟ เพราะมีแบ่งเป็นการอธิบายไวยากรณ์ และการใช้ไวยากรณ์นี่เอง ที่จริงคะแนนทั้งสองส่วนน่าจะสูสีกันนะ ไม่น่าจะให้ส่วนอธิบายไวยากรณ์เยอะ จนมีผลชี้เป็นชี้ตาย หรือว่าผู้สอนคิดว่าเผื่อผู้เรียนจะได้ทำงานสอนภาษา เพราะคนที่เรียนภาษาต่างประเทศ ส่วนมากเรียนเพื่อเอาไปใช้ ที่เรียนเพื่อไปสอนมีน้อยกว่า ตอนที่เราเรียนภาษาต่างประเทศ เรียนชนิดต้องรู้จักไวยากรณ์ พอออกจากโรงเรียนภาษา มาเจอคนที่แลบ ดันไปถามเจ้าของภาษาเรื่องไวยากรณ์ แถมใช้ชื่อทางไวยากรณ์ ผลคือเจ้าของภาษาเดินหนีเลย 555 ก่อนอื่น เจ้าของกระทู้ไปรักษาตัวให้หายก่อนเถอะ เพราะสุขภาพไม่ดี มีผลต่อการหางาน การได้งาน และอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง แล้วก็ไปปรึกษานักจิตวิทยาด้วย เพราะถ้าเครียดมากๆ จะเรียนไม่ได้ แถมมีผลต่อสุขภาพด้วย จะป่วยหนักกว่าเดิมอีก ส่วนเรื่องที่ว่า จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่น้องๆ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย เจ้าของกระทู้ไม่ได้ทำตัวเหลวแหลก กินเหล้าสูบบุหรี่โดดเรียนอะไรแบบนี้ซักหน่อย มีเยอะแยะไปที่คนน้องเรียนดีกว่าพี่ เพราะตอนที่น้องๆ เรียนหนังสือ ครอบครัวมีฐานะ ความเป็นอยู่ดีขึ้น หรือว่าได้เห็นพี่ที่ล้มลุกคลุกคลานมาก่อน ก็เลยล้มน้อยกว่าเท่านั้นเอง จากคุณ : Canossa เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 18:16:25

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากค่ะ เมื่อวานลองถามคุณพ่อว่า พ่อจะอายคนอื่นรึเปล่าถ้าหนูเรียนจบ 5 ปี พ่อบอกว่าไม่อายแต่ห่วงเรามากกว่า แบบที่พวกพี่ๆบอกเลยค่ะ ตอนนี้มีกำลังใจมากขึ้น แต่ยังเสียใจอยู่บ้าง คิดว่าจะไปซื้อหนังสือติว สอบเทียบระดับภาษาจีนและอังกฤษไว้ เพื่อเตรียมสอบวัดระดับด้วย จะพยายามให้มากยิ่งขึ้นค่ะ ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากนะคะ จากคุณ : จันทร์โฉมหลบสุดา เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 53 08:40:01 A:58.8.64.252 X: TicketID:292488

ความคิดเห็นที่ 12 คุณเจ้าของกระทู้ ตั้งกระทู้ไว้นานแล้ว... ภาษาง่าย ไม่ว่าจะภาษาใด ในโลก.. ง่าย ๆ   แต่การเรียนแบบไทย ๆ  ทำให้เราเรียนยาก.. และเข้าใจยาก... อย่าหมดกำลังใจ ... เอาใหม่... การทำความเข้าใจกับไวยากรณ์   มันง่ายมาก... คืออ่านประโยคง่าย ๆ   ภาษาไทยเรียกว่าเอกรรถประโยค เมื่อคล่องแล้ว อ่านประโยคยากขึ้นอีกนิดหนึ่ง  ภาษาไทยเรียกว่า เอนกกรรถประโยค เมื่อเก่งขึ้นอีกนิดหนึ่ง อ่านผสมกัน เมื่อคล่องแล้ว ก็อ่านประโยคสุดท้าย  สังกรประโยค คุณจะใช้เวลาประมาณ ๖เดือน ไหนๆ คุณก็ไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจมาแต่ต้นนะ... เริ่มอีกครั้งหนึ่ง ... ทั้งจีน ไทย อังกฤษ  เหมือนกันทุกภาษา... ขอให้ประสบความสำเร็จนะ... จากคุณ : อริยทัศน์ เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 53 09:41:50