|
ข้อดีของชาวไทยคือเราไม่ทิ้งกันยามยาก ข้อเสียคือเราเกือบทั้งประเทศเป็นโรคอัลไซเมอร์อ่อนๆ เราไม่ชอบจำอะไรเป็นบทเรียน เรามีนิสัยแก้ปัญหาเป็นครั้งๆ ไป เรายินดีทุ่มเงิน กำลังคน กำลังทรัพย์กำลังใจเพื่อแก้วิกฤติไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงไร แต่ไม่ค่อยยอมใช้ทรัพยากรในการวิเคราะห์ปัญหาและป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
ยี่สิบสองปีก่อนหน้านี้ ปลายเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2531 ฝนเทลงมาเหนืออำเภอนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี อย่างหนัก ไม่นานน้ำป่าก็ไหลทะลักเข้าหมู่บ้านหลายแห่งในแถบนั้น สิ่งที่น้ำป่าพัดพามาด้วยคือหายนะอย่างแท้จริง ซุงนับหมื่นท่อนลอยตามน้ำถาโถมถล่มบ้านเรือนพินาศ สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล มันคือผลจากการตัดไม้เถื่อน และธรรมชาติก็ลงโทษมนุษย์อย่างทันตาเห็น
ในช่วงปีสองปีนั้น เสียงร้องของฟ้าและป่าดังจนรัฐต้องยุติสัมปทานป่าห้วยขาแข้ง ภาพความพินาศของการทำลายป่าจุดประกายความรู้สึกของผู้คนในสังคม ควบคู่กับการต่อต้านการให้สัมปทานป่านำโดยคนผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่า สืบ นาคะเสถียร ในที่สุดพื้นที่ 260,000 ไร่ ซึ่งถูกกันไว้เป็นพื้นที่สัมปทานก็รอดพ้นจากการทำลายล้างอย่างหวุดหวิด แต่เสียงร้องของฟ้าและป่าดังเพียงไม่นาน การทำลายป่าก็ดำเนินต่อไปเช่นเดิม สองปีต่อมา สืบ นาคะเสถียร ก็ฆ่าตัวตาย
เราชอบพูดกันว่า “ธรรมชาติมันแปรปรวน” หรือ “เดี๋ยวนี้ธรรมชาติมันวิปริต” ธรรมชาติมีความเปลี่ยนแปลง แต่ความจริงคือธรรมชาติไม่เคยวิปริต ที่วิปริตคือมนุษย์
ในชั่วหนึ่งชั่วชีวิตคน ป่าหลายสิบเปอร์เซ็นต์หดหายไปต่อหน้าต่อตา ยังไม่รู้ว่าอีกร้อยปีลูกหลานของเราจะรู้จักป่าหรือไม่
หกสิบห้าล้านปีก่อน สรรพชีวิตส่วนใหญ่หายไปจากโลกเพราะอุกกาบาตตกที่อ่าวเม็กซิโก นั่นไม่ใช่หายนะแรกของโลก ในรอบ 4,600 ล้านปีที่ผ่านมา โลกเผชิญภัยพิบัติ มานับครั้งไม่ถ้วน 99 เปอร์เซ็นต์ของสิ่งมีชีวิตที่เคยปรากฏในโลกสูญพันธุ์ไปแล้วเพราะภัยธรรมชาติ แต่ในรอบไม่กี่สิบปีนี้ มนุษย์เราทำลายโลกด้วยความเร็วเร่งทวีขึ้นเรื่อยๆ เราเป็นตัวอันตรายยิ่งกว่าอุกกาบาตใดๆ เพราะเราถูกขับเคลื่อนด้วยตัณหาใหม่ๆ ไม่เคยหยุด
โลกเรายังกำลังเผชิญปัญหาอื่นๆ อีกมากมายซึ่งเกิดจากการละเลยหรือแกล้งไม่มองภาพกว้าง เช่น การใช้น้ำมันอย่างเกินพอดีทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน การใช้พลาสติกมากเกินจำเป็นสร้างขยะสังเคราะห์มหาศาลบนโลก การดื่มน้ำไม่กี่อึกจากขวดพลาสติก แล้วปล่อยให้มันเป็นภาระแก่โลกอีกนานแสนนานหลังจากผู้ดื่มจากโลกไป รวมไปถึงปัญหาอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน
สังคมคือการเปลี่ยนแปลงของหน่วยย่อย ก็คือปัจเจกทั้งหลาย ความไร้ระเบียบที่แต่ละคนก่อส่งผลกระทบคนอื่น และส่งผลไปสู่ความไร้ระเบียบอื่นๆ หลายความไร้ระเบียบก่อให้เกิดความโกลาหลในสังคม ยกตัวอย่างเช่น นาย ก. ขับรถฝ่าไฟแดง นาย ข. ขับรถผิดเลน นาย ค. ไม่เดินข้ามถนนตรงทางม้าลาย ผลที่ตามมาจากการกระทำของสามคนนี้อาจก่อให้ประเทศสูญเสียน้ำมันไปในวันนั้นไปเปล่าๆ ถึงหลายหมื่นลิตร
สายน้ำที่โถมท่วมไม่ว่าหนักแค่ไหนก็ไม่ร้ายแรงเท่าสายน้ำแห่งความไม่รู้ ความขี้ลืม ความไม่แยแส
ความไม่รู้เป็นอันตรายหากรวมความขี้ลืมเข้าไปด้วย อาการก็ยิ่งหนัก ความไม่แยแสต่อเรื่องหนึ่งๆ กระทบสู่คนอื่น และกระทบต่อไป จนบานปลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติและระดับโลก
คำถามที่หลายคนตั้งขึ้นคือ แล้วเราในฐานะปัจเจกช่วยอะไรได้หรือไม่ เป็นคำถามที่ผู้ถามก็ไม่แน่ใจ เพราะดูเหมือนว่าต้นตอของแต่ละปัญหาใหญ่เกินกว่าคนไม่กี่คนจะแก้ไขได้
ทว่าเราไม่มีทางเลือก เราต้องลองแก้ไข ลงมือทำอะไรสักอย่าง เราคงไม่อยากเห็นข่าวหายนะภัยอีกยี่สิบข้างหน้าเป็นข่าวเดิมๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้
เราไม่อาจปล่อยให้ปัญหาหายไปโดยตัวมันเอง เราต้องลงมือ คนละนิดคนละน้อย เปลี่ยนแปลงทั้งวิธีการแก้ปัญหาและทัศนคติต่อส่วนรวม
การลดการใช้กระดาษคนละไม่กี่แผ่นต่อวันช่วยประหยัดกระดาษได้มหาศาล การลดการใช้เครื่องเรือนไม้ก็อาจรักษาชีวิตต้นไม้ได้อีกหลายๆ ต้น การลดการใช้ถุงพลาสติกคนละถุงสองถุง ลดการใช้น้ำขวดพลาสติกวันละขวด ก็อาจรักษาสภาพแวดล้อมได้อีกนิด รวมกันทั้งโลกก็เป็นปริมาณมาก เรายังสามารถปฏิเสธสินค้าที่มีกระบวนการผลิตซึ่งทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าในรูปของการทำลายป่า การใช้สารเคมีอันตราย หรืออื่นๆ เราสามารถช่วยกันปลูกต้นไม้เพื่อปรับสภาพอากาศให้ดีขึ้น เราสามารถใช้พลังงานอย่างประหยัดเพื่อลดมลพิษที่เกิดจากการผลิตพลังงานเหล่านั้น ฯลฯ คนละนิดคนละหน่อย วันละนิดวันละหน่อย
เราไม่ต้องรอนโยบายยิ่งใหญ่ของพวกที่ชอบเอ่ยวลี ‘พ่อแม่พี่น้องที่รักทั้งหลาย’ เราไม่ต้องพึ่งพิงคนที่ใช้การเมืองเป็นของเล่น สองมือเล็กๆ ของเราแต่ละคนนี่แหละที่จะแก้ไขปัญหาเอง โดยไม่ต้องสนใจว่าในวันพรุ่งนี้ ใครๆ จะลืมเรื่องนี้แล้วหรือไม่
วินทร์ เลียววาริณ 23 ตุลาคม 2553
แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 53 04:56:13
จากคุณ |
:
นางฟ้าเรียกพี่อะบอกตรงๆ
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ต.ค. 53 04:54:16
|
|
|
|
|