ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนหน้าจะถึงวันชักพระ หรือวันออกพรรษา ชาวบ้านในท้องถิ่งและพระสงฆ์จะมาร่วมวางแผน เกี่ยวกับการสร้างเรือพระ โดยจะสร้างเรือพระกันที่วัดครับ โดยมีการสร้างโรงเรือนไว้สำหรับกันแดดกันฝนในระหว่างการสร้าง โรงเรือนนี้เรียกกันว่า "โรงเรือพระ" ก็สร้างกันง่ายๆครับ โดยใช้ผ้าเต้นต์กางกั้นไว้ จากภาพนี้เป็นส่วนยอดบนของเรือพระครับที่จะนำมาต่อทีหลังครับ งานประดิษฐ์เรือพระของวัดนาประดู่นี้ เป็นงานที่ใช้ความสามารถเชิงช่างด้านการฉลุกระดาษ เป็นลายไทยที่งดงามครับ ปล้วมาแปะบนโครงไม้กระดานที่ต่อเป็นบุษบกไว้ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 53 19:13:26 แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 53 19:06:15 จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 19:05:38

ความคิดเห็นที่ 2 บริเวณฐานล่างของเรือพระนิยมจะทำไม้แกะสลักรูปพญานาคคู่ คงเพราะนาคเป็นสัตว์ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ดังเช่นกรณีที่พระพุทธองค์ให้เรียกผู้มาขอรับอุปสมบทว่า "นาค" นั่นเอง จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 19:11:37

ความคิดเห็นที่ 3 มาดูพญานาคกันใกล้ๆครับ เป็นงานแกสลักไม้ ทาสี จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 19:14:45

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนหลังของเรือพระก็ทำเป็นหางพญานาคไว้ด้วย จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 19:15:32

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนนี่เป็นฉัตรที่จะใช้ประดับส่วนยอดของเรือพระครับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 19:16:36

ความคิดเห็นที่ 6 อีกส่วนที่ใช้คือ ดอกไม้ไหว ที่ใช้ประดับส่วนยอด ซึ่งจะสวยงามมากยามต้องลม หรือกระทบแสงไฟ เพราะจะระยิบระยับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 19:17:43

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อถึงเช้าวันออกพรรษา ชาวบ้านก็จะมาร่วมกันทำบุญและตักบาตรเทโวกันที่วัด ครั้นถึงช่วงสายๆ ก็จะมีการนำเรือพระออกจากวัด จะเห็นว่ามีการนำดอกไม้มาประดับตกแต่งที่หัวพญานาคเพื่อเป็นสิริมงคล และอาหารที่จะขาดเสียไม่ได้ในงานนี้เลยก็คือ "ต้ม" หรือ"ข้าวต้มผัด"นั่นเอง ที่จะนำมาห้อยไว้ที่ปากพญานาค แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 53 19:31:16 จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 19:27:55

ความคิดเห็นที่ 8 ต้ม (น.) นั้นเป็นอาหารพื้นบ้านที่นิยมทำกันในบุญต่างๆของชาวปักษ์ใต้ เช่นงานเดือนสิบ (ชิงเปรต) งานทอดกฐิน งานบวช หรือแม้แต่งานศพ โดยการนำข้าวเหนียวมาผัดกับน้ำกระทิให้กึ่งสุก จากนั้นจะห่อด้วยใบพ้อ หรือ กระพ้อ ซึ่งเป็นปาล์มชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในป่าทางภาคใต้ โดยจะห่อเป็นสามหลี่ยมตามรูปนี้นะครับ จากนั้นจึงเอาข้าวเหนี่ยวที่ห่อด้วยใบกระพ้อนี้แล้วไปต้มในหม้อจนสุก เป็นอันว่าใช้ได้ ในปัจจุบันมีการดัดแปลงโดยการใส่กล้วย โดยเฉพาะกล้วยนางญา หรือ (กล้วยนางพญา?) ซึ่งเป็นกล้วยท้องถิ่น หรือการใส่ถั่วดำ ผสมลงไป ส่วนที่สงขลาผมเคยพบมีการใส่หมูและไข่เค็มแดงคล้ายบะจ่างของจีนอีกด้วย   นอกจากนี้หากได้รับต้มที่แจกจ่ายมา่มากๆ จนรับประทานไม่หมดก็มีวิธีการถนอมให้สามารถเก็บไว้กินได้นานๆ โดยการนำต้มมาผ่าครึ่งเป็นสองซีก แกะใบกระพ้อออก แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสักแดด สองแดด จากนั้นนำมาทอดให้สุกกรอบ สามารถเก็บไว้รับประทานได้นานเชียวครับ หรือสามารถนำไปเสียบไม้แล้วปิ้งก้อร่อยไปอีกแบบ เพราะจะหอมใบกระพ้อ แต่ลักษณะเด่นของต้มที่ใช้ในงานชักพระคือ จำทำเป็นข้าวต้มลูกโยน คือจะผูกกันเป็นคู่ไว้สำหรับแขวนที่ปากพญานาค ที่มาที่ไปที่ทำเป็นข้าวต้มลุกโยนเพราะมีคติที่ว่า ครั้งที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาจากดประพุทธมารดานั้น ช้าวบ้านต่างหลั่งไหลมาชมพระพุทธบารมีกันมากมาย พร้อมกับการที่ต้องการจะนำอาหารมาถวาย แต่เพราะมีคนมามาก ชาวบ้านที่อยู่หลังๆจึงไม่มารถเข้าใกล้พระพุทะองค์ได้ จึงได้คิดประดิษฐ์ข้าวต้มลูกโยน เพื่อให้โยนใส่บาตรของพระพุทธองค์ได้นั่นเอง แต่มาในปัจจุบันนี้ผมสังเกตเห็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือ ชาวบ้านนิยมทำต้มน้อยลง แต่เริ่มมีความนิยมซื้อข้าวหลามมาทำบุญกันแทน อาจเพราะลดความยุ่งยากในการทำต้มนั่นเอง จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:25:48

ความคิดเห็นที่ 9 ชาวบ้านบางคนก็มีการนำแผ่นทองคำเปลวมาติดที่หัวพญานาค จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:27:22

ความคิดเห็นที่ 10 บากคนก็นำผ้าแพรหลากสีมาตกแต่ง จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:28:07

ความคิดเห็นที่ 11 บริเวณส่วนท้ายของเรือพระนั้นก็จะมีการตีกลองเป็นจังหวะที่เร้าใจ โดยเครื่องดนตรีสามชิ้นที่สำคัญคือ ฆ้อง, กลอง, และที่สำคัญที่สุดคือ ตะโพน ซึ่งการตีโพนนี้จะมีลีลาจังหวะที่เร้าใจ และจะมีการบรรเลงเป้นจังหวะไปตลอดเส้นทาง บางท้องถิ่นเช่นที่พัทลุงจะมีการแข่งขันการตีโพนกันด้วยครับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:33:45

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อใกล้เวลาที่จะเสร็จกิจกรรมของพระสงฆ์เนื่องในวันออกพรรษา ชาวบ้านก็จะช่วยกันชัก หรือ ลากเรือพระออกมารอญาติโยมจากศาลาการเปรียญ ซึ่งเรือพระของวัดนาประดู่นี้ยังเป็นล้อเล่นแบบดังเดิม ใช้กำลังคนชักลากไป ซึ่งจุดหมายปลายทางที่เรือพระทุกลำจะไปรวมตัวกันเพื่อประกวดประขันและบอกงานบุญกันนั้นก้อยู่บริเวณ ที่ว่าการอำเภอโคกโพธิ์ ซึ่งห่างจากตัววัดประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งตลอดเส้นทางนั้นใช้กำลังคนชักลากตลอดครับ นับว่าชาวบ้านมีความศรัทธาอันแรงกล้าครับ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 53 20:39:08 จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:35:02

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนยอดบนนั้นจะไม่ติดตั้งไปก่อน เนื่องจากจะกีดขวามจากสายไฟฟ้าตามถนน แต่จะแห่ไปพร้อมๆกัน จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:36:21

ความคิดเห็นที่ 14 สวยและงดงามมากเลยครับ แล้วบุษบกที่ว่างไว้ จะอัญเชิญพระพุทธรูปจากไหนมาประดิษฐานหรือครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:38:17

ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อได้เวลาที่เสร็จพิธีทางสงฆ์ ก็จะมีการอัญเชิญพระพุทธรูป ของวัดมาประดิาฐานบนบุษบกครับ โดยพระพุทธรูปที่นิยมมาประดิษฐานจะต้องเป็นปางที่ทรงประทับยืน ที่นิยมกันมากคือปางเสด็จจากดาวดึงส์ หรือ ปางอุ้มบาตร หรือพระพุทธรูปอื่นใดที่เป็นที่สัการะของทางวัดนั้นๆ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 53 20:49:43 จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:48:40

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อถึงเวลาชาวบ้านก็ออกมช่วยกันแห่เรือพระออกจากวัดครับ ซึ่งเชื่อว่าได้บุญมากครับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:51:15

ความคิดเห็นที่ 17 จากนั้นก็จะแห่ไปตามทาง จุดหมายปลายทางอีกหลายกิโลเมตร แต่ไม่ต้องห่วงจะมีชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านที่เรือพระผ่านมาช่วยกันลากเป็นระยะๆครับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:52:53

ความคิดเห็นที่ 18 ระหว่างทางก็อาจจะเจอกับขบวนเรือพระของวัดอื่นๆที่แห่กันมาล่วงหน้า ก็ทักทายกันสนุกสนานครับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:53:48

ความคิดเห็นที่ 19 ในยามที่บ้านเมืองในภาคใต้มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นข่าวกันทุกวัน แต่ทหารก็ไม่ทอดทิ้งประชาชนครับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:54:47

ความคิดเห็นที่ 20 มีการคุมเข้มของทหารตลอดเส้นทาง เพื่อให้ชาวบ้านได้อุ่นใจว่าได้ทำบุญอย่างสบายใจ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:55:39

ความคิดเห็นที่ 21 คณะบรรเลงดนตรีคุมท้ายเรือของวัดนาประดู่ ระหว่างทางครับเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:56:45

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อใกล้ถึงประรำงานในพิธี เหล่าสาวงามทั้งหลายก้ออกมาตั้งแถวรอขบวนเรือพระของวัดตัวเอง สาวๆเหล่านี้ไม่ได้เดินทางมาหลายกิโลนะครับอย่าตกใจไป แต่พวกเธอมารอกันแถวหน้างาน จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:58:08

ความคิดเห็นที่ 23 ท. ทหารคนนี้เป็นที่ชื่นชอบของเด้กๆมากครับ คนมาถ่ายรูปกันแยะเลย จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 20:59:26

ความคิดเห็นที่ 24 ขบวนกลองยาวจากสาวๆหลากหลายวัยก็มาร่วมกัน แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 53 21:01:22 จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:00:00

ความคิดเห็นที่ 25 ชาวบ้านก็มากันพร้อมเพรียง ทางเทศบาลแจกเสื้อสีแดงให้เป็ของที่ระลึกจากผู้ที่มาร่วมงาน แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 53 21:01:45 จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:00:55

ความคิดเห็นที่ 26 ผ่านมาเห็นป้ายนี้น่ารักดีครับ อดยิ้มไม่ได้ ทำให้หวลคิดถึงความสงบสุขเมื่อก่อนจริงๆ ที่มาเที่ยวงานชักพระได้โดยไม่ต้องหวาดระแวงใดใดทั้งสิ้น จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:03:11

ความคิดเห็นที่ 27 ขบวนเข้ามาในบริเวณงานแล้วครับ จะมีเรือพระลำอื่นๆที่มาก่อนแล้วเรียงแถวกันอยู่ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:04:02

ความคิดเห็นที่ 28 เรือพระบางลำกำลังตกแต่งยอดเรือ ซึ่งสูงมากต้องใช้รถเครนมายกกันเลยทีเดียวครับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:05:11

ความคิดเห็นที่ 29 ระหว่างนั้นฝ่ายจัดยอดทั้งสงฆ์ ทั้งฆารวาสก็มาช่วยกันแต่งยอดเรือ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:06:02

ความคิดเห็นที่ 30 เสร็จสิ้นงานก็ค่ำๆ ติดตั้งไฟประกอบสวยงามทีเดียวครับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:07:03

ความคิดเห็นที่ 31 นอกจากนี้ยังมีเรือพระประเภทความคิดสร้างสรรค์ประกวดร่วมด้วยครับ โดยนิยมทำเป็นเรื่องราวในพุทธประวัติ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 53 21:11:03 จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:08:10

ความคิดเห็นที่ 32 ซึ่งก็มีอยู่มากพอสมควรครับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:08:46

ความคิดเห็นที่ 33 ส่วนเรือพระประดิษฐจากโฟมแกะสลักสีสันบาดตาลักษณะนี้ เป็นที่นิยมมากที่จังหวัดสงขลา แต่ที่ปัตตานีเพิ่งมีบางวัดประดิษฐ์มาร่วมครับ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 53 21:11:39 จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:10:30

ความคิดเห็นที่ 34 งานชักพระครั้งนี้เป็นเป็นครั้งที่ 61 แล้วนับว่ายาวนานพอสมควร พอพอกับคนรุ่นๆ นึงเลย แต่น่าดีใจที่ชาวอำเภอโคกโพธิ์สามารถอนุรักษ์ให้ยังคงอยู่ไว้ แม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ที่ประชากรนับถือศาสนาพุทธประมาณ 20 %  และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเพณีนี้จะอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:17:23

ความคิดเห็นที่ 35 ข้อคิดที่ได้จากงานครั้งนี้ 1. ความสามัคคีของคนในชุมชม 2. ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา 3. เป็นการสืบต่องานศิลปะอีกแขนงนึง 4. เป็นการสร้างรายได้ หมุนเวียนเงินตรา ให้กับคนในท้องถิ่น 5. เป็นการประชาสัมพันธ์งานบุญของวัดต่างๆ เพราะว่าอย่าลืมนะครับว่าหลังออกพรรษา เทศกาลทอดกฐินก้เริ่มติดตามมาเลย ดังนั้นทุกซุ้มเรือพระจะมีการแจกซองกฐินให้ได้ทำบุญกันถ้วนทั่วเลยครับ อิอิ ป.ล. ขอขอบคุณทหาร ตำรวจ และฝ่ายดูแลความสงบเรียบร้อยในการจัดงานในครั้งนี้ทุกท่านครับ ยอมรับครับว่าไปงานครั้งนี้ตอนกลางคืนก็กลัวเหมือนกันลึกๆแล้ว เพราะว่าเมื่อปีที่แล้ว มีเหตุการณ์ระเบิดในงานวันชักพระวันแรก ผู้คนได้รับบาดเจ็บมากพอสมควร ผลที่ตามมาคือ ในปีนี้เรือพระที่มาร่วมงานลดลงมากเกือบครึ่ง จากประมาณ 40 กว่าลำ ปีนี้มาเพียง 28 ลำเท่านั้น้เอง จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:24:22

ความคิดเห็นที่ 36 ข้อสังเกตเพิ่มเติม เกี่ยวกับรูปแบบเรือพระ อันนี้มาจากความคิดเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆนะครับ ดูจากรูปร่างของเรือพระ บุษบกต่างๆแล้ว ผมนึกถึงพระบรมธาตุไชยา หรือไม่ก็เจดีย์ศิลปะแบบ บาหลี ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่ารูปแบบการสร้างสรรศิลปะแบบนี้ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะศรีวิชัย อีกทั้งยุคศรีวิชัย ก็เป็นยุคที่มีการนับถือศาสนาพุทธกันแพร่หลาย ไม่ทราบว่าท่านผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ-ประวัติศาสตร์ ทั้งหลายคิดเห็นกันเช่นไรบ้างครับ จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:29:15

ความคิดเห็นที่ 37 ประเพณีรับเสด็จพระพุทธเจ้า ในกลุ่มไทใหญ่ แถวแม่อ่องสอนก็มีประเพณีสร้างปราสาทเช่นกัน เรียกว่า "จองพารา" แต่เป็นการแบบใส่บ่ากัน ไม่ได้ทำเป็นรถชักลากเหมือนอย่างทางใต้ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 21:58:22

ความคิดเห็นที่ 38 สำหรับทางดินแดนอีสาน ก็มีประเพณีการสร้างและแห่ปราสาทเช่นเดียวกัน แต่ปราสาทกลับทำด้วยขึ้ผึ้ง เรียกว่า "ปราสาทผึ้ง" จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 22:03:36

ความคิดเห็นที่ 39 และทางอีสานได้พัฒนารูปแบบจนสวยงามแบบนี้ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 22:06:16

ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อสักครู่นี้ผมไปเจองานเขียนเรื่อง สายใยแห่งภราดรภาพ: บนสายรากวัฒนธรรมไทยทักษิณกับมลายูตอนบน ของ ศ. สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ซึี่งมีการกล่าวถึง พนมพระไว้ว่า เป็นการปรับแปลงมาจากเขาพระสุเมรุของฮินดูมาครับ ซึ่งผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะคำว่า พนม ก็แปลว่าภูเขาอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเขาพระสุเมรุ ด้วยแล้วเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับความเชื่อต่างๆในศาสนาพุทธ มากมายครับ ผมมีภาพบุษกถ่ายมาจากวัดเบซากิห์ เกาะบาหลีครับ มีรูปร่างคล้ายพนมพระ เช่นกัน แต่วัสดุที่เห็นทั้งหมดคือเนื้อมะพร้าวครับ (ไม่ใช้กาบมะพร้าวนะครับ) ที่เขาจะแกะออกมาจากกะลา แล้วเอามาตกแต่ง ไม่แน่ใจว่าสร้างไว้เพื่อบูชาเทพหรือไม่ ไม่ได้ถามมา แต่ที่น่าสังเกตคือ  ผ้าสีขาวที่กางกั้นข้างบนนั้น คล้ายกันกับในภาคใต้ที่เรียกว่า สามส้าง หรือร่มไฟ (ภาษาถิ่นสงขลา) ใช้กางกั้นเหนือเชิงตะกอน เวลาจะมีการเผาศพ ตามฌาปนสถานในชนบนที่ไม่มีเมรุตามวัดครับ ซึ่งก็คงมาจากความเชื่อเรื่องเขาพระสุเมรุ เช่นกัน แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 53 22:31:52 จากคุณ : Oceanophila เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 53 22:26:03

ความคิดเห็นที่ 41 ลงผิดอันครับ ขอโทษที แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 53 20:57:51 จากคุณ : iruku เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 53 20:55:18

ความคิดเห็นที่ 42 ขอขยายความเพิ่มเติม ประเพณีการชักพระของภาคใต้ ที่ยิ่งใหญ่และต้องหยุดให้คนงานไปร่วมงานหลัก ๆ คือ สุราษฏร์ธานี  สมัยก่อนที่ไชยา ต้องเข็นไม้กลม ๆ ไปรอบ ๆ เพื่อเคลื่อนย้ายพระ เลียนแบบโบราณที่พระพุทธรูปสร้างจากหิน แบบระบบ Knock down สมัยนี้ หลาย ๆ ชิ้นประกอบกัน กับอีกแห่งคือ ท่าคุระ และ แหลมโพธิ์ ที่สงขลา แต่เป็นการแห่พระทางเรือของภาคใต้ ส่วนงานเดือนสิบที่ต้องหยุดทำงานให้คนงานเลยคือ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ส่วนจังหวัดอื่นอาจเฉย ๆ ไม่ถึงกับเป็นวันสำคัญ ข้อมูลจาก Hr manager ของโรงงานในสงขลา อย่างไม่เป็นทางการนะครับ จากคุณ : ravio เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 53 23:57:25

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมากๆครับผม อยากลงไปเที่ยวงานลากพระที่โคกโพธิ์มานานแล้ว แต่พ่อไม่ให้ไป จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 16:44:16