ความคิดเห็นที่ 1 คือ สุมทตุเราเป้นทหารญี่ปุ่นชั้น นายสิบ นายร้อยสั้งให้เราเอา นัมบุ 14 สุดห่วงของเราไปยิงเชลยที่นั้งเรียงอยู่10คน พร้องทหารญี่ปุ่นที่มาดู ในหัวเราคนเครียด ตื่นเต้น เพราะการฆ่าคนที่ไม่มีทางสู้มันยากครับ แต่มันเป็นคำสั้ง เหตุการณ์แบบนี้มันเหมือนกับเรารู้ส่ามันผิด แต่เราต้อวทำ เช่นเรารู้ว่า การที่เราลอกข้อสอบมันผืด แต่ละไม่ลอกเราก็ไม่มีคะแนนเพราะทำไมได้ เราเลยต้องทำ ก็เช่นกันครับ และ พอเราเอา 8MM ยิงเข้าหัวทหารจีนครั้งแรก นั้นคุณจะรู้สึกเหมือนปลดปล่อยครับ ก็คือ เหมือนเรา โดดเรียนครั้งแรกนั้นแหละ พอครั้งแรกคุณจะรู้สุกเครียด ตื่นเต้น กลัว แต่พอครั้งแรกผ่านไปครั้งที่ 2-3 -4 ถึง10 ตามมา มันจะการเป็นความเคนชิน ครับยิ่งถ้าไม่โดนครูจับได้ยินชินโดนกลายเป็นนิสัยและการที่สมองเผลี่ยนความคิดจะผิดเป็นถูก นั้นแหละครับที่ทหารญี่ปุ่น เจอ ทหารญี่ปุ่นยิงไม่ครั้งแรกไปได้สนุกเลย ผมว่าไอ้พวกทหารที่ลายล้อมดู คงจะเลียบไม่มีเฮ เงียบหรือไม่ก็อ้วก สลบก็มีครับ แต่พวกทำไม่เลยๆ มันก็จะเกิดความเคยชินจนมันง่าย จนรู้สึกว่าทำไม่ก็ไม่เป็นไร แถบยิ่งผู้ใหญ่สั่งมาจนเป้นทำไปจากผิดเป็นถูกครับ ซึ่ง ทหารญี่ปุ่นในนานจิงต้องเจอแบบนี้กับการฆ่าครับ พอฆ่ามากๆ โดนคนหมู่มาห คนหมู่บ้านที่เคยชิน มันจะเกิดเป็นจิตวิทยาหมู่ ทำให้เกิดการยอมรับของสังคมครับ จนเกิดเป็นแฟชั้นที่ว่า ฆ่าได่เยอะยิ่งเก่งยิ่งโหดประมาณแบบนี้ เมื่อมันเกิดเป็นจิตวิทยาหมู่นี้แหละครับ ทห่รญี่ปุ่นก็รีบคิดว่าที่มำไปทำแล้วได้รับการยอมรับ และเป็นความเคยชิย จนทำให้จิตใจมองการฆ่าทหารจีนหรือชาวจีนั้นเป้นสิ่งไม่ผิดเพราะตนได้ทำมามากแล้ว จนทำให้ทหารญี่ปุ่นส่วนมากไม่กลัว กฏกองทัพหรือแม้แต่กองทัพยังไม่สนกฏจนเกิดการ ฆ่า ขมขืน ชาวจีนครั้งร้ายแรง เกิดขึ้นนั้นเอง นั้นแหละครับที่ผมว่า ทหารญี่ปุ่นคือเหยื่อของด้านมืดทางจิตใจที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่การที่ทหารญี่ปุ่นส่วนมากที่ทำก็ยังมีทหารญี่ปุ่นที่ไม่สามารถรับได้จากเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน ตั้งแต่ระดับพลทหาร นายทหารถึง นายพล จนนายพลบ้างคนสั้งให้เลิดครับ เป็นลายลักอักศรด้วย แต่เพราะการที่ คนหมู่มากของกองทัพเป็นเหยือของด้านมืดทางจิตใจครอบงำไปแล้วก็เลยทำให้กฏนั้นไม่ไม่ถึง ถึงจะมีการยิงเป้าทหารที่ทำผิดแรกๆ แต่พอนานไปกฏก็ใช้ไปได้ ครับ พลทหารบ้างคนที่ไม่ยอบทำ ไม่ยอมไปทำไม่ดีต่อคนจีนก็เกิดการไม่ยอมรับต่อสังคมเหมือนแบบมรึงไม่เท่นี้หว่า ประมาณนี้ ซึ่ที่เล่ามานั้น คือ เหยือของสงครามด้านจิตใจครับ พอจบสงคราม คงจะไม่มีทหารคนไหน ดีใจที่ได้ทำ กลับการเป็น ปมร้ายในอดีตที่กัดกินเค้าครับ จนบ้างคนถึงกลับฆ่าตัวตายที่รับไม่ได้จากสิ่งที่ตัวเองทำไป ครับ มันเป็นปมที่มันทำร้ายจิตใจเขามากครับ ซื่งเพราะแบบนี้แหละครับที่ผมคิดว่า ทหารญี่ปุ่นคือ อีกหนึ่งรูปแบบของเหยือสงครามด้านจิตใจชนิดหนึ่งครับ และพวกเค้าเหล่านั้นคือ เหยื่อสงคราม ของสงครามที่โหดร้าบ แบบเดียวกลับชาวจีนนับล้านที่ตายไป ถึงเค้าจะทำผิดมหันยังไงก็ตาม จากคุณ : takpiboon เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 19:36:14

ความคิดเห็นที่ 2 เพื่อนคนจีนเคยบอกค่ะ ปู่เขามีเมียสองคน คนหนึ่งเป็นคนจีน อีกคนเป็นคนญี่ปุ่น เขาบอกว่าสมัยนั้นถ้าทหารญี่ปุ่นไม่ยอมทำสงครามครอบครัวก็จะถูกฆ่า เพื่อนคนจีนอีกคนบอก คนจีนบางคนเกลียดญี่ปุ่นมาก เพื่อนคนนี้ของเราก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาบอกว่าคนจีนบางคนไม่จะใส่เสื้อที่มีคำว่า 米 เราถามเขาว่าทำไม เขาก็บอกว่าไม่รู้ แต่เราเข้าใจว่าอักษรนี้เหมือนธงชาติญี่ปุ่นก่อนแพ้สงครามนะ(เดาล้วนๆ) คนจีนอีกคนบอก อยากฆ่าทุกคนที่อยู่บนเกาะของญี่ปุ่น เพื่อนคนจีนอีกคนบอกว่า คนจีนส่วนมาก โดยเฉพาะวัยรุ่นจะแสดงออกว่าเกลียดญี่ปุ่นเพื่อเป็นการสร้างภาพให้ตัวเอง นัยว่าให้ดูว่ารักชาติ เพื่อนญี่ปุ่นเคยเล่าว่าตอนที่เขาเดินทางเที่ยวเมืองจีนคนเดียวโดยรถไฟนั้นได้พูดคุยกับคนจีนวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตู้เดียวกัน คนจีนเหล่าไม่ค่อยพอใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนเราเป็นคนญี่ปุ่น แต่หลังจากพูดคุยปรับความเข้าใจกันเล็กน้อยก็ดีขึ้น จากกันด้วยรอยยิ้มได้ เมื่อเช้ามีเด็กจีนทำโพสำรวจให้ชาวเน็ตจีนโหวต เนื้อหานั้นแสดงให้เห็นว่าเด็กจีนไม่ชอบญี่ปุ่นมากๆ เจอมาหลายโพแล้ว เป็นเรื่องปกติ เท่าที่เจอมา ถึงแม้ความเห็นจะหลากหลายไปหน่อยแต่ส่วนมากจะไม่ชอบญี่ปุ่นซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้ามีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นความเกลียดชังที่ว่าก็จะไม่มี(ระหว่างประชาชนกับประชาชนนะ ไม่เกี่ยวกับรัฐกับรัฐ) ที่ จขกท.เขียนก็มีเหตุผลค่ะ เราก็ค่อนข้างเชื่ออย่างนั้น ผลกรรมตามทัน แต่น่าเสียดาย ตัวต้นตอ(หัวหน้าทหารหรือคนกระหายอำนาจสมัยนั้น)ได้รับกรรมไม่สะใจ แต่ถ้าชาติหน้ามีจริงมันเจอดีแน่ จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:38:02

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ อู้ ไม่น่าเชื่อ สงครามผ่านมาเนินนาน ยังมีการผูกใจเจ็บกันอยู่เนอะ เด็กรุ่นใหม่เข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นด้วยหรือไม่ แต่คำบอกเล่าของคนรุ่นหลังมีอิทธิพลแง่มุมมองเหมือนกัน นิ จากคุณ : radiergummi เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:50:42

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านแล้วอารมณ์เดียวกับอาชีวะแถวนี้จริงๆ รุ่นพี่บอกว่าอีก ร.ร.นึงมันเคยฆ่าเพื่อนเรา ดังนั้นเราต้องไปเอาคืน แล้วก็ไม่จบไม่สิ้น รุ่นน้องมาใหม่ก็โดนปลูกฝังแบบนี้ ( เคยคุยกับคนเรียนสายอาชีวะ เขาบอกด้วยซ้ำว่าปัญหานี้ไม่มีทางแก้ได้ เพราะการปลูกฝังจะมีต่อเนื่อง ) ใครไม่เข้ารับน้องรับระบบก็โดนกดดันจนต้องออกไปก็มี หรือเอาให้ใหญ่กว่านั้น บางทีผมก็สงสัยนะ ว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 หรือ พฤษภา 35 เนี่ย ตอนนี้ก้ผ่านมานานแล้ว พวกเขาจะคิดยังไงกับสิ่งที่ตัวเองทำ น่าเศร้าครับ กับการปั่นหัวให้คนมาฆ่ากันเอง จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 22:09:27

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องของเรื่องคือ ญี่ปุ่นเองก็สูญเสียทหารไปมากหน่ะครับ ก่อนที่เจียงไคเช็คจะถอนทัพทิ้งไป เรื่องของเรื่องคือ คำสั่ง กับความเชื่อ ว่าศัตรูนั้นไม่ใช่มนุษย์ ลัทธิคล่งชาติ และ การบิดเบือน ปวศ เพื่อกระตุ้นความคลั่งชาติ คือปัญหาของพวกนี้ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 22:45:17

ความคิดเห็นที่ 6 เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยฝีมือของทหารอเมริกันในอิีรัคขณะนี้ ประวัติศาสตร์มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตราบใดที่เรายังเป็นมนุษย์ อย่าว่าแต่ทหารญีุ่่ปุ่น หรือ เหยื่อผู้เคราะห์ฺร้ายในเหตุการณ์ฺเลยครับ คนรุ่นหลังๆที่รับรู้เหตุการณ์ดังกล่าวแบบเราๆท่านๆยัีงหดหู่เลย แต่ไอ้ที่น่าประนามคือ รัฐบาลญึ่ปุ่นสมัยหลังๆ ทำไมไม่ออกมายอมรับผิดและขอโทษ ในสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนรัฐบาลเยอรมันทำ ยังอุตริสอนประวัติศาสตร์อิงนิยายให้เยาวชนรุ่นหลังๆของตนเองไขว้เขว เข้าใจผิดจวบจนปัจจุบัน จากคุณ : Hidden Dragon เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 06:27:40

ความคิดเห็นที่ 7 จขกท วิเคราะห์ใช้ได้ ทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามเป็นอดีตชาวไร่ชาวนาที่เคยถูกชนชั้นซามูไรกดขี่มาแสนนาน กองทัพญี่ปุ่นเองก็ปกครองด้วยวัฒนธรรมซามูไร ตัวนายเองควบคุมบังคับทหารด้วยการลงทัณฑ์เป็นกลไกหลักในการฝึก อยากเห็นก็ให้ดูตัวอย่างจากหนัง Letter From Iwo Jima เมื่อตัวเองชนะสงคราม เก็บกดมานานก็เลยปลดปล่อยสันดานดิบเต็มที่ แต่ว่า ใครทำ คนนั้นต้องรับ ถึงเราจะเข้าใจกลไกและที่ไปที่มาของพฤติกรรมของเขา เขาก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวอยู่ดี จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 08:25:59

ความคิดเห็นที่ 8 คนจีนหลายคนก็เป็นพวกปากไม่ตรงกับใจครับ บางคนหลายญี่ปุ่นจะเป็นจะตาย  แต่มื้อเย็นก็เข้าร้านอาหารญี่ปุ่น กินซูชิ ซาซิมิ หน้าตาเฉย บางคนไม่ชอบคนญี่ปุ่น   แต่ในมือก็ใช้มือถือ Sharp Sony  นั่งรถ Honda Toyota แต่หลายคน ก็เฉยๆ ไม่เกลียดไม่ชอบ   แต่บางคนก็ชอบ อ่านการ์ตูนญี่ปุ่น แต่งคอสเพลย ก็คละเคล้ากันไป จากคุณ : bmjas เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 08:40:15

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นผลจากการปลูกฝังความเชื่อล้วน ๆ ทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เติบโตมาพร้อมกับการล้างสมองด้วยลัทธิบูชิโด ที่ยกย่องประเทศญี่ปุ่นว่าเหนือกว่าชาติอื่นทั้งหมด เพราะสืบสายจากดวงอาทิตย์ คนญี่ปุ่นสามารถครองโลกได้ และได้รับการสั่งสอนให้มองคนชาติอื่นว่าอยู่ในฐานะด้อยกว่าตน ยิ่งถ้าเป็นคนจีนอาจมองเหมือนสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ไม่เคยถูกชาติอื่นยึดครอง เพราะมีเทพเจ้าปกป้องเนื่องจากเป็นชนชาติพิเศษ การสอนเรื่องตายดีกว่าเสียเกียรติ โดยเฉพาะถ้าตายเพื่อจักรพรรดิจะได้ไปสวรรค์นิรันดร ดังนั้นญี่ปุ่นจึงไม่มีคำว่ายอมแพ้และรังเกียจคนที่ยอมแพ้ จึงไม่มีความปรานีสำหรับเชลย จากคุณ : chenpinkun (chenpinkun) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 08:56:49

ความคิดเห็นที่ 10 ผมสงสัยเรื่องทหารญี่ปุ่นในเกาหลีมากกว่า ครับ เพราะที่จีน นี่ โดนหนักๆ ไม่กี่เมืองเช่นนานกิงที่โดนหนักที่สุด แต่เมืองทางตอนในๆก็ยังคงปลอดภัยเพราะทหารของเจียงได้ถอยร่นไปทางตอนในของประเทศ และก็เป็นระยะเวลาที่ถูกรุกรานก็ไม่นาน อาม่าผมเคยเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นอาม่า อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ คนในเมืองนั้นหลายคนก็อพยพออกจากเมืองไปหลังจากที่รู้ว่า เซียงไฮ้แตกแน่ๆ อย่างอาม่าผมก็ไปอยู่ กับญาติๆในชนบท ส่วนกรณีของเกาหลีนี่ถูกญี่ปุ่นบุกเข้าไปยึดครองตั้งแต่ปลายราชวงศ์ผู้หญิงเกาหลีก็โดนข่มขืนกันก็ไม่น้อย (น่าจะเป็นสาเหตุที่คนเกาหลีเกลียดชังญี่ปุ่นจนถึงตอนนี้แถมความเกลียดน่าจะรุนแรงกว่าจีนซะอีก) ส่วนคนจีน นี่ ถ้าเป็นวัยรุ่นก็จะแตกต่างกันไปนะครับ ผมเคยคุยกับเพื่อนที่คนเซินเจิ้น คุณเธอก็รู้สึกเฉยๆ แล้วก็ว่า เรื่องมันผ่านกันมาตั้งนานแล้ว แต่อีกคนที่เป็นปักกิ่งก็บอกว่า ไม่ชอบญี่ปุ่น แต่ที่แน่ๆ หลายคนในไต้หวันค่อนข้างชอบญี่ปุ่นมากๆ จากคุณ : เหล่าฟาง เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 09:59:03

ความคิดเห็นที่ 11 ในเกาหลีและไต้หวันนั้น ได้ผ่านการยึดครองช่วงแรกคือ ทำลายและปราบปรามผู้ต่อต้านไปหมดแล้วหน่ะครับ เกาหลีกองทัพญี่ปุ่นจัดการไปตั้งแต่ก่อนสิ้นศตวรรษที่ 19 นิดหน่อย และไม่ได้เป็นสงครามเต็มรูปแบบ แค่การเข้าครอบงำด้วยอำนาจทางทหารและอิทธิพลทางการเมือง ส่วนในไต้หวันนั้น กลุ่มที่ลุกขึ้นต่อต้านก็โดนสังหารอย่างโหดเหี้ยมไปหมดแล้วในช่วง 10 ปีแรกของการที่ญี่ปุ่นเข้าไปครอบครองไต้หวัน ใครอยู่ไม่ได้ก็อพยพกลับแผ่นดินใหญ่ไป เหลือแต่พวกที่ว่านอนสอนง่ายและยอมรับอำนาจของญี่ปุนเท่านั้นแล แปลกดีที่คนที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นคนไต้่หวันแท้ๆจำนวนมาก จำกรณี 228 ได้ แต่ดันแกล้งๆลืมกรณี หยุนหลินในปี 1896 ที่กองทัพญี่ปุ่นล้างหมู่บ้านชาวประมงบนเกาะไปหลายแห่ง สังหารชาวบ้านไปเกือบหมื่นคน....... จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 11:05:10

ความคิดเห็นที่ 12 ทหารญี่ปุ่นเหมือนตกเป็นเหยื่อก็จริง แต่ความโหดร้ายที่ได้รับเทียบไม่ได้เลยกับเหยื่อที่ถูกกระทำไปจริงๆ ทหารเหล่านั้นหลายๆคนอาจจะยังอยู่จนแก่ตาย หลายคนอาจได้เป็นใหญ่เป็นโต ไม่รู้สำนึกกันบ้างรึยัง แต่เหยื่อนี่สิน่าสงสาร ถ้าต้องเลือกระหว่างเป็นทหารญี่ปุ่น กับหญิงสาวชาวนานกิง จะเลือกเป็นใครครับ ปล. เมื่อคืน ช่องทรูเอาหนังนานกิงมาฉาย ขนาดดูตอนครึ่งเรื่องไปแล้ว ยังเครียดไม่หายเลยครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 53 14:51:52 จากคุณ : deemakak เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 14:50:23

ความคิดเห็นที่ 13 ตามที่คุณอุ้ยว่า ผมว่ากรณีหยุนหลิน นั้นนานกว่ามาก จนคนรุ่นนั้นไม่เหลือแล้ว แต่ตอนสองสองแปด เกิดหลังตั้งหลายสิบปีนี่ครับ บ้านเพื่อนผมเป็นพื้นเพไต้หวันแท้ ยังชอบก๊กหมิ่นตั๋ง และไม่สนเรื่องสองสองแปด เพราะบ้านมันร่ำรวยจากนโยบายก็กหมิ่นตั๋ง จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 15:58:02

ความคิดเห็นที่ 14 กรณีหยุนหลิน  กับ 228 เป็นไงเหรอครับ     เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 21:10:24

ความคิดเห็นที่ 15 เช่นนั้นขอกล่าวถึงกรณีหยุนหลินก่อนครับ วันที่ 17 เมษายน 1895 หลี่หงจางตัวแทนของรัฐบาลต้าชิงได้เข้าลงนามในสนธิสัญญาหม่ากวานกันรัฐบาลญี่ปุ่นว่าด้วยการขอเจรจาสงบศึกครับ โดยทางราชสำนักต้าชิงต้องเสียเงินค่าปรับเป็นจำนวนมาก และต้องสละความเป็นเจ้าเหนือดินแดนเกาหลี ยอมยกเกาะไต้หวัน เกาะเผิงหู และหมู่เกาะบริวารหรือหลายแห่งให้กับญี่ปุ่นครับ (ซึ่งหลี่หงจางนำสนธิสัญญานี้ไปให้จักรพรรดิกวางสูทรงลงพระนามในเดือนพฤษภาคมปีนั้นเอง) ด้วยผลของสนธิสัญญาหม่ากวาน กองทัพเรือญี่ปุ่นจึงบ่ายหน้าไปยังเกาะไต้หวันและเผิงหูเพื่อทำการรับมอบเกาะมาอยู่ในการดูแลของตน ส่วนข้าราชสำนักและกองทหารของต้าชิงที่อยู่บนเกาะไต้หวันและเผิงหูนั้น ก็ย้ายกลับแผ่นดินใหญ่ไปจนหมดตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 1895 ครับผม ทำให้บนเกาะเกิดสภาวะที่บ้านเมืองไร้ขื่อแป มีการปล้นสะดม ทำลายสถานที่ราชการ ยกพวกตีกัน นั่นทำให้พวกชาวบ้านในแต่ละแห่งต้องจัดตั้งกองกำลังอาสาป้องกันหมู่บ้านขึ้นเต็มไปหมดครับ ระหว่างนั้นเอง บนเกาะไต้หวันก็มีกลุ่มชาวบ้านที่รวมตัวกันเพื่อก่อตั้งแคว้นใหม่ขึ้นมาครับ โดยเขาจะไม่ยอมให้ญี่ปุ่นเข้ามาครอบครอง พวกเขาจะปกครองตนเองในนามของ ไท่หว่านหมินจูกั๋ว กลุ่มนี้นำโดย ชิวเฟิงไช่ เป็นหัวหน้าขบวนการ และมีข้าราชการของต้าชิงบางคนที่ไม่ได้กลับแผ่นดินใหญ่ไปเข้าร่วมมากมายครับ (แถมพวกแม่ทัพในฟูเจี้ยนก็สนับสนุน ส่งอาวุธข้ามน้ำข้ามทะเลมาหนุนอีกด้วย) วันที่ 29 พฤษภาคม 1895 ราวๆ 10 วันหลังข้าราชการของต้าชิงละทิ้งเกาะไป กองทัพเรือญี่ปุ่นกองหนึ่งก็ยกพลขึ้นบกที่เมืองเก๋อหลง ซึ่งถูกต่อต้านอย่างหนักจากชาวบ้านบนเกาะครับ นั่นทำให้ผู้บัญชาการของกองทัพญี่ปุ่นตัดสินใจว่า จะเข้าถ่ายโอนการครอบครองโดยสงบไม่ได้แน่ๆ ต้องใช้กำลังเข้ายึดเอา กองทัพญี่ปุ่นก็โจมตีเก๋อหลงอย่างหนักและยึดได้ภายใน 5 วันครับ ทำให้กองกำลังต่อต้านต้องล่าถอยไป วันที่ 7 มิถุนายน กองทัพญี่ปุ่นก็เข้ายึดเมืองไถเป่ยครับ กองทัพต่อต้านในเมืองรบต้านทานได้ไม่นานก็ยอมจำนนไป วันที่ 8 กองทัพญี่ปุ่นก็ยึดเมืองตานสุ่ยและป้อมโหเป่ยได้ วันที่ 11 มิถุนายน กองทัพญี่ปุ่นยึดเมืองฉินฉู่ได้ครับ กองทัพต่อต้านแตกพ่ายออกไป และกระจายกันทำสงครามกองโจรรบกวนพวกญี่ปุ่นแทน สิ้นเดือนสิงหาคม กองทัพญี่ปุ่นก็ตีเมืองฉางหัว เมืองสำคัญของกลุ่มต่อต้านแตกครับ พวกกองกำลังต่อต้านราวๆ 4 พันคนถูกฆ่าตายในสงคราม ส่วนชาวบ้านจำนวนมากได้หลบหนีออกจากเมืองไป หลังจากตีฉางหัวแตก เกาะไต้หวันกว่าครึ่งก็ตกอยู่ใต้การยึดครองของญี่ปุ่น กองกำลังต่อต้านที่เหลือต้องถอยร่นลงใต้ไปไถหนานแทน การต่อสู้ในภาคใต้ของไต้หวันนั้น กองทัพญี่ปุ่นระดมกำลังพลมาเกือบ 5 หมื่นคนครับ รุกจากทั้งทางเหนือทางบก และยกพลขึ้นชายฝั่งจากจุดต่างๆในภาคใต้ของเกาะไต้หวันหลายจุด เพื่อล้อมปราบกองกำลังต่อต้านให้ได้ พวกกองกำลังต่อต้านก็ได้ระดมกำลังพลชาวบ้านจากสารพัดหมู่บ้านมาได้นับหมื่น เตรียมต่อสู้แตกหักกับพวกญี่ปุ่น วันที่ 9 ตุลาคม กองทัพญี่ปุ่นระดมตีเมืองเซี่ยอี้ ที่พวกกองกำลังต่อต้านรักษาอยู่ครับ พวกฝ่ายต่อต้านรบสู้ในเมืองอย่างหนัก แต่ก็แพ้อาวุธของกองทัพญี่ปุ่น ต้องแตกพ่ายออกจากเมืองไป ปลายเดือนตุลาคม กองทัพญี่ปุ่นก็กระชับวงล้อมเข้าใกล้ๆไถหนานเข้าไปทุกทีครับ กองทัพต่อต้านประสบความพ่ายแพ้ใหญ่ที่เหมาโถว ฝ่ายต่อต้านและประชาชนราวๆ 6 พันคนโดนกองทัพญี่ปุ่นฆ่าตายที่เหมาโถว วันที่ 13 ตุลาคม กองทัพเรือญี่ปุ่นระดมยิงปืนใหญ่ถล่มต้าโข่วอย่างหนักครับ ก่อนจะยกพลขึ้นบกเข่นฆ่ากองทัพต่อต้านและชาวบ้านจนเรียบ การเสียต้าโข่วทำให้ชาวเมืองไถหนานส่วนใหญ่หมดใจจะสู้และขอยอมจำนน และกองทัพญี่ปุ่นก็ยึดไถหนานได้ในปลายเดือนตุลาคมนี่เอง แม้ญี่ปุ่นจะยึดครองไต้หวันได้สำเร็จในปี 1895 แต่ก็มีการต่อต้านปะทุขึ้นมาอีกเนืองๆครับ ที่สำคัญก็คือการฆ่าล้างในกรณีหยุนหลิน ซึ่งเกิดในปี 1896 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลญี่ปุ่นผ่านร่างกฎหมายที่ 63 อนุญาตให้ผู้ว่าราชการเกาะไต้หวันนั้นมีอำนาจเต็มในการออกกฎหมายหรือกระทำการใดๆก็ได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงกฎหมายของประเทศแม่ของญี่ปุ่นบนเกาะครับ ซึ่งรวมไปถึงสิทธิในการตรวจสอบและควบคุมการประกอบอาชีพ วิถีชีวิตของชาวเกาะไต้หวันอย่างยิ่ง ทำให้ประชาชนจำนวนมากบนเกาะไม่พอใจ พวกเขารวมตัวกันก่อการที่หยุนหลินครับ ประเมินกันว่ามีชาวบ้านและชาวประมงราวๆ 15000 คน ร่วมกันก่อการ ก่อนที่จะถูกกองทัพญี่ปุ่นเข้าบดขยี้อย่างหนัก หมู่บ้านหลายแห่งในแถบหยุนหลินถูกทำลายจนไม่เหลือซาก กองทัพญี่ปุ่นประเมินว่าสังหารพวกต่อต้านไป 6000 คน แต่ตัวเลขจริงๆอาจจะมากกว่านั้น 2-3 เท่าตัว จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 11:16:14

ความคิดเห็นที่ 16 ส่วนกรณี 288 เกิดในปี 1947 ครับ ปี 1945 รัฐบาลทหารญี่ปุ่นลงนามในสัญญาพอร์มดาม ว่าด้วยการขอยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตรโดยไม่มีเงื่อนไข กองทัพญี่ปุ่นในจีนจึงต้องเข้ามอบอาวุธยอมจำนนต่อรัฐบาลสาธารณรัฐจีนครับ ซึ่งจากเหตุนี้เองทำให้เจียงไคเช็คสั่งให้กองทัพก๊กมินตั๋งไปรับมอบการยอมจำนนของกองทัพญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บนเกาะเผิงหู ไต้หวัน และอีกหลายๆเกาะในทะเลจีนใต้ (เช่นเกาะไท่ผิง) กองทัพก๊กมินตั๋งเลยริบการดูแลดินแดนเหล่านี้มาไว้แทน ปี 1946 กองทหารและข้าราชการของญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดบนเกาะไต้หวันและเผิงหู ก็ถูกควบคุมตัวหรือส่งตัวกลับประเทศแม่ไปครับ ทำให้การดูแลเกาะตกอยู่ในมือของก๊กมินตั๋งโดยสิ้นเชิง (แต่โดยหลักการทางนิตินัยเกาะไต้หวันและเผิงหูนี้ยังเป็นของญี่ปุ่นอยู่ กองทัพก๊กมินตั๋งแค่รับทอดมาดูแล เหมือนที่สหรัฐทำกับโอกินาว่านั้นแล) เจียงไคเช็คก็จัดการแต่งตั้งให้เฉินอี้เป็นผู้ดูแลว่าราชการบนเกาะแทนครับ แต่ก็เข้าทำนองของพวกขุนศึกก๊กมินตั๋งคือ ไปที่ไหนก็โกงกินรีดนาทาเร้นประชาชนไปทั่ว เฉินอี้ก็ไม่แตกต่าง เขาบริหารงานอย่างล้มเหลวทำให้เกิดโจรผู้ร้าย ตลาดมืด นักเลง ขึ้นเต็มเกาะ ใครที่มีท่าทีต่อต้านก็จับยัดเข้าคุกดื้อไปเสีย สร้างความเกลียดชังให้ผู้คนมากมายครับ ปี 1947 ชาวบ้านก็ทนไม่ไหว และรวมตัวกันเดินขบวนต่อต้าน เฉินอี้ก็ทำตามแบบที่ขุนศึกก๊กมินตั๋งทำกันเป็นปกติคือ ใครต่อต้านมันต้องตาย ว่าแล้วเขาก็สั่งให้กองทัพจากฟูเจี้ยนยกพลข้ามฟากมา เข่นฆ่าประชาชนที่ต่อต้านอย่างหนักหน่วง วันที่ทำการเข่นฆ่าก็คือ วันที่ 28 เดือน 2 ปี 1947 คนบนเกาะไต้หวันเลยเรียกกรณีนี้ว่า 228 หน่ะครับ ประเมินกันว่ามีคนตายจากกรณี 228 หลายพันคนทีเดียว แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 53 11:28:22 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 11:27:51

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องนานกิงคิดว่าเป็นเรื่องปกติของสงคราม holocaust ที่เกิดมาตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์ เพียงแต่ฉากนานกิง มัน "ใหม่" สำหรับพวกเราในปัจจุบัน มีหลักฐาน มีภาพออกมาเยอะ ทำให้เกิดอารมณ์ร่วม จากคุณ : งงงันวูบ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 15:49:29

ความคิดเห็นที่ 18 ปัญหาของกรณีนานกิงคือ นานาชาติได้มีการลงนามในข้อตกลงเจนีวา ว่าด้วยการปฏิบัติต่อเชลยศึกและพลเมืองในสภาวะสงครามในปี 1929 หน่ะครับ ซึ่งมีราวๆ 53 ประเทศที่ให้สัตยาบันและลงนามยอมรับข้อตกลงเจนีวานี้ ทำให้การเข่นฆ่าประชาชนและเชลยศึกนั้นไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกต่อไป แต่ญี่ปุ่นกลับกระทำการนั้นในปี 1937...... แม้ญี่ปุ่นจะไม่ได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยเชลยศึกที่เจนีวาในปี 1929 ก็ตาม แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ให้การยอมรับกติกาดังกล่าวในปี 1942 โดยออกหนังสือแจ้งไปยังทุกกรมกองและประเทศคู่สงคราม ทว่าญี่ปุ่นกลับกระทำการละเมิดข้อตกลงของตนตลอดมาตั้งแต่ปี 1942-1945 แบบนี้ควรประนามหรือไม่? ศตวรรษที่ 20-21 มันไม่ใช่ยุคกลางหรือยุคมืด ที่ประเทศหรือแว่นแคว้นใดๆจะรุกรานชาวบ้านได้อย่างตามใจชอบอีกต่อไป หมดยุคคนป่าที่ขี่ม้ามาปล้นสดมภ์ชาวบ้านกันไปเป็นร้อยปีแล้ว แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 53 19:48:58 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 19:46:12

ความคิดเห็นที่ 19 ของแบบนี้ว่าตามรากจริงๆมันเป็น instinct ของคน ยิ่งสงครามที่ตัวเองดับเครื่องชนแล้ว ยากจะนึกถึงหลักมนุษยธรรม คนที่ขึ้นมามีอำนาจช่วงนั้นก็เป็นพวกโดนปลูกฝังมาแบบหัวรุนแรง (สายพิราบก็มี แต่สายเหยี่ยวเป็นใหญ่) การพูดหลักเหตุผล มนุษยธรรมนั้นเป็นเรื่องที่พูดกันไม่รู้เรื่อง เมื่อเกี่ยวกับความอยู่รอด คนเรามักใช้สัญชาติญาณ อีกทั้งช่วงนั้น 1930s มหาอำนาจทั้งหลายก็อ่อนแรงลงหลังสงคราม อเมริกันก็เจอ The Great Depression จีนเองก็ยังวุ่นวาย รัสเซียก็เพิ่งเป็นคอมมิวนิตส์ไม่นาน มีแต่ญี่ปุ่นนี่แหละที่ดีกว่าคนอื่น สงครามก็ไม่ได้กระทบทางลบเท่าไหร่นัก กลับบวกอีกที่ส่งออกขายของได้กำไรดี ญี่ปุ่นพยายามจะเผด็จศึกจีนให้เร็วที่สุด ได้พยายามสร้างความหวาดกลัวเพื่อข่มขวัญให้มาก สงครามนั้นรบไปไม่ชนะก็ไม่มีความหมาย เมื่อตัวเองจะเริ่มสงครามแล้ว ก็ต้องชนะ ทำได้ทุกอย่าง ยิ่งเป็นสงครามที่ได้รับฐานจากการคลั่งชาติอย่างสุดโต่ง มาจากช่วงนั้นเริ่มก้าวมาเป็นมหาอำนาจใหม่ของโลก มีการหลอมแบบชาตินิยมมาก การหลอมคนสังคมนั้นก็ทำให้เรื่องพวกนี้กลายเป็นเรื่องชอบธรรมไป(สำหรับพวกหัวรุนแรง) ตรงนี้ปกติดูเป็นเรื่องไม่น่าให้อภัย แต่ภาวะสงคราม ความอยู่รอด บริบทแวดล้อมก็พยายามจะเข้าใจจุดนี้ด้วยเช่นกัน เห็นด้วยครับที่ศตวรรษที่ 20 หมดยุคปล้นสดมภ์แบบบาบาเรี่ยนครับ แต่ก็เป็นยุคของการล่าอาณานิคมแบบพวกอารยะ(จริงลึกๆก็แอบบาบาเรี่ยน)ด้วย เป็นการพัฒนาขึ้นไปอีกรูปแบบหนึ่ง ปล้นอีกรูปแบบหนึ่งที่แนบเนียนกว่า รากจริงมากจากการคลั่งชาติอย่างสุดโต่งเกินไป (มองตัวเองเลิศไป มองชาติอื่นเหมือนไม่ใช่มนุษย์) แล้วประจวบเหมาะกับพวกหัวรุนแรงขึ้นมาปกครองประเทศ นำพาเข้าสู่สงคราม ซึ่งจริงๆปัจจัยอื่นๆก็มาจากความอยู่รอดของญี่ปุ่นเองด้วย เรื่องทรัพยากร คน และความก้าวหน้าในช่วงนั้น มาตอบให้อีกแง่หนึ่งครับ จากคุณ : A Song for xx เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 13:55:02

ความคิดเห็นที่ 20 วีรบุรุษ  หรือ อาชญากรสงคราม จากคุณ : แฟนนายแบบ เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 21:04:56

ความคิดเห็นที่ 21 ผทก็เปนคนหนึ่งที่ชื่นชอบ ชนชาติญี่ปุ่น ครับ ชื่นชมในจิตวิญญาณเเห่งความซื่อ สัตย์ ภักดี เอาจริงเอาจัง เเบบซามูไร ซึ่งเปนอารยธรรมเเม่บทของญึ่ปุ่น หากญี่ป่นเปนครอบครัวหนึ่ง ผมเเบ่งเปน 3 ยุคด้วยกันครับ 1) ยุคซามูไร คือ นับเเต่ เริ่มมีอารยะธรรม ถึง จบยุคโชกุน โทกุงาว่า 2) ยุคเริ่มต้นยุคใหม่ นับเเต่ ปฎิรูประบอบโชกุน จนจบ ลัทธิทหาร WW II 3 ) ยุคใหม่ หลังเเพ้สงครามโลก เเล้วรับระบอบประชาธิปไตยขึ้นกับ สหรัฐฯ - ปัจจุบัน 1) ยุคซามูไร เปรียบเหมือนพ่อ (สิ้นอายุขัย) 2) ยุคเริ่มต้นยุคใหม่ เปรียบเหมือนลูก (สิ้นอายุขัย) 3) ยุคใหม่ เปรียบเหมือนหลาน (ยังมีชีวิต) พ่อ ลูก หลาน ย่อมมีความเหมือนกัน เเต่ไม่ใช่คน ๆ เดียวกัน เปนครอบครัวเดียวกันก็มีความต่างกัน เหตุการณ์ที่ นานกิง นั้นคือ โศกนาถกรรม ประเทศไทยเราญี่ป่นก็เข้ามายึดครองเช่นเดียวกันครับ เเต่ผลนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหวหากเทียบกับ นานกิง นี่คือตารางเปรียบเทียบครับ ราชอาณาจักรไทย                             สาธาณรัฐจีน ในระบอบเผด็จการ                             ในระบอบประชาธิปไตย นำโดย จอมพล ป.พิบูลสงคราม             นำโดย รัฐสภา จอมพลเจียง เปน ปธน - ตัดสินใจเปนพันธมิตรกับญี่ปุ่น             - ต่อต้านญี่ปุ่น เเบบ รบเเตกหัก - ญี่ปุ่นเห็นเราเปน"เมืองน้อง"                 - ญี่ปุ่นเห็นเปนศัตรู ปฎิบัติต่อเราด้วยดี - นายพล นากามูระ ผู้มีคุณธรรม             - เจ้าชายองค์หนึ่ง(ผมจำชื่อไม่ได้) เปนผู้บัญชาการใหญ่กองทัพญี่ปุ่น            เปนผู้นำกองทัพญี่ปุ่นที่นานกิง ในประเทศไทย                                    โดยปกติชนชาติญี่ปุ่นไม่ปราณีต่อผู้เเพ้ รักษาสัจจะจนวาระสุดท้าย                      เพราะถือว่าเปนผู้ไร้เกียรติ จะทำอย่าง ไม่ทำลายไทย                                     ไรก็ได้ทรมานเล่นจึงไม่ผิด เพราะในสายเลือดที่สืบทอดมาจากรุ่นพ่อ-ยุคซามูไร   เขาถือว่าหากตัดสินใจรบกันเเล้ว ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง หากไม่ตายในที่รบ ซามูไร ผู้มีเกียรติ จัก ทำการ อัตตาวินิบาตรกรรม เซปปุกุ/ฮาราคีรี ดาบสั้นเเทงท้องเพื่อจบชีวิต ไม่มีการตกเปนเชลย สงคราม เขาก็เข้มงวดกับตนเองเช่นกัน   (เเต่ผมไม่เห็นด้วยกับการทารุณกรรมเชลยของเขา) ย้อนมาดูประเทศไทยเราเวลานั้น   หากเราเปนประชาธิปไตย เเล้ว ไปประกาศสงครามกับเขาเราก็อาจมี ชะตากกรรมเช่นเดียวกับชาวนานกิง ก็เปนได้ ที่ นานกิง อีกฝ่ายที่ผิด มหันต์ นั่นก็คือ คนขี้ขลาดคือผู้นำจีน ที่ทอดทิ้ง ประชาชน นั่นเองครับ ---------------- GTA ผมก็ชอบเล่นครับ ชอบมากด้วย เเท้จริงตามเนื้อเรื่องของ GTA ทุกภาค ตัวละครที่เราเล่นนั้น เรียกกันว่า " คนดี ที่ ทำงานไม่ดี " คนที่ฆ่าก็คือคน "เลว ที่ ทำงานเลว" นั่นเอง ในสมัยก่อน มีเกม เเนว Action Driver เกมหนึ่ง อาจเปนพ่อเเบบของ GTA ก็เปนได้ เวลานั้นผมเรียนอยู่ปี 1 - 2 ก็ชอบหาอะไรทำสนุกๆ สะใจ ทำในเกม เช่นกันครับ   ว่างๆผมจะหารถคันใหญ่ เเล้วขับไปไล่บี้ รถของชาวบ้านในเกม ไล่บี้ ไล่ชน ไปจนรถชาวบ้าน ชาวเมือง พัง  เเล้วซักพักก็มีตำรวจ บึ่งรถหวอมาไล่จับ เเต่เกมนี้ดีอย่างครับ เวลารถเราใหญ่ มักเหยีบยรถตำรวจเเบน เเล้ว หนี ไปได้ง่ายๆ เกมนี้ไม่มีฆ่าคนบนถนน เเต่เปนรถชนรถเเทน เเละเมื่อขึ้นปี 3 - 4 ผมเริ่มเล่น GTA วัยเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน ผมสมมุติตัวเองไปทำภาระกิจในเกม ผมใช้สูตรเปลี่ยนเสื้อผ้า เปนตัวหนึ่งดูคล้ายนักสืบ ผมสมมุติว่า ผมปลอมตัวเปนโจร เข้าไปปราบโจร ในนั้นผมไม่ไล่ฆ่าชาวบ้านอีกเลย   เพราะมีคนให้ผมฆ่าอยู่เเล้วคือเหล่าวายร้ายในเกมนั่นเอง เเละนี่คือความสุขของผมเมื่อได้เล่น GTA คร่าวๆ ก่อนครับ เดี๋ยวไว้มาเล่าต่อ สวัสดีครับ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 53 01:35:10 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 53 01:32:33 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 53 01:27:13 จากคุณ : Jeek-Crusade เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 01:11:45

ความคิดเห็นที่ 22 ทหารญี่ปุ่นมองทหารจีนที่ยอมแพ้ที่นานกิงเป็นพวกขี้แพ้ ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี ยอมแพ้ง่ายๆ ทั้งๆที่จำนวนก้อเยอะกว่ามากมาย และต้องโทษบรรดานายพลขุนศึกของเจียงไคเช็คด้วย ที่หนีเอาตัวรอดจากนานกิง ปล่อยทหารชั้นผู้น้อยให้รับกรรม จากคุณ : OZZA (OZZA) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 10:11:04

ความคิดเห็นที่ 23 คห.2 ครับ 米 คำนี้แปลว่า ข้าว ครับ หรือจะแปลว่า อเมริกา ก็ได้ ไม่น่าเกี่ยวกับธงชาติญี่ปุ่นนะครับ ^^; จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 01:29:10

ความคิดเห็นที่ 24 1. ผมว่ารัฐบาลก๊กมินตั๋งของเจียงไคเช็คนั้น เป็นเผด็จการยิ่งกว่ารัฐบาลคณะราษฎร์ของจอมพลแปลกเสียอีกครับ จอมพลแปลกท่านยังมีสภาและบางทีท่านก็ทำตามมติของสภาบ้าง (เหมือนมติที่ให้ย้ายเมืองหลวงไปเพชรบูรณ์ พอมติไม่ผ่านก็เลยไม่ได้ย้าย) เรียกว่ายังพอจะมีกติกาอยู่ แต่เจียงไคเช็คนี่เป็นรัฐบาลขุนศึกชัดแจ้ง กติกาอะไรไม่ต้อง พูดกันด้วยกำลังและลูกปืนล้วนๆ 2. ที่นานกิงนั้น เจียงไคเช็คทิ้งกองทหารราวๆ 7 หมื่นคนเอาไว้ให้ถัีงเสินจี้บัญชาการ เป้าหมายเดียวก็คือ ถ่วงเวลากองทัพญี่ปุ่นให้่ได้นานที่สุด เพื่อที่จะให้เจียงไคเช็คมีเวลาในการจัดตั้งแนวรับใหม่ที่หวู่ฮั่นครับ กองทหารราวๆ 7 หมื่นในบัญชาของถังเสินจี้นั้น ประกอบไปด้วยกองทหารที่บาดเจ็บ กองทหารอาสารักษาเมือง และกองทหารที่ถูกจัดตั้งขึ้นจากกองพันต่างๆที่ถูกตีล่าถอยมาจากทางตะวันออกครับ เมื่อรวมกับกำลังพลที่แตกพ่ายจากแนวรบที่ซูโจวและรายทาง ผสมด้วยกองกำลังตำรวจที่รักษาเมือง ในนานกิงน่าจะมีกำลังพลราวๆ 1 แสนคนเป็นอย่างมากครับ แต่ทว่ามีอาวุธจำกัดมาก และส่วนใหญ่เป็นทหารใหม่หรือทหารบาดเจ็บไม่พร้อมรบทั้งสิ้น กำลังคนที่พร้อมรบจริงๆ ถังเสินจี้จะส่งให้ไปจัดตั้งแนวรับกระจายอยู่นอกเมืองเพื่อชะลอการเดินทัพของญี่ปุ่นครับ ด้านกองทัพญี่ปุ่นนั้น ระดมพลกันมาราวๆ 2.5 แสนคน พรักพร้อมด้วยอาวุธหนักนานาชนิดครับ เพราะคาดว่าจะต้องมีการต่อต้านอย่างหนักแน่นอน เลยเตรียมกำลังคนมาบดขยี้เต็มพิกัด (เทางผู้บัญชาการของญี่ปุ่นคาดว่า ที่นานกิงคงจะต้องรบกันยืดเยื้อและรุนแรงแบบที่เซี่ยงไฮ้ ที่ต้องส่งกองทหารไล่ยึดกันทีละถนน ทีละช่วงตึก ยิงกันแหลกราญเป็นเดือนๆ) เมื่อนานกิงมีกำลังพลน้อยกว่าเกือบ 3 เท่า ขาดแคลนอาวุธ ไม่มีกำลังสนับสนุน และทหารส่วนใหญ่ก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะรบได้ เจอกับกองทัพญี่ปุ่นที่พร้อมสุดๆทั้งกำลังคนและอาวุธหนักเข้าไป ไม่แพ้ก็แปลกครับ 3. ปัญหาเดียวคือ ถังเสินจี้ถอดใจเร็วเกินไป (จริงๆเชื่อกันว่า เจียงไคเช็คมีโทรเลขมาให้เขายุติการสู้รบและพยายามรวมกำลังพลเท่าจะพาไปได้ เพื่อล่าถอยไปสมทบกับแนวรับทางตะวันตก) เมื่อกองบัญชาการถอยหนี กองทหารที่กระจัดกระจายสู้่รบกันอยู่ก็โดนลอยแพครับ หัวหน้าหน่วยส่วนใหญ่ถูกสั่งให้พาหน่วยของตนล่าถอยไปตะวัีนตก หรือไม่ก็สลายตัวปะปนกับชาวบ้านไปซะ การตั้งรับที่นานกิงเลยพินาศในไม่นาน จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 15:12:25

ความคิดเห็นที่ 25 เเรก ๆ ที่เรียนประวัติศาสตร์ ยังไม่รู้เบื้องลึก เท่าไหร่ ระหว่าง จีนคอมมิวนิสต์ - จีนคณะชาติ เวลานั้นผมก็เชียร์ จีนคณะชาติ/ ก็กมินตั๋ง ครับ ปี 3 -4 พอได้เรียนในรายละเอียด จึงว่าไม่ต่างกันครับ ผมกลับไปชอบ เวียตกง ของ ลุงโฮ(ประธานาธิปดี โฮจิมินต์) ครับ ที่ทั้ง เก่ง + ฉลาด เเละ รักประชาชนจริง ๆ   ในสายตาผม เเก คือ จูกัด ขงเบ้ง เหลียง เเห่งยุคใหม่เลยครับ   เเต่ในเวลาเดียวกัน ผมก็ไม่ได้เกลียด สหรัฐ ฯ นะครับ ที่พยายามทำสงครามเพื่อจัดระเบียบให้ เวียดนาม (เเต่สุดท้ายไม่สำเร็จ เเละ เเพ้สงคราม เเบบ Tecnical Knock Out/ TKO ซึ่งเปนสงครามอย่างเปนทางการเพียง ไม่กี่ครั้งที่ ยักษ์ใหญ่มหาอำนาจ อย่าง สหรัฐฯ จะพ่ายเเพ้) ศึกษาด้วยใจเปนกลางครับ เเต่ถ้าให้เล่า ยกนี้ ผมให้ เวียตกง เปนพระเอกครับ คนก็น้อยกว่า อาวุธก็ด้อยกว่า เเต่ ชนะ  เพราะ รบด้วยใจจริง ๆ ตั้งเเต่ระดับผู้นำสูงสุด ถึง ไพร่ราบ เเนวหน้า *เครื่องบินใบพัด*ของ เวียตกง สอย *เครื่องบินไอพ่น* ของ อเมริกา !! ล่วงเอา ล่วงเอา  ?! เเปลกเเต่จริงครับ  ลุงโฮ ?!! แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 53 14:48:33 จากคุณ : Jeek-Crusade เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 53 14:44:33

ความคิดเห็นที่ 26 # 22 # 24 เห็นด้วยครับ จากคุณ : Jeek-Crusade เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 53 14:50:54