ความคิดเห็นที่ 1 หากแต่ยังไม่มีตัวแทนจากรัฐบาล สปป.ลาว ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นพบเชื้อพระวงศ์เจ้าอนุวงศ์นี้แต่อย่างใด.....เชิญผู้มีความรู้มาร่วมกันแบ่งปันความคิดเห็นเด้อครับเด้อออ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 13:49:30

ความคิดเห็นที่ 2 พระราชวงศ์และพระอนุวงศ์องค์สำคัญๆน่าจะโดนกุมตัวมากรุงเทพหมดแล้วนะครับ อาจจะเหลือแต่เชื้อสายของพระอนุชาของเจ้าอนุวงศ์ที่ยังเหลืออยู่ทางเวียงจันทน์ก็ได้นา จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:00:50

ความคิดเห็นที่ 3 . จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:12:30

ความคิดเห็นที่ 4 . จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:12:58

ความคิดเห็นที่ 5 .งานนี้ มีพระบาง จากหลวงพระบาง พร้อมด้วย บุษบกและสัฐภัน จากหอพระแก้วด้วยแฮะ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:14:18

ความคิดเห็นที่ 6 .ฮาวเทียนนี้ สร้างเลียนแบบจากของเก่าที่อยู่วัดสีสะเกตุครับ สร้างขึ้นตอนไปโชว์ที่ มหกรรมอาณานิคม ที่ปารีส จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:15:29

ความคิดเห็นที่ 7 ผมไม่มั่นใจหรอกครับว่าพระอนุชา จะมีจริงแต่ เห็นว่า เจ้าราชวงศ์(ราชโอรสองค์แรก)ทรงหนีรอดไปได้นะครับ แล้วก้เมื่อหลายปีก่อนที่มีคนอ้างตัวว่าเป็นเชื้อสายเจ้าอนุวงศ์ ประมาณว่า เจ้าราชวงศ์ หนีรอดมาได้ และหลบไปตั้งหลักทำไรนาอยู่ที่ ภุเขาควาย แล้วก็มีลูกหลาน พอมาประกาศตัวก้เป็นไข้โป้ง ไปเลยอะครับ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:21:28

ความคิดเห็นที่ 8 นายอนุวงศ์ และนางอุไรวรรณ เศษฐาธิราช ที่อ้งตัวว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ลาวเมื่อหลายปีก่อน จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:29:30

ความคิดเห็นที่ 9 อันนี้เป็นโปสเตอร์ที่พบที่ตัวผู้ตายครับ จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:30:04

ความคิดเห็นที่ 10 เจ้าจอมมารดาดวงคำ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สืบเชื่อสายมาจากลาว (เจ้าหนูมาน แห่ง เวียงจันทน์) เป็นธิดาของเจ้าคี่ ซึ่งเป็นหลานปู่เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทน์ แต่เป็นหลานตาของ เจ้าอุปราชด้วย เมื่อเจ้าอนุวงศ์ ก่อการวุ่นวายขึ้นในรัชกาลที่ 3 เจ้าอุปราชไม่ได้ร่วมด้วย เจ้าคี่ บิดา ได้พาครอบครัวเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่ในกรุงเทพฯ เจ้านางหนูมานจึงเกิดที่กรุงเทพฯ ต่อมาเมื่อถวายตัวเป็นพระสนมในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามใหม่ว่า ดวงคำ เจ้าจอมมารดาดวงคำนั้นเล่าลือกันว่าผิวเนื้อนวล     เวลานั้นพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังไม่ได้ถวายพระเพลิง เจ้าจอมมารดาดวงคำจึงไม่ผัดหน้าทาแป้ง แต่ถึงกระนั้นผิวเนื้อก็ยังนวลงาม เจ้าจอมมารดาดวงคำมีพี่ชายคนหนึ่ง ชื่อเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์ อยู่เมืองอุบลราชธานี      เจ้าจอมมารดาดวงคำเป็นเจ้าคุณจอมมารดาของ 1. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านารีรัตนา ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2404 สิ้นพระชนม์เมื่อวันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2468 2. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี ประสูติเมื่อวันพุธ เดือน 8 แรม 11 ค่ำ ปีฉลู ตรงกับวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2408 สิ้นพระชนม์ในรัชกาลปัจจุบัน เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ปีขาล พ.ศ. 2505 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:47:52

ความคิดเห็นที่ 11 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านารีรัตนา ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2404 สิ้นพระชนม์เมื่อวันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2468 พระชันษา 65 ปี เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาดวงคำ ซึ่งเป็นหลานปู่ของ เจ้าอนุวงศ์ ผู้ครองนครเวียงจันทน์ แต่เป็นหลานตาของ เจ้าอุปราชด้วย เมื่อเจ้าอนุฯ ก่อการวุ่นวายขึ้นในรัชกาลที่ 3 เจ้าอุปราชไม่ได้ร่วมด้วย ได้พาครอบครัวเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เจ้าจอมมารดาดวงคำจึงเกิดที่กรุงเทพฯ พระองค์เจ้านารีรัตนา สิ้นพระชนม์ ในรัชกาลที่ ๖ เมื่อวันอังคาร เดือน ๗ แรม ๑๑ ค่ำ ปีฉลูสัปตศก จ.ศ. ๑๒๘๗ พระชันษา ๖๕ ปี จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:50:23

ความคิดเห็นที่ 12 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี พระราชธิดาพระองค์ที่ 75 ใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และที่ 2 ของเจ้าจอมเชื้อสายลาว คือเจ้าจอมมารดาดวงคำ(เจ้าหนูมาน แห่ง เวียงจันทน์)เป็นธิดาเจ้าคลี่ และเป็นหลานปู่เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทน์ ประสูติเมื่อวันพุธ เดือน 8 แรม 11 ค่ำ ปีฉลู ตรงกับวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2408 มีพระเชษฐภคินีพระองค์หนึ่ง คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านารีรัตนา ในพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในรัชกาลที่ 9 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2493 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี และ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านภาพรประภา กรมหลวงทิพยรัตนกิริฎกุลินี ในฐานะที่ทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในที่ทรงมีพระอาวุโสสูงสุด ทรงเป็นผู้ลาดพระที่ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในคราวนั้นด้วย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี ทรงดำรงพระชนม์ชีพเป็นองค์สุดท้ายและมีพระชนมายุมากที่สุดในจำนวนพระราชโอรสพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไปที่พระชนมายุยืนที่สุดในพระราชวงศ์จักรี โดยทรงมีพระชนมายุยืนยาวถึง 6 แผ่นดิน ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มาจนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี สิ้นพระชนม์ในรัชกาลปัจจุบัน เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ปีขาล พ.ศ. 2505 พระชันษา 96 ปี 5 เดือน 29 วัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงพระศพ ณ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 ในเว็บไซต์ของสำนักราชเลขาธิการระบุว่าเสด็จฯ พระราชทานเพลิงพระศพ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2505ในโอกาสนี้ สมเด็จเจ้าฟ้าวงศ์สว่าง เสด็จฯ แทนพระองค์กษัตริย์ลาว ทรงร่วมพระราชพิธีดังกล่าว จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 14:52:16

ความคิดเห็นที่ 13 นั่นสิ กำลังงง ๆ อยู่ว่าตกลงจะเอาอย่างไร จะส่งเสริมจริงหรือ ? จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 16:30:10

ความคิดเห็นที่ 14 อาจจะต้องการทำเหมือนกับที่รัฐบาลปักกิ่งกระทำกับ อดีตจักรพรรดิซวนทงและอดีตประธานาธิบดีหลี่จงเหรินแห่งสาธาณรัฐเก่าก็ได้ครับ เพื่อให้เห็นว่า ประเทดลาวในปัจจุบันทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 18:23:39

ความคิดเห็นที่ 15 ค้นพบแล้ว  จะเป็นอย่างไรต่อไป ชาวนครเวียงจันทน์  ยังนับถือเจ้านาย  และพระราชวงศ์อยู่หรือไม่ เพราะนครเวียงจันทน์  ไม่มีเจ้ามาแต่ครั้งสิ้นเจ้าอนุวงศ์แล้ว ต่างกับนครหลวงพระบาง  และนครจำปาศักดิ์  ที่เพิ่งจะไม่มีเจ้าผู้ครองนครมาไม่นาน จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 19:44:12

ความคิดเห็นที่ 16 @โพส ผมว่านะครับ ชาวลาวส่วนใหญ่ไม่นับถือเจ้ากันแล้วละครับ เพราะว่า ฝ่ายเวียงจัน ก้ สาบสูญ ไปเกือบ สองร้อยปี ขนาดฝ่ายหลวงพระบาง กับจำปาสัก ยังไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญเท่าใดนัก รัฐบาลเวียงจันคงอยากบอกว่า ประเทสลาวไม่มีศักดินาแล้วมั่งครับเลยหาคนมาเป็นทายาทรุ่นที่หกของเจ้าอนุวงศ์(กันท่าเจ้าหลวงพระบางมั่ง) จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 21:05:56

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าผมเป็นคนลาวก็ต้องยอมรับละว่าเจ้าอนุวงศ์เป็นผู้นำที่ปลดแอกเมืองเค้าจากการปกครองของไทย การที่ชาวลาวจะนับถือเจ้าอนุวงศ์ก็ไม่แปลกนะ ก็อย่าไปคิดอคติหาเรื่องต่อตีกับประเทศเพื่อนบ้านรอบข้างมากเลย แค่นี้เขาก็ไม่ชอบเราพอดูแล้ว จากคุณ : kingofearth เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 21:26:18

ความคิดเห็นที่ 18 ว่าแต่โพสนี้ไปหาเรื่องต่อตี ตรงไหน ผมคิดว่านี้คือ ที่ที่เราสามารถแจกแจงความคิด ร่วมกันช่วยกัน ดุแลสอดส่อง เผยแพร่ ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ซะอีกเนอะ ไม่ได้อยากรบกะใคร ไม่เคยมีเจตนาเลย ส่งเสริมเสียด้วยซ้ำ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 00:23:03 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 00:18:18

ความคิดเห็นที่ 19 อันที่จริงการที่คุณเขียวค้อน ได้กรุณาอธิบายทางประวัติศาสตร์ให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์จักรีกับราชวงศ์ลาวในอดีต จะเห็นได้ว่า รัชกาลที่ 4 ก็ทรงมีพระทายาท กับเจ้านายทางฝั่งลาว และก็ได้รับความเคารพอย่างสูงจากเจ้านายของเราจนถึงปัจจุบัน ผมว่า หากทางชาวลาวฝั่งโน้นเค้ารู้ว่า เจ้านายของเราก็ยังดูแลเชื้อสายเจ้านายฝั่งของเขาเป็นอย่างดี และถวายพระเกียรติอย่างสูงเช่นนี้ เขาน่าจะเห็นภาพอะไร ๆ ได้ดีกว่าปัจจุบัน ซึ่งมองเราอย่างเป็นผู้ร้าย ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์แต่เดิมนั้น มีทั้งทางดีและทางไม่ดี แต่ทางดีกลับถูกปกปิดไปเสียสิ้น ผมว่าถ้าเราเผยแพร่ประวัติของเจ้าจอมมารดาดวงคำ น่าจะเป็นจุดเชื่อมความสัมพันธ์ของสองฝั่งไทย-ลาวได้ เพราะเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ร่วมสมัย จนถึงรัชกาลปัจจุบันเสียด้วย ปล.ขอขอบคุณข้อมูลคุณเขียวค้อมมากครับ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 15:07:40 จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:07:14

ความคิดเห็นที่ 20 พระสุพรรณกัลยา กษัตริย์เมืองพม่าก้อทรงดูแลพระนางดีมากๆ แต่ก้อใช่ว่า สยามกับพม่าจะเป็นปฐพีเดียวกันได้ ศักดิ์ศรีใคร ศักดิ์ศรีมันครับ ก้อเข้าใจลาวเขาอยู่ เหมือนที่เราต้องเข้าใจว่า สมเด็จพระนเรศทำไมต้องประกาศอิสรภาพ ... นี่คือการเมืองใน ยุคโบราณ ในกรณีพระเจ้าอะนุวงศ์นั้น ไม่ทรงโชคดีเหมือนพระ นเรศ เห็นวิจารณ์กันว่าเพราะทรงประเมินศักยภาพของสยามต่ำ ไป คิดว่าการมีอังกฤษบีบอยู่ สยามจะไม่กล้าเปิดศึกกับลาว แต่ ผิดคาด สยามไม่ได้มองว่าลาวเป็นอื่น แต่ลาวคือครอบครัว แต่ กบถ โทษนั้นอย่าว่าแต่เป็นเจ้าลาวเลยนะครับ เจ้าไทยก้อเถอะ ลูกพ่อหลานลุงแท้ๆนี้แหละ ยังต้องล้างบางกันนะครับ เพราะนี่ คือการเมือง ... ขนาดพระเจ้ากรุงธนก้อยังต้องมิอาจเว้นประหาร ได้ ... การเมืองโบราณเขาเป็นอย่างนี้ ที่ไหนๆในโลกก้อเป็น อย่างนี้ ... คนสมัยนี้ไม่เข้าใจบริบทของยุคสมัย ชอบเอาความ รู้สึกส่วนตัวในยุคนี้ไปจับการเมืองยุคโบราณ ... ถ้าไม่เข้าใจนะครับ อนุสาวรีย์ของเจ้าอะนุวงนั้น ทำขึ้นมาแทนที่ ที่จะเป็นตามเจตนาที่ว่าเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ มันจะกลายเป็น อีกอย่างคือ แต่จะเป็นไปในทางตรงกันข้าม สำหรับคนทั้งสอง ชาติ เพราะเห็นบอกว่า การที่อนุสาวรีย์ยื่นพระหัตถ์ขวาออกไปและ แบพระหัตถ์นั้น มีความหมายว่า ทรงให้อภัยต่อผู้รุกราน ... ตรงนี้ นี้แหละมันไม่ค่อยจะสวย ... คนไทยบอกว่า ใครรุกรานใครกันแน่? พระเจ้าอะนุวงต่างหากที่เป็นฝ่ายยกทัพเข้ามาในเขตขัณฑสีมา ของสยาม โดยไม่แจ้ง ไปจับเจ้าเมืองชัยภูมิพระยาแลกุดหัว เจ้า อะนุวงไม่ได้สนใจว่า ที่ผ่านมาราชสำนักไทยให้ความเมตตาอย่าง ไร ร่ำเรียนเขียนอ่าน และสถาปนาให้เป็นเจ้าครองเวียงจันอีกตะหาก และในราชสำนักสยามก้อมีเจ้าลาวเกี่ยวดองเป็นพระญาติอยู่ไม่น้อย นี่คือสยามจะยอมไม่ได้ ... เพราะฉะนั้นการที่บอกว่าอภัยให้ผู้รุกราน คืออภัยให้ใคร...ละเอียดอ่อนมากเรื่องนี้ ที่สำคัญที่ต้องถาม พรรคคอมมิวนิสต์ลาว ประสงค์สิ่งใดกับอนุสาวรีย์ นี้ ในเมื่อพรรคคอมฯลาว ไม่เคยได้จงรักภักดีต่อระบบกษัตริย์อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก้อไม่ล้มสถาบันกษัตริย์ลาว ควบคุมกษัตริย์ในค่ายสัมนา ให้ไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ตายแล้วก้อไม่บอกว่าพระศพอยู่ที่ไหน ... เจ้าสภานุวงศ์นั้นมิพักต้องพูดถึง เพราะเขาเป็นคนล้มญาติตัวเอง เพียง เพราะความปรารถนาที่จะเป็นกษัตริย์ที่เดิมก่อนหน้าเป็นสายหลวง พระบาง...แต่เขาก้อได้ในสิ่งที่พรรคคอมฯ สนองให้อย่างสาสมแล้วนี่ จึงต้องถามว่า พรรคคอมฯ ลาว ต้องการอะไร ทำไมคุณไม่สร้างอนุสาวรีย์ ประธานประเทดคนแรก หรือท้าวไกสอน พมวิหาน แต่คุณเลือกเจ้า อะนุวง เพื่ออะไร? ... ที่ข้องใจมาก คอมมิวนิสต์ไม่ได้มีศรัทธาต่อเจ้า อยู่แล้ว ... พรรคบอลเชวิครัสเซียก้อล้างโคตรพระเจ้าซาร์/พรรคคอม มิวนิสม์จีนก้อไม่ได้เชิดชูกษัตริย์วงศ์ไหนทั้งสิ้น ... ตรงนี้ผมว่ามี ฮิตเด้น อะเจนด้า ...หรือลาวต้องการถ่างความรู้สึกของประชาชนลาวกับไทย ให้ห่างกันออกไป ให้ความรู้สึกที่ว่า ทั้งสองชาติไม่ใช่ญาติกันชัดเจนขึ้น เพราะคุณกลัวที่คนลาวจำนวนไม่น้อยเสพวัฒนธรรมไทยมากไป เช่น ฟังเพลงไทย/มีวัฒนธรรมทางภาษาของไทยปนเข้าไปในภาษาลาวมากไป/ คนลาวนิยมสินค้าไทย/คนลาวอ่านหนังสือพิมพ์ไทย/ ฯลฯ ... โธ่ ! ถ้าคิด งี้นะ ผมว่าคิดตื้นไป ก้อภาษาไทยกับลาวนั้น ไวยากรณ์มันต่างกันซะที่ไหน คุณพูดลาวได้คุณก้อฟังไทยออก บางครั้งผมได้ยินเพลงจากดังมาจาก ข้างบ้าน ผมยังนึกว่าเป็นเพลงไทย ที่ไหนได้เป็นเพลงลาว ... คนอังกฤษ กับคนเมกัน เขายังไม่เห็นจะต้องวอร์รี่อะไรเลย ... แต่จะสร้างก้อสร้างไปเถอะครับ ประวัติศาสตร์ยังไงก้อมีบันทึกกันไว้อยู่ ในทั้งสองฝั่งน่ะแหละ ... ถ้าจะติดใจ ไม่ใช่ประชาชนลาวอะไรหรอก ผมติดใจพรรคคอมมิวนิสม์ลาว ผมมองเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากเจตนา จะกินยาผิด แสดงความรักเจ้าขึ้นมาอย่างฉับพลันทันใด แล้วงี้ จะไม่ไปทูล เชิญเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงอีกหลายพระองค์ที่ประทับอยู่ที่เมกา  ให้นิวัติกลับ ลาวหรือครับ? ...ปาหี่ครับผมมองงี้ ผมวิจารณ์งี้เพราะเทียดข้างพ่อผม เป็นลาวซำเหนือครับ ... แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 16:40:00 จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:27:22

ความคิดเห็นที่ 21 อ้าว  คุณเต๋านีโอ  ก็มีเชื้อลาวหรือครับ ผมเชื้อสาย ลาวพวน  จากเมืองพวนครับ จะว่าไปแล้ว  อีกราชสกุลหนึ่ง  ที่มีเชื้อสายโบราณกษัตริย์ของลาว คือราชสกุล มาลากุล ณ อยุธยา พระเจ้าสิริบุญสาร  เจ้านครเวียงจันทน์  ที่เสียเมืองเวียงจันทน์และพระแก้วมรกตและพระบางให้เจ้าพระมหากษัตริย์ศึกนั้น  เป็นพ่อของพระเจ้านันทเสน  พระเจ้าอินทวงศ์  และเจ้าอนุวงศ์  เจ้านครเวียงจันทน์ทั้งสามองค์ พระเจ้าอินทวงศ์  เป็นพ่อของ  เจ้าจอมมารดาทองสุกหรือคำสุก  ในรัชกาลที่ 1 เจ้าจอมมารดาคำสุก  เป็นพระมารดาของ  เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี  พระราชชายานารี  ในรัชกาลที่ 2 เจ้าฟ้ากุณฑล ฯ เป็นพระมารดาของ  สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ  เจ้าฟ้ามหามาลา  กรมพระยาบำราบปรปักษ์  ต้นราชสกุล มาลากุล ณ อยุธยา  ครับผม จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 19:05:10

ความคิดเห็นที่ 22 เหมือนเราเต้นเมื่อพม่าตีเมืองเรา เค้าก็หาวิธีการที่จะปลดแอกหาเอกราชสู้ตนเอง มันก็เป็นเรื่องปกตินี่ครับ วีรบุรุษของเขา แล้วเราจะไปยุ่งอะไรละ จากคุณ : DirrtyVanilla เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 20:46:56

ความคิดเห็นที่ 23 ดูมาจากช่องลาวสตาร์เขาเรียกเราสมัยก่อนว่า ศักดินาต่างด้าว...... จากคุณ : YoshiDa_Bangkok เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 00:44:35

ความคิดเห็นที่ 24 คห. 21 เค้าว่าสาวลาวพวน นี่สวยนัก จริงไหมคะ แม่เคยเล่าให้ฟังว่า เวลาพูดถึงสาวบ้านหมี่(ลพบุรี) คนมักจะต่อให้ว่า สาวบ้านหมี่สวยเพราะเป็นลาวพวน จากคุณ : ชมพรกร เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 08:55:26

ความคิดเห็นที่ 25 ผมค่อนข้างเห็นด้วยกะคุณเต๋านีโอมาก เพราะแท้ที่จริง ฝ่ายเราก็พูดได้ตามประวัติศาสตร์ว่า จริง ๆ เสมือนเป็นญาติกัน เราให้ความรักดูแลอย่างดีแต่กบถต่อสยาม แต่โชคไม่ดีเหมือนพระนเรศคือพ่ายแพ้ไป จึงโดนกุดหัวในฐานะกบถ ผมเข้าใจเขาถ้าจะเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นวีรบุรุษต้องการปลดแอกลาว แต่หลังจากนั้น ทางสยามก็ยังดูแลทายาทของลาวที่ประสูติแต่เจ้าแผ่นดินเป็นอย่างดี แม้แต่ในรัชสมัยปัจจุบัน ยังคงถวายพระเกียรติในครั้งรัชกาลปัจจุบันอย่างที่คุณเขียวค้อมกรุณาอรรถาธิบายไว้เป็นอย่างดี ตรงนี้ ที่ผมเห็นถึงความสัมพันธ์และความรักที่ไทยยังมีต่อลาว และความสัมพันธ์ของราชวงศ์ ซึ่งใจอดีตกรณีเจ้านายสมัยอยุธยาก็โดยพม่าประหารไป เพราะไม่ยอมลงรอยให้ แต่ในประวัติศาสตร์เรา ก็แปลความว่าไม่ทรงประสาด้านการราชการเมืองก็มี อันนี้ประวัติศาสตร์เราเขียน แต่โทษฝั่งเรา ระบอบคอมมิวนิสต์มักจะทำให้ประชาชนของตนรู้สึกรักชาติ แต่บางครั้งมิได้ทบทวนประวัติศาตร์ของคนเทียบเคียงกับความจริง อย่างกรณีนี้ ถ้าลาวต้องการจะสร้างสามัคคีกับเพื่อนบ้าน เพียงแค่นำเรื่องที่เชื้อสายเจ้านายลาวที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง ถือเป็นเจ้านายที่เจ้านายทรงให้พระเกียรติยศมากนำเสนอ เข้าใจว่าคนลาวก็จะรักคนไทยมากขึ้น ปล.ผมว่าสถานทูตไทยหรือกระทรวงการต่างประเทศน่าจะลองทำอะไร เพื่อเผยแพร่ความจริงในด้านความรักที่เรามีต่อเชื้อสายราชวงศ์ลาวเดิมให้เขาได้รับรู้บ้างถือเป็นเหรียญอีกด้าน นอกเหนือจากความร้าย ๆ ที่โดนตีแผ่เป็นประจำ จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 09:20:42

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบคุณ ชมพรกร ครับ เรื่องความสวย  ต้องยกให้สาวพวน  กับสาวภูไท  ครับ (สาวเรณูนคร  เป็นภูไท) แต่เรื่องอาหารการกิน  ชาวพวนทำกับข้าวอร่อยมากกกก ภูไทกับข้าวยังเป็นรอง  ประเภท  แกงหน่อไม้ดองใส่ไก่ ใส่แมลงสาบ  อย่างงี้  ผมเองยังรับไม่ไหว (ชาวภูไทว่า  ใส่แมลงสาบด้วย  ทำให้มีกลิ่นหอม  ชาวพวนว่า ใส่ผักขะแยง หอมอร่อยกว่า) แต่อาหารการกิน  ของชาวโซ่ (โส้) กับชาวข่า  นี้  รับไม่ได้จริง ๆ ทุกวันนี้วัฒนธรรมอาหารการกินของ ชาวโส้กับชาวข่า  เปลี่ยนแปลงช้ามากครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 10:23:17

ความคิดเห็นที่ 27 ^ เง่อะ --  แกงหน่อไม้ดองใส่ไก่ ใส่แมลงสาบ -- จริงอ่ะั โห...แมงดานารึเปล่า, คุณคอแก้ง? มันคล้ายๆกันอยู่นะ แต่แมงดา จัดอยู่ในแมลงจำพวก มวน เป็นมวนน้ำ จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 10:46:55

ความคิดเห็นที่ 28 จริง จริ๊งงงง  คุณเต๋านีโอ  ไม่ได้โม้นะคร้าบบบ แมลงสาบกับแมงดานา  มันก็ต่างกันอยู่หรอกน่า เคยไปอาศรัยกินข้าว  กับชาวภูไท  ที่วัดภูจ้อก้อ มุกดาหาร  ชาวบ้านแถบนั้นเป็นภูไททั้งนั้น เวลาพระเณรท่านไปบิณฑบาตกลับมา  เราคนวัดต้องไปช่วยจัดอาหาร  ลงหม้อทำแกงรวมแกงโฮ๊ะ มีวันหนึ่งปาดถุงแกงโช๊ะเข้าให้  เจอแมลงสาบตัวหนึ่ง  ยังได้หยิบหนวดมัน  ยกขึ้นมาให้พระเณรท่านดูกัน ทีแรกนึกว่าเขาทำอาหารไม่สะอาด  พอถามพระเณรที่ท่านอยู่มานาน  ท่านว่าเขากินกันใส่ในแกงมันหอมดี  ท่านว่างั้นครับ ผมยังเคยใส่เข้าปากครั้งหนึ่ง  กลิ่นนี้  ขึ้นจมูกเลยครับ  รีบคายออกแทบไม่ทัน แต่ไม่ใช่ตั้งใจกินนะครับ เป็นโทษของการกินอาหารไม่พิจารณาเสียก่อน อีกคราวหนึ่ง  เจอค้างคาว  ผ่าครึ่งตัวซ้ายขวา  แกงใส่มากับหน่อไม้สด  ขนยังเป็นขนอยู่เลยครับ  ไม่ถอนไม่เผาขน  ยังได้จับขึ้นมากางปีกให้พระเณรท่านดูด้วยล่ะครับ ไปเจอภูไทอีกกลุ่มหนึ่ง  อยู่ที่ อำเภอท่าตะเกียบ  ฉะเชิงเทรา  อยู่ติดท้ายเขื่อนสียัด  อันนี้ชอบกินค้างคาวกันเป็นชีวิตจิตใจ  บอกว่า  อร่อยมาก  แต่ผมยังไม่เคยลอง คุณเต๋านีโอ  น่าจะหามาลองบ้างนะครับ  เผื่อจะติดใจ ที่เล่ามานี้เป็นความรู้รอบเอว  ถ่ายทอดสู่กันฟังไว้ อย่าคิดเป็นเรื่อง การเมือง นะครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 14:50:28

ความคิดเห็นที่ 29 ^ จ๊ากกก์  --  โห! เมนูคุณคอแก้ง แต่ละอย่าง ไหว้ละกัน ใครชอบลองของแปลกก่อนเถอะ จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 16:20:05

ความคิดเห็นที่ 30 ขอแถงด้วยครับ ผมภูไท  ครับ คนภูไทไม่กินแมลงสาบหรอกครับ ที่เส่อแกงหน่อ เป็นจิหร่อ จิโหลน หรือ จิงหรีดสีเหลืองๆคนไทครับ  มิแม้นแมงกะสาบ จากคุณ : Saamaa5 เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 00:15:30

ความคิดเห็นที่ 31 กินจริง จริ๊งงงงงงงงงง คุณ  Saamaa5  ผมไม่ได้ใส่ร้าย  ภูไท  หรือโกหกโก้ ๆ นาคุณนา ภูไทหนองสูง  ภูไทคำชะอี  ภูไทดงหลวง  ผมเคยสอบถามดูหลาย ๆ หมู่บ้านแล้ว อ่านสำเนียงของคุณ Saamaa5  แล้ว ภูไทแน่ ๆ ว่าแต่ว่า  ภูไท บ้านไหนเหรอครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 06:09:31

ความคิดเห็นที่ 32 ผมก็ไปอยู่กับพวกภูไท กับคนโซ่ แถว ๆ นั้นมาหลายปี  แต่ไม่เคยเห็นเขากินแมงสาบเลยครับ  สงสัยจะเป็นแมลงชนิดหนึ่ง  เรียกว่าแมงแคง คือใส่เอากลิ่นมันครับ  กลิ่นมันจะคล้ายกลิ่นแมงดา  บางทีก็ตำใส่แจ่ว   คนดงหลวงไม่แน่ใจว่ามีภูไทหรือเปล่า เห็นมีแต่คนโซ่  คนบารู แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 53 13:55:11 จากคุณ : วรรณเกษม เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 13:52:58

ความคิดเห็นที่ 33 ^ บ๊ะ ! น่าสนใจ ... ประเทศไทยของเราเนี่ย ทำไมมีหลายชาวจัง -- คนโซ่ ยังไงครับแล้วคนบารู ด้วย ? ขอความรู้ ... น่าสนใจเรื่อง ชาติพันธุ์ ไม่เคยได้ยินมาก่อน จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 14:25:35

ความคิดเห็นที่ 34 เพิ่มเติม  ท่านวรรณเกษม  นะครับ แมงแคง  กลุ่มอื่นก็กินครับ  ไม่เฉพาะภูไท  ย้อก็กิน  เอามาคั่วใส่เกลือนิดหน่อยกินกับข้าว  เขาว่าอร่อย แต่คน ไทพวน (ลาวพวน)  ไม่กิน  ไม่ชอบกลิ่น  มันฉุนแสบจมูก  ผมคนหนึ่งล่ะ  ได้กลิ่นแมงแคงแล้วเกลียดจริง ๆ ลองถามชาว  ภูไทหนองสูงหรือ  ภูไทคำชะอี  ดูด้วยนะครับ  เรื่องกินแมงกะสาบ แต่  ภูไทพรรณานิคม  ไม่รู้ว่ากินรึเปล่า  เพราะผมไม่เคยไปอยู่แถวนั้น อำเภอดงหลวง  ถ้าเขตติดต่อกับคำชะอี  มี  ภูไท  อยู่หลายหมู่บ้านครับ ถ้าเป็นเขตติดต่อกับสกลนคร  ทางอำเภอเต่างอย  หรืออำเภอโคกศรีสุพรรณ  หรือ  ติดต่อกับทาง  อำเภอเขาวง  ภูไท  จะอยู่ปน ๆ กันกับชาวโซ่ (โส้) ครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 15:58:07

ความคิดเห็นที่ 35 เอ่อ บ้านผมเรียกผู้ไทยนะครับ ภูไทคงไม่ใช่แหล่ะ phutai เทียบเสียงจากภาษาจีนรึปล่าว ผมผู้ไทยเรณูนครนะครับ ยืนยันว่ไม่ได้กินแกงหน่อใส่แมงสาบแน่ๆ จากคุณ : โตนิค เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 22:52:34

ความคิดเห็นที่ 36 พูดเรื่องเจ้าอะนุวงกันอยู่ดีๆ หงัยเป็นเรื่องผู้ไทกินแมงสาบไปซะงั้น 555 จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 53 10:02:24

ความคิดเห็นที่ 37 ย้ออย่างผมเลยเข้ามาอมยิ้มไปด้วย...ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นใครใส่แมลงสาบลงในแกงหน่อไม้นะครับ แบบว่าที่บ้านผม(สกล) มีคนหลายชาติพันธ์มากๆๆ ย้อ ภูไท โซ่ กะเลิง ฯลฯ แต่ก็อยู่ด้วยกันได้ พักหลัง มีญวนมาแจมด้วย ก็ไม่มีปัญหาอะไร ยิ่งดีไปใหญ่ผมเบยได้กินอาหารญวนอร่อยๆหลายอย่าง ปล.ตอนเด็กๆไปกินข้าวบ้านเพื่อนที่เป็นญวน นั่งงงเป็นไก่ตาแตกฟังเค้าพูดภาษาญวนกันทั้งบ้าน จากคุณ : Mr.Mango เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 53 12:10:44

ความคิดเห็นที่ 38 ผมก็เขียนแบบที่คนทั่วไป  เข้าใจ กันน่ะครับ เพราะผมคิดว่า  ภูไท  คงคุ้นหูคุ้นตาคนภาคอื่นที่ไม่ใช่ภาคอีสานกว่าคำว่า ผู้ไท ครับ เคยถามอย่างล้อ ๆ เหมือนกันว่า เป็นหยังเวลาเว้าคำอื่น ว่า ไปเสอ  หรือไปสิเหลอ  มาแต่เสอ  หรือมาแต่สิเหลอ ( ไปไส หรือไปไหน  มาแต่ไสหรือมาแต่ไหน) บัดเวลาเอิ้น ภูไทหรือผู้ไท  เป็นหยังบ่เอิ้นว่า  ผู้เท่อ (แต่ทำไมเวลาเรียกผู้ไท ไม่เรียกว่า ผู้เท่อ) คุณเต๋านีโอ  ครับ ผมว่า  พวกเราคุยเรื่องนี้มันสนุก ไม่เครียด  ไม่หาเรื่องทะเลาะกับประเทสเพื่อนบ้านด้วย และเป็นการแสดงให้เห็นว่า  คนไทยส่วนหนึ่งในปัจจุบัน  อาจเรียกได้ว่า  ทั้งในภาคอิสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก  ภาคตะวันตก  ก็มีคนที่เป็นชาวลาวดั้งเดิม  มาตั้งถิ่นฐานอาศรัยอยู่มาก ฉะนั้น  การที่จะพูด  จะกล่าวอะไร  จะทำอะไร  ที่เป็นการกระทบกระเทือนจิตใจความรู้สึกกันแล้ว  อย่าดีกว่า  พี่น้องกัน  ทั้งน้านนนนนนนนน ผมอุตสาห์หนีเรื่องเครียด ๆ จาก  ห้องศาสนา  มาแล้วนา ฮิฮิฮิฮิฮิ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 53 12:42:25

ความคิดเห็นที่ 39 ^ ^ ก๊ากกก -- พูดถึงห้องศาสนา ขอนินทาหน่อย หลังๆ ผมก้อ ชักเซ็งเป็ดกะพวกเขาเหมือนกัน ปกติผมชอบห้องศาสนา แต่พักหลังเนี่ย เกรียนเยอะ ... เถียงเรื่องไม่เป็นเรื่อง ...ฟัง แล้วเครียดจิตหม่นหมอง ... เวลาเครียดๆจากห้องศาสนา ผมจะแว่บไปหว้ากอ ไม่ก้อห้องสมุด จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 53 02:30:09

ความคิดเห็นที่ 40   โซ่/บรู เปนชนเผ่า พูดภาษาตระกูลเดียวกับมอญ/เขมรจ้า ภาษาผู้ไท หลายๆ คำ ที่ใช้ไม้ม้วน จะออกเสียงเปนสระเออ ถ้าถามว่าทำใม ไม่เปน ผู้เทอ ก็เพราะว่า ผู้ไท ไม่ใช่่ ผู้ใท นะสิ ส่วนเรื่องเชื้อพระวงศ์ รุ่นที่ ๖ ของพระเจ้าอนุวงศ์ ถ้าทางการลาวเจอเองก็มีแนวโน้มจะเปนตัวจริง ส่วนที่มีข่าวเมื่อหลายปีก่อนว่าผัวเมียโดนยิงตาย อันนั้นเข้าใจว่าแอบอ้าง จากคุณ : นู๋เองง่ะ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 13:33:51

ความคิดเห็นที่ 41 ... จากคุณ : กะหล่ำปลีลวกกินกับขนมจีนน้ำยา เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:52:14

ความคิดเห็นที่ 42 ธนบัตรไทย ใน คคห ที่ 41 น่ะ หลายล้านเลยนะครับนั่น จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 20:54:11