 |
ภาษาอังกฤษน่ะเรียนไว้มันก็ดีเพราะมันใช้ค้นข้อมูลหาความรู้อย่างอื่นเพิ่มได้ แต่มันต้องเรียนหลายปีนะกว่าจะใช้ประกอบอาชีพได้จริงๆ (นี่พูดตามความจริงๆ ไม่ได้พูดให้ท้อใจ)
*****แต่อ่านตรงนี้ดูดีๆจะมีรางวัล***** แต่อะไร...ไม่ว่าจะเก่งอังกฤษหรือเก่งอะไรอย่างอื่นก็ตามเถอะชีวิตคนเราบางทีมันก็พลาดท่ากลายเป็นรายได้น้อย แล้วติดขัดได้เหมือนกัน มันเป็นช่วงๆของชีวิตที่บางทีมีขึ้นๆลงๆน่ะ...
*****การฝีกทำสมาธิให้คิดในเชิงบวกเท่านั้นที่จะช่วยได้*****
ครั้งหนึ่งเราเคยทำเงินได้ฟู่ฟ่ากับการทำงานด้วยภาษาอังกฤษ คือทำ "งานแปลก๋วยเตี๋ยวเรือ" นั่นก็คือรับงานแปลราคาถูกๆแล้วแปลด่วนๆลวกๆสุกเอาเผากิน เรากลายเป็นได้เงินเยอะ แต่อยู่ดีๆเราเรียนภาษาเพิ่มเติมให้อ่านเขียนภาษาอังกฤษและภาษาไทยเก่งกว่าเดิม และพยายามขยับไปทำงานแปลราคาแพงๆ เรากลายเป็นตกงานไปซะฉิบ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบ "งานแปลก๋วยเตี๋ยวเรือ" ซะมากกว่า
เราเลยเรียนรู้จากประสบการณ์เดิมในชีวิตสมัยไม่มีงานไม่มีเงินตอนอยู่ต่างแดน เจียนจะไม่มีจะกิน เราใส่กิโมโนสีขาว นั่งจิบชาเขียว ทำสมาธิแบบเซน สู้กับความหนาวที่อยู่รอบๆตัว เพ่งกระแสจิตปล่อยไออุ่นออกไปรอบๆกาย...อยู่ดีๆงานกับเงินมันมาหาเราเอง เราเลยทำเหมือนเดิมตอนอยู่เมืองไทย ได้ผลแฮะ อยู่ดีๆสรรค์มาโปรด
เราไปทะเลาะกับคนในห้องยำภาษาเพราะโมโหที่เราหางานแปลราคาดีๆไม่ได้ และโดนฝ่ายตรงข้ามที่หางานแปลราคาดีๆได้รุมถล่มเราซะยับเลย อยู่ดีๆก็ผู้่หญิงคนหนึ่งที่เรียนจบมาทางด้านภาษา มาอ่านเจอเข้า แล้วเธอก็ช่วยหางานแปลมาให้เราทำจนเรารอดตาย แล้วเธอก็กลายเป็นแฟนที่น่ารักที่สุดของเรา
และเมื่อเร็วๆนี้เราก็ฝึกสมาธิคิดเชิงบวกเพิ่มอีก เพราะวิกฤตการณ์หลังจากที่แม่เราตายไป มีลูกพี่ลูกน้องเรา (ลูกสาวของน้องชายพ่อ) ซึ่งไม่เคยติดต่อกันอยู่ดีๆก็เสนอว่าเข้ามาดูแลพ่อเรา และพ่อเราก็บ่นๆว่าเราไม่มีลูกเพราะแต่งงานกับแฟนไม่ได้เนื่องจากแม่แฟนเราไม่ยอมให้ลูกสาวมีสามีเพราะแม่แฟนจะเก็บลูกสาวไว้ดูแลตัวแม่เองตลอดชีวิต
พ่อเราบ่นๆว่าพ่อกลัวว่าพ่อตายไปเราไม่มีคนสืบทอดมรดก ก็เลยบอกว่าจะยกสมบัติให้หลานสาว (ลูกสาวน้องชายพ่อ) บางส่วนหรืออาจจะทั้งหมด นั่นก็หมายความว่าเราคงลำบากเมื่อยามแก่เฒ่า เพราะเท่าที่ทำงานด้่านภาษาได้เงินมาก็ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
แต่จากการที่เราฝึกสมาธิ (คราวนี้แบบเต๋า แบบพลิกคัมภีร์โบราณขึ้นมาฝึกเลยหละ) แล้วคิดในเชิงบวก พยายามสื่อสารกำลังภายในของตัวเองกับพลังของ The Creator และทำเหมือนไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น แต่เราเอาเวลาว่างส่วนใหญ่ไปทดสอบ computer software ให้ใช้งานประสานงานร่วมกัน "เพื่อเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ" เรียนทั้งภาษาอังกฤษ, logic, หมากรุกสากล...และทำท่าจะกะจะบ้าเรียนศาสตร์ต่างๆอีกหลายๆอย่างด้วยตัวเองให้เก่งแบบ Thomas Edison ที่ไม่เข้าโรงเรียนไม่เข้ามหาลัย ก็เก่งได้
แล้วเรา "เพ่งสมาธิ" ว่า "ข้าขอเย้ยฟ้าท้าดินเรียนให้เก่งโดยไม่เอาวุฒิการศึกษาดูซิวะว่าจะไม่มีจะกินตอนแก่ตัวหรือเปล่าฟะ" คือถ้าเรียนศาสตร์ต่างๆเก่งมากๆ แต่ไม่มีวุฒิการศึกษาเลย เราต้องบินออกไปทำงานต่างประเทศแน่ๆ อยู่เมืองไทยคงหางานได้ยาก เว้นเสียแต่ว่าเราจะรับมรดกจากพ่อเรา เราจะได้เรียนแต่ศาสตร์ต่างๆได้โดยไม่ต้องทำงาน แต่เราจะขอคิดเชิงบวกไปเรื่อยๆ
ผลปรากฎว่า ตลกดีแฮะ...
อยู่ดีๆลูกพี่ลูกน้องเรา (หลานสาวพ่อเรา) ที่ทำท่าจะมารับมรดกพ่อเราไปหมดทำให้เราไม่มีจะกินไปตลอดชาติ กลายเป็นทะเลาะกับพ่อเรา แล้วไม่กล้ับมาดูแลพ่อเรา เราก็กลัวพ่อเราเหงา (ในบ้านมีแต่พ่อกับเรา) เราก็เข้าไปพูดคุยกับพ่อเราอะนะ อยู่ดีๆพ่อเราบอกว่า "ตั้งแต่ไม่ีมีหลานสาวดูแล ไม่ต้องให้เงินหลานสาวเดือนตั้งหลายตัง เลยมีเงินเหลือบานเลยหละ" พ่อเลยเอาเงินมาแบ่งให้เราใช้เรื่อยๆแฮะ...??!!!
อะโหเงินที่ได้จากพ่อนี้นะ (พ่อไม่ได้ให้เงินเรามาตั้งหลายสิบปีแล้ว) มันทำให้เราเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆแข่งกับพวกลูกคนรวยๆที่มีเงินไปเรียนมหาลัยดีๆในเมืองนอกได้สบายๆเลยหละ ตอนนี้เรามีสมาธิดีขึ้นมากๆเลยไม่ต้องคอยหวาดกล้ัวว่าจะไม่มีเงินเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ แค่เรามีคอมพิวเตอร์ต่อกับเน็ตความเร็วสูง แล้วเราอ่านภาษาอังกฤษได้รู้เรื่องแตกฉาน เราจะกลายเป็นเรียนอะไรให้เก่งระดับอัฉริยะตอนอายุมากๆ แล้วตกงานเพราะเราเรียนนอกโรงเีรียนนอกมหาลัยไม่เรียนเอาวุฒิการศึกษา แต่ก็มีกินไปตลอดชาติ พลังจิต (ในเชิงบวก) ก็ย่อมส่งเราให้บรรลุเป้าหมายนั้นได้อย่างแน่นอน
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ย. 53 13:58:58
|
|
|
|
 |