ความคิดเห็นที่ 1 อืม....บางทีก็คิดเหมือนกันค่ะ  ว่าไอ้ที่เราเรียนมานี่ (บางวิชา) ไม่เห็นจะเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย จากคุณ : nice_piggyy เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 53 13:34:13

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับผม ผมว่าไม่จริงครับ อาจารย์กล่าวได้ถูกต้องแล้ว คือเวลาเราไปทำงานหนะ ถึงจะเป็นงานตรงสาย แต่มันเป็นแค่แขนงนึงของสาขาวิชาที่คุณเรียน ยกเว้นว่าคุณรู้แน่ชัดว่าจบไปจะเป็นนักเคมีวิเคราะห์ ที่วิเคราะห์ด้านปฏิกิริยาเคมีของสารอินทรีย์ในกลุ่มคีโตนซึ่งทำปฏิกิริยากับกรดประเภทคาร์บอกซิลิก ถ้า specific ไปได้ขนาดนั้น คำกล่าวข้างต้นจึงจะเป็นจริง   อีกอย่าง แต่ละวิชาที่เรียนมันค่อนข้างสัมพันธ์เกี่ยวโยงกัน เชิงบูรณาการบ้าง เกี่ยวโดยตรงบ้าง   ขออนุญาต ยกตัวอย่าง   ผมเรียนทางด้านพอลิเมอร์ เรียนทั้ง Properties, Process, Synthetic, Characterization and Testing ตอนนี้ได้มาจับงานด้าน Characterization and Testing ซึ่งตอนผมเรียนผมก็ไม่รู้หรอกว่าจบมาจะได้อยุ่ด้านไหน ถ้าไม่เรียนให้ทุกด้าน มันก็ลำบากเหมือนกันครับ จากคุณ : oakemon เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 00:25:56

ความคิดเห็นที่ 3 ที่สำคัญที่สุดคือ ตอนทำงาน ต้องรู้ให้มากกว่าตอนที่เรียน จากคุณ : oakemon เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 00:26:11

ความคิดเห็นที่ 4 เรียนให้รู้ กับเรียนให้คิด  ต่างกัน จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 09:14:51

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่มักจะสอนนอกเหนือจากตำราเรียนเสมอ (แต่ก็ไม่ได้ละเลยเนื้อหาในตำรานะครับ) โดยให้เหตุผลว่า  นักศึกษามีเวลาในห้องเรียนและตำราเพียงแค่ไม่กี่ปี แต่พอจบออกไปแล้ว  ต้องใช้เวลาเผชิญโลกกว้างมากกว่าเวลาที่ใช้เรียน ดังนั้นควรจะรู้เรื่องนอกเหนือจากตำราด้วย มีนักศึกษาบางคนสามารถจดจำเนื้อหาในตำราได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เวลาให้ตอบข้อสอบแบบอัตนัย  ในส่วนความรู้ความจำ ทำคะแนนได้ดีมาก ๆ แต่เรื่องที่อยู่นอกเหนือจากตำรา  (ประสบการณ์ตรง)  กลับไม่รู้เอาเสียเลย ผมคิดว่าแบบนี้อันตรายครับ เข้าทำนอง  ความรู้ท่วมหัว  เอาตัวไม่รอด ดังนั้นผมจึงคิดว่าการสอนนอกตำราไม่ได้เป็นความล้มเหลวของการศึกษาหรอกครับ ยอมยุทธสมัยก่อนเขาไม่เน้นกันที่ตัว  "คำภีร์"  หรอกครับ แต่เขาเน้นที่  "เคล็ดวิชาและกระบวนท่า" ยิ่งฝึกจนถึงขั้น  "ไร้กระบวนท่า"  ก็ยิ่งถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ถ้าใครจะให้ผมสอนเหมือนในตำราก็ได้นะ รับรองผมจะ  "อ่าน"  ให้ฟังโดยมิให้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่ตัวเดียว แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 53 14:05:15 จากคุณ : ปะหล่อง เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 11:54:58

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเห็นด้วยที่ว่า สอนนอกตำรามากๆก็ไม่ดี ซึ่งหลักสูตรปัจจุบัน พยายามเพิ่มพวกวิชาเสริมหลักสูตรขึ้นเรื่อยๆ ทำให้จำนวนหน่วยกิตที่เอาไว้เรียนวิชาภาคน้อยลง หรือไม่จำนวนชั่วโมงเรียนก็น้อยลง (เพราะบางวิชาเคยต้องเรียน 2 เทอม ก็เหลือเทอมเดียว) สิ่งนี้จะทำให้วิชาการนักศึกษาุรุ่นหลังๆอ่อนลง จากคุณ : บัตรผ่านด้อยสิทธิื เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 13:32:34 A:202.12.74.9 X: TicketID:282622

ความคิดเห็นที่ 7 เราว่าการสอนนอกตำรานอกเนื้อหาหลักสูตร แต่ทำให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายได้สิ ถ้าอาจารย์ทำได้ก็นับว่าต้องออกแรงคิดเยอะมากๆ ยกตัวอย่างเช่นหลักสูตรปริญญาโทการแปล อาจารย์ที่สอนซึ่งจบปริญญาเอกทางด้านภาษามาจะมีวิธีการสอนที่ traditional แบบนักวิชาการทางด้่านภาษา บางทีนักศึกษาจะต้องเรียนรู้เรื่องทฤษฎีการแปลตั้งแต่ยุคไหนถึงยุคไหน หรือเรียนอะไรที่ดูค่อนข้าง abstract แต่วิธีการสอนการแปลที่เราคิดขึ้นมา มันแหกคอกออกไปซะหมด ทุกทักษะที่ฝึกตั้งใจให้บรรลุเป้าหมายบั้นปลายคือ แปลรวดเร็ว แม่นยำ สละสลวย มีงานทำ (หมายถึงส่งตัวอย่างการแปลไปแล้วลูกค้ายอมจ่ายเงินจ้างแปล) และทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ต่อไปได้ด้วยตนเองโดยไม่มีออาจารย์ ไม่ใช่สอนให้ผู้เรียนจบมาเป็นนักวิชาการ แล้วก็ไปสอนคนอื่นให้เป็นนักวิชาการต่อๆไป... ดังนั้นวิธีการของเราจะเป็นกระบวนท่่าเพลงที่ไม่มีอยู่ในตำรา นั่นก็คือ แทนที่จะสอนให้เข้าใจทฤษฎีโบราณ เราจะสอนให้ผู้เรียนคิดเองเป็น และสร้างทฤษฎีใหม่ๆขึ้นมาเองเป็น คล้ายๆ Bruce Lee เรียนเพลงมวย Wing Chun ได้แค่ท่าเพลงเดียว จะไปเรียนต่อ แต่ปรมาจารย์ Ip Man ไม่ยอมสอนให้ Bruce Lee เลยใช้สมองพลิกแพลงคิดวรยุทธ์แขนงใหม่ขึ้นมาชื่อ Jeet Kune Do  โดยเราจะสอนให้ผู้เรียนใช้เครื่องมือไฮเทคเป็น เช่นมีแค่คอมพิวเตอร์กับเน็ตความเร็วสูงอยู่ในมือ เวลาแปลอังกฤษเป็นไทย แล้วหาศัพท์ไม่เจอ จะค้นข้อมูลยังไง ...เวลาแปลไทยเป็นอังกฤษ (แปลจากภาษาที่ 1 ไปเป็นภาษาที่ 2) จะเรียนรู้วิธีเขียนภาษาที่ 2 ให้เป็นธรรมชาติได้ยังไง โดยไม่มีอาจารย์มายืนกำกับ ผู้เรียนคิดกระบวนท่าเพลงในการเรียนเขียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองได้อย่างไร...ถ้ามีแค่คอมพิวเตอร์ก้ับเน็ตความเร็วสูง? และจะคิดแก้ปัญหาในเรื่องการแปลอย่างอื่นได้ยังไง ไปดูแนวคิดวิธีสอนการแปลนอกหลักสูตรของเราได้ที่กระทู้เดิมนี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/06/K7934208/K7934208.html ^ ^ ถ้าไปอ่านดูจะเห็นได้ว่า หากเปรียบการแปลเป็นวรยุทธ์แล้วไซร์ ทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือสามารถใช้เป็นอาวุธได้หมด ไม่่ว่าจะเป็น หมากรุก ตรรกะ คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต หรือแม้กระทั่ง กิ่งไม้หรือก้อนกรวด...555+++... แต่ จขกท ไม่ต้องกลัวว่าจะโชคดีได้เจออาจารย์ติ๊งต๊องแบบเรานะ เพราะไม่มีมหาลัยที่ไหนจ้างเราไปสอนหรอก เนื่องจากเราคิดแหกคอกมากเกินไป...อิๆๆ... แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 53 22:33:59 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 14:37:31

ความคิดเห็นที่ 8 สอนเพื่อให้รู้ว่า เมื่อทำงานแล้ว  ไปค้นคว้าหรือไปดึงเอาความรู้เรื่องอะไรมาใช้งานได้ถูก ทั้งนี้ขึ้นกับคนเรียนด้วยว่า จะคิดเป็นหรือไม่ ค้นคว้า ค้นหา เพื่อนำมาประกอบอาชีพเป็นหรือไม่ ส่วนใหญ่เด็กรุ่นใหม่จะค้นไม่เป้น แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 53 20:30:27 จากคุณ : Anusorn P เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 20:28:31