|
ยืนยันตามคุณแอ๊ด ปากเกร็ดนั่นแหละ คือนักแปลก้อแค่มีตรายางประทับแล้วเซ็นชื่อรับรอง หรือไม่ต้องทำตรายางแต่พิมพ์เป็น footnote ทุกหน้าของคำแปล แล้วเซ็นรับรองทุกหน้า ก็จบเรื่อง
ถ้าคุณพูดแค่นี้แล้วลูกค้ายอมรับได้ ก็หายปวดหัว แต่ถ้าลูกค้าไม่ยอมรับคุณก็ต้องแยกแยะว่าลูกค้าคิดอะไรแล้วจะเอายังไงกันแน่
โดยคุณต้องรู้ข้อมูลพวกนี้คือ
ในหลายๆประเทศเขาจะมีนักแปลขึ้นทะเยียน แล้วบางรายก็เป็นนักกฎหมายหรือผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น และเป็น notary public ด้วย (หรือให้ notary public ร่วมยืนยันด้วย) งานที่คนพวกนี้แปลจะประทับตราแล้วเซ็นชื่อ (เป็นการ legalization) แล้วเอาไปใช้ขึ้นศาลหรือยื่นตามหน่วยงานต่างๆได้ถูกต้องตามกฎหมายในหลายๆประเทศ แต่ในประเทศไทยเราไม่มีอะไรเทียบเท่า ขึนมีละยุ่งตายห่ะ เพราะของต่างประเทศคนพวกนี้เก่งมาก ถ้าของไทยมีแบบนี้ละเด็กเส้นแน่ๆเลย
ตกลงของไทยที่มีนะคือ
1. รับรองโดยกรมการกงศุล,กระทรวงการต่างประเทศของไทย (อย่างนี้ถือว่าเทียบเท่ารับรองโดย นักแปลที่ขึ้นทะเบียนเป็น notary public ของสหรัฐหรือของประเทศอื่นๆที่เจริญแล้ว) แต่กรมการกงศุลกระทรวงการต่างประเทศของไทย จะรับรองเฉพาะ เอกสารราชการ (ส่วนใหญ่จะมีตราครุฑ) เช่นทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หนังสือจดทะเบียนนิติบุคคล ใบรับรองแพทย์โรงพยาบาลของรัฐ (ของเอกชนไม่เข้าข่าย) นักแปลๆไป แล้วไปยื่นกรมการกงศุล,กระทรวงการต่างประเทศของไทย แล้วเขาตรวจดูว่าแปลถูกต้อง เขาก็ประทับตรารับรองมา ก็เทียบเท่ารัีบรองโดยนักแปลขึ้นทะเบียนที่เป็น notary public ของสหรัฐหรือของประเทศอื่นๆที่เจริญแล้ว
2. รับรองโดยผู้เชี่ยวชาญการแปลขึ้นทะเบียนกระทรวงยุติธรรมของไทย (อย่างนี้ถือว่าเทียบเท่ารับรองโดย นักแปลที่ขึ้นทะเบียนเป็น notary public ของสหรัฐหรือของประเทศอื่นๆที่เจริญแล้ว) ประการที่ 2 นี้เวลาสอบเพื่อขึ้นทะเบียนผู้เชี่ยวชาญรู้สึกว่าเขาจะสอบเฉพาะพวกการแปลเอกสารกฎหมายหรือหนังสือราชการอะไรทำนองนั้นนะ แต่นักแปลมีทะเบียนผู้เชี่ยวชาญกระทรวงยุติธรรม (โดยเป็นการส่วนตัว อาศัยความน่าเชื่อถือ) อาจไปรับรองเอกสารอย่างอื่นที่ไม่ใช่กฎหมาย
สรุปแล้ว ถ้าลูกค้าคุณเขามาจากประเทศที่เจริญแล้ว เขาจะสับสนว่าอะไรเป็นอะไรกัน หน้าที่คุณก็คือต้องรู้ว่าลูกค้าจะเอาเอกสารไปทำอะไร เ่ช่น
1. ถ้าแต่งงาน ขอวีซ่า ไปยื่นสถานทูต ใครแปลก้อต้องไปยื่น กรมการกงศุล,กระทรวงการต่างประเทศของไทย ให้รับรองทั้งนั้นนั่นแหละ โดยมีเงื่อนไขว่า "แปลอังกฤษเป็นไทยและแปลไทยเป็นอังกฤษเท่านั้น" นะ ถ้าภาษาอื่น ขั้นตอนไม่เหมือนกัน (ส่วนใหญ่จะไปให้สถานทูตของประเทศที่ใช้ภาษานั้นๆรับรอง)
2. ถ้าลูกค้าคุณซ็นสัญญากฎหมายอะไรบางอย่าง กรมการกงศุล,กระทรวงการต่างประเทศของไทย เขาไม่รับรองให้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว คุณรับรองคำแปลเองก็ได้ แต่ถ้าลูกค้าเรื่องมาก จะเอาผู้เชี่ยวชาญการแปลขึ้นทะเบียนกระทรวงยุติธรรมของไทยรับรอง มันฟังดูดี แต่ค่าใช้จ่ายมันเพิ่มบานเบอะ เพราะเขาคิดค่าประทับตราเป็นรายหน้า คุณก็ต้องหลีกเลี่ยงโดยการอธิบายว่า "ผู้เชี่ยวชายกระทรวงยุติธรรมมันก็ไม่มีหลักประกันอะไรว่ามันจะตรวจแก้ให้ถูก 100%"
อันนี้เรื่องจริงนะ เพราะเราเคยแปลเอกสารกฎหมายให้บริษัทแปล แล้วลูกค้าเค้นคอบริษัทเราว่า "ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญกระทรวงยุติธรรมรับรอง" เราเคยวางยาไว้ (เพราะหมั่นไส้ผู้เชี่ยวชวญ) ภาษากฎหมายยากๆที่เรารู้เรา "แกล้งแปลผิด" แต่ก็ไม่เห็นเขาตรวจเจอ แต่ก่อนส่งลูกค้า เราแกล้งบอก "โทษที! เพิ่งนึกได้ว่าแปลผิด" ผู้เชี่ยวชาญก็เอากลัีบไปแก้ใหม่ตามนั้น ไม่เห็นเขาพูดว่าอะไร (แต่คงหน้าชาที่โดนเราหลอก) แค่เซ็นชื่อรายหน้ารับทรัพย์เท่านั้น..."
3. กรณีถ้าคุณแปลเรื่องอะไรที่ไม่ใช่เอกสารมีตราครุฑก็ให้กรมการกงศุลรับรองไม่ได้ หรือแปลอะไรที่ไม่ใช่กฎหมาย (เช่นแปลเอกสารการแพทย์) ให้ผู้เชี่ยวชาญการแปลขึ้นทะเบียนกระทรวงยุติก็ไม่มีประโยชน์อีก กรณีนี้นักแปลรับรองคำแปลสถานเดียว จะเชื่อหรือไม่เชื่อเครดิต ก็แล้วแต่ลูกค้า
ขนาดเรารู้เรื่องพวกนี้ บางทีเรายังชวดลูกค้าไปเลย ยกตัวอย่างเมื่อประมาณ 2 ปีมาแล้ว มีลูกค้าจะให้แปลระเบียบข้อบังคับนิติบุคคลคอนโดมิเนียม เราอธิบายไปยังไงพนักงานบริษัทที่ส่งงานแปล ก็ได้แต่พูดว่าคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งจะเอาตราประทับรับรองนักแปล ตราอะไรกัน? กรมการกงศุลไม่รับรองอยู่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญการแปลกระทรวงยุติธรรม รัีบรองได้ แต่เราก็ว่าแปลถูกแปลผิดระหว่างนักแปลเก่งๆกับผู้เชี่ยวชาญมันก็ไอ้พอๆกันนั่นแหละ แต่รู้่สึกว่า ลงเอยลูกค้าไปส่งบริษัทแปลก๋วยเตี๋ยวเรื่อ (บริษัทแปลงานด่วนลวกๆ) แปลเพราะเห็นจดทะเบียนเป็นบริษัท แต่ลูกค้าเห็นแค่เขาจดทะเบียนบริษัท (ก็เลยคิดว่าคำแปลได้รับการ legalization ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่) ลูกค้าไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนักแปลอิสระที่ไม่โดนกินหัวคิว 50% แบบที่นักแปลก่วยเตี๋ยวเรือโดน น่าจะแปลงานได้รอบคอบกว่า...เพราะได้ค่าแปลเต็มจำนวน
"คือบริษัทแปลก๋วยเตี๋ยวเรือจดทะเบียนบริษัทมันยืนยันว่าเขาเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย แต่มันไม่ได้ยืนยันว่าเขาแปลแล้วถูกต้องตามกฎหมาย หรือคนอื่น (นักแปลอิสระ) แปลแล้วไม่ชอบด้วยกฎหมาย"
ตกลงถ้าคุึณเป็นนักแปล แล้วคุณรู้ข้อมูลพวกนี้นะ คุณก้อไปกล่อมลูกค้าเอาเองก้อแล้วกันนะ...555+++...
แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 53 20:33:46
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ธ.ค. 53 20:26:10
|
|
|
|
|