ในหนังสือ ป้าป้อนหลาน พระนิพนธ์หม่อมเจ้าดวงจิตร จิตรพงศ์ กล่าวไว้เรื่องวังท่าพระดังความว่า วังถนนหน้าพระลาน วังตะวันตก วังนี้อยู่ในพระนครใกล้ประตูท่าพระ* รัชกาลที่ ๑ โปรดฯให้สร้างพระราชทานเจ้าฟ้าเหม็น
วังท่าพระนั้นเป็นชื่อตั้งเรียกตามตำบลที่วังตั้งอยู่ แต่เสด็จปู่จะทรงเรียกริเรียกเป็นชื่อวังขึ้นในสมัยที่ท่านมาประทับ หรือจะโปรดเกล้าฯให้เรียกดังนั้นไม่ทราบ ส่วนตำบลก็เรียกตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพระราชพงศาวดารว่า เมื่อพ.ศ. ๒๓๕๑ อันเป็นปีที่ ๒๗ ในรัชกาลที่ ๑ โปรดให้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์ใหญ่อันเป็นประธานอยู่ในพระวิหารหลวง วัดมหาธาตุล่องแพมาจากเมืองสุโขทัย พระพุทธรูปองค์นั้นคือ พระศรีศากยมุนี โปรดเกล้าฯให้อัญเชิญมาเพื่อประดิษฐานไว้ ณ วัดสุทัศน์เทพวรารามที่ทรงสร้างขึ้นใหม่ เมื่อพระมาถึงมีงานสมโภชที่หน้าตำหนักแพ ๓ วัน แล้วเชิญชักพระขึ้นจากแพทางประตูท่าช้าง พระพุทธรูปองค์ใหญ่มาก หน้าตักถึง ๓ วา ๑ คืบ เข้าประตูไม่ได้ต้องรื้อกำแพงประตูนั้น ต่อมาก็เลยเรียกในทางราชการว่า ประตูท่าพระ มาจนทุกวันนี้
*ย่อมแสดงว่าประตูท่าพระนั้นยังมีประตุตั้งอยู่ ผมก็สงสัยมานานแล้ว ว่าประตูจะถูกรื้อทิ้งเมื่อใดจนมีหลักฐานได้ดังนี้ว่า
ในจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี และ พระราชวิจารณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ณ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ยกทรงเลื่อนชักตามทางสถลมาร พระโองการตรัสให้แต่งเครื่องนมัสการพระ ทุกหน้าวังหน้าบ้านร้านตลาดตลอดจนถึงที่ พระราชวิจาณ์ - การชักเลื่อนพระตามทางบกนั้น แพพระพุทธรูปได้มาเทียบที่ท่าช้าง แต่ที่ท่าช้างประตูเมืองไม่ตรงตามถนน ถึงแม้ว่าจะตรงถนนพระก็ใหญ่กว่าประตูเข้าไม่ได้ จึงต้องรื้อกำแพง เมื่อแห่พระมาถึงแล้วจึงก่อกำแพงขึ้นใหม่ ด้วยเหตุนี้ในราชการจึงเรียกเป็นท่าพระมาจนทุกวันนี้
จากคุณ |
:
หนุ่มรัตนะ
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ธ.ค. 53 19:51:18
|
|
|
|