"ชิงทุน?"
ถ้ามันซื้อหนังสืออ่านได้ไวๆเหมือนชื่อบะหมี่มันก็คงดีน่ะสิ...!!!
เราว่าการเรียนเก่งสอบชิงทุันได้น่ะ พ่อแม่ และสภาพแวดล้อม และเงิน คงมีส่วนช่วยมากๆ เด็กเรียนไม่เก่งอยู่ดีๆจะเรียนเก่งในพริบตามันต้องมีปาฏิหารย์
จะเล่าเรื่องจริงให้ฟังนะ...
ตอนเราเรียน ม.ต้นในเมืองไทยนะ เราเรียนไม่เก่งทำท่าจะไปไม่รอดเอา สอบเข้ามหาลัยไม่ได้แน่ๆ เราเลยหนีไปใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษ ในปีเดียวกันนักเรียนทุน Kings scholarship ก็ไปเรียนอังกฤษ เขาใช้เวลาเรียนภาษาอังกฤษในประเทศอังกฤษแค่ 6 เดือน ก็เก่งพอที่จะเข้าไปเรียนแพทย์ม้วนเดียวจบกลับเมืองไทยไปทำงานเป็นแพทย์เลย ตอนเขาเรียนแพทย์จบกลับเมืองไทยไปแล้ว (เราว่าคงเกิน 6 ปี) เราเพิ่งจะฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษพอเรียนหนังสือในมหาลัยในประเทศอังกฤษได้ เพราะเรียนแบบไม่มีพื้นเลย คลำผิดคลำถูก ใช้วิธีมั่วมาโดยตลอด...555+++....
นั่นแหละเป็นการจุดประกายให้เรามีชีวิตแปลกๆ คิดอะไรแปลกๆ ผิดชาวบ้านเขา เราย้อนคิดถึงนักเรียนทุนคนนั้นนะ หมอนี่สอบวิชาอะไรก็ได้ 100% เต็มหมด (สมัยก่อนเขานับเป็นเปอร์เซ็นต์กัน) แล้วเราก้อสงสัยว่า สมองเราเป็นห่ะอะไรกันฟะ iq ถึงต่ำกว่าชาวบ้านเขา เรียนไม่เก่ง
เราเลยตะบี้ตะบันอ่านแต่หนังสือ howtos แนวที่ว่าทำไงถึงจะฉลาด จะเพิ่ม iq ได้ อ่านๆไปมันดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ไม่เห็นจะฉลาดเป็นอัฉริยะขึ้นมามั่งเลย
ในที่สุดเราป่วยเป็น ocd (ย้ำคิดย้ำทำ) อย่างแรงจนเราเรียนหนังสือไม่ได้ จริงๆแล้วโรคนี้เริ่มออกอาการตั้งแต่วัยเด็กกว่านั้นแล้ว
แล้วเราไปเจอผู้หญิงอเมริกันคนหนึ่งที่ YMCA ใจกลางนคร London คุยๆกันแล้วเธอพาเราไปฟ้ง lecture วิช่า Zen Macrobiotics เราเลยเริ่มกินแต่อาหารปลอดสารพิษพวกข้าวกล้องหรือธัญพืชปลอดสารพิษ ผักปลอดสารพิษ แบบ organic แล้วเลยกินเจไปแบบเคร่งมากๆ 3 ปีเต็มๆ
ตอนนั้นเรามีกิโมโนสีขาว เราใส่มันแล้วกินชาเขียวญี่ปุ่น แล้วนั่งฝึกสมาธิ อยู่ใน apartment เรา เหมือนจำศีลอยู่ในถ้ำ...
พอออกจากถ้ำเรารักษาอาการป่วยของเราหายหมด แล้วออกไปเล่นหมากรุกฝรั่งในคลับ ลองเล่นแบบ simultaneous display ดูคือเล่นทีเดียวพร้อมๆกันหลายๆกระดาน เราคนเดียวเล่นกับคู่ต่อสู้ระดับพอใช้ได้ เกือบๆ 10 คนพร้อมๆกัน เราชนะรวด เราหลงคิดว่า iq เราเพิ่ม แต่จริงๆแล้วมันขึ้นๆลงๆนะ
เราลองกลับไปเรียน computer science กับ mathematics บางทีเราก็เรียนไม่ค่อยจะรู้เรื่อง สมองเราขึ้นๆลงๆอย่างน่าประหลาด เราว่าคงเป็นเพราะเราฝึกสมาธิกับฝึกกำลังภายในผิดวิธี แบบ พิษประจิมอาวเอี๊ยงฮง (Ouyang Feng - 欧阳锋) นั่นเอง...แต่สุขภาพเราก็ดีมาตลอด
เราอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไรกับสมองเราหรอก แต่เราเจ็บใจที่ฉลาดสู้นักเรียนทุนคนนั้นไม่ได้ เราเลยอ่านแต่หนังสือแนวฝึกว่าทำยังไงจึงจะสุขภาพดีหน้าตาดูอ่อนวัยไปตลอดชีวิต โดยหวังว่าจะรอให้ไอ้นักเรียนทุนคนนั้นมันแก่เฒ่าแล้วหลงๆลืมๆ แล้วเราค่อยมาชนะมัน...555+++....
แต่ก็แปลกดีนะ อยู่ดีๆเรากลายเป็นเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้รวดเร็วตอนอายุมากยี่งๆขึ้นนะ อย่างเช่นเราเริ่มเรียน computer กับ Internet ด้วยตัวเอง ตอนเราอายุเลย 50 ไปแล้ว และเรียนได้ไวมากๆ ระดับทดสอบ software ติดตั้งระบบ แก้ไขปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ (รื้อทั้ง software กับ hardware...วิธีเรียนเราใช้คอมพิวเตอร์ 2 เครื่องวางเทียบกัน ถ้าทำเครื่องไหนพังเราก้อดูเครื่องที่มันยังไม่พังเป็นต้นแบบ แล้วแก้ไขเครื่องที่มันพังให้คืนสภาพใช้งานได้) และค้นข้อมูลจาก Internet ได้ทะลุทะลวงมากๆ
ในที่สุดเราใช้ Internet กับความรู้ภาษาอังกฤษ และ logic + creative imaginations ที่เราเรียนจากการเล่นหมากรุกฝรั่ง เป็นอาวุธสำคัญสุดยอด ที่ทำให้เราค้นข้อมูลเพื่อการเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้อย่างรวดเร็ว
ตอนเราอายุ 60 เราทดลองเรียนวิชาที่เราเรียนได้แย่มากๆ เช่น physics แล้วแปลกแฮะกลายเป็นทำท่าจะเรียนได้ไว แต่เราแค่ลองเรียนมันดูเล่นสนุกๆเท่านั้น เราคิดว่าเอาไปใช้หาเงินไม่ง่ายนักถ้าไม่เรียนสูงๆ เราเลยหันมาจะเรียนภาษาจีนใหม่อีกรอบ (เมื่อก่อนเรียนไปได้หน่อยหนึ่งแล้วยอมแพ้) ตอนเราอายุเกิน 60 ไปแล้วเราค่อนข้างมั่นใจว่าเราจะเรียนภาษาจีนจากเริ่มต้นใหม่หมด ให้ใช้หาเงินจากการแปลจีนเป็นไทยหรือแปลจีนเป็นอังกฤษให้ได้ภายในเวลา 3 ปี และตอนนี้หน้าตาเราก็ยังเด็กมากๆ ส่วนใหญ่เราไปไหนมาไหนเราจะใส่เสื้อผ้าเด็กวัยรุ่น มีแฟนอายุน้อยกว่่่าเราเกือบครึ่งหนึ่ง เดินไปไหนมาไหนด้วยกันก็ดูรุ่นราวคราวเดียวกัน...
สรุป ความเปลี่ยนแปลงของสมองเรานะ ที่เพิ่งมาเรียนอะไรยากๆได้ตอนอายุมากๆ เราคาดว่าเป็นเพราะในช่วงหลายปีที่เราได้แต่ฝักใฝ่เรื่องสุขภาพ เช่นฝึกโยคะ ฝึกมวยจีนปนมวยไทย ฝึกกินอาหารสุขภาพ ฝึกสมาธินะ มันทำให้คุณภาพเลือดของเราเปลี่ยนไป ร่างกายเราคงซ่อมหรือสร้าง cells ใหม่ๆได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม...!!???
ตอนนี้เราอยากกลับไปท้านักเรียนทุนคนนั้นให้มาเรียนหนังสือแข่งกับเราใหม่...555+++...แต่อย่าเลย มันเหมือนคนแก่หาเรื่องทะเลาะกัน...
ตอนนี้เราคาดว่าสมองคนแก่อย่างเรา ที่คิดแหกคอกมากๆ น่าจะเรียนหนังสือทาบรัศมีนักเรียนทุนได้ แต่
อนิจา การเรียนรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะเรียนเก่งได้นั้น เราต้องใช้เวลานานกว่า 43 ปี (ตอนอายุ 17 ปีเราเพิ่งเริ่มค้นคว้าหาวิธีการ (ส่วนใหญ่ค้นคว้าจากหนังสือ howtos) ว่าทำไงจึงจะฉลาดแล้วเรียนเก่ง)...!!!
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 15:13:03
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 14:29:46
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ธ.ค. 53 14:05:49
|
|
|
|