เราคิดไม่เหมือนคุณนะ ตอนเด็กๆเราอ่านพุทธแบบไทยๆจากภาษาไทย แล้วเราก็ปฏิบัติตาม แต่ตั้งแต่เราเกิดมาแล้วเราสุขภาพไม่ดีทั้งกายและใจ เราป่วยเป็น ocd (ย้ำคิดย้ำืทำ) นอนไม่หลับ เป็นวิตกจริต เป็น panic attack (ตกใจกลัวมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก) แล้วเรียนหนังสือไม่ได้ อาจเป็นกรรมพันธ์ก็ได้ เพราะแม่เราก็ป่วยเหมือนเรา แต่หมอรักษาแม่เราจนแม่เราทนฤทธิ์ยาไม่ไหวมีโรคอื่นแทรกซ้อนและตายไปในที่สุด
ในขณะที่แม่เราสอนให้เราเป็นพุทธแบบไทยๆ เราแหกคอก ไปอ่านพุทธแบบจีน (ที่คนจีนและฝรั่งแปลจากจีนเป็นอังกฤษ) และอ่านพุัทธแบบญี่ปุ่น (ทีี่คนญึ่ปุ่นและฝรั่งแปลจากญี่ปุ่นเป็นอังกฤษ) น่าตกใจมากๆ มันไปคนละเรื่องกับพุทธแบบบไทยๆเลย มันเป็นแบบเซน หรือมหายาน ซึ่งมันคล้ายกับเต๋ามากๆ จนในที่สุดเราได้ศึกษาเต๋า แล้วค้นพบว่า
"มันเป็นศาสนา (หรือจะเรียกว่าปรัชญา) แห่งสุขภาพโดยแท้จริง"
เราเรียนเต๋ากับพุทธแบบเซน จนกลายเป็นเรียนรู้การแพทย์ทางเลือกจนเรารักษาอาการป่วยของเราได้ด้วยตนเองจนหมดสิ้น และตอนนี้เราอายุมาก แต่กำลังค้นพบจุดอ่อนของบรรพบุรุษเรา และกำลังฝึกคัมภีร์ของเต๋าเพื่อกลับกลายเป็นเด็กวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี...เพราะมีกระบวนการที่เรียกว่า biological transmutation เกิดขึ้นแล้ว นั่นก็คือว่า ร่างกายเรา (เมื่ออายุเกิน 60 ปีไปแล้ว) กลายเป็นสร้าง sex hormones มากพอๆกับหรือมากกว่าเด็กวัยรุ่น ทำให้เรากลายเป็นเฒ่าตัณหากลับน่ะ...วันๆฟิตเปรี๊ยะแบบเด็กวัยรุ่นเลย...555+++...แถมการเคลื่อนไหวตัวตอนฝึกวรยทธ์กลายเป็นออกอาวุธได้รวดเร็วหนักหน่วงกว่าตอนเราหนุ่มๆ ผิวกายเราไม่มีเหี่ยวย่น และโครงสร้างกระดูกเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปมากๆ...เช่นนิ้วมือเราทั้ง 10 เมื่อก่อนเวลาวางชิดกันมันเคยมีร่องเพราะกระดูกมีข้อโปนๆ แต่ตอนนี้กระดูกเราเปลี่ยนนิ้วมือเราเรียวเหมือนเทียน กลายเป็นพอวางชิดกันแทบไม่มีร่องเลยหละ...!!!
พอเราเรียนรู้เรื่องจางซันฟง (ผู้ก่อตั้งสำนัก Wudang (คนไทยเรียกบู๊ตึง) ที่เรียนเต๋าแล้วมีอายุเป็นร้อยแต่มีวรยุทธ์สูงส่งเอาชนะเด็กหนุ่มได้ หรือพระวัดเส้าหลินที่มีพลังมหาศาลเมื่อยามแก่เฒ่า (ยิ่งแก่ยิ่งมีพลัีงมากยิ่งๆขึ้น) จากการฝึกสมาธิและกำลังภายใน จากนั้นเราไม่เชื่อเลยว่าเกจิอาจารย์พุัทธที่ไหนที่เดินยักแย่ยักยันป่วยหนักเมื่อยามแก่ที่คนไทยหลายๆคนเลื่อมใสกันได้บรรลุอรหันต์หรือกำลังจะบรรลุอรหันต์
เนื่องจากเต๋าหรือพุทธแบบเซนเป็นศาสนา (หรือปรัชญา) แห่งสุขภาพ
และที่คิดขัดกับ จขกท อย่างแรงก็คือว่า ทั้งเต๋าหรือพุทธแบบเซน ถ้าทำความเข้าใจให้ดีๆ เวลาทำจิตและกาย (ลมปราณของร่างกาย) ให้เข้ากับเต๋าหรือพลังจักรวาล (ลมปราณของจักรวาล) แท้จริงแล้วมันคือพลังของ The Creator หรือของพระผู้เป็นเ้จ้าในศาสนาคริสต์ นั่นเอง
พออ่าน Mahanirvana Tantra ของฮินดู แล้วเห็นบทสนทนาระหว่าง Shiva กับ Shakti เราเริ่มรู้ว่ามันเป็นเหมือนกับ Dao De Jing ที่ปรมาจารย์เล่าจื้อเีขียนไว้เกี่ยวกับเต๋า นั่นก็คือ
"ถ้อยคำทุกอย่างมีความหมายหลายอย่างหลายระดับ มัีนหลอกให้พวกบัณฑิตตีความผิด (เหมือนๆกับคำสอนพุทธที่หลอกให้คนแปลพระไตรปิฏกผิด)"
ยกตัวอย่างเช่นคำสอนเต๋าที่ว่า "ให้ใฝ่หาที่ต่ำ" แท้จริงแล้วมันไม่ได้สอนเรื่องให้ถ่อมตนแต่อย่างเดียว หากแต่ว่ามันสอน "พื้นฐานของการฝึกกำลังภายใน" นั่นก็คือสอนเรื่อง
"ความดันของเลือดว่าต้องไม่ไปที่หัว แต่ต้องไปที่ปลายนิ้วเท้า"
จากนั้นเราพยคาามสัมพันธ์กันทั้งหมดระหว่าง พุัทธแบบเซน เต๋า ฮินดู และคริสต์
ครั้นพอกลัีบไปอ่านภาษาแขกที่เขียนแบบไทยๆที่ชาวพุทธแบบไทยๆอ้างว่ามาจากพระไตรปิฎกนั้น เราเริ่มเชื่อว่า มันมี
"พระธรรมวินัยที่จำกัดขีดความสามารถของพระสงฆ์ ทำให้ไม่มีทางบรรลุอรหันต์ได้"
และเราตีความว่า มีความเป็นไปได้ 2 ประการคือ
1.ภาษาแขกที่เขียนแบบไทยๆที่พุทธแบบไทยๆอ้างว่า "แปล" มาจากพระไตรปิฎกนั้น เกิดจากการตีความภาษาแขกผิดๆ เนื่องจากการศึกษาประวัติศาสตร์และสังคมไทย พบว่า ระบบอุปถัมภ์ทำให้คนไทยที่เป็นเด็กเส้นได้ทำงานใหญ่ๆที่ยากเกินความสามารถของตนเอง
2. พุทธแบบจีน(แบบวัดเส้าหลิน) กับพุทธแบบญี่ปุ่นแบบ Zen Macrobiotics มาจากพระสูตรคนละเล่มกัน พระสูตรที่เป็นพุทธแนวศาสนาแห่งสุขภาพเหมือนเซน เต๋า กับฮินดู มันไปที่จีนกับอินเดีย แต่พุทธที่เป็นพิธีกรรมทางศาสนาและพระธรรมวินัยล้วนๆ (ทำให้เกจิอาจารย์ที่คนไทยคิดว่าจะบรรลุัอรหันต์ตอนแก่เดินกระย่องกระแย่งไม่แข็งแรงเท่าพระวัดเส้าหลิน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดๆ) ซึ่งถ้าเป็นกรณี 2 นี้ คนไทยคงไม่ได้แปลพระไตรปิฎกผิดละกระมัง แต่โชคไม่ดีที่ไม่ได้พุทธแนวศาสนาหรือปรัชญาแห่งสุขภาพมา
"เพราะได้พระสูตรคนละเล่มมา"...!!!
คัมภีร์เเต๋าเล่มล่าสุดที่เราได้มา มีข้อความที่น่าทึ่งมากๆ นั่นก็คือข้อความที่สอนวิธีฝึกลมปราณเพื่อผสาน
jing (น้ำกาม) + qi (ลมปราณ) + shen (วิญญาณ) ซึ่งเ้ป็นกระบวนการที่เรียกว่า sublimation เพื่อสร้าง elixir of life (ยาอายุวัฒนะ) เพื่อทำให้ร่างกาย (ถึงจะแก่เฒ่า) ก็กลับเป็นเด็กวัยรุ่นได้ เพื่อที่จะสร้าง immortal fetus หรือทารกในครรภ์ที่กำลังจะกลายเป็นเซียน นั่นเอง ซึ่ง เมื่อผลิต immortal fetus ได้แล้้วผู้ฝึกจะมีอายุถึง 300 ปีหน้าตาเด็กๆก็เป็นไปได้ แต่เขาจะละสังขารในที่สุด (บางทีละสังขารตอนอายุแค่ 100 กว่าๆหรือมากกว่านั้น) โดยการถอดวิญญาณ(immortal fetus ที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว) ออกจากร่างผ่านจุดกลางกระหม่อม (ซึ่งภาษาจีนเรียกจุดนี้ว่า Bai Hui หรือภาษาแขกเรียกว่า Sahasrara Chakra) ขึ้นไปบนสวรรค์กลายเป็นเซียน ซึ่งเทียบเท่าพระโพธิสัตว์ของพุทธ
และ immortal fetus นี้ ตามคัมภีร์ของเต๋า ผู้หญิงก็สร้าง (ตั้่งครรภ์) ได้ ผู้ชายก็สร้าง (ตั้งครรภ์) ได้ โดยไม่ต้องมี sex กับผู้ใด ดังนั้นมันโยงไยกับ Virgin Birth ของศาสนาคริสต์
นั่นก็คือคำสอนในหลายๆศาสนา มันคล้ายกับว่า
"จะมาจากแหล่กำเนิดอันเดียวกัน"
คราวนี้มาย้อนพูดเรื่องคัมภีร์เต๋าเล่มล่าสุด เราเจอข้อความอะไร?
นักพรตเต๋าคนที่เขียนคัมภีร์เล่มนั้น "ยืนยัน" ว่า
คำสอนเรื่อง alchemy (การเล่นแร่แปรธาตุ) คือชาวตะวันตกพยายามเปลี่ยนโลหะราคาถูกๆให้เป็นทองคำ แต่ชาวตะวันออก พยายามเปลี่ยน generative force (พลังที่ใช้สืบพันธ์) ให้กลายเป็น elixir of life และกลายเป็นพลังแห่งการเรียนรู้ระดับเซียน (แบบเต๋า) หรือพระโพธิสัตว์หรือพระอรหันต์ (แบบพุทธ) นั้น
พระพุทธเจ้าก็สอนเหมือนๆกับเต๋า เพียงแต่ว่าเรียบเรียงถ้อยคำแตกต่างกันออกไป ในแนวพุทธแบบเส้าหลิน แทนที่จะเป็นเต๋าแบบ Wudang (คนจีนในไทยอ่านว่า "บู๊ตึง")
ดังนั้นเราจึีงสันนิษฐานว่า
"พุทธแบบไทยๆที่ไม่เหมือนพุทธแบบจีนหรือญึ่ปุ่นนั้น"
เกิดจากความเป็นไปได้ ในข้อ 1. กับ ข้อ 2. ตามที่เรากล่าวไว้แล้วข้างบนนั่นเอง
เป็นไปได้มากๆที่ศาสนาหลายๆศาสนามาจากต้นกำเนิดอันเดียวกัน
นั่นก็คือ
"ปราชญชาวฮินดูที่ฝึกธรรมะ (หรือ alchemy) จนบรรลุเหมือนพระพุทธเจ้า ในอดีตก่อนพุทธกาล ก็มีมากมายหลายท่านด้วยกัน...!!!"
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 10:25:06
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 10:19:58
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 09:16:53
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 07:11:25
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 06:48:06