ความคิดเห็นที่ 1 อะโห ขนาดคุณหนูนากระป๋องมาตั้งกระทู้บ่นได้ แสดงว่าเหลือรับจริงๆ ปกติเห็นชิลๆ ไม่ค่อยบ่นเรื่องทำนองนี้เลยนะคะ จากคุณ : Guga เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 10:47:32

ความคิดเห็นที่ 2 อย่าเหนื่อยใจหรือหนักใจแทนพวกที่ไม่รู้จักกาลเทศะในการใช้ภาษา สถานการณ์จะบังคับให้พวกเขาปรับตัวเมื่อเข้าทำงาน ภาษาไม่ดี  ใช้ภาษาไม่เป็น   ไม่ต้องนึกถึงการเข้าทำงาน ในหน่วยงานราชการ  รัฐวิสาหกิจ  หรือบริษัทที่มีความมั่นคง แต่กับพวกที่ทำงานกงสี  กินเงินพ่อแม่คงไม่คิดปรับตัว ผมเคยตำหนิ  และแนะนำการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง แต่คำตอบที่กลับมา  "พ่อแม่เขายังไม่มายุ่งเรื่องส่วนตัวในการใช้ภาษา" ก็ต้องหยุดยุ่งเกี่ยว   เป็นเรื่องเฉพาะตัว  แก้ปัญหาเอาเองก็แล้วกัน จากคุณ : Sv เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 10:55:38

ความคิดเห็นที่ 3 ผมไม่ซีเรยสเลยกับภาษาพวกนี้... ตราบใดที่มันยังอยู่ในกรอบการสื่อสารระหว่างเพื่อนสนิท ที่ต้องการสื่ออารมณ์ไปคู่กับตัวอักษร..และตัวอักษรปกติไม่สามารถสื่อได้ เช่นถ้าผมจะคุยกับเพื่อน ต้องการสื่อว่าถนนสายนี้ยาวมาก ระหว่างการเขียนว่า ถนนยาว กับถนนยาววววววววววววววววว แบบไหนจะสื่ออารมณ์ที่ต้องการได้มากกว่ากัน? ดังนั้นในวัตถุประสงค์นี้ ภาษาวิบัติสามารถตอบสนองได้ แต่ไม่ใช่สำหรับการสื่อสารในกระดานข่าวสาธารณะ... ที่ต้องสื่อสารกับคนที่ไม่รู้จัก ภาษาที่ถูกต้องคือมารยาทในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตครับ... แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 53 11:06:00 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 53 11:02:38 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 53 11:00:16 จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 10:58:51

ความคิดเห็นที่ 4 ปกติหนูนาก็ไม่ซีเรียสค่ะ เพราะเวลาคุยกับเพื่อนๆ ก็ใช้ภาษาพูด หรือ ภาษาแชท แต่อันนี้หมายถึง เวลาที่ต้องทางการ เท่านั้นค่ะ พวกผู้ใหญ่ยุคนี้ จะหนักไปทางเรื่องใช้คำไทยคำ อังกฤษคำ เสียมากกว่า เคยเจอท่านหนึ่งพูดในห้องประชุมแล้ว ตัวเองรู้สึก งง ว่า มันใช้พร่ำเพรื่อไปไหม เช่น ลูกค้าบีลี๊ฟว่าเราจะต้องสมาร์ท อันนี้ผมแครันทีเลยนะครับว่า มันจะต้องซั๊กแซส แน่ๆ อะไรอย่างนี้ ฟังแล้วปวดม้าม แต่ก็นะ ไม้แก่ดัดยากแล้วมั้ง เลยหันมาห่วงเด็กแทน 555555 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 53 11:05:17 จากคุณ : หนูนากระป๋อง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:03:30

ความคิดเห็นที่ 5 เจอเหมือนกันค่ะ แต่เป็นการพูด ไอ้เราว่าเราก็ยังไม่แก่นะ แต่น้องๆที่โทรมาขอฝึกงานนี่แบบ "พี่คะ นู๋จะขอฝึกงานอ่ะค่ะ พี่จะรับไหม ของหนู 5 คน" เอิ่ม คือดิฉันจะรู้ไหม ว่าคุณเรียนสาขาไหน อะไร ยังไง มาถึงก็ใส่ๆๆๆ หรืออีกแบบ "พี่คะ หนูจะเข้าไปสัมภาษณ์หน่ะคะ แต่วันนี้นู๋ไม่ว่าง เอาเป็นว่านู๋เข้าไปวันอังคารแล้วกันนะ" น้องคะ น้องจะให้พี่บอกน้องสักคำไหม ว่าพี่ว่าง หรือไม่ว่าง ตกลงใครสัมภาษณ์ใครหว่า ปวดหัวมาก อ.ไม่สั่งสอน เรื่องแค่นี้ก็น่าจะคิดได้เอง จากคุณ : แพนด้า...หน้ากิมจิ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:14:03

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ จากคุณ : นางร้ายนิสัยเสีย เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:31:21

ความคิดเห็นที่ 7 จะได้เลือกได้ง่ายขึ้นไงครับ จากคุณ : fete เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:31:46

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเคยเจอ เนื่องจากผมมีคนโพสท์แจกไฟล์หนังสือ ผมก็ไปลงเมลล์ขอรับ ในกระทู้นั้นเลยมีเมลล์ผมอยู่ เวลาผ่านไปหลายเดือน มีคนส่งเมลล์หาผม copy link ดังกล่าว แล้วมีข้อความเพิ่มเติมบอกแค่ว่า อยากได้ ส่งให้หน่อยสิ เฮ้อ จากคุณ : สีผึ้ง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:33:33

ความคิดเห็นที่ 9 คล้ายๆ กัน แต่เป็นเรื่องรูป http://topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2009/12/B8616174/B8616174.html อ่านทั้งกระทู้นี้กระทู้นั้นแล้วไม่อยากเชื่อว่ามีอย่างนี้ด้วย ^^" จากคุณ : ratta เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:47:52

ความคิดเห็นที่ 10 เจอบ่อยเลย ไม่ใช่การใช้ภาษา แต่กาลเทศะ มีเมล์มา ไม่มีหัว ไม่มีท้าย มีแค่ประโยคว่า "พี่คะรับ นศ.ฝึกงานมั้ยคะ ช่วยตอบกลับด้วย" ไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม อีเมล์เป็นสตรอเบอรี่สมูทตี้ อะไรก็ไม่รู้ คุณเป็นใคร (วะ) -__-" มีอีกแบบ นศ ป.โท มาขอความร่วมมือ ตอบแบบสอบถามทำวิจัย แต่เขียนมาลุ่นๆ คล้ายๆ ข้างบน เราเขียนกลับไปสอนยาวเลย อธิบายเหตุผลให้ฟัง คือน้องที่เขียนมาช่วยแนะนำตัวเองหน่อยสิคะ คุณเป็นใคร อยู่ ม.ไหน คณะอะไร จะทำอะไร เราจะได้ดูว่าเราสามารถช่วยคุณได้หรือไม่ มีตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกันหรือเปล่า ที่สำคัญคือควรลงชื่อนามสกุลจริง และถ้ามีเบอร์โทรติดต่อด้วยก็ดี อันนี้มีแต่อีเมล์สมูทตี้ จะเรียกชื่อน้องเวลาตอบกลับยังเรียกไม่ถูกเลย :s แต่น้องก็ดีนะคะ พอเราอธิบายไปเขาก็ฟังนะ และเขียนขอโทษมาอย่างยาวเลยค่ะ คิดว่าถ้าสอนเค้าก็ฟังค่ะ แต่น่าจะไม่มีใครสอนมากกว่า หลักสูตรคงจะเปลี่ยนไป เราจำได้ว่าแต่ก่อนเราเรียนวิชาเขียนจดหมาย ตั้งแต่ ป.3-ป.4 ท่องจำกันเลยว่าต้องมี เรื่อง เรียน อ้างถึง สิ่งที่ส่งมาด้วย ลงท้ายจดหมายด้วย ขอแสดงความนับถือ รักและเคารพ ฯลฯ ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ยังมีเรียนกันอยู่หรือเปล่า จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:49:14

ความคิดเห็นที่ 11 จขกท.ก็ให้โอกาสเด็กเหล่านี้ไปค่ะ ................ .................... .....ให้โอกาสไปหางานที่อื่น อิๆ :P ปล่อยให้ไป เด๋ว คร่ะ และนู๋กันไกลๆ ไม่รู้จักคิดกันเล๊ยว่าจะเข้าหาผู้ใหญ่ยังไงให้ได้รับการยอมรับ แล้วตอบกลับในเชิงบวก มันสมองในหัวของเธอๆ เหล่านั้นคือก้อนไขมันอันไร้รอยหยักจริงๆ คิดเพื่อตัวเองไม่เป็น คิดเพื่อคนอื่นไม่เป็น คิดกันเป็นแต่จะสร้างคำใหม่ๆให้ภาษาวิปริต อย่างนี้ต้องไปไถนาอย่างเดียว จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:55:26

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเจอแบบเจ้าของกระทู้เลยครับ แต่โดนเรื่องถามสัมภาษณ์งานแทน ถามประมาณคล้าย ๆ กัน มารยาทในการใช้ภาษาก็ ... อืม ไม่อยากวิจารณ์ครับ จากคุณ : PeeEm เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 12:19:36

ความคิดเห็นที่ 13 เราพึ่งรับสมัครพนักงานไปเหมือนกันค่ะ  อยากจะเตือนเหมือนกันว่าเวลาตั้งชื่อเมลล์ ช่วยเป็นทางการกันหน่อย  เพราะเวลาเมลล์มันขึ้นชื่อ  เราอยากจะบ้าตายกับชื่อน้อง ๆ จริง ๆ มีตั้งแต่ หนิงงงงงงงงงงงงง แจกันบิน หนักสุดก็เห็นจะเป็น สา:-). เนี่ยแหละค่ะ  ปวดใจจริง ๆ เลย  เมลล์เล่น ๆ กับเพื่อน กับเมลล์ติดต่องานควรจะเป็นคนละอีเมลล์กันนะคะ จากคุณ : ตอกะจอ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 13:25:52

ความคิดเห็นที่ 14 จริงค่ะ หนูก็ระอากับเพื่อนสาวบางคนหนูมากเลย หนูเคยเตือนเกี่ยวกับการใช้ภาษาวิบัติกับเค้าไป แต่ดันมาย้อนหนูว่า มันใช้ง่ายอ่ะ ! ตอนนี้หนูเลยไม่เตือนเลยคะ ภาษาที่เค้าใช้อ่านยากมาก ๆ เช่น จ๊ะ - จ๊ นะ - น๊ จ้า - จร่ ให้ตายเหอะ มันอ่านง่ายตรงไหน อ่านแล้วหนูปวดจิต -*- จากคุณ : อ้ายดื้อ (หนูไม่รู้เค้าจ้างหนูมา) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 13:26:41

ความคิดเห็นที่ 15 น่าเป็นห่วงมากๆค่ะ น้องเราม.4เขียนรายงานภาษาไทยส่งครูก็ใช้ภาษาวิบัติ เพราะชินกับการใช้ภาษาวิบัติกับเพื่อนๆในอินเตอร์เน็ต พ่อทักมันก็ว่าภาษาวัยรุ่นใครๆก็ใช้กันน่ารักจะตาย เฮ้อ............ จากคุณ : Tarsier เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 13:42:06

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าที่ใช้ภาษาดีๆ ยังมีอีกมากและเป็นส่วนใหญ่นะครับ   มีอยู่คราวหนึ่งผมประกาศรับสมัครงาน   มีหลายรายต่อรองอย่างสุภาพว่าอยู่ต่างจังหวัดไม่สะดวกจะมาให้สัมภาษณ์   ผมเลยให้เขียนความเรียงเล่าเรื่องตัวเองมา เขียนกันได้ดีเป็นส่วนมากนะครับ จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 13:55:37

ความคิดเห็นที่ 17 เอางี้นะครับ มุมมองของคนที่เคยทำงานกับมนุษย์ห้าร้อยจำพวกในหน่วยงานของรัฐมาแล้วหลายระดับตั้งแต่เป็นน้องใหม่จนกลายเป็นพญายักษ์ประจำหน่วย เคี้ยวมนุษย์เป็นภักษาหารมาแล้วเยอะ การใช้ภาษา ถือเป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งของประสิทธิภาพมนุษย์ มนุษย์ตัวไหนไม่รู้แม้กระทั่งว่ากาลเทศะไหนควรใช้ถ้อยคำอย่างไร ก็ไม่ควรจะมาทำงานกับเขา เอาง่ายๆอย่างนี้แหละ ใครมา เด๋ว คร่ะ นู๋ ถ้าอยู่ในนี้ก็ไม่ว่าอะไร แต่เจอกันข้างนอกเมื่อไรเราเห็นด้วยกับคุณ Lovely Creature ว่าเราจะให้โอกาส...ให้โอกาสไปสัมภาษณ์งานกับคนอื่นต่อไป ผมว่าการใช้ภาษาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ทำให้คนคัดเลือกตัดสินใจง่ายดี โยนคัดไว้ไปสองกองก่อน คนอยู่กองแอ๊บแบ๊วก็เทลงถังขยะไปทันควัน อย่างอื่นไม่ต้องถามถึง เหลือแต่กองที่ใช้ภาษาเป็นค่อยมาคัดเลือกต่อ ถ้าใครเห็นด้วยกับผม เรามาตั้งชมรมกีดกันผู้ใช้ภาษาแอ๊บแบ๊วอย่างไม่รู้กาลเทศะกันดีกว่า นักสิทธิมนุษยชนอย่ามาแหยม บอกชัดๆอีกทีว่า กีดกัน กีดกัน กีดกัน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 13:59:34

ความคิดเห็นที่ 18 อุ่ย.. จิ้มไปความเห็น 2 ของคุณ Sv ตอบแบบนั้น มันแปลว่า "พ่อแม่(ผม)ยังไม่สั่งสอนเลย คุณเป็นใครกล้ามาสอน(ผม)" รึเปล่านั่น อ่านแล้วตกใจกับคำตอบเล็กน้อย ช่างกล้าเนอะคนเรา จากคุณ : The Starry Night เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 13:59:37

ความคิดเห็นที่ 19 สำหรับเด็กที่มาขอสัมภาษณ์ขอทำรายงาน ส่วนใหญ่เราจะรับนัดนะถ้ามีเวลาว่างให้ ในกรณีที่ไม่ได้แย่มาก เพราะสงสาร และ เข้าใจว่าต้องทำรายงาน กลัวเค้าไม่จบ (ดันเป็นห่วงแทนซะเนี่ย) แต่บางทีก็รู้สึกว่าน่าเป็นห่วงตรงที่ นอกจากน้องๆ จะไม่รู้ว่ามันไม่ควรแล้ว ยังมักจะโทษสภาพแวดล้อมภายนอก หรือ คนอื่นเสมอ รวมถึงมองทุกสิ่งอย่าง "มักง่าย" เราเห็นบ่อยมากที่ หางานไม่ได้สักที / หาที่ฝึกงานไม่ได้สักที / ทำงานมาตั้งนานแล้วทำไมไม่ได้ดี นั่น นี่ นู่น โทษคนอื่นตลอดที่ไม่ให้โอกาส หาว่าคนอื่นคร่ำครึบ้าง ปิดกั้นบ้าง แทนที่จะมองว่า ตัวเองได้ทำให้ตัวเองมีคุณสมบัติดีเพียงพอให้เขาเลือกหรือไม่? และ เงินเดือนที่อยากได้สูงๆ น่ะ น้องมีความสามารถ และ ประสบการณ์เพียงพอไหม? เรื่องกาลเทศะ การใช้ภาษาก็เหมือนกัน เด็กรุ่นนี้ชอบมองว่า "ไม่เห็นต้องจริงจัง" มันเป็นวิวัฒนาการของภาษาหรือใดๆ ก็ตาม แต่คนเราทำงาน ต้องมีกฎ ระเบียบ ในตัวเอง ต่อให้ที่ทำงานจะสบ๊ายย สบายย ติสแตกขนาดไหนก็ตาม แต่ทุกสายงาน ต้องการกฎระเบียบ และกาลเทศะ หวังว่ากระทู้นี้จะไปถึงมือคนที่มีอำนาจ หรือ ครูบาอาจารย์ เพื่อรับทราบปัญหานี้ด้วยค่ะ เผื่อว่าจะมีทางออก หรือ วิธีแก้ไขปัญหาที่กำลังจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 53 14:39:13 จากคุณ : หนูนากระป๋อง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 14:36:29

ความคิดเห็นที่ 20 เจอภาษาแบบนี้แล้วไม่อยากจะคุยด้วยเลยค่ะ ปวดหัวที่จะอ่านเหมือนกัน.. จากคุณ : คาปูชิโนไม่ใส่ฟองนม เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 14:40:11

ความคิดเห็นที่ 21 ส่วนตัวคิดว่า...หากเราเสพสิ่งใดมากๆมันก็จะทำให้เราเคยชินกับสิ่งนั้นจนคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา เด็กสมัยนี้เรียนรู้การได้อะไรมาง่ายเกินไป ยังไม่เคยได้คิดและได้ลองพยายามก่อน ตั้งแต่เด็กๆ เด็กฝึกงานที่ทำงานดิฉันก็เหมือนกัน ไม่ค่อยจะมีสัมมาคาราวะสักเท่าไหร ค่อนข้างเรียกได้ว่า แรง! แบบไม่สนใจใครเลยทีเดียว เคยได้ยินเค้าอวดๆเหมือนกันว่าหากอยากฝึกงานที่ดีๆเพื่อให้ได้งานง่ายๆก็เอาเงินยัดเอา ก็ได้ฝึกแหละ พูดอังกฤษไม่เก่งเลย แต่จ่ายตังส์ไปก็ได้ไปฝึกที่ Air Asia แล้วง่ายๆ หรือถ้าอยากทำงานก็ได้เหมือนกันมีคนรู้จักเยอะ (น้องเค้าบอกมา) ฟังแล้วก็รู้สึกตกใจ เพราะดิฉันจบแค่ม.6 พยายามแถบตายเพื่อให้ตัวเองเก่งภาษาอังกฤษอย่างน้อยเวลาไปสัมภาษณ์จะได้ไม่ผิดพลาด พอได้ยินน้องเค้าพูดแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวเองพยายามไปก็เปล่าประโยชน์เพราะโอกาสไม่วิ่งเข้ามาหาคนจนงั้นแหละ... By: The Moon Walking Alone จากคุณ : พระจันทร์รอนแรม เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 15:28:17

ความคิดเห็นที่ 22 ขอมาบ่นเรื่องกาลเทศะของเด็กสมัยนี้ด้วยคนค่ะ เมื่อวันก่อนมีเด็กจะเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน จะมาสอบถามเรื่องมหาวิยาลัยว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็พูดจากันได้ห้วนจนคิดไปว่า เรานี่สนิทกับเขาขนาดนั้นเชียวรึ น้องถามเราว่า "นี่เรียนที่...ป่ะ" "แล้วดีป่ะ" "ที่นั่นเป็นไงมั่ง" "เนี้ยพอดีจะไปสอบเข้า จะได้ตัดสินใจ" พอนึกไปว่า เป็นเด็กม.6 จะเข้า ปริญญาตรี ก็นึกเป็นห่วงไม่น้อย ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ไม่รู้เรื่องกาลเทศะ บางคนก็จะเข้ามาถามด้วยภาษาประหลาดๆของเค้า จะไปทำงานสมัครงานอะไรจะรอดไหม พอเราไปตักเตือน ก็ว่าเราโบราณคร่ำครึ ไม่ทันสมัย พ่อแม่ยังไม่เคยว่าหนูเลย ใครๆเขาก็ทำกัน แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 53 15:36:55 จากคุณ : nutchanunu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 15:34:51

ความคิดเห็นที่ 23 ภาษาแบบนี้เห็นแล้วก็รำคาญเหมือนกันค่ะ ไม่เข้าใจว่าสะกดให้ถูกนี่มันพิมพ์ยากตรงไหน บางคำนี่พิมพ์ยากกว่าคำที่เขียนแบบถูกต้องอีกนะ เคยเห็นเพื่อนบางคนเขียน คะ เป็น ข๊ะ โอย จะเป็นลม จากคุณ : IzaAII เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 16:41:51

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบไปสิครับ หวัดดีคร่ะน้อง อานเน่เพี่ดั้ยรับแมวของน้องล้าว เพ่อ่ะพิดจาราลานาดูล้าวน๊า ช่อบมากดั่ว แต่แอบเหงว่าน้องมีโปรฟายน้อยปายหนุ่ยนุง ช่วยส่งโปรฟายเพิ่มหั้งพี่ได้ม๊ายคร๊าาาาาาาาาาาา น๊าาาาาาาา ส่งมาเพีก้อรับจิงดั่ว งัยก้อส่งมากั่นนะคร้า ล้าวเพร่จาทอสับปัยหานัดสัมพาดอีทีนาคร๊าๆๆๆๆๆๆ รักน๊าจุ๊บุจุ๊บุ ปอลอ คิดถุงและขอบคุงน๊าคร้าๆๆๆๆที่สงจัยบอริสัดของพี่คร่ะ อิอิ หุหุ ก๊าบๆ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 53 16:57:21 จากคุณ : Eakiji Onisuka เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 16:48:33

ความคิดเห็นที่ 25 เพิ่งอบรมไปเป็นรายคนเหมือนกัน... เด็กๆ กำลังจะไปฝึกงานแล้ว ต้องมารื้อกันตั้งแต่สมัครอีเมล์เลย... พวกชื่อพิมพ์ตัวเล็กตัวใหญ่ น่ารักน่าชัง ฟังดูสมองนุ่มนิ่มเละเหลว โดนไล่ไปใช้ชื่อจริงกันใหม่หมด ไม่งั้นไม่ออกจดหมายแนะนำให้ จากคุณ : แพนด้ามหาภัย เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 17:10:54

ความคิดเห็นที่ 26 ^^ ^^ โอ......เด็กสมัยนี้เขาใช้ชื่อเล่นเขียนจดหมายสมัครขอฝึกงานแล้วหรอครับ?????? ใช้ไรคิดเนี่ย?? จากคุณ : next80 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 17:45:58

ความคิดเห็นที่ 27 ขาดคอมมอนเซนส์ค่ะ (อย่าว่าเค้าใช้ไทยคำอังกฤษคำนะ แหะๆ) ประหลาดดี เด็กรุ่นๆหลายๆคนไม่รู้อะไรผิดอะไรถูก เหมาะสม หรือเป็นมารยาททั่วไป จากคุณ : azur เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 17:49:26

ความคิดเห็นที่ 28 เพิ่งรู้ว่าขนาดสมัครงานเขาก็พิมพ์วิบัติกัน ส่วนตัวไม่ได้ซีเรียสมากมาย แต่บางทีก็รำคาญเหมือนกัน บางทีเพื่อนส่งเมล์มาว่า "พรุ่งเน้มาส่งกานบ้านให้ด้วยน๊ะ เด๋วเค้าจาไปโรงบาลกะคุนพ่อ จดการบ้านให้ด้วยล่ะ ไปแระ ขอบคุนน๊ะคร๊ะ" แทบอยากจะเอาสมุดการบ้านไปเผาทิ้ง อ่านยากกว่าปกติอีก-*-(แต่พวกใช้ชื่อเล่นกับเมล์ขนาดนั้นนี้ เรียกว่าไม่มีกาลเทศะได้เลยนะ เป็นผมผมจะไม่รับ ไม่ตอบ เชิดใส่แล้วลบเมล์ทิ้งไปเลย) ปล.จากเด็กม.4คนหนึ่ง จากคุณ : THANODOM (THANODOM) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 18:41:37

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าเป็นเรา เราจะส่งน้องเขาไปเขียนมาใหม่ค่อยมาว่ากันอีกรอบ พร้อมทั้งบอกว่าถ้ายังเขียนมาแบบนี้อีกโอกาสจะได้เข้าทำงานหรือฝึกงานก็จะน้อยลง เราเคยบอกเพื่อนรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันว่าอย่าใช้ภาษาวิบัติเยอะได้ไหม มันอ่านยาก แต่ก็ไม่มีใครเห็นใจเราเลย ฮือๆ จากคุณ : ขวัญ (khumchalong) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 19:17:48

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาบอกว่า ขนาดแชตกับเพื่อน ยังพิมพ์ถูกต้องทุกคำ ถึงกับต้องตรวจทาน เห็นคำผิดก็แก้ไข พอดีติดเป็นนิสัย สนับสนุนให้ใช้ภาษาถูกต้องค่ะ จากคุณ : cOokiemOok เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 19:22:05

ความคิดเห็นที่ 31 จริงๆแล้วทั้งเด็กกับผู้ใหญ่มัีนก็มีดีกับเฮงซวยนั่นแหละ ต้องแยกแยะ ถ้าคุณรับแปลหนังสือราชการจากไทยเป็นอังกฤษอย่างเรา คุณจะแปลกใจว่าภาษาไทยที่เป็นทางการมากๆ ผู้ใหญ่สะกดถูกแต่เขียนมาแล้วโคตรอ่านไม่รู้เีรื่องเลยหละ (บางที่เป็นคนตำแหน่งใหญ่ๆด้วยดิ) เพราะระบบตรรกะของพวกเขา "ชำรุด" ก็เลยเขียนภาษาไทยวนไปวนมาหลายรอบ (จะสื่อความหมายให้ครบถ้วนเขียน 5 บรรทัดก็พอ แต่ดันเขียนมา 10 บรรทัด)  บางทีใช้ meaning shifts (จะสื่อความหมายอย่างหนึ่งแต่เขียนอีกอย่างหนึ่ง) มากมาย ไปดูตัวอย่าง meaning shifts ในภาษาไทยได้ที่กระทู้เก่านี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/03/K7593415/K7593415.html เวลาเจอ meaning shifts ในภาษาไทย ที่เขียน (สะกดถูก) โดย "ผู้ใหญ่" ที่ขาดความระมัดระวัง และระบบตรรกะชำรุด (แต่มันก็วิบัตินะ วิบัติตรงเขียนแล้วสะกดถูก แต่อ่านไม่รู้เรื่อง)ทั้งตัวเราทั้งเพื่อนเราที่ทำงานแปลไทยเป็นอังกฤษ ต่างก็ต้องโทรไปถามคนตั้งหลายคนในหน่วยงานหลายๆหน่วยงาน ให้ช่วยแปลไทยเป็นไทย จริงๆแล้วนะ บางทีเราว่าอะนะ ถ้าเขียนมาสะกดเพี้ยนๆเหมือนวัยรุ่น (เ้หมือน คคห 24 เขียน) ซึ่งเขาเขียนแล้วอ่านรู้เรื่อง มันกลายเป็น "น่ารักมากๆ" แล้วอ่านเข้าใจง่ายกว่าซะอีก อยากให้คนอื่นอีกหลายๆคนให้ gifts คคห 24 นะ...ชอบมั่กๆเลยอะ ที่เขีียนแบบเนี้ย...555+++... คือ "วิบัติแต่อ่านรู้เรื่อง ซึ่งมันดีว่าไม่วิบัติแต่อ่านโคตรไม่รู้เรื่องเลยหละ...555+++..." แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ บางทีผู้ใหญ่ก็เผด็จการมากเกินไป อย่างกระทู้เมื่อเร็วๆนี้ พ่อแม่บังคับให้ลูกเรียนอะไรตามที่พ่อแม่ต้องการ พ่อแม่บางคนนะบังคับให้ลูกสาวที่เรียนจบปริญญาโทมาแล้วต้อง "ไม่มีแฟน" แต่อยู่เป็นโสดเพื่อดูแลพ่อแม่ไปตลอดชีวิตพ่อแม่  บางกรณีลูก "แหกคอก" คือ อยู่ดีๆเจอผู้ชายที่ถูกใจ แล้วไปแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นโดยฝ่าฝืนคำสั่งพ่อแม่แต่ลูกสาวก็ไม่ทอดทิ้งพ่อแม่นะ เพราะลูกสาวชวนสามีมาซื้อบ้านระยะเดินได้จากบ้านพ่อแม่จะได้เดินไปดูพ่อแม่ได้นะ (นั่นมัีนโชคดีที่ผู้ใหญ่ไม่เพี้ยนมาก) แต่มันก็มีกรณีที่น่าเศร้ามั่กๆนะ คือ ถ้าลูกสาวทำแบบนี้พ่อแม่บางรายจะฆ่าตัวตายประชดลูกสาวไปเลย หรือพ่อแม่บางรายจะตัดขาดจากลูกสาว ตัดจากกองมรดก (แนวนิยายน้ำเน่าไทย ยังไงล่ะ) ลูกสาวกลัวพ่อแม่เสียใจ ก็เลย "เป็นโสดไปเรื่อยๆ" เพื่ออยู่ดูแลพ่อแม่ จนพ่่อแม่ตายหมด (เพราะลูกสาวกลัวพ่อแม่จะฆ่าตัวตายประชดลูกสาวน่ะ ลูกสาวกลัวเป็นบาป) พอพ่อแม่ตายหมด ลูกสาวก็อายุ 80 ปีพอดี จะไปแต่งงานกับใครได้ฟะ...น่าอนาถจริืงๆน่ะ...ผู้ใหญ่ที่ทำร้ายลูกแบบเนี้ย...!!! สรุป ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็มีทั้งดีและเฮงซวยนั่นแหละ มันต้องแยกแยะ อย่าไปว่าแต่เด็ก ผู้ใหญ่ก็วิบัตเเป็นเหมือนกัน ทั้งเขียนหนังสืออ่านไม่รู้เรื่องแล้วก็สมองวิบัติบังคัีบลูกหลานตัวเอง และภาษาไทยที่เป็นทางการสะกดถูกหมด แต่อ่านโคตรไม่รู้เรื่องก็มีบานเบอะ...!!! ขอย้ำอีกทีว่า "วิบัติ (แค่สะกดผิดแบบ คคห 24) แต่อ่านรู้เรื่อง มันดีว่าไม่วิบัติ (สะกดถูกแต่คนเขียนตรรกะชำรุด และใช้ meaning shifts มากเกินควร) แต่อ่านโคตรไม่รู้เรื่องเลย" เราว่าอะนะ เอาแบบแรก คือ "วิบัติ...แค่สะกดผิด"  แต่ "อ่านรู้เรื่อง" มันต้องดีกว่าอย่างแน่นอน...!!!!! แก้คำผิด ชอบสะกดผิดเรื่อยตัวนี้ "โคตร" สะกดผิดเป็น "โครต" บ่อยๆ คุณ พจนารถ๓๒๒ ช่วยทักท้วงมาให้หลังไมค์ ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย อีกคำที่เราสะกดผิด ใช้ผิดสลับกันบ่อยๆ คือคำว่า "หรอก" กับ "หลอก" ทีแรกนึกว่าในภาษาไทยมีแต่คำว่า "หลอก"   เราเขียนผิดเป็น "ไม่ใช่หลอก" (ดันสะกดเหมือนๆกับ "อย่ามาหลอกกัน") แทนที่จะเป็น "ไม่ใช่หรอก" แต่คุณบูมเม่อร์ทักท้วงให้เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วจนจำแม่นๆ (ไม่เคยรู้เลยว่าเป็นคำศัพท์คนละคำกัน...ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) เลยขอขอบคุณคุณบูมเม่อร์ย้อนหลังด้วย อิๆๆ...แต่เอ ไม่เห็นหน้าแกมาตั้งหลายปีแล้วนะ....ไม่รู้หายไปไหนหว่า... แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 02:32:39 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 53 19:50:01 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 53 19:40:22 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 19:27:07

ความคิดเห็นที่ 32 ผมเห็นด้วยกับ จขกท. แฮะ เรื่องที่ผมเล่านี้ ผมก็ว่ามันก็เกี่ยวกับกับการใช้ภาษาอยู่นะครับ เอาล่ะเริ่มเรื่องดีกว่า ผมไม่รู้ว่าสมัยนี้เค้าตัดสินผลการทำงานกันที่อะไร ไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสอ่านงานแปลของน้องกลุ่มหนึ่ง ทุกคนล้วนจบจากสถาบันดัง ๆ ทั้งสิ้น น้อง ๆ เค้ามีหน้าที่ แปลเอกสารด้านเทคนิคและเป็นงานสำคัญระดับชาติ พอดีน้องกลุ่มนั้นไม่ว่างเค้าก็เลยส่งผมไปรับหน้าแทน ทีนี้ประเด็นมันมีอยู่ว่าทางบริษัทต้องส่งงานที่น้อง ๆ เค้าแปล มาให้ผมอ่านก่อนเพื่อจะได้รู้ว่าน้อง ๆ เค้าต้องทำอะไรบ้าง เอกสารความยาวประมาณ ๓๐๐ กว่าหน้านี้มีเรื่องผิดตั้งแต่ บรรทัดแรก คือหน้าปกยันหน้าสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นการสะกด โดยใช้ภาษาแช๊ต ที่ไม่ควรมี ร.เรือก็ใส่ร.เรือลงไป อย่างเช่น ประทุ พรูโตเนี่ยม บางหัวข้อก็แปลได้แย่มาก พอผมได้อ่านก็ได้ปรารภกับเจ้าของบริษัทถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ผมได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้แล้ว เจ้าของบริษัทก็บอกว่าให้ไปแก้มา ผมก็แก้ให้นะ ไม่ได้คิดอะไร ผมอยากทำอะไรให้มันถูกต้อง ไม่ได้อยากได้หน้าแต่อย่างได (แต่ ในใจคิดว่าทำใหม่ ตั้งแต่ต้นง่ายกว่า) แต่ประเด็นก็คือ ดร. ที่เป็นลูกค้าที่ผม ทำงานให้น่ะ (ชาวต่างชาติ) เค้าไม่ชอบใจ เค้าพอใจผลงาน ของน้อง ๆ มากกว่า หลังจากจบภารกิจเค้าก็โทรคุยกับ นายผมว่า อย่าส่งผมไปอีก ผมก็คยั้นคะยอถามหัวหน้าว่าทำไม คำตอบก็คือผมเป็นผู้ชาย ผมไม่เซ็กซี่ เค้าไม่ห่วงเรื่องผลงาน เค้าห่วงอย่างเดียวว่าต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น เค้าไม่สนใจว่าจะ สะกดถูกหรือ ไม่ เค้าไม่สนใจว่าเวลาทำงานจะเข้าใจหรือไม่ เค้าสนใจแต่ส่วนเว้าส่วนโค้งของเจ้าหน้าที่ที่ไปทำงาน... แป่ว... ประเด็นของผมก็คือ บางทีสิ่งที่เราห่วงกันเป็นเรื่องเป็นราว มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา ถ้าผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้คิดว่ามัน เรื่องสำคัญ ๕๕๕ จากคุณ : AB (Air Bender) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 20:25:10

ความคิดเห็นที่ 33 ในที่ทำงานผมก็เจอครับ เรื่องมารยาทเนี่ย แต่อาจจะต่างจากที่จขกท.เจอไปบ้าง อย่างเช่นจู่ ๆ นึกจะเข้ามา ขอสัมภาษณ์ใครเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็เข้ามาเลย ไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า บางทีต้องถามไปเหมือนกันว่าเรียนวิชาอะไร ใครสอน และตำหนิไปที่ไม่มีการแจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือโทร.มาสอบถามนัดหมายก่อนล่วงหน้า ประเด็นคำถามก็ไม่ได้แจ้งก่อน (บางกรณีต้องเตรียม) ผู้ที่จะตอบได้ก็ต้องเป็นระดับหัวหน้างานซึ่งบางทีเขาก็ไม่ได้อยู่ตลอดแบบนึกอยากจะมาเมื่อไหร่ก็มาได้ (ให้คนปฏิบัติงานตอบก็ข้ามหน้าข้ามตาผู้ใหญ่อีก) การพูดการจาก็เอ่อ...ไม่รู้สิ ผมว่าผมยังไม่แก่นะ แต่รับไม่ได้เอาจริง ๆ กับอาการพูดภาษาคนไม่เป็น ไม่รู้จะพูดยังไง ไอ้โน่น ไอ้นั่น ไอ้นี่น่ะค่ะ น่ะครับ (แล้วจะรู้ไหมว่าจะเอาอะไร) ส่วนหนึ่งก็คงเพราะแชทนี่แหละครับ ไม่ได้ไปเรียนรู้ภาษาอะไรกับเขาจากไหนเลย เอาภาษาแชท ภาษาในเน็ต ในเว็บ หนังสือหนังหาก็อ่านกันน้อยมาก (หนังสือเรียนยังไม่ค่อยเลย) กำลังจะเดินเข้าสำนักงานในวันสอบ ได้ยินเด็กบ่นว่า ไม่ได้อ่านเลย (เออ ดี ยังกล้ามาสอบ เอิ๊ก ๆ) อิอิ ตอบกระทู้นี้ต้องพยายามไม่ใช่ภาษาเว็บ เดี๋ยวเข้าตัว^^ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 53 20:45:39 จากคุณ : กมลภัทร เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 20:43:37

ความคิดเห็นที่ 34 อย่างกรณีของคุณ fortuneteller  ที่ยกตัวอย่างมา เรามองว่าไม่ใช่เรื่องปัญหาภาษาวิบัติ แต่มีปัญหาจากการใช้คำมากกว่าค่ะ เช่นพวกย่อความ สรุปความ อะไรอย่างนี้ เวลาเราตรวจงานน้องที่ทำงานก็เจอบ้าง ใช้คำเกิน ใช้คำพร่ำเพรื่อ คำซ้ำ แต่ถ้ามองถึงความพยายาม และความตั้งใจก็ให้ผ่านไม่ติดอะไร (นี่มุมส่วนตัวนะคะ) จากคุณ : หนูนากระป๋อง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 21:29:40

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าเป็นจดหมายสมัยก่อนก็คงขยำ ๆ หรือเอาจดหมายมาเช็ดก้นแทนที่จะอ่าน เพราะไม่น่าอ่านเลย แต่อีเมลล์แบบนี้ก็คงต้องปริ้นออกมาแล้วเอามาเช็ดก้นแทน ฮ่า ๆ : ) จากคุณ : SuicideJumper เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 22:54:44

ความคิดเห็นที่ 36 หวังว่าจะมีน้องๆที่กำลังจะฝึกงาน กำลังจะสมัครงาน ได้อ่านกระทู้นี้นะ และหวังว่าจะปฏิบัติด้วย จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 23:03:23

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นด้วยครับๆ ยิ่งภาษาแบบ เพิ่ล ชั้ล ไรแบบนี้ ผมยิ่งโครตเกียดเลยครับ แต่ก็ยอมรับว่า ติดจริงภาษาแชท ผมก็ไม่ได้เป็นคนเขียนภาษาถูกต้องมากมายอะไรนะครับ แต่ผมว่า เอาให้พองามดีกว่าครับ นับวัน ภาษายิ่งวิบัติหมด ยอมรับเลยว่า ติดอยู่ 2 คำแบบที่พี่เจ้าของกระทู้เขียนไว้ครับ คำว่า "ก้อ กับ เด๋ว" อ่ะครับ ติดแบบบางทีพิมพ์ลงไปในรายงานส่งอาจารย์ แต่ผมก็ตรวจทานอีกที มารู้ว่าอ้าว พิมพ์ผิด ก็แก้ครับ  อิอิ จากคุณ : Cappu_boy เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 02:31:16

ความคิดเห็นที่ 38 คุบกับเพื่อนได้ค่ะ แต่ก็นะ การเขียนรายงาน หรือว่า การทำวิจัย หรืออะไรก็ได้ที่เป็นทางการ นี่ขอเหอะ เราเรียนกับรุ่นน้อง วิจัยนี่ ในรายงาน อาจารย์เอามาให้ดู มีแต่ภาษา วัยรุ่น พออาจารย์ไปท้วง ก็พูด ว่า"นิดๆหน่อย" เราก็คิดในใจ ไม่หน่อยมั้ง น้อง มากแล้วหล่ะเนี่ย คือ ที่เราไปอ่านนะ ก็มีคำว่า ก้อ ค่ะ คะ (นี่ผิดเยอะ) เดว มหาลัย มั๊ย (จริงๆต้อง เป็น ไหม) แค่นี้เองหรอ (แค่นี้เองเหรอ)  ป่ะ (ไป) พุด (พูด) คือขี้เกียจกด shift มั้ง หรือไม่ก็ในข้อสอบ ภาษา แบบนี้เต็มเลย แล้วพวกกาลเทศะนี่ เมื่อช่วงสองอาทิตย์ก่อน มีงาน open house ที่ม. เราค่ะ (เราเรียนที่เกษตร) มีเด็กมัธยม มาที่ ม. น่ารักเชียว อิอิ แล้วทีนี้เค้าคงเห็นเรากะเพื่อน เดินอยู่ เลยมาถามทางไปบาร์ใหม่ (ตรงนั้นเราอยู่ ศร. 3)ค่ะ จำได้แม่นเลย ไอ้ประโยคสนทนาเนี่ย เพราะ เมาท์กันเรื่องนี้เยอะมาก เด็ก ผู้หญิงสองคน น่ารักๆค่ะ เด็ก ,,,,, พี่ๆ บาร์ใหม่ไปทางไหน เรา ,,,,,, อ่อ พี่กำลังไปเลย ไปกะพี่เปล่า เด็ก,,,,, เคๆ พี่ แต๊งค์นะคะ (กำลังเดินไป) พี่ๆ เรียนคณะไรอ่ะ เรา,,,,,, สังคมค่า น้องอยากเรียนที่ไหนอ่ะ เด็ก ,,,, โอ๊ยพี่ เกษตรอ่ะหรอ ไม่อ่ะ หนูไม่ค่อยอยากเข้า เรา,,,,,, ทำไมคะน้อง เด็ก,,,,, (ประโยคนี้จำได้แม่นนนนมากกก)  ก็มันง่ายไปอ่ะพี่ อยากเข้าจุฬา หรือไม่ก็ธรรมศาสตร์ มันดีกว่ากันเยอะ เกษตรไม่ไหว ไม่รู้ดิ ไม่ค่อยมีใครอยากเรียนหรอก จุฬาดีกว่า เรา ,,,,,, -_- หรอคะน้อง (ถึงพอดีที่บาร์ใหม่) เด็ก,,,, ไปละนะคะ ขอบคุณค่ะ  ....... ในใจเราคิดยังดีนะที่ขอบคุณเราไม่งั้น.... แฮ่มมมม !! ปล. ลืมบอกไป ว่าเราคุยกะน้องอีกคนนึง แต่ว่าอีกคนหนึ่ง กำลัง กด บีบียังเมา มันส์ เราไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่คือ จะพูดจะจา ดูกันนิดนึงนะคะ เราไม่ได้คิดอะไรนะที่ใครอยากสอบเข้าที่ไหน คือคิดในใจอ่ะได้ แต่ว่า อย่าพูดแบบนี้ได้ไหมคะ ไม่น่ารักเลย แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 03:11:27 จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 03:10:05

ความคิดเห็นที่ 39 เรื่อง meaning shift ในภาษาไทยที่ใช้มากเกินจนสร้่างความเสียหายมากกว่าภาษาวัยรุ่น ต่อจาก คคห 31 โดย คอบ คคห 34 ของ จขกท ที่คุณว่า "...ปัญหาจากการใช้คำมากกว่าค่ะ เช่นพวกย่อความ สรุปความ อะไรอย่างนี้..." และที่ว่า "...แต่ถ้ามองถึงความพยายาม และความตั้งใจก็ให้ผ่าน..." เอกสารที่เราต้องแปลจากไทยเป็นอังกฤษ จะออกแนวนี้ (คัดของจริงมาให้ดูโดยเอาชื่อหน่วยงานออก)... ตามบันทึก ...(ชื่อหน่วยงาน)... ที่อ้างถึง 1 ให้ ...(ชื่อหน่วยงาน)... พิจารณากรณีผู้จัดการฝ่ายบริหการและจัดการโครงการ  ....ได้มี บันทึกที่อ้างถึง 2 หารือกรณี ....(ชื่อบริษัท)...ผู้รับจ้างตาม สัญญาเลขที่ .......แจ้งการคิดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขเอกสาร โดยมีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องดังนี้ ^^ ผิดปกติตรงไหน จะบอกให้ "ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขเอกสาร" เป็น meaning shift ที่รับไม่ได้เลย เพราะเราผู้เป็นนักแปลต้องอ่านเอกสารกลับไปกลับมา ตั้งหลายสิบหน้ากว่าจะรู้ว่า "คนเขียนพูดโกหก" จริงๆแล้วเขาตั้งใจจะสื่อความว่า "ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์และติดตั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพิ่มเติมตามเอกสารที่ทำมา" มันไปกันคนละเรื่องเลยหละ...!!! ........... meaning shift อีกอันหนึ่ง ที่เจอ "จะนำระบบออกใช้งานบางส่วน" คำว่า "ระบบ" ในที่นี้หมายถึง "ระบบคอมพิวเตอร์" คำว่า "นำ ออกใช้งาน" ในหน่วยงานเขาใช้ศัพท์ "golive" กัน คำว่า "ในบางส่วน" นี่แหละตัวสร้างปัญหาสุดๆเลย...ถ้าเขียน แบบนี้นะ ก็น่าจะต้องตีความว่า "จะเอาระบบคอมพิวเตอร์ไปใช้งานในบางส่วนของโครงการ"   หรือ "จะเอาบางส่วนของระบบคอมพิวเตอร์ไปใช้งาน แต่ไปใช้ที่ไหนก็ไม่รู้" พอแปลเป็นอังกฤษไปนะ (แปลตามเนื้อผ้า เพราะคนเีชียนเขียนแบบนี้กันเกือบทุกหน้า ใครจะโทรไปถามได้ทุกประโยคว่ามันตั้งใจจะสื่อความหมายอะไรกัน) ฝรั่งอ่านคำแปลภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง ก็เลยโกลาหลต้องมีการโทรไปถามไอ้คนเขียนว่า มันหมายความว่าอะไรกัน?  หนอยแน่ะ มันตอบแบบไม่มียางอายว่า "บางส่วน" แปลไทยเป็นไทยได้ว่า "เขตที่ 1 เขตเดียว" เฮ้ย อะไรกันฟะ?!! มีงี้ด้วย ทำไมเขียนอะไรไร้สติแบบนี้??!! และในหน่วยงานนั้น คำว่า "เขต" เขาให้นิยามไว้ว่า "region" ตกลงประโยคนี้นะ "จะนำระบบออกใช้งานบางส่วน" ต้องแปลเป็นอังกฤษว่า "The system golive shall take place at Region 1 only." บ้าจริงๆ เอกสารภาษาไทย จากหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ถ้าต้องแปลไทยเป็นอังกฤษ ตามสถิติโดยทั่วไป เอกสาร 100 หน้า นักแปลถ้าอ่านภาษาไทยแล้วสงสัยว่า "คนเขียนพูดโกหกหรือเปล่า" จะหาข้อผิดพลาด (ใช้ meaning shift โดยขาดความระมัดระวัง) คือคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงได้เกินกว่า 20 แห่ง (ฟังดูเหมือนมากเกิน เหลือเชื่อ แต่ถ้าใครเคยแปลไทยเป็นอังกฤษเอกสารพวกนี้มาเป็นสิบๆปี จะกล้ายืนยันได้เลยว่า "เป็นสถิติที่ปกติมากๆ") ถ้ารีบๆแปลเป็นอังกฤษไป โอกาสแปลผิดบาน (เพราะนักแปลโดนคนเขียนภาษาไทยหลอกเอา) เคยมีหน่วยงานระดับกรมเขียนโครงการที่มูลค่ามหาศาล แล้วส่งแปลเป็นอังกฤษ นักแปลกว่า 10 คนอ่านแล้วเข้าใจภาษาไทยผิดหมด เลยแปลเป็นอังกฤษผิดหมด สร้างความเสียหายเป็นเงินหลายล้านบาท...!!! meaning shift แบบนี้ รับไม่ได้เลย ยอมอ่านภาษาวัยรุ่นแต่อ่านแล้วสื่อความหมายได้ถูกต้อง ยังปวดหัวน้อยกว่า แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 03:37:58 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 03:33:41

ความคิดเห็นที่ 40 ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดด ติ โธ่!!  สงสัยเขาคงนึกว่าอยู่ในวงการหน้าหนังสือ หรือไม่ก็ทวิตเตอร์ ...ละเหี่ยใจจริงๆ เลย จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 04:14:27

ความคิดเห็นที่ 41 เราต้องช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง โดยเริ่มที่ตัวเองก่อนนะครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 09:14:48

ความคิดเห็นที่ 42 การเรียนก็มีส่วนนะคะ  ยกตัวอย่างเราเอง เรียนในสาขาที่ต้องใช้การเขียนเป็นส่วนใหญ่ เวลาส่งงานแล้วเขียนผิดหรือมีข้อผิดพลาดอื่นๆ(ความหมาย,รูปแบบ ฯลฯ) อ.จะตีกลับให้ไปแก้ อ.บางท่านก็ใช้ปากกาสีแดงวงจุดที่ผิด บางท่านให้คัดคำที่ผิดมาเลย 100 ครั้งด้วยลายมือ(น่ากลัวที่สุด)   มีครั้งหนึ่งน้องสาวเรา(คนละคณะ)เล่าให้ฟังว่า เพื่อนเค้าเขียนรายงานแล้วใส่ภาษาเขียนวัยรุ่นลงไป เช่น  ความจิง,ก้พอ,ยังงัย แล้วรายงานฉบับนั้นผ่าน โดนอ.ทักเรื่องการเขียนเหมือนกัน แต่ก็ปล่อยให้ผ่าน   ที่เล่ามานี้ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การสอนให้เขียนคำศัพท์ให้ถูกต้อง แต่เป็นการปลูกฝังให้รอบคอบ ควรอ่านซ้ำและแก้ไขในสิ่งที่ตนเองเขียน แต่บางกรณีเราก็รับได้ คือคำที่มีตัวอักษรอยู่ในแป้นพิมพ์เดียวกัน เช่น ก้(ก็) พุด(พูด) ฯลฯ กรณีนี้อาจผิดพลาดกันได้ ผู้เขียนอาจจะตรวจสอบแล้วแต่พลาด   ส่วนคำประเภท นู๋,คร่ะ,ยางงาย,ทามมาย ฯลฯ พวกนี้อภัยไม่ได้ ตั้งใจเขียนให้ผิดชัดๆ แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 11:19:20 จากคุณ : tibby-bibty เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 09:44:14

ความคิดเห็นที่ 43 เจอบ่อยค่ะ ทั้งภาษาพูดและกาลเทศะ พอดีว่าเขียนบล็อกเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ก็จะมีคนส่วนนึงค่ะที่อีเมล์มาถามแบบว่า เหนื่อยใจแล้วก็คิดว่า.. นี่หรือ คนที่จะมาเป็นครู คนที่จะมาสอนคน คือในบล้อกค่อนข้างเขียนรายละเอียดต่างๆ ไว้ชัดเจน แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่อ่าน แล้วก็เมล์มาถามคำถามที่มีคำตอบอยู่แล้วเพียงแค่อ่าน พอเราบอกกลับไปว่า จริงๆ คำตอบมีอยุ่แล้วถ้าเพียงแค่คุณอ่าน ..กลับกลายเป็นว่า ถูกต่อว่าว่าดิฉัน ไม่มีจรรยาบรรณวิชาชีพครู ไม่มีความเป็นครู และไม่ได้ตอบคำถามเขาในฐานะครู ซะอย่างนั้น ...ดิฉันก็งงค่ะ เพราะดิฉันเองเขียนบล้อกของพันทิพ ก่อนที่จะบรรจุเข้ารับราชการ และเขียนแค่ในฐานะคนๆ นึงที่มีความรู้ ไม่ได้เขียนในฐานะข้าราชการ และบล้อกที่เขียน ก็ไ่ม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวกับการงานสักนิด แต่มาต่อว่าดิฉันจนไม่เหลือความเป็นครูเลย และหลายคนค่ะ ดิฉันรู้สึกว่าเขาเหล่านี้ช่างไม่รู้จักมารยาทซะเลย และยิ่งแย่ไปกว่านั้น เขาพวกนี้คือคนที่อยากจะเป็นครูด้วย เวรรกรรมแท้ๆ "ดิฉันขอข้อมูล ... ... นะคะ ยินดีอย่างยิ่งถ้าจะโทรมาบอก 08xxxxxxxxxx" บอกเบอร์โทรกลับ ดิฉันก็งง เอ.. เขามาขอข้อมูลดิฉันนะคะ ไม่ใช้ดิฉันไปขอร้องให้เขามาขอข้อมูลดิฉัน ดิฉันก็ตอบกลับไปว่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ ไม่มีบริการโทรกลับ เท่านั้นเอง คุณเชื่อไหมคะ ว่าดิฉันโดนเขาตอบกลับมาว่า "ดิฉันน่าจะพูดกับเขาให้ดีกว่านี้" โอ้.. นี่หรือคือความคิดคน การที่เราต้องการข้อมูลจากบุคคลอื่น เราต้องขอเบอร์โทรเขา และโทรไปหา ไม่ใช่หรือ นี่เป็นสากล ที่ไม่ว่าใครๆ เขาก็รู้จักในมารยาทเรื่องนี้.. แต่เขากลับบอกว่าดิฉันซะไม่เหลือสิ่งดีๆ เลย คนที่จะมาเป็นครูสมัยนี้ ขอพูดในมุมที่ดิฉันสัมผัสนะคะ คือคนที่ไม่ได้เรียนครูมาโดยตรง แล้วอยากจะเป็นครูน่ะค่ะ มารยาทค่อนข้างแย่ โดยมากนะคะ ไม่ใช่ทุกคน ซึ่งสถิติของดิฉันวัดจากอีเมล์ที่ส่งมาถามข้อมูล จะพูดและถามประมาณนี้เสมอๆ เหมือนเขาทะนงตัวว่าเก่ง แล้วเขาทำอะไรจะต้องถูกเสมอ และเขามักแสดงตัวเสมอว่าอีโก้เขาสูง เขาเหมาะสมที่จะสอนคนอื่น แต่เฮ้อบางคน.. มารยาทสู้เด็กประถมบาง รร ยังไม่ได้เลย ดิฉันเองเป็นครูก็ยังโดนด่ากระทบอยู่บ่อยๆ ดิฉันพูดคือพูดในเรื่องจริง ในอีกมุมมอง ไม่ได้เจาะจงจะว่าใครนะคะ เดี๋ยวจะเหมารวมว่าดิฉันว่าทุกคน บางคนที่เขาดี มีมารยาท รู้จักาลเทศะ คนที่ดีๆ ก็มี ไม่ใช่ไม่มี แต่มีน้อยกว่าพวกที่ไม่มีเท่านั้นเองค่ะ *ขออภัยที่พิมพ์ผิดเยอะนะคะ บางตัวแป้นมันอยู่ใกล้กัน แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 10:44:12 จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 10:42:39

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ #43 เกรงจะออกนอกประเด็น แต่มันโดนจริงๆ 5555 มีประสบการณ์ร่วมค่ะ เขียนเว็บนี่แหละ อุตส่าห์ค้นข้อมูล พิมพ์ขึ้นเว็บให้จนหมดแล้ว ไม่อ่านค่ะ เอาแต่ถามและต้องการคำตอบสำเร็จรูป พอบอกให้ไปอ่าน ก็โดนด่ายาวเลยค่ะ 555 แล้วตรูจะเอาขึ้นเว็บไปให้เด็กมันด่าทำไมเนี่ย ตอนนี้เลยเลิกทำไปแล้วค่ะ เราว่าเด็กพวกนี้เขาเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมังคะ ไม่ค่อยคิดถึงคนอื่น ก็เลยไม่มีความเกรงใจ (ไม่ได้เหมารวมนะ หมายถึงพวกที่มีพฤติกรรมแบบนี้เท่านั้น) จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 12:36:22

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ สาวน้อยร้อยแปด ยังดีนะคะที่เจอเด้ก แนนนี่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แถมโดนข่มขู่อีก เหมือนกับว่าถ้าไม่บอกเขา หรือพูดกับเขาไม่ดี เขาจะทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียง แนนก็เลยเทศน์กลับไปด้วยเหตุและผล ตามประสาครู สุดท้ายก็อีเมล์ตอบกลับมา ชื่นชม แทบจะเอาไปบูชากราบไหว้ แล้ว??? ก่อนหน้าที่เขียนมาด่าเรา์์์?? งงค่ะ พวกนี้ จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 13:02:29

ความคิดเห็นที่ 46 เด็กหลายคนที่ได้คุย แล้วพอเราติงไป เค้าก็รับฟังดีนะคะ ยิ่งดูแววตาแล้ว รู้เลยว่า "ไม่รู้"  และที่น่าชื่นชมที่บางคนกล้าพอที่จะบอกว่า พี่แนะนำมาเลยค่ะ หนูอยากได้แนวทาง ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพียงแต่เดี๋ยวนี้คงต้องปรับใจ ให้ทันกับ "ครั้งแรก" ที่พวกเค้าไม่รู้สักหน่อย 55555555555555555 จากคุณ : หนูนากระป๋อง เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 16:44:08

ความคิดเห็นที่ 47 กำลังคิดว่าที่เด็กๆ ตั้งใจเขียนผิดเป็นเพราะการอ่านหนังสือจริงๆ น้อยด้วย เพราะถ้าคนที่อ่านหนังสือเยอะจะไม่กล้าเขียนผิด ความรู้สึกผิดมันจะบอกทันทีว่า...นี่เขียนผิดอยู่นะ แต่เดี๋ยวนี้คนอ่านกระทู้เพื่อโต้ตอบกันในเวบบอร์ดมากขึ้น เลยเห็นภาษาพวกนี้ทุกวันจนเคยชิน พอชินก็ติดเป็นนิสัย ต่อมาก็เลยไม่เห็นว่ามันจะผิดอะไร ใครๆ เขาก็เขียนกัน อันนี้มันน่าเศร้าจริงๆ ด้วยค่ะ จากคุณ : tiara เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 19:00:15

ความคิดเห็นที่ 48 ขออนุญาต จขกท. นำลิงค์นี้ไปไว้กระทู้ต่างๆในพันทิปนะคะ ยังไม่ได้เอาไปใช้ตอนนี้หรอกค่ะ แต่เวลาเข้าไปอ่านกระทู้ที่พิมพ์แบบผิดๆ แล้วมีคนมาตักเตือน เจ้าคนพวกนี้มักจะแก้ตัวว่า ในชีวิตการเรียน หรือทำงาน พวกเขาใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องค่ะ บางคนก็ร้ายมาก ใช้คำพูดไม่ดี กับคนที่มาตักเตือนด้วย เป็นอีกคนที่เบื่อมากๆเหมือนกันค่ะ จากคุณ : a pinky pig เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 19:49:16

ความคิดเห็นที่ 49 บางคนไม่ได้แกล้งเขียนผิดนะ เขาโง่จริงๆ จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:33:55

ความคิดเห็นที่ 50 ภาษาไทยยังไม่ตายง่าย ยังเป็นอยู่ปรับเปลี่ยนไปตามกาล คนเก่าคนแก่ยังต้องปรับตัว หากเราเป็นครูก็ชี้ให้เห็นความผิดแผกแปลกประหลาดจากความเป็นจริง ผมว่าเด็กเองก็รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่เพราะ ความสนุกมันพาไป ผู้ใหญ่หลายคนก็เป็น แต่เชื่อว่าเขารู้ว่าผิด คำว่า ครับ เด็กอาจ ออกเสียงว่าคับ แต่เค้ารู้ครับว่าอันไหนผิด อันไหนเป็นภาษาเขา ใครมีหน้าที่สอนให้ถูกก็สอนไป ย้ำเตือนไป ภาษาเป็นสิ่งที่ไม่ตาย จะตัดทอนหรือต่อเติม มันเป็นเสน่ห์แบบหนึ่งนะ ยังต้องว่า...กันอีกยาวนาน จากคุณ : gsdza เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:10:00

ความคิดเห็นที่ 51 อย่างคำ ประชานิยม ที่ใครก็ไม่รู้ไม่ชอบก็ก่นด่าทั้งเมือง ยังแปลงร่างกลายเป็น ประชาวิวัฒน์ ได้เลย แหม ฟังดูหรูจัง แต่ดัดจริตจริงๆ จากคุณ : gsdza เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:14:39

ความคิดเห็นที่ 52 หนูล่ะเบื่อ พวกคนที่ชอบบอกว่า ภาษาวิบัติก็ใช้แค่แชทกัน แยกแยะออกได้ ไม่ได้เอามาใช้จริงซักหน่อย ต้องร้อง หรออออออออออออออ (ยาวๆ) จริงเหรอตัวเอง ไม่น่าเชื่อนะคะ คนที่กำลังจะเป็นบัณฑิต ส่งจดหมายแบบนี้มาขอฝึกงาน ไม่น่าเชื่อจริงๆ จากคุณ : แม่นางคำ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 02:03:36

ความคิดเห็นที่ 53 มีเด็ก ม.6  ที่มาฝึกงาน  ในหน่วยงานราชการที่ทํางานอยู่  ชี้แจงกันแล้วว่า  ต้องเขียนบันทึกสิ่งที่ได้ในแต่ละวันมาส่ง  และการฝึกงานมีคะแนนด้วย  ตอนเอามาส่ง  เห็นปุ๊บ ต้องขอไปทําใจก่อน     ปัญหา เริ่มตั้งแต่  สมุดที่เอามาเขียนงานส่ง    บ้างก็เล่มเล็กจิ๋วลวดลายการ์ตูน บ้างก็สมุดบันทึกที่เขียนอะไรๆมาก่อนหน้านั้น  เรียกว่า 10 คน ก็10 ชนิด   แต่สมุดที่เขียนทุกชนิด   แพงกว่าสมุดธรรมดาเรียบๆเป็นอย่างมาก     ปากกาที่เขียน  สีฟ้าบ้าง  ชมพูบ้าง  เขียวบ้าง  ม่วงบ้าง   บางทีผสมกันไปมาหลายสี   นี่มันเกิดอะไรขึ้น  พอบอกไป  น้องตอบว่าก็หนูไม่มีสีอื่นนี่  อ้าวแล้วเดี๋ยวนี้  ที่โรงเรียนเค้าใช้สีอะไรเขียนหนังสือเนี่ย ยกตัวอย่าง   เช้านี้   ฝนตกอีกแร๊ววววว  เหงาจัง   ไม่เห็นมีใครว่างคุยกะเราเรยยย  เจ้าหน้าที่ก็วิ่งไปวิ่งมา ทําไรกันไม่รุ  สับสนๆ  งุงิ งุงิ เซ็งมรากกกกกกก   ไม่รุเขียนไรดี 4 โมงแล่ะ ดีใจจัง   ไปแร้วววววววว  ฟิ้ววววววว อ่านแล้ว  เครียด นี่ควรเป็นข้อความ  จากนักเรียน ม.6   ที่มาฝึกงานในหน่วยงานราชการหรือไม่ แล้วเรื่องเขียนผิดไหม  ไม่ต้องบอก  เอาเป็นว่า  มีที่เขียนถูกไหมดีกว่า  เราเคยวงให้เค้าแก้  ที่ผิดน่ะลายไปทั้งกระดาษ   จนถึงวันสุดท้ายคําเดิมก็ยังต้องแก้อยู่เลย  แถมเสนออีกนะ  ว่า  ถ้าอันไหนผิด พี่ทําไมไม่เขียนแก้ให้หนูเลยล่ะ  หนู่ไม่ว่าหรอก   เวลามาส่ง   เรากําลังทําอะไรอยู่  ก็จะมีมือมาสะกิดๆ พี่ๆ  ส่งงาน   หรือว่า ไม่เคยมีใครบอกสอน   ว่าอะไรทําได้  ไม่ได้  อะไรถูก ผิด  ไม่ว่าจะเขียนส่งอาจารย์หรือไปฝึกงาน   มันก็ต้องมีระเบียบแบบแผนเหมือนกัน   ต้องทํามาจนเป็นนิสัย  ต้องทําให้ถูกในทุกที่   โลกแห่งความจริง   หรือโลกแห่งการแชท  ต้องแยกให้ออก จนรุ่นต่อๆมา  เราไม่ไหว   ไม่เอาแล้ว  ไม่ตรวจ  เพราะไม่สามารถทนเห็นการเขียนแบบนี้ได้   มันทําให้สลดใจมากไป   ใครมาตรวจแทนก็บ่นๆๆๆๆ เหมือนกัน  พวกเราไม่ใช่ครูบาอาจารย์นะ   แต่เห็นแล้วทนไม่ไหวจริงๆ     แต่เห็นคอมนี่  เค้าจะคล่องมากๆ  เผลอทีไร  นั่งหน้าคอมทันที   ถามว่า  น้องทําอะไรคะ   check mailค่ะ   นี่มันเวลางาน   แม้แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถใช้netได้เลยนะคะ  เค้าตอบว่า  เอ๊า นึกว่าใช้ได้นี่ อีกเรื่อง  ชอบถ่ายรูปตัวเองกัน ตามมุมต่างๆ   พอบอกทุกพื้นที่ในนี้ถ่ายรูปไม่ได้ ติดรูปใครเข้าไปจะทําไงคะ  เค้าก็  เหรอ!! แล้วก็หัวเราะ  ไม่มีการขอโทษ ทุกคนมีโทรศัพท์   เวลาพูดก็ภาษาแบบกันเองสุดๆ  ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมหรือใครอะไรทั้งนั้น   พอบอก  เค้าก็บอกว่า   ก็หนูมีธุระนี่     ถามพี่  ที่สอนอยู่โรงเรียนว่า  พี่คะ  สมัยนี้  ทําไมเด็กเป็นแบบนี้   แล้วทําไมการพูดการเขียน กิริยามารยาท ความรู้จักกาละเทศะ   ถึงน้อยเหลือเกิน  ขอโทษ ขอบคุณพูดไม่เป็นเลย   คําตอบคือ  ไม่สามารถบอกสอนกันได้แล้ว   ขืนสอนมากไป   เรื่องจะไปถึงเบื้องบนว่า  อาจารย์คนนี้ดุ ไม่เข้าใจนักเรียน   เรียนด้วยแล้วเครียด  สมัยนี้  ครูอาจารย์ก็อยู่ลําบากเหมือนกัน   พระเจ้า!!!   ตอนเย็น   ไปนั่งทานข้าวต้ม   เด็กมานั่งกันหลายโต๊ะ   ช๊อคขึ้นไปอีก  เพราะ เสียงที่ตะโกนคุยกันข้ามโต๊ะ     เฮ้ย!! อาจารย์....แย่ว่ะ    ไม่ตอบก็ถามอยู่ได้  จิกอยู่นั่นแหล่ะ  เซ็ง  คนอะไรไม่รู้จักปรับตัว   โลกไปถึงไหนแล้ว  นี่ข้ามโต๊ะเลยนะ    เดี๋ยวนี้นินทาอาจารย์แกล้มข้าวกันเลยเหรอ  นี่มันร้านอาหารนะ   ไม่ใช่ที่บ้าน เราว่า  เรื่องพวกนี้มันซึมลึกมากไปแล้ว    มันไม่ใช่แค่เรื่องเขียนกันสนุกๆแล้วนะ    เด็กทําจนชิน  แยกแยะไม่ออกแล้วว่า  อันไหนงาน   อันไหนเล่น   ไม่รู้ว่านี่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม   และก็บอกสอนกันลําบาก   และใครจะเป็นคนบอก   รู้สึกว่ามันมากกว่าเหนื่อยใจนะ   คือรู้สึกมืดมน  หมดหวังไปเลยล่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 08:23:06 จากคุณ : บุหลันรตี (บุหลันรตี) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 02:54:19

ความคิดเห็นที่ 54 สาบานได้ว่าที่คุณหนูนาเอามาให้เป็นจดหมายขอฝึกงาน เห็นแล้วเพลียจิตใจจริงๆ ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นการใช้ภาษาไม่ถูกต้องตามหลักภาษา และยังไม่ถูกกาลเทศะอีกด้วย จากคุณ : Paradise Slice and double shot เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 05:17:34

ความคิดเห็นที่ 55 อยู่กับเด็กๆพวกนี้แล้วพอมองเห็นอนาคตของชาติบ้างหรือยังครับ  หุหุ เอาจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น  จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:02:24

ความคิดเห็นที่ 56 ผมว่า พิมพ์กระทู้นี้ส่งกระทรวงศึกษา แจกจ่ายให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศ ส่งต่อให้ถึงครูและนักเรียนทุกห้องเรียนทุกระดับ บอกว่าคนเขารับไม่ได้แล้ว บอกให้เด็กๆที่มักง่ายมันรู้ว่าคนเขาเบื่อ เอะอะก็อ้างสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล อ้างว่านักเรียนเครียด เพราะถูกเข้มงวดเรื่องการใช้ภาษาและสอนสมบัติผู้ดี ก็เลยทำอะไรตามใจ ถ้าโรงเรียนปล่อยเด็กแบบนี้ออกมา มันก็มาตายข้างนอกอยู่ดีเพราะจะไม่มี่ที่ไหนเขารับเข้าทำงานหรอก คงไม่มีที่ไหนเขายอมรับความเครียดแทน แบบว่าเขาก็มีเสรีภาพในการพิจารณาความเหมาะสมเหมือนกัน อย่าเอาแต่บ่นเลยครับ เราต้องลงมือทำอะไรให้เป็นรูปธรรม ตั้งมาตรฐานให้ชัดเจนว่าเรารับได้เรื่องอะไร รับไม่ได้เรื่องอะไร จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 09:51:44

ความคิดเห็นที่ 57 ความคิดเห็นที่ 56     ผมว่า พิมพ์กระทู้นี้ส่งกระทรวงศึกษา แจกจ่ายให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศ ส่งต่อให้ถึงครูและนักเรียนทุกห้องเรียนทุกระดับ บอกว่าคนเขารับไม่ได้แล้ว บอกให้เด็กๆที่มักง่ายมันรู้ว่าคนเขาเบื่อ เอะอะก็อ้างสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล อ้างว่านักเรียนเครียด เพราะถูกเข้มงวดเรื่องการใช้ภาษาและสอนสมบัติผู้ดี ก็เลยทำอะไรตามใจ ถ้าโรงเรียนปล่อยเด็กแบบนี้ออกมา มันก็มาตายข้างนอกอยู่ดีเพราะจะไม่มี่ที่ไหนเขารับเข้าทำงานหรอก คงไม่มีที่ไหนเขายอมรับความเครียดแทน แบบว่าเขาก็มีเสรีภาพในการพิจารณาความเหมาะสมเหมือนกัน อย่าเอาแต่บ่นเลยครับ เราต้องลงมือทำอะไรให้เป็นรูปธรรม ตั้งมาตรฐานให้ชัดเจนว่าเรารับได้เรื่องอะไร รับไม่ได้เรื่องอะไร จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด   เห็นด้วยกับคุณแอ๊ดครับ ถึงเวลาต้องทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องความเสื่อมเสียระดับชาติ กับการใช้ภาษา  และจิตสำนึกเรื่องกาลเทศะ ของเด็กที่กำลังจะเป็นอนาคตของชาติ รวมทั้งข้อเสนอที่จะตั้ง ถ้าใครเห็นด้วยกับผม เรามาตั้งชมรมกีดกันผู้ใช้ภาษาแอ๊บแบ๊วอย่างไม่รู้กาลเทศะกันดีกว่า นักสิทธิมนุษยชนอย่ามาแหยม บอกชัดๆอีกทีว่า กีดกัน กีดกัน กีดกัน จากคุณ : Sv เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 10:42:14

ความคิดเห็นที่ 58 แวะมาสนับสนุนพี่แอ๊ดอีกเสียง..... ตั้งเมื่อไหร่...ผมสมัครเข้าร่วมด้วยครับ จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 11:00:46

ความคิดเห็นที่ 59 สนับสนุนอีกหนึ่งเสียง ทำให้เป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ ซักทีก็ดีเหมือนกันค่ะ ยิ่งอ่าน #53 ยิ่งเศร้า จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 12:16:06

ความคิดเห็นที่ 60 เอางี้นะครับ เพื่อไม่ให้เป็นหมาเห่าใบตองแห้ง ผมขอชวนประชุมพบหน้ากันเลยดีกว่า ยินดีให้ยืมสถานที่สมาคมชาวอุบลราชธานี ซอยสงวนสุข ถนนพระรามห้า เป็นที่ประชุม บ้านโบราณ อาคารอนุรักษ์เชียวนะครับ ขรึม ขลัง และมีเสน่ห์ เราท่านที่เห็นปัญหาและมีความห่วงกังวลร่วมกันจะได้เจอกัน คุยกัน นิยามปัญหาให้ชัดเจนร่วมกัน หารือแนวทางและวิธีการเป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหา เพื่อส่วนรวมอย่างนี้ ขอบอกว่าเราชาวสมาคมชาวอุบลฯถึงไหนถึงกันครับ เริ่มต้นด้วยการยินดีเลี้ยงดูข้าวปลาอาหารครับ ถ้ามีการประชุมเมื่อไรจะขอร้องแม่ครัวหัวป่าก์ชาวอุบลฯจัดอาหารขึ้นชื่อลือชาประจำถิ่นคือหมี่กะทิเจ้าเก่ามาเลี้ยง มาประชุมแล้วอย่างไม่ได้อะไรก็ต้องอิ่มกลับไป ยังไงๆมันก็ต้องได้อะไรเป็นเนื้อเป็นหนังล่ะน่า ไม่เป็น NATO (No Action Talk Only) หรอก จะเอากันเมื่อไรล่ะ บอกมาเลย ที่ไหนมีแล้วไม่ต้องห่วง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 12:16:45

ความคิดเห็นที่ 61 แวะมาแจ้งพี่แอ๊ดว่าสถานที่สมาคมชาวอุบลราชธานี อยู่ห่างบ้านผมประมาณ 1 กม. เดินมาได้สบายครับ... ดังนั้นลงชื่อเข้าร่วมงานไว้ ณ ที่นี้เลยครับ เพิ่มเติม...ได้ยินว่า "แจ่วบอง" ของอุบลราชธานีมีชื่อสะท้่านประเทศเลยใช่ไหมครับ? แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 13:16:06 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 13:15:47 จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 12:25:49

ความคิดเห็นที่ 62 โอ้โห มาอ่านความเห็นทุกท่านเพิ่มเติมแล้ว ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณก่อนเลยค่ะ ที่โหวตให้เป็นกระทู้แนะนำของห้องสมุด ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจประเด็นนี้และพบเจอมาเยอะขนาดนี้ หากต้องทำอะไรเป็นรูปธรรม ยินดีเข้าร่วมค่ะ แต่ถ้าพบปะคงสะดวกหลังปีใหม่ค่ะ แต่เชื่อว่า ต้องหนักหนาพอสมควรกว่าจะให้น้องๆ เด็กๆ เข้าใจมุมที่พวกเราต้องการนำเสนอ เราเองก็เคยผ่านวัยรุ่นมา (แถมเป็นวัยรุ่นแหกโค้งด้วย เกเร สอบตก สารพัด) เราเข้าใจนะ แต่คิดว่าถ้าไม่ทำอะไรสักที เด็กจะโตไปอย่างไร จะเข้าใจโลก สังคมอย่างไร กระทรวงวัฒนธรรมก็น่าจะเป็นอีกองค์กรหนึ่ง ที่น่าจะช่วยผลักดันกรณีนี้ได้หรือไม่คะ จากคุณ : หนูนากระป๋อง เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 12:40:43

ความคิดเห็นที่ 63 งั้นเอาหลังปีใหม่ แล้วก็น่าจะเป็นเสาร์อาทิตย์เพราะว่าส่วนมากคงยังอยู่ในวัยทำงาน สำหร้บผมกับคุณหมูน่ะแม้จะอยู่ในวัยทำงานเหมือนกันแต่เขาไล่ออกไม่ให้ทำแล้ว ถ้าจะให้สะดวกสำหรับผมต้องหลังวันที่ 12 ม.ค.54 ไปแล้ว แบบว่า 9-12 ม.ค.ยังอยู่ที่ฮานอย แล้วก็ 23-25 อยู่มะนิลา ก็่น่าจะเหลือวันเสาร์ที่ 15 ม.ค. หรือ อาทิตย์ที่ 16 ม.ค. คนอื่นว่าไงครับ? น้องแพนด้ามหาภัยไปได้ป่ะ? เห็นบอกชอบหมี่กะทิ อ้อ นอกจากหมี่กะทิและแจ่วบองแล้ว หมูยอหนังหมูของอุบลฯก็สุดยอดนะครับ ไม่ได้มีเหลือมาขายถึงกรุงเทพฯหรอก คนอุบลฯหวดเรียบวุธหมดต้ังแต่อยู่โน่นแล้ว ต้องสั่งหรือไปซื้อเองถึงอุบลฯ อร่อยมาก รสชาติหมูยออุบลฯขนานแท้บวกกับหนังหมูเคี้ยวกรุบๆ แกล้มกับเบียร์เย็นๆ มีสิบแท่งหมดสิบแท่ง มีร้อยแท่งหมดร้อยแท่ง เขาเลยไม่โฆษณาเลย เก็บไว้กินเอง ดังนั้นขอบอกว่า เรายินดีจะสั่งมาแจกให้พรรคพวกได้ชิม นี่มันวางแผนงานกอบกู้ภาษาไทยหรืองานเผยแพร่ความอ้วนหว่า? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 15:33:45

ความคิดเห็นที่ 64 แบบนี้ไม่ไหวนะ ไม่มีมารยาทเลย คำพูดคำจานี่ไม่เคารพเลย ไปขอฝึกงานก็ควรจะทางการหน่อย แนะนำตัว และใช้ภาษาที่มันควรจะเป็น ไม่ใช่แบบนี้ ถ้าเป้นผม ผมไม่ให้น้องฝึกครับ จากคุณ : เด็กเอ๋ยเด็กน้อย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 17:10:25

ความคิดเห็นที่ 65 ผมเคยเจอมายิ่งกว่านี้อีกครับ กับอีเมลล์สมัครงานนี่แหละ เห็นแล้วละเหี่ยใจจริงๆ จดหมายสมัครงาน(รวมถึงอีเมลล์สมัครงานด้วย) และเอกสารอื่นๆ ที่ใช้ประกอบการสมัครเป็นส่ิงที่ช่วยแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะและการรู้จักาละเทศะของผู้สมัครงานได้นะ แทนที่จะใช้เอกสารเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ ใช้แสดงศักยภาพที่มีอยู่ในตัว ให้เราอยากรับคุณเข้าฝึกงานหรือเข้าทำงาน แต่กลับใช้แสดงความงี่เง่าของตัวเองแน่ะ ฆ่าตัวตายแท้ๆ .. แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 17:38:57 จากคุณ : เด็กชายหัวหอม เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 17:35:42

ความคิดเห็นที่ 66 เอาจริงถ้าเขียนเล่นๆภายในกลุ่มเราว่าพอทนค่ะ แต่ก็อย่าเขียนผิดเลยดีกว่านะเราว่า ขนาดเพื่อนเราบางคนขึ้นเสตย์ตัสในบีบี ประมาณว่า "พาสาไทย สู้ๆ" อะไรทำนองนี้ เรายังเห็นแล้วขัดตาเลย ยิ่ถ้าที่บอร์ดสาธารณะเห็นแล้วปวดตับมากมาย คือน่ารำคาญและอ่านได้ช้าลง ยิ่งจดหมายอะไรก็ตามที่เ้ป็นทางการนี่แบบ ยิ่งเขียนหาผู้ใหญ่ ต้องการให้รับเราเข้าฝึกงานเนี่ย ไม่ไหวเลย ดีแล้วค่ะ เห็นแบบนี้ จะได้ไม่ต้องรับ เพราะแค่เขียนจดหมายแค่นี้ยังทำให้ดีไม่ได้ แล้วจะทำอย่างอื่นได้เรื่อง? แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 19:01:07 จากคุณ : Haeri Kim เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 18:56:27

ความคิดเห็นที่ 67 สวัสดีค่ะคุณเจ้าของกระทู้ ได้อ่านข้อความแล้วถึงกลับอึ้งไปเลยค่ะ  จริงๆแล้วเด็กปี 4 เมื่อถึงเวลาจะเตรียมตัวไป ฝึกงานก็ถือแล้วว่าเป็นผู้ใหญ่พอสมควร  น่าจะทราบเรื่องกาลเทศะ และมารยาททาง สังคมได้แล้ว จะได้เป็นบัณฑิตอีกไม่เท่าไหร่แล้วจริงไหมค่ะ การใช้ภาษาเช่นนั้นไม่แปลกหรอกค่ะ  ถ้าจะใช้สื่อสารกันเฉพาะกลุ่มของตนเอง  แต่ว่า ในลักษณะนี้เป็นการสื่อสารเชิงทางการไม่สมควรอย่างยิ่งค่ะ  ถ้าเรื่องพื้นฐานง่ายๆเช่นนี้ ไม่สามารถตรึกตรอง และปฏิบัติกันได้  ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการพิจารณาให้ เข้ารับการฝึกงานค่ะ หลักการใช้ภาษาและมารยาททางสังคมจริงๆถูกสอนกันตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วค่ะ  แบบนี้ ยิ่งง่ายต่อการพิจารณาเลยค่ะ อยากให้น้องๆได้พิจารณาถึงสิ่งเหล่านี้บ้างค่ะ  เพราะการใช้ภาษาทั้งอักษร หรือแม้แต่ คำพูด รวมถึงบุคคลิกภาพถือว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนเป็นอันดับแรกค่ะ  จะทำให้คนประทับ ใจหรือไม่นั้นก็อยู่ที่ตรงนี้ค่ะ   อย่าหาว่าดิฉันเป็นคนรุ่นเก่าเลยนะคะ แต่เมื่อเวลาที่ดิฉันอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทและมั่นใจ แล้วว่าไม่ได้มีคนภายนอกแอบผ่านไปผ่านมา  ดิฉันก็ใช้ภาษาตามใจปากค่ะ  ขอเพิ่ม เติมนิดหนึ่งค่ะ  ดิฉันเคยเข้าห้องน้ำสาธารณะตามห้างสรรพสินค้า  ในระหว่างนั้นก็ได้ยิน เด็กๆวัยรุ่นใช้ภาษาพูดแบบหยาบคายกันมาก  ยังรู้สึกแปลกใจว่าเดี๋ยวนี้การใช้ภาษาเช่น นี้ในที่ๆเป็นแหล่งมีผู้คนมากมายความกระดากอายหายไปไหนกันหมดแล้ว  หรือว่าทุก คนเห็นว่าเป็นเรื่องปกติกัน ดิฉันไม่เคยต่อต้านการเกิดของภาษาวัยรุ่นแม้แต่น้อย  เพราะทุกอย่างผันแปรตามเวลา ค่ะ  แต่สิ่งที่สำคัญที่ให้ความสำคัญคือ กาลเทศะ และรวมทั้งการให้เกียรติกับบุคคลที่จะ สนทนาด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 21:32:58 จากคุณ : athena_b เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:28:28

ความคิดเห็นที่ 68 คำว่า เท่ อีกคำ เขียนเป็น เท่ห์ (อุเทน) กันไปหมด ลามไปถึง Subtitle ในเคเบิลทีวีด้วย นี่ยังไม่รวม นะค่ะ ตาม sms ที่ส่งไปตามรายการทีวีอีกนะ จากคุณ : LedZepp เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 09:36:01

ความคิดเห็นที่ 69 ส่วนตัวคิดว่า บอกไปทางกระทรวงศึกษาก็คงจะลำบากครับ เพราะทางนั้นเขาวางนโยบายไว้แล้วว่า "ต้องไม่มีเด็กเรียนซ้ำชั้น" เพราะฉะนั้น เขาจึงมุ่งในเรื่องของ "ปริมาณ" มากกว่า "คุณภาพ" ไม่ใช่ว่ารัฐบาลก่อนทำมาไม่ดีแล้วรัฐบาลต่อมาจะแก้ไข ก็คงยังทำแบบนี้ต่อเนื่องกันมาครับ รัฐบาลและรัฐมนตรี ไม่ใช่ไม่รู้ปัญหานะครับ แต่เขาเกรงผลทางเรื่องการเมืองครับ เขาจึงไม่แก้ไขกัน จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 09:57:18 A:110.164.218.221 X: TicketID:251343

ความคิดเห็นที่ 70 สวดยอดปายเยยยยยยย มู้นี้ จากคุณ : ศุกร์เล็งลัคนา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 11:52:47

ความคิดเห็นที่ 71 อีกเรื่องที่ใช้ผิดกันประจำคือ นำภาษาพูดมาใช้เป็นภาษาเขียน ตัวอย่างที่เห็นประจำคือคำว่า "...เค้า..." ซึ่งเป็นสรรพนามเรียกแทนบุคคลอื่น ที่ถูกต้องต้องใช้คำว่า "...เขา..." เดี๋ยวนี้เลยกลายเป็นว่า เรานำภาษาพูดมาใช้แทนภาษาเขียนโดยที่ไม่รู้ตัวก็มีมากนะครับ [b]นาน ๆ ไป สิ่งที่ผิดและทำจนชิน ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ถูก[/b] เหมือนที่ผมรู้สึกเบื่อหน่ายทุกครั้ง เวลาที่ได้ยินผู้ประกาศออกเสียงว่า "ออ-ระ-หัน" เมื่อกล่าวถึงพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา โดยที่ไม่มีใครสงสัยเลยว่า ทำไมตอนเราสวดมนต์เราออกเสียงว่า "อะ-ระ-หัน" อรหันต์ ถ้าออกเสียงว่า "ออ-ระ-หัน" จะหมายถึง สัตว์จำพวกหนึ่งในป่าหิมพานต์ครับ จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 12:02:16 A:110.164.218.221 X: TicketID:251343

ความคิดเห็นที่ 72 คิดสงสัยอยู่นานแล้วว่ามีอะไรผิดปกติกับระบบการศึกษาสมัยนี้หรือเปล่านะคะ เพราะคำที่ช่างสรรหาคำสะกดประหลาดๆ มาใช้ มันไม่ได้ทำให้อ่านหรือเขียนง่ายขึ้นตรงไหนเลย และการเขียนจดหมายทางการนี่ เขาไม่มีสอนกันแล้วหรือคะ อย่าว่าแต่เด็กๆ เลยค่ะ เห็นมาเยอะ ครู / อาจารย์ สะกดผิดสะกดถูก เฮ้อ ((มาบ่นเป็นยายแก่อีกคนละกันค่ะ -_-")) จากคุณ : Clear Ice เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 14:38:48

ความคิดเห็นที่ 73 สำหรับการส่งอีเมลล์มาขอฝึกงาน จริงๆในระดับปริญญาตรีนี่ควรตระหนักได้แล้วนะคะ ว่าควรใช้ภาษาแบบไหนถึงจะเหมาะสม กล้ามากๆที่พิมพ์มาแบบนั้น เหมือนคุยเล่นกับเพื่อน ไม่รู้จักกาลเทศะเลย (เราก็เรียนปริญญาตรีอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เข้าใจจริงๆค่ะ) จากคุณ : faifaith เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 18:41:39

ความคิดเห็นที่ 74 ง่ายๆ เราเจอแบบนี้เราคัดทิ้ง พร้อม fwd เมลที่น้องๆส่งมาขอฝึกงานให้หัวหน้าภาค พร้อมสอบถามถึงการเรียนการสอน จากคุณ : Dequardo เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 20:52:03

ความคิดเห็นที่ 75 เคยตรวจรีซูเม่ให้รุ่นน้อง ถามถึงพ่อแม่ พ่อ   ตายแย๊ววล่ะ แม่ ก็ยังอยู่อ่ะน๊า มันเกินไปจริง จากคุณ : Ashina เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 21:45:17

ความคิดเห็นที่ 76 ส่วนตัวเรียนปี 4 ไม่มีเลย เพื่อนด้วย  ไม่มีใครไร้กาละเทศะ แบบั้น เรซุเม่อาจารย์ก็จะสอน ใช้ภาษาให้ถูก และการสมัครงานเป็นเรื่องใหญ่มาก  ไม่มีเพื่อนๆคนไหนทำแบบที่ว่าเลย เลยไม่ทราบว่าคนที่เจ้าของกระทู้บอกเนี่ย  เข้าเรียนบ้างรึเเปล่า อย่าโทษที่ตัวอาจารย์ แต่โทษที่ตัวเด็กเลย  มันไม่ธรรมดาแล้วค่ะ  บ่งบอกความสามารถทางสมองมากๆ มีอีกหลายคนที่สรรหาคำที่เป็นทางการและน่าประทับใจ ให้ HR อ่านแล้วทิ้งไม่ลง  เหมือนพวกหนู แต่ดีนะคะ เป็นแบบนี้ เหนื่อยใจแต่สบายใจที่ทิ้ง resume ถูกอัน แต่ถามว่า ในภาษาแชทพวกเราก็ไม่มี คร่ะ อะไรแบบนี้นะคะ ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นเด็กมัธยม  และพวกแอ๊บแบ๊วทั้งหลาย นอกจากนี้ยังมีคนใช้  คะ ค่ะ  ไม่ถูกอีก   เห็นปล้วปวดตับเหมือนกัน จากคุณ : ลิงน้อย กับฟันที่หายไป~ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 10:07:23

ความคิดเห็นที่ 77 สำหรับคนที่รู้เรื่อง ทำถูกทำดีอยู่แล้ว เราก็ขออนุโมทนา ขอให้จำเริญๆนะหนู ที่เราออกมาตั้งรั้วไว้นี่ก็เพื่อเอาไว้คัดพวกที่มันไม่รู้เรื่องและไม่คิดจะรู้เรื่องออกไปให้เขาไปแสดงความน่ารักคิกขุอาโนเนะกันที่อื่น จะได้เหลือแต่เด็กที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้อย่างพวกหนูไงล่ะ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 14:59:42

ความคิดเห็นที่ 78 จากความเห็นของคนอายุในวัยที่จขกท.พูดถึง เราขอบอกว่าประสบการณ์การอ่านมีผลมากต่อการเขียน (อันนี้จริงจังไม่จิงโจ้) เนื่องจากเราเติบโตมากับการหัดอ่านนิยายในขวัญเรือน (แหะๆ แก่แดดแก่ลมตั้งแต่ยังเด็ก) เรารู้สึกว่านิยายในสมัยก่อนนั้น  แม้บางเรื่องจะมีโครงเรื่องไม่ค่อยถูกใจเราหรือไม่ค่อยสนุก  แต่สิ่งหนึ่งที่มีไม่ด้อยไปกว่ากันคือการใช้ภาษาและรูปโครงสร้างประโยค ด้วยอานิสงค์ผลบุญจากการติดนิยายงอมแงมในวัยเด็ก (จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังติด) แม้จะทำให้เราชอบนั่งฝันกลางวันไปบ้าง (โดยเฉพาะในห้องเรียน)  แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทักษะการใช้ภาษาไทยที่มีมาตรฐานพอจะรับได้ ในขณะที่นิยายเดี๋ยวนี้นั้น  ก็.....ลองพิจารณาเองก็แล้วกันนะคะ เนื้อเรื่องวันมีแต่แก้แค้น นักร้องดาราเกาหลี หนุ่มนู่นสาวนี่  ชีคทะเลทราย  ฟาโรห์ย้อนเวลา  วันๆไม่ทำอะไรเถียงกันไปเถียงกันมา แล้วก็จับโยนขึ้นเตียง   แต่ก็เอาเถอะ  เราถือว่าความชอบหรือเรื่องรสนิยมไม่ควรนำมาถกเถียงกัน..... อาจเป็นเพราะเราเคยอ่านแต่ของคุณกิ่งฉัตร, ทมยันตี , กีรติ ชนา (ขนมจีนป้าทองดีในขวัญเรือนเป็นเรื่องแรกที่เราหัดอ่าน), แก้วเก้า ฯลฯ อะไรประมาณนั้นเลยอาจไม่ชินกับอะไรใหม่ๆ แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!  สิ่งที่เราปวดตับปวดไตมากที่สุดนอกจากโครงเรื่องแล้ว  คือเรื่องสำนวนภาษาการเขียน อุแม่เจ้า......  อย่าให้บรรยายเลย  ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร  ลองซื้อหาหนังสือหน้าปกที่มีรูปคู่ชาย-หญิง  ชื่ออารมณ์ประมาณ หนุ่ม... สาว..., ชีค....., แค้น.... ฯลฯ  อารมณ์ประมาณนี้  หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไปแถวบ้านท่าน คิดดูนะคะ  วันๆอ่านแต่อะไรอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก  โตขึ้นจะเขียนหนังสือเป็นยังไง รู้สึกบ่นยาวเหมือนยายแก่เลย ปล. เพชรพระอุมาสนุกมาก  ควรซื้อหามาประจำตู้ไว้ (มาอวยรพินทร์แค่นี้แหละค่ะ 555) จากคุณ : Manymany1122 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 19:37:59

ความคิดเห็นที่ 79 การสมัครงาน หรือการติดต่องาน ต้องใช้ภาษาที่เป็นทางการอยู่แล้ว ครูบาอาจารย์น่าจะสอนมาจากโรงเรียนแล้วนะ เว้นแต่ว่า เด็กมันโดดเรียน หรือไม่ก็พยาธิเยอะ สมองโดนแย่งสารอาหาร ------------------------------------------------------------------ เห็นด้วยกับ #78 อ่านอะไร ก็เขียนแบบนั้น รุ่นเรา ตอนเด็กเราอ่านขายหัวเราะ มหาสนุก ทั้งการ์ตูน และเรื่องสั้นในเล่ม ซึ่งมีการพิสูจน์อักษรอย่างดี ภาษา(เขียน)ไทยของเราจึงดีตามไปด้วย ต่อมาเป็นยุคคอมพิวเตอร์รุ่นกลาง มีการแช็ต แต่ว่าสำหรับเรา จะระวังในการสะกดคำอยู่ตลอดเวลา ถ้าสะกดคำผิด จะรีบสะกดคำแก้ทันที เพราะไม่อยากแสดงความด้อยการศึกษาให้คนอื่นเห็นน่ะ (จริงจังเรื่องการสะกดคำมาก ๆ เลย) ส่วนคนยุคใหม่ ไม่รู้ว่าไปเอาอย่างภาษาวิบัติมาจากไหน ใครเป็นผู้ริเริ่มก็ไม่ทราบ ไม่ชอบอย่างมาก ๆ ก็คือคำว่า เด่ว .... เห็นคำนี้แล้วอยากเลิกคุยทันทีเลย มันทุเรศมาก ๆ เลยคำนี้ เดี๋ยวนี้เราอ่านพระไตรปิฎก ก็เลยยิ่งระมัดระวังในการใช้ภาษาสุดชีวิตเลย ซึ่งมันเป็นของมันเองโดยอัตโนมัติ แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 53 02:01:23 จากคุณ : N'Wan เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 01:59:35

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณสำหรับคำสอน และการเตือนค่ะ จะได้ระมัดระวังยิ่งขึ้นเวลาที่ติดต่องาน โดยเฉพาะตอนฝึกงาน ^^ ส่วนเรื่องที่ว่าเด็กรุ่นหลังไม่มีเรียนเรื่องพวกนี้แล้วเหรอ? ขอตอบว่ามีค่ะ        หนูเองก็ได้เรียนเรื่อง การเขียนจดหมาย ระดับการใช้ภาษา ภาษาที่เป็นทางการกับไม่ทางการ พวกมรรยาทการใช้ภาษา และก็พวกคำราชาศัพท์คะ   ข้อสอบ O-net ตอนสอบเข้ายังมีเลย        แล้วเวลาพูดคุยกับอาจารย์ก็ยังต้องใช้คำสุภาพ ต่อให้เป็นอาจารย์เด็กๆที่สนิทๆกัน ก็ยังต้องมีหางเสียง และไม่เล่นหัวอาจารย์อยู่เลย          ส่วนตอนเรียนมหาลัยนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ข้อสอบส่วนใหญ่เป็นเขียนหมดเลย ไม่มั่นใจว่าถ้าเขียนภาษาแอ๊บแบ๊วส่งไปนี่จะโดนอาจารย์กาF ไปเลยรึเปล่า หรือแค่เรียกให้มาสอบใหม่?  ยังไม่เคยลองและยังไม่เคยเห็นใครทำด้วย -*- มันดูเสี่ยงชีวิตเกินไป    และ ณ ปัจจุบันนี้เราก็ยังเห็นอาจารย์มหาลัยก็ยังคอยอบรมเรื่องพวกนี้อยู่เรื่อยๆนะคะ  ไม่ได้ปล่อยไปเลย  ยังมีหักคะแนน โดนมากๆก็พักการเรียน   โดยเฉพาะช่วงสอบจะเข้มมากๆ เพราะยังไงเด็กก็หนีไม่ได้อยู่แล้ว   แต่เราเองก็ยังรู้สึกว่าเด็กสมัยหลังๆกล้ามากขึ้น ไม่ค่อยเคารพกฎ และก็ทำตามใจตัวเองมากขึ้นเกินไป แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 15:13:47 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 53 11:29:19 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 53 11:27:19 จากคุณ : MeeMuay เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 11:25:42

ความคิดเห็นที่ 81 คิดในแง่ดีคือจดหมายพวกนี้ก็ดีลีทลงถังขยะไปเลยค่ะ ไม่ต้องเสียเวลาอ่าน ^^ จากคุณ : g_maru เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 15:36:52

ความคิดเห็นที่ 82 ถ้าเขาใช้ภาษาที่ผิดๆ เพื่อขอฝึกงานก็ดี หรือสมัครงานก็ตาม ปกติเขาจะเลือกจดหมายเสียก่อน พวกที่ใช้ภาษาแบบนี้ ปกติจะถูกคัดทิ้ง เป็นขยะ พวกที่ใช้ภาษาคุยกัน ก็จะถูกคัดออกเช่นกัน ที่เหลือ ไม่เท่าไหร่หรอก เอาไว้เตือนตัวเองว่า ทำไมถึงไม่ได้ทำงานสักที จากคุณ : thongprakai เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 18:36:56

ความคิดเห็นที่ 83 ส่งมาสมัครงาน 100 ฉบับ ถ้าเป็นแบบ จขกท ว่า ไปซัก 50 ฉบับ ก็ประหยัดเวลาการทำงานไปได้เยอะเลยนะเนี่ย คัดจดหมายทิ้งไป 50 ฉบับ โทษฐานทำภาษาไทยวิบัติ และไม่รู้จักกาลเทศะ จากคุณ : someonesaysomething เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 19:12:49

ความคิดเห็นที่ 84 เคยเอาสมุดการบ้านวิชาเรียงความของหลานมาดู คำง่ายๆ ยังเขียนผิดเต็มเลย แต่ครูปล่อยผ่าน ไม่แก้ให้ เลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วครูไม่ใส่ใจ หรือครูคนนั้นตกภาษาไทย จากคุณ : jibjib เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 19:27:13 A:124.122.177.40 X: TicketID:117703

ความคิดเห็นที่ 85 ลองคิดย้อนกลับไป กลับไป  กลับไป สุดท้ายก็ลงที่ ผลประโยชน์ทางการเมือง การเรียนต้องไม่มีเด็กเรียนซ้ำชั้น เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ ถ้าคุณครูเคร่ง เด็กไม่ชอบ ผู้ปกครองมาโวย ครูคนนั้นโดนเรียกไปเตือน ก็ต้องยอมๆไป ผลที่ออกมาก็เด็กไม่มีคุณภาพ หรือถ้าครูคนนั้นยังคงเคร่งครัดกับเด็กนักเรียน โรงเรียนนั้นก็อาจทำให้เด็กเข้าน้อย สุดท้ายก็ต้องยอมกันไป เพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น จากคุณ : ยูสึยุ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 23:44:31

ความคิดเห็นที่ 86 ผมกลับอยากทราบความเห็นจากนักภาษาศาสตร์นะครับ คิดเห็นยังไง กรณีนี้ กับ "ภาษาพูดและเขียน" ที่เปลี่ยนแปลงตลอด มาตั้งแต่ยุคโบราณ จากคุณ : head of a nail (headofanail) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 01:10:22

ความคิดเห็นที่ 87 อย่าว่าแต่เด็ก ป. ตรี เลยคะ บางคน แก่จน 40 - 50 ปีแล้ว ยังพิมพ์แบบนี้อยู่เลยคะ เฮ้อออ.... จากคุณ : ดากานดากะไข่ย้อย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 04:28:07

ความคิดเห็นที่ 88 สำหรับผมทำงานด้านหนังสือมาตลอด จนต้องมีพจนานุกรมเอาไว้ตรวจสอบเลยว่าคำนี้ถูกหรือเปล่า ล่าสุดเคยอ่านในพันทิพ เจอคำว่า มั๋ย (ไหม) พอทักไป ก็บอกว่ามันเป็นคำพูด แล้วมันแตกต่างกันตรงไหนกับคำว่า ไหม กับ มั๋ย เขียนให้ถูกยังจะอ่านง่ายกว่า กระทู้มีสาระ ทำให้ผมไม่อ่านกระทู้นั้นต่อเลย จากคุณ : sak (Msgt.sit_sak) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 11:09:44

ความคิดเห็นที่ 89 หลายท่านยังโชคดีครับ ที่ได้มีโอกาสคัดกรองทักษะของผู้ใช้ภาษา ก่อนเข้าทำงาน ผมเจอแต่คนในองค์กรเดียวกัน ที่ใช้ภาษาผิดๆ ในหนังสือโต้ตอบภายในขององค์กร พอติกลับไปว่า คุณใช้ภาษาไม่ถูกต้อง กลับถูกย้อนมาว่า ไม่ใช่ครูภาษาไทย ไม่ต้องมาสอน งานนี้มึนเลย ก็เลยต้องไปเรียนกับผู้บังคับบัญชาของเขาโดยตรง ให้ตำหนิสักหน่้อย พร้อมกับ แนะนำว่า ควรซื้อพจนานุกรม สัก 4-5 เล่ม ประจำหน่วยงาน เพื่อให้พนักงาน ได้ใช้ประโยชน์บ้่าง จากคุณ : Knight เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 23:31:37

ความคิดเห็นที่ 90 หนูว่าหนูเคยใช้ภาษาไทย แบบผิดๆ อารมณ์ประมาณว่า วิบัติเลยคะ เมื่อตอนเรียนม.3 ตอนนี้อยู่มหาวิทยาลัยแล้ว มองย้อนกลับไป "ฉันทำไปได้อย่างไร" มันรู้สึกแย่มากๆคะที่เขียนอะไรแบบนั้น มองดูเพื่อน ที่เขียนแบบ "จงใจ" ไห้วิบัติ ไอ้เรามันก็มีเขียนผิดๆถูกๆบ้าง พิมพ์ผิดพิมถูกบ้าง แต่ไม่อยากไห้ภาษามันกลายเป็นภาษาวิบัติ เราไม่ได้หัวโบราณนะ ออกจะสมัยใหม่ด้วยซ้ำ แต่อ่านภาษาวิบัติแล้ว มันทุเรศลูกตาจริงๆ รับไม่ได้เลย พูดแล้วเพลีย ปวดตับ เอาเป็นว่าไห้กำลังใจเพื่อน ในวันเกิดของมัน "ขอไห้ได้งานดีดีนะ" จากคุณ : DekArtKvc เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 04:50:40

ความคิดเห็นที่ 91 อยากไปค่ะลุงแอ๊ด เสียดายจริงๆ ที่ตอนนี้อยู่ไกลไปหน่อย กว่าจะได้เข้ากรุงอีกทีก็คงต้นมีนานู่นแน่ะค่ะ จากคุณ : แพนด้ามหาภัย เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 53 23:46:13