 |
เคยคุยกันเล่น ๆ กับเพื่อนว่า อยุธยาตอนแตกครั้งที่ 1 พงศาวดารบอกว่าพม่าเหลือพลเมืองไว้ให้เราแค่ หมื่นคน ในจำนวนนี้เป็นพม่ารักษากรุงเสีย 3000 คน แล้วคงจะเป็นประเภท ที่พม่าไม่รับเอาไปหงสาวดีด้วย คงจะเป็นผู้หญิง คยฃนแก่ เด็ก ๆ เหลือ 7000 คน
ภาระกิจเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ พระมหาธรรมราชาต้องขุดขยายคลองคูขื่หน้า จาก 3 วา เมตรเป็น 10 วา ลึก 3 วา กับต้องทำกำแพงและย้ายกำแพงเดิมมาชิดคูขื่อหน้า ยาว ประมาณ 12 กม. (สมมุติว่าสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ ทำไปแล้วครึ่งหนึ่ง ) ลองมาดูว่า คน 7000 คน( ขอเพิ่มอีกหน่อย เพราะอาจจะมีพวกที่หนีไปซ่อนตัวในป่าแล้วไม่ถูกพม่ากวาดต้อนไป เอาเป็น 2 เท่า คือ 14000 คน) กับภาระกิจดังกล่าวมีอะไรบ้าง
งานขุดคลองคูขื่อหน้า
อยุธยามีด้านกว้างที่สุดประมาณ 50 เส้น คือประมาณเท่ากับความยาวคูขื่อหน้า ประมาณดินต้องขุดออก ก็คือ 20*50*2*(7*2*3*2) เท่ากับ168,000 ลูกบาตเมตร
งานเปลี่ยนจากกำแพงไม้เป็นกำแพงอิฐ
การทำกำแพงเมืองสูง3เมตร 2 ชั้น( ห่างกัน 4 เมตร ตรงกลางเอาดินถมทำเชิงเทิน) กำแพงสมัยก่อนก็ก่อกันหนา 40-50 ซม. คิดเสียว่า ยาว 6 กม ( โดยคิดว่าทำสมัยสมเด็จพระเจ้าจักพรรดิเสียครึ่งหนึ่ง) ต้องใช้อิฐ เป็น สิบกว่าล้านก้อน อิฐแต่ละก้อนต้องใช้คนทำเอาเองโดยใช้ดินผสมแกลบ นำมาเผา ต้องใช้ฟืนไปสักเท่าไหร่ ใช้แกลบหมดไปกี่ทุ่ง แถมอิฐนี่จะทำหน้าฝนก็ไม่ได้ เพราะต้องตากให้แห้ง คือปีหนึ่งทำได้แค่ 7-8 เดือน ปูนที่ใช้ต้องใช้หินปูนหรือเปลือกหอยหรือปะการัง ต้องไปขนมาจากแถบทะเลหรือไม่ก้แถวสระบุรี ถ้าคิดเป้นปูนถุงแบบปัจจุบัน ต้องใช้เป้นล้านถุง ไม่รู้ว่าจะไปเอามาจากใหน อันนี้เฉพาะก่ออิฐอย่างเดียวนะครับยังไม่คิดงานฉาบปูน
มาพูดถึงกำลังคน สมัยก่อนทำงานเข้าเดือนออกเดือน แถมยังต้องกลับไปปลูกข้าวกินเองอีก ไหนจะต้องยกทัพออกไปต่อสู้พวกเขมรที่ลอบมาตีกวาดต้อนคน 4-5 ครั้ง บอกได้คำเดียวว่างานช้างจริง ๆ
| จากคุณ |
:
วรรณเกษม  
|
| เขียนเมื่อ |
:
23 ธ.ค. 53 10:24:34
|
|
|
|
|
ทำไมเรียกว่า หัวรอ
