ความคิดเห็นที่ 1 เนื่องจากรูปเกิดย่อผิดพลาด คำถามไปอยู่ที่ คห.4 แทนครับ เนื่องจากเสียดดายขอลงที่มาที่ไปแทนนะครับ PISA เลือกประเมินนักเรียนอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นวัยที่จบการศึกษาภาคบังคับ การสุ่มตัวอย่างนักเรียนทำตามระบบอย่างเคร่งครัด เพื่อประกันว่านักเรียนเป็นตัวแทนของนักเรียนทั้งระบบ อีกทั้งการวิจัยในทุกขั้นตอนต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ OECD  ทุกประเทศต้องทำตามกฎเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การวิจัยมีคุณภาพอยู่ในระดับเดียวกัน และข้อมูลของทุกประเทศมีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้สามารถนำมาวิเคราะห์ร่วมกันได้ สำหรับ PISA ประเทศไทย ได้กำหนดกรอบการสุ่มตัวอย่าง (sampling frame) เป็นนักเรียนอายุ 15 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ขึ้นไป จากโรงเรียนทุกสังกัด  ได้แก่ โรงเรียนในสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน โรงเรียนในสังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร โรงเรียนในสังกัดสำนักประสานและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น โรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา วิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวนโรงเรียนและนักเรียนกลุ่มตัวอย่างในการประเมินผลของ PISA                       จำนวนโรงเรียน  จำนวนนักเรียน PISA 2000              179              5,340 PISA 2003              179              5,236 PISA 2006              212              6,192 PISA 2009              230              6,225 ที่มา  http://www3.ipst.ac.th/pisa/index.php?option=com_content&view=article&id=77&Itemid=80 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 21:56:52 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 21:13:02 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 19:28:50

ความคิดเห็นที่ 2 อักษรย่อที่ใช้   - สพฐ.1 โรงเรียนสพฐ. ที่มาจากโรงเรียนขยายโอกาสเดิม   - สพฐ.2 โรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษาเดิม   - สช.   โรงเรียนในสังกัดสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน   - กศท.  โรงเรียนในสังกัดสำนักประสานและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น   - สาธิต   โรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัย   - อศ.1  โรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชน   - อศ.2  โรงเรียนอาชีวศึกษาของรัฐ   - กทม.  โรงเรียนในสังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร หลายละเอียดการสุมตัวอย่างอ่านเพิ่มเติมได้จาก http://ww3.ipst.ac.th/ReportPISA2006/17_ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นโครงการ_PISA2009.pdf ระดับการประเมินแบ่งเป็น 6 ระดับ จากระดับ 1(ต่ำสุด) จนถึงระดับ 6(สูงสุด) และให้ระดับ 2 เป็นระดับพื้นฐาน ในที่นี้กลุ่มต่ำหมายถึง ระดับ 1 และต่ำกว่าระดับ 1 กลุ่มสูง คือ ระดับ 2 ขึ้นไป แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 11:27:35 แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 11:14:35 แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 53 23:59:17 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 22:05:41 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 21:15:27 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 19:32:41

ความคิดเห็นที่ 3 ... ขอแก้ไขก่อนครับ เดี่ยวกับมาต่อใหม่ แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 19:34:50 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 19:33:45

ความคิดเห็นที่ 4 ขอโทษด้วยครับ เตรียมภาพมาไม่พร้อม เอาใหม่ จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:22:42

ความคิดเห็นที่ 5 ... จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:23:03

ความคิดเห็นที่ 6 ข้อสอบภายในประเทศน่าจะทำแบบนี้บาง เฉลยละเอียดดี จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:23:49

ความคิดเห็นที่ 7 เปลี่ยนเป็นเลขบ้าง เลือกข้อง่ายยากปนกันมาให้ดูเป็นตัวอย่าง บ้างข้อเห็นคะแนนแล้ว  ไปดูเพิ่มได้เองได้ในนี้ ครับ  จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:36:47

ความคิดเห็นที่ 8 ... จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:37:25

ความคิดเห็นที่ 9 ... จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:37:51

ความคิดเห็นที่ 10 สุดท้ายวิทยาศาสตร์ครับ ดูตัวอย่างเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www3.ipst.ac.th/ReportPISA2006/12_ตัวอย่างการประเมินผลวิทยาศาสตร์นานาชาติ_PISA_TIMSS.pdf แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 00:02:08 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 21:47:14 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:43:45

ความคิดเห็นที่ 11 ... จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:47:18

ความคิดเห็นที่ 12 ... จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:48:45

ความคิดเห็นที่ 13 ... จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:51:12

ความคิดเห็นที่ 14 ... จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:52:04

ความคิดเห็นที่ 15 ข้อสอบวัดการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ การแก้ปัญหา ดีเหมือนกันนะ ข้อสอบระดับ ม.ต้น แต่ไม่แปลกที่จะได้คะแนนเช่นนั้น ไม่ต้องเทียบกับประเทศอื่นๆเลย คะแนนแทบจะน้อยมากอยู่แล้ว (ยิ่งเทียบยิ่งเหนื่อยใจ) สะท้อนสภาพการศึกษาได้ดี กับการเรียนการสอนที่ไม่ได้ฝึกกระบวนการคิดเลย จากคุณ : RakRok12 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 21:58:07

ความคิดเห็นที่ 16 ที่มาที่ไปและการวิเคราะห์เพิ่มเติม ดูได้จากในนี้ครับ จากกราฟครั้งล่าสุดดูดีขึ้นเล็กน้อย จากปี 2006 แต่ก็ยังตกลงเมื่อเทียบกับปี 2000 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:14:28

ความคิดเห็นที่ 17 ข้อสอบแบบนี้เลยหรือ โอย ระบบการสอนในโรงเรียนรัฐบาลทั่วๆไป ไม่มีทาง ไอ้ประเภทที่ว่า ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ ต้องบอกว่า การศึกษาในยุคโลกาภิวัตน์ โรงเรียนสอนไม่ได้หรือไม่ได้สอน ครูสอนไม่ได้หรือไม่ได้สอน จากคุณ : gsdza เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:16:50

ความคิดเห็นที่ 18 ปล ตั่งแต่ คห 16 ผลสรุปจากเอกสารฉบับเต็มนะครับ จากกราฟ ระดับการอ่านของนักเรียนไทยที่ต่ำกว่าระดับพื้นฐานเพิ่มขึ้น และระดับสูงกว่าระดับพื้นฐานลดลง ส่วนที่ระดับพื้นฐานแทบไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ระดับสูงมีเพียง 0.3% และระดับสูงสุดมีเพียง 0.03% จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:20:57

ความคิดเห็นที่ 19 มาแยกคะแนนเป็นรายกลุ่ม ก็จะเห็นว่าส่วนใหญ่มีนักเรียนที่การอ่านไม่ถึงระดับพื้นฐานเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่ม รวมทั้ง โรงเรียนสาธิต นอกจากนี้กลุ่มนักเรียนในกลุ่มล่าง(อาชีวะ, กทม., สพฐ.1, กศท.)  ก็ยิ่งตกไปอีก ซึ่งอาจะชี้นัยว่าในเรียนกลุ่มต่ำอาจถูกทอดทิ้ง แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:05:40 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:30:42

ความคิดเห็นที่ 20 แยกเป็นรายภาค แน่นอนครับ กทม.และปริมณฑลสูงสุด แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:06:41 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:33:32

ความคิดเห็นที่ 21 แยกเป็นรายภาคเทียบกับปี 2000 ระดับการอ่านโดยแบ่งไปตามเพศ เพศหญิงก็มีระดับดีกว่าเพศชาย แต่เมื่อเทียบกับปี 2000 แล้วก็ทั้งเพศชายและเพศหญิงก็ลดระดับลงในกลุ่มสูงและเพิ่มในกลุ่มต่ำ สรุปการอ่านเมื่อเทียบกับปี 2009 เพิ่มอย่างมีระดับนัยสำคัญ แต่ ปี 2006 ไม่ได้เน้นที่การอ่านเหมือนปีนี้จึงพอดูได้เป็นสังเขป แต่หากเมื่อเทียบกับปี 2000 ที่เน้นการอ่านก็จะได้ข้อมูลที่ละเอียดกว่า แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:41:01 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:43:01

ความคิดเห็นที่ 22 มาดูผลการประเมินคณิตศาสตร์ เนื่องจากปี 2003 เป็นปีที่เน้นคณิตศาสตร์จึงนำมาเปรียบเทียบเป็นหลัก จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:49:31

ความคิดเห็นที่ 23 จากกราฟกลุ่มโรงเรียนสาธิตก็ยังมีคะแนนสูงอยู่ในระดับเท่ามาตรฐานนานาชาติ และกลุ่มโรงเรียนขนาดเล็กมีผลการประเมินอยู่ในกลุ่มล่างสุด มีผลการประเมินที่ไม่แสดงถึงศักยภาพในการใช้คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวันและการศึกษาต่อในอนาคต โดยภาพรวมนักเรียนในกลุ่มต่าง ๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักจนมีนัยสำคัญ แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:57:10 แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:26:09 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 22:58:08

ความคิดเห็นที่ 24 เปรียบเทียบเป็นรายภาค กทม. ก็อยู่สูงสุด และภาคใต้ต่ำสุด ลดมากที่สุดเป็นภาคกลาง (รองลงมาเป็น กทม.) และเพิ่มมากที่สุดเป็นภาคอีสานตอนบน และเมื่อแบ่งเป็นเพศ ในปี 2009 เพศชายมีคะแนนสูงกว่าเพศหญิง แต่ช่องว่างความแตกต่างน้อยมากจนไม่มีนัยสำคัญในทางสถิติ แต่ในปี 2003 เพศหญิงมีคะแนนสูงกว่าเพศชาย และช่องว่างความแตกต่างค้อนข้างกว้าง ในปี 2009 ช่องว่างดังกล่าวเริ่มหายไป แต่ในระดับนานาชาติเพศชายยังมีคะแนนสูงกว่าเพศหญิง 12 คะแนน แต่ในหลายประเทศเพศหญิงก็มีคะแนนมากกว่าเพศชายแม้ไม่มีนัยสำคัญ แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:55:51 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:12:00

ความคิดเห็นที่ 25 สุดท้าย มาดูผลการประเมินวิทยาศาสตร์ เนื่องจากปี 2006 เป็นปีที่เน้นวิทยาศาสตร์จึงนำมาเปรียบเทียบเป็นหลัก เมื่อเทียบกับปี 2006 กลุ่มต่ำมีจำนวนลดลง และกลุ่มระดับพื้นฐานและกลุ่มสูงมีจำนวนมากขึ้น แต่ถ้าเทียบกับปี 2000 คะแนนเฉลี่ยมีแนวโน้มต่ำลง แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:54:34 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:22:33

ความคิดเห็นที่ 26 จากกราฟมีกลุ่ม โรงเรียนสาธิต เท่านั้นที่สูงกว่าคะแนนเฉลี่ย กลุ่มที่มีคะแนนต่ำที่สุดเป็นกลุ่มโรงเรียนที่มีเฉพาะมัธยมต้น แต่เมื่อเทียบกับปี 2006 กลุ่มต่าง ๆ ค่อนข้างคงที่ ยกเว้นกลุ่ม สพฐ.1 และ กทม. ทีมีคะแนนสูงขึ้น ซึ่งอาจสรุปได้ว่าคะแนนรวมที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากทั้ง 2 กลุ่ม แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:53:59 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:34:17

ความคิดเห็นที่ 27 แบ่งตามภาค จากกราฟส่วนใหญ่มีการแสดงผลการประเมินสูงขึ้น โดยสูงสุดเป็น กทม. แต่แสดงผลการประเมินต่ำลง เมื่อแบ่งตามเพศ ในระดับนานาชาติไม่มีความแตกต่าง ซึ่งในอดีตเพศหญิงมีคะแนนต่ำกว่า โดยประเทศที่ผู้ชายมีคะแนนมากกว่ามักจะเป็นประเทศทางตะวันตก สำหรับในไทย เพศชายมีคะแนนต่ำกว่าเพศหญิงแต่เมื่อเทียบกับปี 2006 ปรากฏว่าช่องว่างความต่างมีความแคบลง โดยเป็นรูปแบบเหมือนกันทุกกลุ่ม แต่มีนัยสำคัญเฉพาะ สพฐ.2 และ กทม. เท่านั้น ในกลุ่มต่ำมีจำนวนลดลงทั้งคู่แต่เพศชายมีจำนวนลดมากกว่า ในกลุ่มพื้นฐานเพิ่มทั้งคู่ แต่ในกลุ่มสูงลดลงทั้ง 2 กลุ่มแต่เพศหญิงลดลงมากกว่า แสดงว่าช่องว่างที่แคบลงมาจากผลการประเมินเพศหญิงลดต่ำลงจนมาใกล้กัน แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:53:05 แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 23:54:21 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:43:03

ความคิดเห็นที่ 28 ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ จากการศึกษาพบว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบมากที่สุดคือครู และที่ส่งผลกระทบเช่นกัน ก็คือ หนังสือเรียน คู่มือครู หนังสืออ่านประกอบ แต่ทรัพยากรบางตัวก็ไม่ส่งผลกระทบทางบวก แต่มีสหสัมพันธ์กับสถานะทางเศรษกิจและสังคมของโรงเรียน เท่านั้น เช่น อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) โดยผลการประเมินชีว่านักเรียนที่ใช้มากที่สุดกลับมีคะแนนต่ำที่สุดทั้งสามวิชา โดยมีผลเช่นนี้มาตังแต่มี 2003 2006 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 00:02:31

ความคิดเห็นที่ 29 สำหรับการขาดแคลนครูผู้ทรงคุณวุติ ขาดแคลนเพิ่มขึ้นในทุกสาขาวิชา แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:49:42 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 00:07:27

ความคิดเห็นที่ 30 สำหรับทรัพยากรวัตถุ ผลปรากฏชัดเจนสองส่วนว่า วัสดุการเรียนการสอน วัสดุห้องสมุด และอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ มีจำนวนลดลง ในขณะที่ คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต มีเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย โดยในกลุ่ม โรงเรียนสาธิต และโรงเรียน กทม. รายงานว่าไม่มีการขาดแคลนเลย กลุ่มสพฐ. 2 ลดการขาดแคลนจาก 41% เหลือ 7% และกลุ่มต่ำก็ลดจาก 42% เหลือ 20%  เมื่อเทียบกับปี 2006 แต่ในกลุ่ม  หนังสือเรียน คู่มือครู หนังสืออ่านประกอบ ผู้บริหารงานว่าเพิ่มการขาดแคลนจาก 39% ในปี 2006 เป็น 48%   โดยในกลุ่มกศท. ขาดแคลนเพิ่มมากสุดจาก 14% เป็น 62% ส่วนกลุ่มสูงคือกลุมสาธิต ไม่มีการขาดแคลนและไม่มีการเปลี่ยนแปลง สำหรับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ กลุ่มที่ไม่เปลี่ยนแปลง สาธิต 0% อศ. 40% สพฐ.1 86%=>85% สพฐ.2 60% กลุ่มเพิ่มทรัพยากร (ลดการขาดแคลน) กทม.  74%=> 48% กลุ่มที่ขาดแคลนเพิ่มขึ้น สช. 20%=>49% กศท. 43%=>55% และกลุ่ม อศ.2 81%=>100%  (แสดงว่าไม่มีเลย หรือ เลิกใช้แล้วทั้งหมด หรือ เลิกสอนแล้วก็เป็นได้) สำหรับเวลาเรียนพบว่านักเรียนที่เรียนระดับอนุบาลมาก่อนจะมีผลการประเมินสูงกว่านักเรียนที่ไม่เคยเรียน สำหรับการเรียนพิเศษนอกโรงเรียนไม่ส่งผลบวกต่อการเรียนรู้ แต่ส่งผลตรงข้าม (ค่าสหสัมพันธ์ -0.12) แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:51:47 แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 10:38:47 แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 53 00:49:13 จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 00:44:40

ความคิดเห็นที่ 31 สรุป การที่นักเรียนมีค่าประเมินสูงไม่ขึ้นกับ GDP ของประเทศสำหรับประเทศในกลุ่มสูงเช่น เซียงไฮ้-จีน ค่าสหสัมพันธ์กผลการประเมิน กับ GDP ทำนายได้เพียง 6% เท่านั้น  สำหรับไทยผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าความเท่าเทียมทางการศึกษายังห่างไกลมาก โดยในกรุงเทพฯ มีผลแตกต่างกับนักเรียนในโรงเรียนในชนบท และโรงเรียนสาธิตผมีผลการเรียนรู้ต่างจากกลุ่มอื่นราวกับคนละประเทศ  ข้อมูลไม่ชีว่านักเรียนกลุ่มต่ำได้รับการสนับสนุกปัจจัยการเรียนรู้ที่เพียงพอ โดยในกลุ่มสูงมีดัชนีทรัพยากรเพิ่มสูงขึ้น แต่กลุ่มต่ำมีอัตราการเพิ่มที่ต่ำ จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 01:04:23

ความคิดเห็นที่ 32 การแก้ไขจุดอ่อน พุ่งเป้าไปที่ปัจจัยที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ความผิดพลาดที่ผ่านมาคือ การส่งเสริมปัจจัยลบ เช่น ICT  การปล่อยครูเกษียณก่อนเวลา การเก็บอัตราเกษียณ การขาดครูผู้ทรงคุณวุฒิ การกวดวิชา พุ่งเป้าไปที่ โรงเรียนและนักเรียนกลุ่มอ่อนให้ได้รับการสนับสนุนการเรียนรู้อย่างเพียงพอ การที่รัฐจัดหาทรัพยากรที่เท่ากันทุกคนไม่ใช้คำตอบเพราะนักเรียนมีฐานไม่เท่ากัน การจัดหาที่เท่ากันกลับเป็นช่องว่าง มุ่งหาความเป็นเลิศ สร้างนักเรียนที่มีความรู้และทักษะในระดับสูง ให้มีสัดส่วนสูงขึ้น เพราะคนเหล่านี้คือแนวหน้าของการแข่งขันในโลกเศรษฐกิจที่มีความรู้เป็นฐาน โดยไม่จำเป้นต้องทำให้กลุ่มต่ำหมดไป แต่จำเป็นที่จะด้องมีสัดส่วนนักเรียนระดับสูงขึ้น ดังเช่น เกาหลีที่เพิ่มระดับนักเรียนฝนระดับสูงและสูงสุด มากกว่าเท่าตัวมาแล้ว สำหรับประเทศไทยมีน้อยมากจนเกือบไม่มีเลย ยกระดับมาตราฐานการเรียนรู้ การเรียนการสอนต้องมีความพยายามให้เรียนรู้เรื่องในวิชานั้น เช่นในสิงคโปร์ นักเรียนที่สอบวิชาคณิตศาสตร์ไม่ผ่านจะถูกส่งไปเรียนกับครูที่ดีที่สุด เพื่อให้เรียนนรู้เรื่องและสอบผ่าน  หมดแล้วครับ ขอบคุณ http://www3.ipst.ac.th/pisa/ สำหรับรายงานและภาพประกอบทั้งหมดครับ บุคลากรที่รับผิดชอบโครงการ PISA ดร.สุนีย์  คล้ายนิล                                          National Project Manager ดร.ปรีชาญ  เดชศรี                                         Project Government Board น.อ.หญิงอัมพลิกา  ประโมจนีย์ นายเอกรินทร์  อัชชะกุลวิสุทธิ์ นางสาวสุชาดา  ไทยแท้ นางสาวพัชรินทร์  หาดทราย นางสาวสุชาดา  ภุมรินทร์   ผมว่าผมอ่านแล้วได้ความคิดอะไรหลาย ๆ อย่างเลย เอามาย่อความแล้วเอามาแบ่งกันอ่าน  ผมเข้าใจทาง สสวท คงไม่ห้ามการเผยแพร่เอกสาร แต่ถ้าผมทำผิดอะไรก็แจ้งมาได้นะครับ จะเอาออกให้ จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 01:32:12

ความคิดเห็นที่ 33 อยากตายวันละหลายรอบ.....ดีแล้วที่ไม่ได้ทำข้อสอบแบบนั้น...เพราะว่าตอนนี้ก็หาคำตอบไม่ได้ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 03:03:17

ความคิดเห็นที่ 34 น่าจะเอาตัวเลขพวกนี้ไปเป็น KPI ให้กระทรวงศึกษานะ แบบว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า ค่าเฉลี่ยเด็กไทยด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ควรเป็นเท่าไร จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 22:41:49

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าใครต้องการรายละเอียดเพิ่มโดยเฉพาะรายละเอียดคะแนนข้อสอบจำแนกด้านไปอ่านเพิ่มได้จาก  http://ww3.ipst.ac.th/ReportPISA2006/17_ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นโครงการ_PISA2009.pdf ปล. เมื่อไร pantip จะมีระบบแก้  Rich Mode  จากคุณ : desmothenes เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 11:33:54

ความคิดเห็นที่ 36 ข้อสอบไม่ยากนะครับ (สำหรับคนอายุยี่สิบสาม) เพราะผมตอบได้หมดเลย เหอะๆ จากคุณ : monsternb เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 06:14:15

ความคิดเห็นที่ 37 อ่านตอนแรกแล้วงง "ได้กำหนดกรอบการสุ่มตัวอย่าง (sampling frame) เป็นนักเรียนอายุ 15 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ขึ้นไป" แปลว่า นักเรียนที่อายุประมาณ 15 ปี (คือ ม.3-4) ใช่มั้ยครับ ? (ส่วนท่อนหลัง เป็นคำขยาย) เห็นตัวเลขเปรียบเทียบแล้วก็เซ็งหลายๆอย่าง อย่างแรกที่ควรขีดเส้นใต้หลายๆทีให้พวกผู้บริหารประเทศจำใส่สมองก็คือความเห็นที่ 28 "อุปกรณ์ ICT ไม่ได้จำเป็นมากกว่าการจัดจ้างครูที่มีคุณภาพ" (แต่การจัดซื้อ ICT มันคงมีช่องทางให้พวกท่านหาเงินได้ง่ายกว่ากระมัง) ส่วนเรื่องที่แอบผิดหวัง ในฐานะเคยเป็นเด็กสาธิตมาก่อน คือผมเคยได้ยินมาว่า โรงเรียนสาธิต เป็นโรงเรียนเพื่อให้ครูทดลองและพัฒนาการสอน แล้วเอาไปเผยแพร่ให้กับโรงเรียนอื่นๆ , กลายเป็นว่า สิ่งที่พัฒนาขึ้นมามันก็พอจะสู้กับประเทศอื่นได้ แต่ดันไม่ได้เผยแพร่ออกไป (จะเพราะอะไรก็แล้วแต่) เรื่องการส่งเสริม เด็กที่มีความสามารถเป็นเลิศ ผมไม่รู้ว่านอกจากโครงการโอลิมปิควิชาการแล้ว ประเทศเรามีโครงการอื่นอีกหรือเปล่า ? น่าเสียดายถ้าจะมีแค่โครงการเดียว จากคุณ : สีร (สีร) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 09:30:05

ความคิดเห็นที่ 38 ผมว่าดีแล้วล่ะ ที่มีผลการทดสอบแบบนี้ออกมา มันสะท้อนให้เห็นว่าอะไรจริงแท้ ไม่จริงแท้ ทุกวันนี้การจะอ้างความเก่งของเด็กโดยนำเด็กเก่งอัจฉริยะหรือเข้าขั้นเก่งไปทดสอบ จะเป็นแชมป์โอลิมปิกแชมป์โลกหรือแชมป์อะไรก็ตามแต่ โดยที่ทิ้งเด็กที่ไม่ได้อะไรกับเขาด้วยเลยตามยถากรรม เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว เด็กเก่งมากๆมีน้อยกว่าเด็กเก่งมาก(แน่นอนเชื่อว่าน้อย ไม่มีข้อมูลอ้างอิง) ดังนั้นจะเหมารวมว่าเด็กไทยโดยรวมเก่งไปหมดคงเป้นไปไม่ได้ เมื่อผลออกมาอย่างนี้แล้ว ระบบของเรามันยังอยู่กับที่ ไม่สัมฤทธิ์ผลดังที่ต้องการ การเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างย่อมมีผลกระทบ หากจะไม่เปลี่ยน มันก็จะแย่กว่านี้ บางทีเราอาจรู้ว่าเราเป็นโรคนั้นต้องผ่าด่วน แต่พอผ่าตัดแล้ว มันไม่ได้ดีขึ้น ส่วนนั้นก็แย่ ส่วนโน้นก็แย่ นั่นก็ไม่ได้ เจ็บไปทั้งตัว คนที่เก่งจริงๆก็ได้ดีไป สมหวังไป ประสบความสำเร้จโดยรวม ไม่งั้นประเทศชาติคงจะไม่เจริญ ส่วนคนไม่เก่งมาก ปลอบใจตัวเองขอเป็นคนดีประเทศชาติก็อยู่ได้ จากคุณ : gsdza เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 15:11:21

ความคิดเห็นที่ 39 ผม่วาเราควรดีใจกับมัน ที่เปอเซ็นต์นักเรียนที่ตอบได้ไม่ใช่ 0% นะครับ จากคุณ : sfms09 เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 00:05:17

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้าให้ครูที่มีใบวิชาชีพทำมั่งล่ะครับ จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 13:20:19

ความคิดเห็นที่ 41 จะให้ดี ต้องลองให้ครูุทุกวิชาของ รร.ของนักเรียนที่เข้าสอบ ทำข้อสอบนี้ด้วย อยากรู้เปอร์เซนต์เหมือนกัน จากคุณ : tormay เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 15:19:25

ความคิดเห็นที่ 42 โดยส่วนตัวคิดว่า ต้องเพิ่มส่วนการอภิปรายในห้องเรียนเพิ่มขึ้น เพราะข้อสอบไม่ได้ยาก แต่ต้องใช้การวิเคราะห์ในการตอบ ข้อสอบไทยส่วนใหญ่เป็นลักษณะถาม - ตอบ ชั้นเดียว ใช้สามัญสำนึกตอบได้ คิดว่า คนในวงการศึกษาก็คงรู้เหมือนกัน ถึงได้พยายามออกข้อสอบ O-Net A-Net ที่พิสดารออกมา เพื่อจะให้วิเคราะห์อะไรกัน จากการลองทำข้อสอบชุดนี้ คิดว่าคนออกทำได้ดีค่ะ คนจัดการ O-Net A-Net ควรจะนำไปดูเป็นตัวอย่างค่ะ การตอบได้ หรือ ไม่ได้ในแต่ละข้อ สะท้อนถึงความสามารถของผู้เข้าทดสอบได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าในการการคำนวณ / วิเคราะห์ / การพลิกแพลง เสริมอีกนิด เด็กไทยทำข้อสอบที่คำนวณได้ต่ำมาก แต่ข้อลูกเต๋า นี่ได้คะแนนสูงผิดปกติเลย 5555 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 18:38:01 จากคุณ : WCT เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 18:33:45