ความคิดเห็นที่ 1 มันเป็นเครื่องบอกได้ถึงคุณสมบัติของสินค้า  ว่ามีคุณสมบัตินั้น   ซึ่งไม่รู้ว่า   ตัวสินค้าจะดีหรือไม่  หากไม่รู้เลย  เจอครั้งแรก  ก็ต้องดูป้ายสินค้านั่นแหละ แต่เมื่อดิฉันอยากซื้อสินค้า   นอกจากจะดูคุณสมบัติที่ตีไว้    ดิฉันก็มองคุณภาพของสินค้าด้วย     เช่น    มีประสบการณ์เด่นชัด    ไว้วางใจได้  สามารถทำให้การเรียนน่าสนใจ  สนุก   ใช้งานได้จริงไม่เลี้ยงไข้   และหลายครั้ง    มองตัวสินค้าโดยไม่มีใบโฆษณาคุณสมบัติด้วยซ้ำไป ในอดีต  ครูดีๆของเรามากมาย  ไม่ได้มีใบคุณสมบัติพวกนี้  แต่คุณครูเหล่านั้น  สอนความรู้ให้เราเป็นคนเต็มคน   ทั้งกายจิตใจวิญญาณได้     สาวๆที่มีสามีฝรั่ง บางคนฝึกจากประสบการณ์ทักษะการใช้บ่อยๆ   ก็เก่งได้โดยไม่มีครูใบอนุญาตมาสอน เคยคุยกับอาจารย์นักกฎหมายที่พยายามจะสอนเราให้เข้าใจเรื่องกฎหมายด้วยเมตตาและเจตนาที่ดี      ยังนึกชมว่า    ถ่ายทอดได้ดีมากๆ  ในมุมมองหลายๆมุม  โดยเฉพาะมุมที่เป็นธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเพื่อนมนุษย์ประเทศชาติ        พวกเค้า   ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู     มันเป็นกฎเกณฑ์ที่สร้างขึ้นมา  แล้วพยายามบ่งบอกว่า  มันคือมาตรฐานในเบื้องต้น    น่าเสียดาย   ครูดีๆ  มากมาย   ที่จิตใจดี   มีความรู้ความสามารถเอาใจใส่ที่จะสอน   ไม่สนใจจะวิ่งตามมาตรฐานพวกนี้   พวกเค้าจึงอยู่นิ่ง  และเริ่มหายไปจากสังคม  เพราะกลุ่มคนที่สร้างมาตรฐานป่าวประกาศว่า    ใครไม่มีใบคุณสมบัติ    คือ   ผู้ไม่มีมาตรฐาน    ซึ่งมาตรฐานกลุ่มนี้ยังบังคับใช้เฉพาะครูประถม  ครูมัธยม  ผู้ต้องการประกอบวิชาชีพครูอิสระ    ไม่กล้าเอื้อมไปบังคับอาจารย์มหาวิทยาลัย    อาจาย์หมอ  อาจารย์กฎหมาย    ฯลฯ     และบีบครูประถม  ครูมัธยมต่อไป     1-2 ปีที่ผ่านมา  มาตรฐานที่ว่า  เปลี่ยนบ่อยมาก   ถ้าจะวิ่งตามให้ทัน  ก็เหนื่อยอยู่นะ จากคุณ : หญิง (น้องหญิงอนัตตา) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 10:54:37

ความคิดเห็นที่ 2 ตามกฎหมาย จำเป็นต้องมีเฉพาะครูที่สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเท่านั้นค่ะ หรือง่ายๆ สำหรับโรงเรียนรัฐบาล เอกชน หรือโรงเรียนสอนพิเศษอื่นๆ อาจารย์ระดับมหาวิทยาลัย ก็ไม่จำเป็นต้องมี ขนาดคำที่ใช้ยังต่างกัน ประถม มัธยม - ครู ระดับมหาวิทยาลัย - อาจารย์ ..สองคำนี้ความหมายต่างกันนะคะ คนไม่มีใบอนุญาตฯ ก็สอนได้ ตามจิตใต้สำนึกของความเป็นผู้ให้ เมื่อก่อนดิฉันก็สอนโดยที่ไม่มีใบอนุญาตฯ ก็สอนได้ มีความสุข แต่มันแตกต่างตรงที่ ตอนที่ไม่มีใบอนุญาตฯ ก็ไม่สามารถสอบบรรจุ/ไม่มีสิทธิ์สอบรรจุเข้ารับราชการเท่านั้นเอง คนที่อยากเป็นครู ไม่มีใบอนุญาตฯ ก็สอนในโรงเรียนได้ โดยให้ทางโรงเรียนทำเรื่องชี้แจงไปคุรุสภา ก็สามารถสอนได้ แต่ก็เป็นอัตราจ้างนะคะ เพราะถ้าต้องการเป็นข้าราชการครู จำเป็นต้องมีใบอนุญาตฯ ครูก่อน เพราะว่าข้าราชการที่ดี จะต้องประพฤติตนตามกฎหมาย หากข้าราชการครูทำตัวอยู่เหนือกฎหมายแล้ว จะสอนใครเขาได้ แม้กระทั่งครูยังไม่ทำตาม จริงอยู่ที่มันปิดกั้นโอกาสสำหรับคนที่จะมาเป็นครู ดิฉันเห็นใจ แต่ดิฉันคิดว่ามันก็ต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะเท่าที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นจะมีใครชื่นชมครูสักนิดว่าดี มีแต่ว่าว่าสอนให้เด็กโง่ลงๆ สิ่งที่นึงยังแย่อยู่คือ วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ยกตัวอย่าง ถามว่า จขกท สอนภาษาอังกฤษ เก่งภาษาอังกฤษมากๆ แต่ได้บรรจุ รร ประถม และ ผอ ให้ไปสอน ป.1 ต้องสอนทุกวิชา โดยเฉพาะ สอนให้เด็ก ป.1 อ่านออกเขียนได้ ถามว่าคุณจะทำได้มั้ย ที่ทุกคนต้องอ่านออกเขียนได้ 100% ถ้าโรงเรียนที่ได้เรียกบรรจุ มีแค่โรงเรียนนี้เท่านั้นที่มีตำแหน่งว่าง พอที่จะเรียกคุณบรรจุเข้ารับราชการได้ คุณจำเป็นต้องไปสอน คุณจะทำอย่างไร ด้วยสภาพและปัญหาของการศีกษาบ้านเรา.. ครูต้องเก่งไม่ใช่แค่ด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ต้องสามารถบูรณาการสอนได้หลากหลายวิชา เพื่อแก้ปัญหาในการขาดแคลนครู เช่น ครูย้าย ลาคลอด ป่วย ลาศีกษาต่อ ลาออกเพระาได้งานใหม่ มันมีปัจจัยปัญหาหลายๆ อย่างเข้ามาในโรงเรียน จะมองแค่เพียงว่าข้าพเจ้าสอนวิชานี้เก่งมาก ข้าพเจ้าจะสอนวิชานี้เพียงเท่านั้น วิชาอื่นข้าพเจ้าไม่เอา ด้วยจรรยาบรรณวิชาชีพครู ก็ต้องสอนจริงไหมคะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ถนัด แต่เราก็ต้องพยายามศึกษาเพิ่มเติม เพราะความรู้ระดับมัธยม + ประถม ไม่จำเป็นต้องขั้นเทพ ถึงจะสอนได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสอน ไม่ใช่เพียงเพราะเราเป็นคนป้อนให้เท่านั้น ถึงจะสัมฤทธิ์ผล จะต้องสอนให้เขารู้จักที่จะเรียนรู้ด้วย นี่สิถึงจะจำเป็นมากกว่าครูที่สอนเก่งๆ เพราะหากไม่มีครูที่สอนเก่งๆ แต่สามารถปลูกฝังให้เด็กๆ รักที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมได้ เด็กจะได้เรียนรู้จริงมากกว่า เหมือนกับประโยคที่ว่า "ครูสอนเด็กไม่ได้เรียน แต่ครูไม่ได้สอนเด็กกลับได้เรียน" หมายถึงว่า เมือ่ครูไม่ได้สอน เมื่อเด็กลองฝึกทำ เด็กถึงเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง การฟังจากครูบอก เป็นเพียงสิ่งที่รู้สิ่งที่ได้ยิน ไม่ใช่สิ่งที่ได้เรียนรู้ (จากตัวเอง) "คนเป็นครู จะต้องสอนวิธีหาปลาให้เขา มากกว่าหาปลาป้อนให้เขากิน เพราะหากวันนึงที่เขาไม่มีครูอยู่ด้วย เขาจะหากินด้วยตนเองได้อย่างไร" ที่ผ่านมา เราเจอ และอยากได้ครูที่ป้อนความรู้ เพื่อให้เด็กเก่งใช่หรือไม่ แต่เคยคิดไหมว่า หากเขาไม่มีครู เขาจะเรียนรู้ได้อย่างไร ดิฉันไม่ได้เรียนครูมาโดยตรง รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ความรู้พื้นฐานของการเป็นครูจากการเรียนโดยตรง ทำให้ขาดทักษะหลายๆ อย่างที่คนที่จบครูมาโดยตรงเขาได้ประสบการณ์มา ดิฉันสอบได้ลำดับที่ดีกว่าคนที่จบมาโดยตรง แต่ดิฉันด้อยทักษะและประสบการณ์มากกว่าเขาเยอะ ซึ่งกว่าจะเรียนรู้ประสบการณ์ในการบริหารจัดการในห้องเรียน ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร หากมองในความเป็นจริงแล้วจะมีครูสักกี่คนที่จะพยายามฝึกฝน สิ่งที่ครูเก่งๆ หลายคนจะพลาด คือ การคิดว่าเราสอนเก่งแล้ว เด็กก็จะรู้เรื่อง แต่จริงๆ เด็กไม่รุ้เรื่อง จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเด็กเป็นรายบุคคล เพื่อทราบถึงปัญหา ครูจะสักแต่สอนแค่สมอง มันไม่ใช่ครู เป็นเพียงแค่ผู้สอน ครูนั้นจำเป็นต้องสอนสมอง และหัวใจ เข้าไปด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่อยากจะเป็นครูทั้งหลายหรือแม้กระทั่งครูพันธุ์ใหม่ทั้งหลาย เคยคิดในมุมนี้บ้างหรือไม่ ซึ่ง..ตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ จากที่อยู่ในวงการ มีเพื่อนๆ บรรจุใหม่หลายคน ก่อนมาก็บอกว่ามีอุดมการณ์ดี เก่ง แต่สุดท้ายก็ถูกกลืนไปกับระบบที่คนอยู่ทำให้มันแย่ลงๆ ใครจะมาอยากเป็นครูกันเพราะเงินเดือนมันน้อย ความรับผิดชอบสูง 95% อยากเป็นครูเพราะได้บรรจุเป็นข้าราชการ เพราะมั่นคง กู้เงินได้ และอาชีพข้าราชการครูสิ่งที่โกงได้ คือเวลา เอาไปทำไม ก็หารายได้เสริม ขายเครื่องสำอางค์ ทำยังไงได้ เงินเดือนไม่พอใช้ เพราะหากต้องการเป็นครูจริงๆ โดยที่ไม่เกี่ยงเรื่องเงินหรือเรื่องอื่นๆ มาเป็นเหตุหรือผลในการเรียนครูกันตั้งแต่แรก   ถามว่าครูพวกนี้เก่งไหม... เก่งค่ะ แต่เสียดายที่ถูกกลืนไปกับระบบเสียแล้ว มันเลยเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ และ..คนที่เข้ามาใหม่ จะมีสักกี่คนที่ไม่ถูกกลืนไป ก็เข้าใจค่ะ ว่าคนเราต่างการมีความต้องการพื้นฐานเหมือนกัน แต่มาอ้างสารพัดสำหรับบางคนนะคะ มันดูตลกอ่ะค่ะ ส่วนตัวมองว่า ไม่ว่าใครก็สามารถที่จะเป็นครูได้ แต่ในเมื่อก้าวแรกคุณไม่ได้เลือกทางนี้ คุณก็น่าจะที่พยายามหาวิธีที่มันพอจะมีช่องทางให้เป็นครูได้ ในเมื่อไม่เดินตามระบบตั้งแต่แรก จะไประโดดเข้ารั้วเขาเมื่อทางมันไกลแล้ว มันก็ยากที่เขาจะให้เข้าไป และดิฉันก็พอเข้าใจว่า ปัจจัยที่เป็นพื้นฐานหลักๆ ของการไม่เรียนครูแต่แรก ก็มาจากค่านิยม เช่น ก็สอบติดคณะนี้ ซึ่งถ้าจบแล้วจะสามารถหางาน และเงินได้เยอะกว่า เมื่ออิ่มตัวก็อยากเป้นครูกัน และบางคนก็บอกว่าไม่อยากเรียน มรภ. เพราะคิดว่าไม่ได้ความรู้ (ซึ่งคนเราจะเก่งหรือไม่ตัวเราน่าจะเป็นหลักมากกว่าสถาบัน) บางคนก็อ้างว่าเพราะด้วยไม่มีโอกาส หลายคนมองครู เป็นอาชีพไปเสียแล้ว จะเหลือสักกี่คนที่จะมองว่ามันมากกว่าคำว่าอาชีพ ดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้เรียนสายครูมาโดยตรง ก็พยายามขนขวายในการเป็นครูให้ได้ ทางไหนที่เป็นได้ ก็เดินไป จนวันที่ได้บรรจุเข้ารับราชการ รู้สึกภาคภูมิใจใจตัวเองมาก ที่สามารถต่อสู้กับอุปสรรคที่เจอ จากการยื่นเทียบโอนเพื่อขอใบอนุญาตฯ 8 เดือน และเสียสิทธิ์สอบบรรจุ 2 ครั้งใน 1 ปี วันที่ได้บรรจุมันรู้สึกว่าวันนั้นเรามีศักดิ์และสิทธิ์ในคำว่าครูเต็มตัว และรู้สึกขอบคุณอุปสรรคที่เข้ามากดดันให้ตัวเองต้องขนขวายและกระตือรืนร้นจนได้มีวันนี้ อยากให้มองดิฉันเป็นตัวอย่างนะคะ ครูไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ค่ะ แต่ผู้สอนนั้นเป็นง่าย หากใจรักที่จะเป็นผู้ให้โดยใจจริง ผลสุดท้ายสิ่งดีๆ จะเข้ามาหาเราเองค่ะ จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 12:28:37

ความคิดเห็นที่ 3 คงต้องมองตั้งแต่เด็กๆ เข้ามหาวิทยาลัยว่าเลือกคณะที่เกี่ยวกับครูโดยตรง แล้วค่านิยมของอาชีพนี้ในสังคมไทยของเราเป็นอย่างไร เด็กเก่ง ๆ ก็มักจะเลือกเรียน หมอ วิศวะ บัญชี อักษร ศิลปศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ ฯลฯ คณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากเด็กกลุ่มนี้มากสักเท่าไหร่ เด็กกลุ่มนี้อาจจะได้รับการฝึกเรื่องของการศึกษาโดยตรง การเขียนแผนการสอน วิธีการสอน การสึกษาปฐมวัย ฯลฯ แต่เรื่องของความแม่นยำในเนื้อหาก็ยังน่าเป็นห่วง ในทางกลับกันคนที่จบคณะอื่นถ้าอยากเป็นครูก็จ้องไปสอบใบประกอบวิชาชีพครู บางทีก็เหนื่อย มันน่าจะมีทางออกอื่นสิน้า จากคุณ : hisophobia (hisophobia) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 12:53:04

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีครับคุณ][NuUnAn-- ผมเองก็สอนเเบบไม่มีใบ เเบบอัตราว่าจ้างรายปี ผมจบอักษรฯ เอกอังกฤษเเละประวัติศาสาตร์ อยู่ต่างประเทศมา 14 ปีกว่า เเละสอนมาได้ 15 ปีเเล้ว มั่นใจว่ามีความรู้เพียบพร้อม ผมเองไม่ได้คิดอยากจะรับการบรรจุทั้งสิ้นครับ ผมกลับเมืองไทยปลายปี 46 เพื่อนครูบอกว่า กฏหมายใหม่จะออก เดือนมิถุนายน เขาเเจ้งว่า คนที่ไม่ได้จบครู เเต่ สอนมานาน ไม่ต้องไปเรียน ไปขอใบได้ ผมไม่รู้ เเละผมไม่ได้สนใจที่จะ------บรรจุ-------- ก็เลยสอนเเบบไม่รู้ว่าต้องมีใบ เพิ่งมาต้นปีนี้ที่โรงเรียนเขาประชาสัมพันธ์เรื่องการที่ต้องมีใบอนุญาต ยังไม่รู้เลยว่า เพราะเริ่มจะอิ่มตัวกับโรงเรียนเหมือนกัน ทุกวันนี้ใส่หมวก 2 ใบ เป็นทั้งครูในภาคการศึกษานานาชาติ+ติวเตอร์ สวมหมวก 2 ใบ ก็เหนื่อยมาก ๆๆ เเต่เหนื่อยใจกว่า ครูบางคน ก็ว่าติวเตอร์จัง ติวเตอร์บางคนที่ยังหนุ่มสาว ก็ดูถูกครูจัง ผมอธิบายให้ฟังทั้งครูเเละติวเตอร์บางคน ครูดี ๆมีมากมาย เเต่รายได้มันน้อยนะ เเต่ต้อง-----สอนคน------- ยากที่สุดเเละเป็นงานหนักเเละละเอียดอ่อนครับ บางครั้งต้องชนกับผู้ปกครอง เพราะจากประสบการณ์ ลูก ๆ คือเทวดาเเละนางฟ้าตัวน้อยของผู้ปกครองส่วนใหญ่นะครับ ไม่เคยผิด เเละอีกสารพัดครับ เเละติวเตอร์ดี ๆ ก็มีเยอะ เด็กมันไม่ผิดหรอกที่อยากจะรวย เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 12:53:22 A:192.168.55.110 X:58.8.136.175 TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 5 คุณต้นสบายดีหรือ ไม่ได้เจอะเจอกันเลย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 13:13:12

ความคิดเห็นที่ 6 นั่นสิครับพี่ต้นหายไปนานเลย :) จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 13:16:58

ความคิดเห็นที่ 7 ยินดีที่ได้รู้จักคุณ tonmelb (คงชื่อคุณต้น) บางคนก็มีแนวทางเลือกต่างกันค่ะ สิ่งที่แนนพยายามจะสื่อ คือใบอนุญาตฯ ซึ่งมีปัญหามานานและเยอะ ซึ่งเขาก็บังคับเฉพาะคนที่อยู่ในระบบ เช่น พวกข้าราชการ แต่ในกรณีคุณต้นเขาไม่ได้บังคับ กรณีติวเตอร์ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง หากไม่ต้องการเข้ามาอยู่ในระบบที่ต้องถูกกดดันและบีบบังคับ โดยที่หลายๆ คนอาจจะไม่ศรัทธา อาจารย์มหาลัยก็ไม่ได้บังคับ ซึ่งไปทำงานด้านติวเตอร์เขาก็น่าจะได้ค่าตอบแทนที่สูงกว่า และความรับผิดชอบน้อยกว่า และถ้าพูดถึงประสบการณ์แนนคงเทียบชั้นคุณไม่ได้แน่ๆ เพราะชั่วโมงบินยังน้อยกว่าคุณมาก มุมมองของการเป็นครู ที่ไม่ใช่อาชีพครู เพราะหลายคนมองเป็นอาชีพ มันถึงเป็นแบบนี้ไงคะ อย่างที่บอกว่าส่วนนึงมาจากคนในระบบเอง ยังไม่รักและศรัทธาเลย ทุกวันนี้มันถึงได้เป็นแบบนี้ ครูดีๆ ก็โดนด่าเหมารวมกันไป ซึ่งหากคนที่เขาไม่ได้จบครูมาโดยตรง เขาอยากเป็นครูเขาก็สามารถเดินตามคุณต้นได้ค่ะ แต่ถ้าเมื่อไรที่เขาอยากจะเข้ามาอยู่ในระบบ เขาควรที่จะเดินเข้าไปในระบบ เหมือนอย่างที่แนนเคยเดิน โดยที่มันก็ไม่มีอะไรเสียหาย เพียงแค่เสียเวลาไปกับการที่เราไม่เลือกทางนั้นตั้งแต่แรก มันก็เหมือนกับการหลงทาง แน่นอนเมื่อเราเจอจุดหมายแล้วแต่ก็มีอุปสรรคขวางทางบ้าง ซึ่งเราก็ต้องยอมรับมัน กฎหมายก็มาจากคนที่เราเลือกเขาไปทำงานแล้วออกกฎหมายมาปี 46 บังคับใช้ตั้งแต่ปี 48 ก็นานแล้วนะคะ ไม่ใช่เพิ่งเปลี่ยน คนเกิดเร็วก็โชคดีไป คนเกิดทีหลังก็ถูกบีบด้วยระบบมากมาย เหนื่อยเหมือนกันค่ะ จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 14:08:22

ความคิดเห็นที่ 8 จริงๆแล้วไอ้ใบอนุญาตครูนี้ถ้าเข้าใจไม่ผิดนะ เขาเอาไว้ใช้สอนในโรงเรียนระดับประถมมัธยมใช่ไหม? ซึ่งคนเก่งภาษาอังกฤษมากๆระดับเทพเขาก็ไม่อยากสอนในโีรงเรียนประถมมัธยมอยู่แล้วนะเพราะค่าตอบแทนมันน้อย แต่เขาจะทำเหมือนๆ อาจารย์สงวน วงศ์สุชาติ (ที่จบรัฐศาสตร์จุฬา แต่โคตรเก่งอังกฤษ) ทำนั่นแหละ คือเปิดติวภาษาอังกฤษโดยเป็นธุรกิจส่วนตัวแล้วก็ทำเงินได้ตั้งมากมาย เพื่อนร่วมงานเก่าคนหนึ่งจบครุศาสตร์จุัฬาเอกการสอนภาษาอังกฤษ รายนี้ภาษาอังกฤษเ่ก่งน่ากลัวแฮะ แถมเก่งภาษาไทยระดับเทพอีกต่างหาก เด็กอักษรศาสตร์จุฬาที่ว่าเก่งๆหรือคนจบจากต่างประเทศที่ว่าเก่งๆยังทาบรัศมีเขาด้านภาษาอังกฤษได้ยากมากๆ (เราเคยสังเกตการณ์ตอนเขาดวลภาษาอังกฤษกับเด็กอักษรศาสตร์มหาลัยเดียวกันมาแล้วในบริษัท...น่าตื่นเต้นมากๆ กว่าจะรู้แพ้รู้ชนะกันนี้ดวลกันหลายปี...)  เพื่อนเราคนนี้มีสิทธิ์รับใบอนุญาตครูเต็มๆเลยเพราะเรียนครูมาโดยตรง แต่เขาไม่เคยเป็นครูเลย  เขาเขียนภาษาอังกฤษได้สวยงามน่าประทับใจมากๆ ตอนนี้เขากลายเป็น professional journalist ไปซะแล้ว (ทำงานให้หนังสือพิมพ์ฝรั่ง) เราประเมินว่าเพื่อนเราคนนี้ที่จบครุศาสตร์จุฬาเอกการสอนภาษาอังกฤษนะ เขาเก่งทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยทาบรัศมีอาจารย์ที่สอนปริญญาโทการแปลที่จุฬาได้สบายๆเลยหละ...ประวัติเขาน่าทึ่งมากๆ ตอนเรียนปี2 ปี3 ที่จุฬา เขาเขียน essay ไปอาจารย์ฝรั่งทำท่าจะงอแงไม่ยอมให้คะแนนเพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาไปจ้างฝรั่งเขียน เขาเป็นลูกคนจีนเกิดในเมืองไทยรู้ภาษาจีนมากพอสมควร รู้ภาษาเยอรมันอีกนิดหน่อย รู้ภาษาญี่ปุ่นอีกนิดหน่อย...ไม่เคยมีประวัติว่าไปเรียนภาษาอะไรที่ต่างแดนเลย...เรียนในเมืองไทยนี่แหละ อะโห คนอะไรเก่งชมัดเลย... เราเคยถามเพื่อนร่วมงานเก่าคนนี้เล่นๆว่า "อยากเป็นครูสอนภาษาอังกฤษไหม?" เขาแค่หัวเราะหึๆ แล้วสั่นหัว... ตกลงคนเก่งอังกฤษมากๆก็ไม่ค่อยอยากจะยึดอาชีพครูสอนอังกฤษระดับประถมกับมัธยมอยู่แล้ว แล้วดันไปออกกฎหมายกีดกันคนโน้นคนนี้เขาทำไมกัน งง? แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 53 15:58:23 แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 53 15:47:49 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 15:40:03

ความคิดเห็นที่ 9 เดี๋ยวนี้มันเป็นยุคการสื่อสารไร้พรมแดนแล้ว ใครพูด ฟัง อ่าน เขียนอังกฤษได้คล่องๆ ถ้าเก่ง ICT แล้วมีสมองพลิกแพลงซะอย่าง ไม่ต้องเรียนครูมาก็สอนภาษาอังกฤษได้ เพราะหาสื่อการสอนดีๆจากเน็ตได้สบายๆ แต่ในทางกลับกันครูสอนภาษาอังกฤษที่มีใบอนุญาตครูแต่พูดกับฟังภาษาอังกฤษไม่กระดิกหู และไม่เก่ง ICT ไม่มีทางทำแบบนี้ได้ เลย จะเห็นได้ว่าคนพูด ฟัง อ่าน เขียนอังกฤษเก่งๆ (ที่ไม่ได้เรียนครูมา) สามารถเอาบทเรียนจากเน็ตมาสรุปหรือขยายความเพื่อสร้างสื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆให้นักเรียนไทยในระดับประถมหรือมัธยม (หรือแม้กระทั่งระดับสูงกว่านั้น) ได้สบายๆ (คนไทยที่เคยล้างชามที่อเมริกาไม่มีปริญญาทำได้ดีกว่าคนจบครูในเมืองไทยมีใบอนุญาตครูแต่ฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง(ที่หน่วยงานด้านการศึกษาไทยพยายามเอามาฝึก)) ลองไปดูกระทู้นี้เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10057998/K10057998.html แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 53 18:18:00 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 18:15:08

ความคิดเห็นที่ 10 ด้วยคำถามไม่ชัดเจน  แต่เข้าใจถึงความหมายที่ต้องการจะสื่อค่ะ T_T แต่ถ้าถามว่าคิดอย่างไร ก้ต้องตอบแบบเข้าข้างวิชาชีพตนเองว่า "แล้วไง ก็ตูเรียนมา เหนื่อยยาก ทำแผน อ่านหลักสูตร ฝึกสอน ผจญเด็ก จนมีประสบการณ์ ตูที่จบมาสายตรง ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว" แต่ก็คงดูทัศนคติคับแคบใช่ไหมคะ จริงๆก็อยากบอกว่า บางเรื่องก็ควรพิจารณาให้เหมาะสม คนที่เก่งต้องการเป็นครูจริงๆก็น่าให้โอกาส แต่บางครั้งคนแบบนั้นต้องการโอกาสแบบนี้สักกี่คน(เข้าใจไหมเนี่ย?) เมื่อเทียบกับคนเก่งธรรมดาดันไม่มีอาชีพเลยต้องเป็นครู เลยเข้ามาสู่อาชีพครูแบบงงๆ รออาชีพอื่นๆ แล้วพอเกิดปัญหาต่างๆก็เริ่มเรียกร้อง เพราะการใมีใบประกอบจะดีกว่าอยู่นิดหน่อย (นิดหน่อยจริงๆ เมื่อเทียบกับวิชาชีพอื่นๆ) แบบนี้ยุติธรรมต่อคนที่เรียนครูมาโดยตรงไหม ว่ากันด้วยความตั้งใจนะค่ะ ไม่กล่าวถึงทักษะ เพราะก็ต้องยอมรับคนที่จบครูเก่งๆหลายคนก็ไม่ได้เป็นครูหรอก ออกไปเป็นอย่างอื่นถมไป -*- จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 18:22:29

ความคิดเห็นที่ 11 จริงๆก็น่าจะให้สอบใบประกอบวิชาชีพทุกคน กำหนดว่า ต้องอบรมวิชาเกี่ยวกับการสอนกี่อย่างๆกี่ชั่วโมงก็ว่าไป สอบฝึกสอน แล้วก็สอบวิชาเฉพาะที่ต้องใช้ในสาขาตัวเอง ไม่ว่าจะจบครูหรือจบอย่างอื่นก็ตาม คนเรียนครูก็เรียนวิชาครูมาแล้วในหลักสูตรตัวเอง ฝึกสอนก็ผ่านมาแล้ว ก็ไปสอบวิชาเฉพาะของตัวเองให้ผ่านเสีย คนจบอย่างอื่นก็ต้องไปอบรมวิชาครู ไปฝึกสอน เท่านี่ก็น่าจะได้คนที่เก่งผ่านมาตรฐาน แล้วก็เป็นครูได้ นะคะ จากคุณ : dittaya เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 19:19:54

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นครูสอนภาษาอังกฤษคนหนึ่งที่จบครูโดยตรงค่ะ เคยได้ยินผู้อำนวยการท่านหนึ่งกล่าวว่า ผู้ที่จบวิชาครูมาโดยตรง กับผู้ที่ไม่ได้จบครู วิธีการสัมผัสเด็กนั้นต่างกัน เขาไม่ได้ต้องการคนที่มีความรู้เท่านั้น แต่เขาต้องการคนที่มีทั้งความรู้และความเป็นครูด้วย แต่สำหรับตัวดิฉันเองคิดว่า คนที่ ไม่ได้จบการสอนมา แต่ถ้ามีใจรัก หมั่นขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม หาเทคนิคการสอนต่าง ๆ มาสอน และรู้จักสอนความเป็นคน ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้แก่ผู้เรียนด้วยก็สมควรจะได้เป็นครู บางคนอาจจะค้นพบว่าตัวเองชอบอะไรช้า ก็เลยไม่ได้เลือกเรียนตั้งแต่ต้นก็ได้ ดิฉันเคยถูกให้สอน ป.1 ทุกวิชา ที่มันทำใจยอมรับลำบากเพราะ โรงเรียนไม่ได้ขาดครูผู้สอนระดับประถม ป.1 ร.ร.ต้องการเอกอังกฤษ แต่พอได้ไป ครูเก่าไม่ยอมให้สอน ก็เลยต้องส่งเอกอังกฤษลง ป.1 แทน แต่พอมีการประเมินโรงเรียนในฝัน กลับให้เราสอนอังกฤษโชว์และช่วยเหลือทุกอย่าง จนร.ร.ผ่านการประเมิน เทอมถัดมามีเอกอังกฤษย้ายมาเพิ่มอีก 1 คน กลับให้สอนวิชาอังกฤษ และให้เราสอนป.1 ทุกวิชาเหมือนเดิม ทั้ง ๆที่เราขอสอนอังกฤษ ป.5-6 เพราะเราต้องการทำวิจัยเชิงทดลอง เพราะต้องทำปริญญานิพนธ์ ให้จบทันเวลา 5 ปี โรงเรียนก็เป็นโรงเรียนประถมขนาดใหญ่ประจำอำเภอ มีครูเกินอัตราด้วยซ้ำ   ถ้าโรงเรียนขาดแคลนครู เด็ก ๆไม่มีครูสอน ไม่มีคนดูแล ดิฉันคงไม่รู้สึกแย่อย่างนี้ ตรงกันข้ามกลับจะดีใจและภูมิใจด้วยซ้ำที่ได้เสียสละเพื่อเด็ก ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ฝันร้ายมันผ่านไปแล้ว หลังจากที่ดิฉันได้เพียรภาวนา สวดมนต์ทุกวัน ดิฉันได้ตัดสินใจ สอบบรรจุใหม่ และก็สอบได้  แต่ครั้งนี้ ได้บรรจุโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ ใกล้บ้าน(5 กิโล) สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าเดิมมาก ๆ แถมบรรยากาศในโรงเรียน เพื่อนร่วมงาน และนักเรียนก็ดี รู้สึกคุ้นเคยเพราะเคยสอนโรงเรียนมัธยมที่ กทม. มานานหลายปี แต่ที่ตัดสินใจกลับบ้านเพราะต้องการกลับมาอยู่ดูแลพ่อแม่ ด้วยเป็นลูกคนเล็ก พี่ๆ แยะย้ายกันไปหมดแล้ว และต้องเป็นข้าราชการเพราะต้องการกู้เงินมาใช้หนี้ให้พ่อแม่ จากธุรกิจบ้านจัดสรรที่โดนโกงและเป็นหนี้อยู่เกือบ 2 ล้าน ตอนนี้มีความสุขกับการเป็นครูสุด ๆ และได้สอนในวิชาที่ตนเองรักและถนัด มีเวทีให้แสดงความสามารถและศักยภาพอย่างเต็มที่ ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ด้วยเทคนิคต่าง ๆที่แปลกใหม่ให้กับผู้เรียน ยิ่งเห็นผู้เรียน เรียนด้วยความสนุกและเข้าใจ ยิ่งมีความสุข อยากจะหาสิ่งดี ๆสนุกๆ มาให้ผู้เรียนอยู่เสมอ จากคุณ : ฟ้าหลังฝน (AunRak) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 21:08:00

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแสดงความเห็นนะคะ จากที่ได้ฟังครูมืออาชีพได้เขียนมาในความเห็นข้างต้นก็เริ่มเข้าใจค่ะ จริงๆ เราเองก็คิดว่าพวกติวเตอร์ หรืออาจารย์สอนพิเศษคงไม่ได้รับผลกระทบมากมายกับนโยบายนี้หรอกค่ะ เพราะยังไงก็ยังมีพื้นที่ให้หากินกันถมไป ไม่ด้านครูก็ด้านอื่น   และเห็นด้วยที่ว่าการเป็นครูประจำนั้นต้องอึดกว่ามาก ด้วยความที่ต้องดูแลรับผิดชอบเด็กครึ่งร้อยต่อห้อง ยิ่งมากคนยิ่งมากปัญหา บางคนเกร็ดเลือดต่ำ บางคนเลือดออกจมูกอยู่บ่อยๆ บางคนตัวร้อนจะชัก ไหนจะปัญหาผู้ปกครองเอาแต่ใจ ฯลฯ สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมันสาหัสจริงๆ โดยเฉพาะครูที่รับผิดชอบในวัยประถม ฉะนั้นคนที่ไม่มีใจรักจริงๆ หรือไม่ได้ทุ่มเทเวลาเรียนด้านคุรุศาสตร์ตั้งแต่ต้นจึงมีโอกาสที่จะรู้สึกท้อแล้วลาจากอาชีพนี้ไปโดยง่าย นึกดีใจว่าอย่างน้อยกระทู้นี้ทำให้ได้เห็นคนเป็นครูไม่ว่าจะใน หรือนอกระบบว่าล้วนมีจุดร่วมตรงกันตรงที่อยากพัฒนาเด็กให้ดีและเก่งยิ่งขึ้น ขอบคุณมากค่ะ ป.ล.เราให้ give ไม่ได้ในความเห็นที่ 1 และ 4 และไม่รู้จะทำยังไงให้ความเห็นของคุณขึ้นมาเป็นรูปหัวใจเพื่อสามารถให้ give ได้ด้วย ขออภัยค่ะ จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 11:37:29

ความคิดเห็นที่ 14 ความเก่งในวิชาการและการถ่ายทอด สามารถฝึกฝนและขวนขวายได้ แต่คุณธรรมและความดี เราไม่สามารถระบุได้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีสถาบันและหลักสูตรที่ต้องหล่อหลอมก่อนเข้าสู่วิชาชีพ แม้จะได้ไม่ทั้งหมด อย่างน้อยบุคคลที่จะเป็นครูเหล่านั้นก็ยังได้ผ่านกระบวนการหล่อหลอมแล้วในระดับหนึ่ง ส่วนต่อมามันคือพื้นฐานที่เขามีมาแต่เดิมแล้ว เมื่อบุคคลใดผ่านกระบวนการหล่อหลอมตามระบบ บุคคลนั้นย่อมได้รับสิทธ์นั้นโดยทันที แต่บุคคลใดที่ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการหล่อหลอมโดยตรง มีความต้องการที่จะเข้าสู่วังวนของวิชาชีพครู ย่อมต้องทำตามกติกาของกระบวนการวิชาชีพนั้นๆ เพื่อการคัดกรองบุคคลเข้าสู่วิชาชีพครู อนาคต เราหวังว่า เราจะได้คนที่เก่งวิชาการ เลือกที่จะเรียนวิชาครูเป็นอันดับต้นๆ เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ระบบเช่นนี้ชัดเจนในระบบของการเข้ารับราชการครูระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับต่ำกว่าปริญญาตรี แต่หากบุคคลใด ต้องการแค่สอนหนังสือโดยไม่ได้คำนึงถึงการสอบบรรจุ สามารถทำได้ตามปกติ จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 11:59:28

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ Dear ...Khun (somkamol), #14, You sound like an officer in the Ministry of Education. OK. Let's have a dialog. .. Your comments: ความเก่งในวิชาการและการถ่ายทอด สามารถฝึกฝนและขวนขวายได้ My response: It takes years to acquire proficiency in English. Granting someone who can't speak English to save his or her life a license to teach English  just because he or she has a Bachelor of Education is something really crazy. Your comments: แต่คุณธรรมและความดี เราไม่สามารถระบุได้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีสถาบันและหลักสูตรที่ต้องหล่อหลอมก่อนเข้าสู่วิชาชีพ แม้จะได้ไม่ทั้งหมด อย่างน้อยบุคคลที่จะเป็นครูเหล่านั้นก็ยังได้ผ่านกระบวนการหล่อหลอมแล้วในระดับหนึ่ง ส่วนต่อมามันคือพื้นฐานที่เขามีมาแต่เดิมแล้ว My response: That's not the point. We are talking about English teachers. Many people who are bad at English go to teachers training colleges, so we end up with many English teachers who have teaching licenses but can't teach English to save their lives. Your comments: เมื่อบุคคลใดผ่านกระบวนการหล่อหลอมตามระบบ บุคคลนั้นย่อมได้รับสิทธ์นั้นโดยทันที   My response: True. They have all the rights, privileges and honors appertaining to their Bachelor of Education and teaching license, but it doesn't necessarily mean that they can teach English. Your comments: แต่บุคคลใดที่ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการหล่อหลอมโดยตรง มีความต้องการที่จะเข้าสู่วังวนของวิชาชีพครู ย่อมต้องทำตามกติกาของกระบวนการวิชาชีพนั้นๆ เพื่อการคัดกรองบุคคลเข้าสู่วิชาชีพครู My response: You are right.  That's why many born teachers open their own tutorial schools to make money. So, what kind of people make useful contributions to the traditional  primary and secondary schools? Your comments: อนาคต เราหวังว่า เราจะได้คนที่เก่งวิชาการ เลือกที่จะเรียนวิชาครูเป็นอันดับต้นๆ เพิ่มมากขึ้น My response: I don't think so, if the compensation remains so low. Do you know this saying? If you pay peanuts, you'll only attract monkeys! ......................................................................... I think you must have come right out from the Ministry of Education rulebook or even a comicbook. I make my comments not because I want to teach English in a primary or secondary school.  I do so because I'm pissed off reading the ideas of educators who come right out from a comicbook! แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 53 14:03:47 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 13:58:40

ความคิดเห็นที่ 16 เรียนคุณ fortuneteller ดิชั้นคงมิบังอาจโต้ตอบคุณเป็นภาษาอังกฤษได้ แต่ก็พอจะรู้เรื่องในสิ่งที่คุณคอมเม้นท์ และโดยภาษาอังกฤษที่ดิชั้นได้มาทั้งหมดก็เกิดจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองนอกห้องเรียนเป็นส่วนใหญ่ สิ่งหนึ่งที่บางครั้งดิชั้นคิดว่าอยากจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับใครหลายๆ คนในห้องนี้ เกี่ยวกับเส้นทางเดินเข้าสู่วิชาชีพครู  แต่กลับพบเจอว่า ผู้ที่ตอบกระทู้มักที่จะมองในมิติของตนเองเป็นส่วนใหญ่  บางครั้งก็มีการนำไปแอบอ้างในกลุ่มบางกลุ่ม ทำให้ได้แต่เฝ้ามองเฉยๆ หรือบางครั้งกลับโดนต่อว่าว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น ทำไมต้องทำอย่างนี้  ทั้งๆ ที่เรากำลังถกถึงประเด็นนั้นๆ แต่เสมือนหนึ่งว่าดิชั้นได้กระทำมันด้วยตัวเองเสียมาก แท้ที่จริงทุกสิ่งล้วนมีกระบวนการที่มาแทบทั้งสิ้น ใช่ค่ะ my sound like an officer in the Ministry of Education อย่างที่คุณกล่าว ดิชั้นยอมรับว่า คุณfortuneteller มีความเก่งและเชี่ยวชาญในภาษาอังกฤษอย่างมากคนหนึ่ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณfortuneteller จะเป็นผู้ที่ถูกต้องทั้งหมด การได้มาซึ่งภาษาอังกฤษที่คุณfortunetellerได้มานั้น ย่อมเป็นโอกาสของคุณfortuneteller   แต่จะมีใครอีกซักกี่คนที่มีโอกาสอย่างคุณfortuneteller หากมองให้กว้าง มองในภาพรวม มิใช่เพียงแค่คนกลุ่มหนึ่ง ประเทศไทยเรามีกลุ่มคนที่ขาดแคลนมากกว่าคุณfortunetellerอีกมากมาย การที่จะก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดที่คุณfortunetellerยืนอยู่นี้ มีปริมาณที่น้อยมาก ไม่ใช่เค้าไม่ต้องการ หรือไม่ขวยขวาย แต่โอกาสของเขาไม่มี  ไม่ว่าจะด้วยระยะทาง  เวลา และทรัพย์ที่จะเอื้ออำนวยแก่เขา และเช่นกันว่า หากใครที่มีโอกาสเช่นคุณ ก็ควรที่จะมีช่องทางในสร้างเม็ดเงินที่ควรจะได้ แน่นอนว่าโรงเรียนกวดวิชาก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่จะสร้างเม็ดเงินนั้น ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ในข่ายที่ต้องเข้าระบบแต่อย่างใด เป็นสิทธิเสรีภาพที่ผู้กวดวิชาจะสร้างสรรค์วิธีการเรียนการสอนเองทั้งหมด โดยผู้กวดวิชาไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ เลย การแก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มเงินเดือนครูให้สูงขึ้น แน่นอนว่ามันช่วยแก้ปัญหาบางอย่าง  แต่หากเพิ่มเงินเดือนสูง เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพอ และแค่ไหนถึงจะพอ สมมุติว่า ครูคนหนึ่งเงินเดือน 50,000 บาท/เดือน  แต่เขาต้องการมีบ้านราคา 10 ล้าน รถเบนซ์รุ่นใหม่ล่าสุด แถมท้ายด้วยเมียน้อยซัก 1 คน  (เชื่อเถอะว่าสังคมทุกวันนี้มีความอยากเช่นนี้เกิดขึ้นจริง)  50,000 บาทนี้จะสนองตอบความต้องการเขาได้หรือไม่ ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่สิ้นสุดความอยาก อัตราค่าตอบแทนเท่าไหร่ละจึงจะพอ  และถ้าเรามองย้อนกลับไป เงินเดือนครูทุกวันนี้เดินมาไกลกว่าเดิมมากพอสมควร ในระยะยาวเอง ครูก็เงินเดือนไปไกลถึงเกือบแสนบาททีเดียว   อย่างไรเสีย ดิชั้นหวังว่า จะได้รับความเห็นของคุณ fortuneteller ในแง่มิติของสังคมที่กว้างกว่านี้บ้างนะคะ จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 53 17:18:02

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยกับแทบทุกความเห็น แม้จะมีบางมุมมองจากตนเอง แต่ก็เป็นความจริงที่การเรียนการสอนในระดับขั้นพื้นฐานเราต้องพัฒนาเร่งด่วน มีปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะ...ครูไม่ได้รับการสนับสนุนให้สามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพ.....       ขอใช้วลีข้างบน ย้ำ...ครูไม่ได้รับการสนับสนุนให้สามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพ       ไม่ใช่ครูที่จบตรงวุฒิมาไม่มีคุณภาพ       ไม่ใช่ครูที่จบไม่ตรงวุฒิมาไม่มีคุณภาพ       ไม่ใช่หลักสูตรไม่มีคุณภาพ        และ ไม่ใช่เด็กไม่มีคุณภาพ       หลักการความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ใครจะปฏิเสธว่า ค่าตอบแทน ผลตอบแทน ที่ได้จากการทำงาน มีความหมาย และมาก       คุณให้ครูเงินเดือนน้อยๆ ทำอะไรบ้าง ตอบ มากมายหลายอย่าง ที่ดึงครูออกห่างจากการพัฒนา       ได้เห็นผู้บริหารคิดแบบคห.ข้างบนเยอะ จะให้ค่าตอบแทนครูสูงๆ ไปทำไม ไหนละผลงาน ใช่! มนุษย์ไม่สิ้นสุดความอยาก แต่ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่ไม่รู้จักพอ และมนุษย์คนไหนจะทนความอด ความไม่พอได้? เงินเดือนปัจจุบันมันไม่พอ ไม่ใช่มากมายอะไรเลย จะซื้อรถบ้าน ต้องผ่อนต้องกู้ ต้องยืม        รู้สึกเข้าใจครูน้อย มากๆ ยิ่งมากเมื่อได้ยินคนใหญ่ๆ พูดทำนองเช่นนี้  หลายคนไม่เห็นปย.ของการขึ้นค่าตอบแทน ไม่เห็นความสำคัญแม้การมีสื่อวัสดุพื้นฐานที่จำเป็น ตัวอย่างเช่นมีบอกให้เห็นคะแนนเด็กสูงๆ ก่อน หรือไม่คุณก็เปิดสอนนอกหลักสูตรให้ได้กำไรมาให้หน่วยงานก่อน แล้วค่อยลง ห้องปฏิบัติการภาษา หรือ ห้อง SAC        แต่ก่อนก็มีมุมมองเหมือนผู้ปกครองของเด็กๆ ที่มักมองว่า ครูไม่เอาใจใส่ เอาเวลาไปขายตรงบ้าง ทำงานอื่นบ้าง แต่ตอนนี้ เข้าใจครูไทย เงินเดือนน้อย สังคมรอบกายมีวัตถุต่างๆ รอให้ซื้อให้หา จะให้เขามานั่งเสียสละ โดยที่คุณให้ค่าตอบแทนงานที่ต้องมีคุณภาพ...แค่นี้        กระทรวงรื้อนโยบาย วางแผนพัฒนาโน่นนี่ รื้อมากี่ครั้งแล้ว จะให้ครูเดินไปในทิศไหน  แผนจะใหม่ จะแนว อย่างไรไม่สำเร็จหรอก ถ้าไม่มีแรงจูงใจที่ดี        อ่านหลายความเห็นมาก็แน่ใจ ว่าคนเก่งที่มีทางเลือก(ในค่าตอบแทนที่ดีกว่า) ใครจะมาเป็น ครูไทย              และคนที่ไม่ได้เก่งมาก แต่อยากเป็นครู จะทำอย่างไรให้เขาพัฒนาคุณภาพได้มาตรฐานและ...ต้องยั่งยืน ไม่งั้นปัญหาคุณภาพครูก็จะทำให้เด็กเรียนได้ไม่ดีเป็นลูกโซ่ตลอดไป ต่อให้นโยบายสวยหรูแค่ไหน ก็แค่กระดาษ เปลืองต้นไม้ เสียเวลานั่งศึกษานโยบายใหม่ที่มีแต่ภาพรวมกว้างฟังดูดี แต่ไม่ชัดเจนในทางปฎิบัติ(ตย.ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เข้าใจถ่องแท้ตรงกันหรือยัง)         ใครจะว่าไง เราว่าต้องเริ่มจากแรงจูงใจที่ดีก่อน อย่างอื่นๆ จะตามมาเอง         โปรดสนับสนุนครูให้ทำงานคุณภาพและพัฒนาคุณภาพเถอะ อย่าไปทำลาย จากคุณ : โจแดง เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 03:56:36

ความคิดเห็นที่ 18 เงินเดือนไม่พอ งั้นไปขายของดีกว่าแฮะ คิดการเล็กซิ อย่าไปคิดการใหญ่ คิดการใหญ่มันใช้ต้นทุนเยอะ ยกตัวอย่าง ทำเรื่องน้ำสุขภาพ ไปขายตามงานต่างๆ เลิกเมื่อไหร่ก็ได้ หรือจะขายของอย่างอื่น ไม่จำเป็นว่าต้องไปสมัครงานที่ไหน? อะไร? แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 15:00:44 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 13:50:22

ความคิดเห็นที่ 19 หน่วยงานทำงานแบบหน้ามึนตาใส คำที่เขียนบนกระดาษคือ วิชาชีพชั้นสูง ทางปฏิบัติกลับกลายเป็น อาชีพสงวน เมื่อบุคคลใดผ่านกระบวนการหล่อหลอมตามระบบ บุคคลนั้นย่อมได้รับสิทธ์นั้นโดยทันที ((แม้บางคนจะหลอมมาไม่เป็นทรงก็ตาม)) จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 14:39:12

ความคิดเห็นที่ 20 อยากเป็นครู ก็ต้องเรียนคณะครู ส่วนอยากได้ความเชี่ยวชาญทาง...(วิชาอะไรก็แล้วแต่).....วันหน้าก็ไปเรียนเพิ่มเอาซิคะ vs โครงการ Teach First ไอเดียกระจายครูเก่งสู่โรงเรียนมัธยม http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10016937/X10016937.html แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 14:52:43 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 14:40:20

ความคิดเห็นที่ 21 ถึง คุณtemp003184  โพสต์ที่ # 18 ดิชั้นไม่ทราบว่าขณะนี้สังคมของเด็กรุ่นหลังๆ ทำไมถึงใช้วิธีตัดต่อคำพูด หรือ ใช้วิธีพูดแบบให้คนอ่านคนฟังเข้าใจเอาเองเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในโพสต์ที่ #18 และที่ดิชั้นงงมากที่สุดก็คือ คุณtemp003184 ที่ได้ตามตอแยดิชั้นไปในแทบทุกกระทู้ที่ดิชั้นเข้ามาถกประเด็นต่างๆ ด้วยในพันทิพย์นี้  บังเอิญว่าดิชั้นไม่รู้จริงๆ ว่าคุณtemp003184  เป็นใคร แต่คิดว่าคุณtemp003184  รู้ว่าดิชั้นเป็นใคร ข้อความที่คุณtemp003184  ในโพสต์ที่ #18 คุณtemp003184  ได้ไปก๊อปปี้มาจากเวบรุ่นในชั้น ป.โท ของดิชั้น และนำมาตัดต่อ ดิชั้นขออนุญาตผู้อ่านในกระทู้นี้แสดงโพสต์ที่แท้จริงของสิ่งที่คุณtemp003184  ได้ตัดต่อไว้ แต่ไม่สามารถยกมาได้ทั้งโพสต์ คงเอามาแต่ประโยคที่คุณtemp003184  นำมาตัดเท่านั้น ทั้งนี้โพสต์ที่ว่านี้คือ มีเด็กในรุ่นคนหนึ่งเขารู้สึกท้อแท้กับชีวิตของเขาที่กำลังจะให้ถูกออกจากงาน เพียงเพราะเขาไปสอบบรจุได้โรงเรียนจึงให้ออก และดิชั้นได้ให้คำแนะนำแก่เขา โดยยกตัวอย่างจากงานอดิเรกที่ดิชั้นทำ   ชื่อกระทู้คือ "ชีวิต มหาบัณฑิต ผู้ตกอับ" ความคิดเห็นที่ 6   "..(ชื่อ).." คิดการเล็กซิ อย่าไปคิดการใหญ่ คิดการใหญ่มันใช้ต้นทุนเยอะ ก็คิดการเล็ก ยกตัวอย่าง "ตอนนี้พี่ทำเรื่องน้ำสุขภาพ ไปขายตามงานต่างๆ ทุนเริ่มต้นที่หลักพัน บางครั้งก็ใช้วิธีเครดิต ขึ้นอยู่กับว่า เราจะมีวิธีบริหารจัดการอย่างไร" ชีวิตทุกคนมีปัญหา อยู่ที่ว่าจะแก้ไขกันอย่างไร .................................................. งานบางอย่างก็ไม่กระทบใคร เช่น ขายน้ำสุขภาพอย่างพี่ เลิกเมื่อไหร่ก็ได้ หรือจะขายของอย่างอื่น ไม่จำเป็นว่าต้องไปสมัครงานที่ไหน? อะไร? ในตอนนี้ ส่วนโพสต์ที่ # 20 ก็นำมาจากห้องพันธ์ทิพย์เนี่ยแหละ เป็นประเด็นที่ผู้ถาม ถามว่า อยากเป็นครูจะเรียนอะไรดีระหว่างคณะ........ซึ่งจำได้ประมาณนี้ ซึ่งจาก 3 โพสต์ ที่โชว์นี้ #18 #19 #20 ชัดเจนเหลือเกินว่า มีนัยยะส่งถึงดิชั้นแน่นอน เหตุผลหนึ่ง ที่ต้องโพสต์ในนี้ เพราะไม่ทราบว่าติดต่อคุณได้ทางใดดี จึงต้องผ่านมาทางนี้ ดังนั้น ขอถามคุณtemp003184 ว่า คุณมีข้อคับข้องใจสิ่งใดกับดิชั้น หากไม่ต้องการพูดทางนี้อีเมล์ถึงดิชั้นได้ค่ะ somkamol@ksp.or.th หรือจะเข้าไปหาดิชั้นที่ที่ทำงานก็ได้ เพราะดิชั้นทราบว่าคุณรู้ดีว่าดิชั้นอยู่ที่ไหน และต้องขออภัยคุณด้วยที่ไม่สามารถให้คุณเข้าไปดูรายละเอียดใดๆ ในเวบรุ่น ของ ป.โท ที่ดิชั้นร่วมรุ่นกับเขาได้ ดิชั้นชอบคนจริง ถ้าคุณคิดว่าคุณคิดดี คิดชอบ กับการพัฒนาวิชาชีพครู และอยากจะให้มันเป็นไปในทางที่ดีจริงๆ แบบลูกผู้ชายควรจะทำ ติดต่อมาทางอีเมล์ที่ได้ให้ไว้เลยค่ะ แต่ย้ำว่า ต้องเป็นตัวคุณเท่านั้น มิใช่ตัวแทน จากคุณ : ..... (somkamol) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 16:44:37

ความคิดเห็นที่ 22 ขอเป็นกำลังใจให้พี่ somkamol นะคะ คนที่เขาอ่าน และเขารู้ และเท่าที่เคยตอบกันมาหลายกระทู้ก่อนหน้านี้แล้ว login ก็เดิมๆ หลายๆ คนก็คงจะมองออกว่าใครเป็นยังไง คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่่อค่ะ ขนาดแนนเองทำบล็อกเกี่ยวกับขอใบอนุญาตฯ ครู แค่เราบอกให้เขากลับไปอ่าน เขายังว่าเราไม่มีดีเลย ไร้จรรยาบรรณวิชาชีพครูบ้าง ไม่ได้ตอบเขาในฐานะครูบ้าง ทั้งๆ ที่เราเขียนบล็อกในฐานะแค่คนๆ นึง ที่อยากจะเผยแพร่ความรู้ และทำก่อนที่จะมีศักดิ์และสิทธิ์ในคำว่าครูเต็มตัวซะด้วยซ้ำ ไม่พอใจก็ว่าเขาไปทั่วโดยไม่กลับไปย้อนมองตัวเองเล้ย ว่าดีแล้วหรือยัง แนนเลยไม่ค่อยสนใจแล้วค่ะเดี่ยวนี้ สู้ๆ นะคะ จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 19:11:16

ความคิดเห็นที่ 23 ที่โพสทั้ง3คห.นั่น ก็จำขี้ปากมาพูดต่อ ไม่ได้ส่งถึงคุณโดยเฉพาะเจาะจง แต่บังเอิญคุณจำได้ว่ามันเป็นคำของคุณก็เลยนึกว่าผมส่งหาคุณละมั๊ง อ้อ และเท่าที่เห็นคุณโพสข้อความเต็ม มันก็ไม่ได้บิดเบือนความหมายอะไรนี่นา ที่ดิชั้นงงมากที่สุดก็คือ คุณtemp003184 ที่ได้ตามตอแยดิชั้นไปในแทบทุกกระทู้ที่ดิชั้นเข้ามาถก >>>ผมสุ่มๆอ่านกระทู้เรื่องครูน่ะครับ แต่คุณจนท.เป็นขาประจำที่นี่ก็ย่อมตอบแทบทุกกระทู้ ผมเข้ากระทู้ไหนก็มักไม่พ้นเจอคุณอยู่ก่อนล่ะครับ ไม่ใช่ว่ามานั่งติดตามมองหาตัวคุณsomkamol ผมไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของคุณ และไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ต้องติดต่อโดยตรงกับคุณ แค่ประชาชนทั่วไปนั่งอ่านข่าว แล้วนั่งพิมพ์เป็นนักเลงคียบอร์ด โพสมั่ง โดนลบมั่ง ที่เวบหน่วยงานแห่งนึงก็เคยโพสนะ(ที่นั่นลบเร็วดีแฮะ) ที่จริง ถ้าแค่อยากด่าผมเฉยๆก็หลังไมค์มาได้ครับ สบายใจเถอะว่าผมไม่เอาอะไรที่คุย"หลังไมค์หรือmsn"ไปแฉอยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 01:19:43 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 01:18:02 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 00:28:18 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 22:28:35 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 22:25:10 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 22:03:54 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 20:40:32 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 20:37:29

ความคิดเห็นที่ 24 อ้าว กำลังอ่านเพลินๆ กลายเป็นกระทู้ดราม่าไปแล้วแฮะ ไม่ใช่ไม่ชอบ ชอบ ปัดฝุ่น ปูเสื่อ นั่งเกาะขอบเวทีคอยจ้องตาแป๋วเชียว ว่ากันให้สุดฤทธิ์ได้เลย อย่าให้เสียเที่ยวที่ไทยมุงเกรดเอมาเองเป็นอันขาด จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 23:33:32

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับพี่ fortunetellerเเละคุณ][NuUnAn-- เเละสวัสดีคุณแอ๊ด ปากเกร็ด เเละน้องเมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง ผมสบายดีครับ ช่วงนี้รีเอนจีเนียริ่งตัวเองใหม่หมดเลย ค่าใช้จ่าย(ตั้งเเต่มีเเฟน) สูงขึ้นนะ เเต่นิสัยเสีย ๆ หายไปเยอะครับ เเฟนเป็น ญ เก่ง เเละเกิดปีเสือ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ขอบคุณครับพี่ fortunetellerเเละคุณ][NuUnAn-- ตามตรงเเล้ว ลึก ๆ ผมถนัดติวมากกว่าเป็นครู เเต่ผมจิตใจดีนะ มีความโอบอ้อมอารี ใจดีกับเด็ก ๆ ผมได้ต่อสัญญาทุกปีล่ะครับ ถึงเเม้ว่าไม่ยากนักที่จะได้ต่อ เเละความปรารถลึก ๆ คือ ----------อยากเก่งภาษาอังกฤษกว่านี้ เก่งเทียบเท่าอาจารย์สงวน เมื่ออายุเท่าอาจารย์เขา ยิ่งดี--------- เเต่ที่ทำงานอยู่ ผมว่ามันง่ายสำหรับผมมาก การทำงานที่โรงเรียนมันก็ช่วยให้ผมเก่งขึ้น เเต่ไม่มากเเละช้า [เเน่นอนครับ ครูนั้น หน้าที่จริง ๆ ไม่ได้เเค่สอนวิชาการ เเต่สอนคนให้เป็นคน] มันไม่ดุเดือดเหมือนผมสวมบทบาทเป็นติวเตอร์ เพราะมันต้องพัฒนาตัวเอง มาในวันนี้ ผม 39 เต็มเมื่อเดือนที่เเล้ว เเละสอนมา 15 ปี + จับปลา 2 มือมาได้ 7 ปีกว่าตั้งเเต่กลับเมืองไทย พอมีกฏหมายนี้ขึ้นมา ผมว่านะ จากที่หลาย ๆคนอยากจะกลับไปสอนในโรงเรียน อาจต้องคิดนาน ๆ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 12:19:21 A:192.168.55.110 X:58.8.225.95 TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเห็นด้วยกับหลาย ๆความคิด รวมถึงความเห็นของคุณ][NuUnAn ผมเข้าใจ เเต่ผมคงเสียสละไม่พอ -----------------------[เเน่นอนครับ ครูนั้น หน้าที่จริง ๆ ไม่ได้เเค่สอนวิชาการ เเต่ สอนคนให้เป็นคน]-------------------------------- เเต่ทำไมผมถึงเป็นครูในโรงเรียนได้ถึง 7 ปี เพราะผมมีความรู้สึกอยากปลูกฝังให้เด็กนักเรียนเป็นคนดี คนเก่งในสังคม สวมหมวก 2 ใบ เหนื่อยหน่อย เเต่รู้สึกดี เพราะผมก็ไม่รู้นะ ถ้าผมต้องออกไปเป็นติวเตอร์เต็มตัว ผมว่า ผมคงคิดถึงเด็ก ๆ เเละความสุขที่เงินมาทดเเทนไม่ได้นะ เด็กเเละผู้ปกครองรู้สึกกับครูต่างกับติวเตอร์นะครับ ผมว่าคนที่เป็นครู จะรู้ว่า ความสุขที่โรงเรียนเอาเงินมาทดเเทนไม่ได้เลย (ถึงเเม้เงินจะสำคัญก็ตาม) เเต่ผมเป๋นติวเตอร์ เพราะยังมีความอยาก ความอยาก: เก่งภาษาขั้นเทพเรียกพี่ ที่โรงเรียนช่วยไม่ได้มากนัก เพราะเขาไม่ได้เน้นที่วิชาการมากเท่าที่ติวเตอร์ ( ซึ่งผมว่ามันดีเเล้ว โรงเรียนให้สังคมกับเด็ก สอนเด็กได้มากกว่า คนที่เป็นติวเตอร์ก็ทราบ) ความอยาก: เรื่องรายได้ เพราะทุกวันนี้รายจ่าย 6 หมื่นกว่า ลดจาก 7 หมื่นนะ เพราะไม่กินกาเเฟเเล้ว+ขึ้น Taxi น้อยลง สุดท้ายนี้ ขอให้รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นชุดไหน ขอให้เข้ามาช่วยสนับสนุนครูดี ๆ ด้วยเถอะ ขอบคุณครับ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 12:25:05 A:192.168.55.110 X:58.8.225.95 TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 27 ถึงคุณ temp003184 และขอโทษชาวห้องสมุดที่ต้องได้อ่านข้อความอันเหมือนวิวาทะนี้ ดิชั้นคงไม่เสียมารยาทในการที่จะถกประเด็นต่างๆ โดยไร้สาระ ถ้าหากประเด็นนั้นๆ จะไม่ได้เจาะจงเฉพาะพิเศษมาที่ดิชั้น และต้องขออภัยคุณtemp003184 ที่ไม่อาจจะฝากหลังไมค์ได้ อันเนื่องมาจากความ low tec. ของดิชั้น และเพื่อให้ใครอีกหลายๆ คนที่เข้ามาอ่าน อาจจะได้รู้จักคุณ temp003184 และช่วยบอกดิชั้นได้ว่า ทำไมคุณtemp003184 ถึงได้ใช้ถ้อยคำที่เหมือนจะรู้จักดิชั้นดี จากโพสต์ # 23 โดยเฉพาะประโยคนี้ "ถ้าแค่อยากด่าผมเฉยๆก็หลังไมค์มาได้ครับ สบายใจเถอะว่าผมไม่เอาอะไรที่คุย"หลังไมค์หรือmsn"ไปแฉอยู่แล้ว " เหมือนว่าคุณtemp003184 รู้จักดิชั้นเคยสนทนาวิสาสะดิชั้นผ่านทาง msn หรือเป็นเพื่อนดิชั้นอยู่แล้ว เหตุผลคือ msn ของดิชั้นแอดรับเฉพาะเพื่อนฝูงที่รู้จักและเห็นหน้ากันเท่านั้น ไม่เคยรับแอดผู้ที่ไม่ใช่เพื่อนหรือไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และถ้ารับแอดแล้ว คนๆ นั้นคือเพื่อนคนพิเศษจริงๆ และเมื่อพบเจอสิ่งใดที่ดีมีประโยชน์ต่อกลุ่มเพื่อนๆ ก็จะพยายามกระจายข่าวสารให้อย่างครบถ้วนกระบวนความ เพราะฉะนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ที่ดิชั้นจะทำเช่นนั้นกับเพื่อนๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเพื่อนๆ ที่มีอยู่คงจะเลิกคบดิชั้นกันแล้ว ย้ำว่า "เพื่อน" แต่ทุกวันนี้เพื่อนๆ ก็ยังอยู่ครบเหมือนเดิม คุณtemp003184เอง เข้าไปในเวบรุ่นของดิชั้นและนำข้อความจากเวบรุ่นดิชั้นมาใช้ รวมทั้งเข้าไปโพสต่อว่าดิชั้นในเวบรุ่นของดิชั้น ทั้งๆ ที่ดิชั้นมิเคยได้มีข้อความอันใด ถึงคุณtemp003184 และดิชั้นยังไม่เคยต่อว่าคุณtemp003184ในเวบรุ่นของดิชั้น แม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่ นั่นคือการเสียมารยาทอย่างมากที่คุณtemp003184ได้ทำลงไป ในทีนี้ ก็เลยอยากจะถามถึงประโยคที่คุณtemp003184 ต่อว่ามา และขอหลักฐาน ถึงสิ่งที่คุณtemp003184ได้กล่าวถึง 1.หลังไมค์ อันไหนที่คุณส่งถึงดิชั้นหรือดิชั้นส่งถึงคุณ แล้วดิชั้นเอามาโชว์ แล้วเหตุใดจึงมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น? 2.msn ใดที่คุณส่งถึงดิชั้น หรือดิชั้นส่งถึงคุณ แล้วดิชั้นเอามาแฉ เรื่องอะไร? ต้นเหตุมาจากอะไร? ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น? ขอเหตุผล 3." ที่เวบหน่วยงานแห่งนึงก็เคยโพสนะ(ที่นั่นลบเร็วดีแฮะ)" คืออะไร? เวบชื่ออะไร? เหตุใดจึงโดนลบ? 4." ย่อมตอบแทบทุกกระทู้ " ช่วยนับให้หน่อยได้ไหมว่ากี่กระทู้ ดิชั้นก็งงมาก ที่คิดว่าดิชั้นตอบทุกกระทู้ ทั้งๆ ที่ดิชั้นนับเอง ตั้งแต่เข้าห้องนี้มาไม่กี่ปี ไม่น่าจะถึง 50 โพสต์ด้วยซ้ำไป เลยอยากจะเห็นว่าอันไหนบ้าง และนี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ไม่อยากให้ข้อมูลที่เป็นจริง เพราะเจอกรณีของคุณtemp003184 5. " ถ้าแค่อยากด่าผมเฉยๆก็หลังไมค์มาได้ครับ " ตรงไหนที่เรียกว่าด่า ขอความกรุณาชี้แนะ จะได้เว้นคำพูดนั้น อย่างไรเสีย คุณtemp003184 ก็ช่วยตอบบนนี้ก็แล้วกันค่ะ คนอื่นๆ จะได้ช่วยดูให้ดิชั้นด้วยว่าคุณเป็นใคร และขออภัยต่อท่านผู้อ่านทุกท่านที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่ไม่ค่อยสบายใจ ที่เห็นบุคคลท่านนี้กระทำพฤติกรรมเยี่ยงนี้โดยไม่มีมูลเหตุ ซึ่งตัวดิชั้นมั่นใจว่า มิได้กระทำสิ่งใดต่อคุณtemp003184 หากคุณtemp003184 มั่นใจว่าดิชั้น ได้กระทำสิ่งใดต่อคุณtemp003184 จริง ช่วยกรุณาชี้แนะให้ดิชั้นเห็นด้วยว่า การกระทำใดที่ดิชั้นได้ทำต่อคุณtemp003184 อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณไม่พอใจดิชั้น และขอหลักฐานนั้นๆ ด้วย อย่ากล่าวหาลอยๆ แบบพูดไม่จบเช่นนี้ จะได้เคลียร์กันได้เลย จากคุณ : .. (somkamol) เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 13:20:26

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่าผมคง low tec. กว่าคุณอีกนะเนี่ย เพราะอย่างน้อยคุณก็ทำบล็อกพันทาวน์เป็น สร้างกลุ่มในเฟซบุ๊คเป็น แต่ผมแค่โพสพันทิพเป็น -_-" ถ้าหากประเด็นนั้นๆ จะไม่ได้เจาะจงเฉพาะพิเศษมาที่ดิชั้น >ที่จริง #18-20ผมก็โพสไปเฉยๆ คุณนึกเองว่าผมส่งถึงคุณโดยตรงเจาะจง ผมก็เลยตอบให้แบบเจาะจงที่#23นั้นแหละ ใครอีกหลายๆ คนที่เข้ามาอ่าน อาจจะได้รู้จักคุณ temp003184 และช่วยบอกดิชั้นได้ว่า ทำไมคุณtemp003184 ถึงได้ใช้ถ้อยคำที่เหมือนจะรู้จักดิชั้นดี >ผมบอกคุณไปแล้วที่เวบรุ่นของคุณ ว่าผมเห็นชื่อuserคุณจากกระทู้เรื่องป.บัณฑิต แล้วผมก็เลยไปgoogle เจอเวบรุ่นคุณไง (ตอนนั้นคิดว่าคุณเป็นจนท.คุรุสภา เพราะข้อมูลคุณละเอียด เลยsearchดูเล่นๆ) และผมก็ไม่ได้รู้จักคุณดีหรอก บอกแล้วว่าผมไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ที่จะคอยเกาะติดคุณ -_-" เมื่อพบเจอสิ่งใดที่ดีมีประโยชน์ต่อกลุ่มเพื่อนๆ ก็จะพยายามกระจายข่าวสารให้อย่างครบถ้วนกระบวนความ >ผมก็บอกแล้ว ว่าไม่มีปัญหาอะไรกับตัวคุณ แถมต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำ เพราะเวบรุ่นของคุณ มันทำให้ปชช.รู้ว่านโยบายของหน่วยงานบางแห่ง มีแนวทางแบบไหน ตรงหรือไม่ตรงกับที่ผู้ใหญ่ให้สัมภาษณ์ออกข่าว ต้องขอบคุณคุณจริงๆ (เสียดายว่าผมเข้าไปดูเวบคุณไม่ได้แล้วซิ) เป็นไปไม่ได้ ที่ดิชั้นจะทำเช่นนั้นกับเพื่อนๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเพื่อนๆ ที่มีอยู่คงจะเลิกคบดิชั้นกันแล้ว ย้ำว่า "เพื่อน" แต่ทุกวันนี้เพื่อนๆ ก็ยังอยู่ครบเหมือนเดิม >ยินดีด้วยครับ ผมก็ชอบนะ เพื่อนๆรักกัน ว่าแต่ในสายตาพวกคุณ คุณแพะที่เวบรุ่นเขากลายเป็นผู้บริสุทธิ์หรือยังครับ เขาก็เพื่อนคุณคนนึงนะ อยากให้เพื่อนเข้าใจกันนะครับ (ผมไม่อาจทราบความคืบหน้าได้) เข้าไปในเวบรุ่นของดิชั้นและนำข้อความจากเวบรุ่นดิชั้นมาใช้ รวมทั้งเข้าไปโพสต่อว่าดิชั้นในเวบรุ่นของดิชั้น ทั้งๆ ที่ดิชั้นมิเคยได้มีข้อความอันใด ถึงคุณtemp003184 และดิชั้นยังไม่เคยต่อว่าคุณtemp003184ในเวบรุ่นของดิชั้น แม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่ นั่นคือการเสียมารยาทอย่างมากที่คุณtemp003184ได้ทำลงไป >เปรียบเทียบinternetคือท้องถนน พวกคุณตั้งเต้นท์คุยกันอยู่ข้างถนน ผมก็สาระแนจริงๆที่เดินไปยืนฟังอยู่เป็นเดือน อันนี้ยอมรับ แต่ครั้งที่ผมต้องพูดแทรกที่เต้นท์ข้างถนน ก็เพราะคุณเข้าใจผิด ไปฟาดใส่คุณแพะซะหลายดอก ผมจึงต้องแสดงตัวว่า "เฮ้ ผมเดินผ่านมายืนฟังอยู่เองนะ" ที่โพล่งไปนั่น ผมเสียมารยาท ผมทำไม่ถูก ไม่มีข้อแก้ตัวแน่ แต่เพื่อช่วยแพะ ผมก็เต็มใจปากเสียล่ะครับ (ถ้าคุณว่าผม ไม่ไปโดนแพะด้วย ผมก็คงไม่ตอบหรอก เพราะผมไปอยู่ผิดที่เอง) และตอนนี้พวกคุณย้ายไปคุยกันในบ้านปิดประตูล็อก ผมก็ไม่สาระแนกว่านี้ถึงกับจะปีนบ้านเข้าไปฟังหรอกค๊าบ ตอบรวมคำถามข้อ1,2เลยนะ >เรื่องแฉเหรอครับ ผมบอกเหรอว่าคุณแฉที่คุณคุย กับผม หรือ กับใคร ??? ที่ไหน??? ผมก็แค่บอกไว้ก่อนว่า ถ้าคุณส่งมา ผมจะไม่ทำอย่างงั้นหรอก ไหงรีบร้อนแปลเป็นผมว่าคุณทำล่ะ??? คุณคงไม่เข้าใจผิดเพิ่มอีกว่าผมเป็นuserท่านอื่นที่พันทิพนี่หรอกนา ผมเล่นเวบนี้มาร่วม10ปีแล้ว แต่เพิ่งสมัครสมาชิกตั้งแต่ที่ได้อ่านข่าวเดือนส.ค.น่ะแหละ เดิมก็ไม่ได้อ่านห้องนี้มากหรอกครับ ข้อ3 ก็แค่หน่วยงานแห่งนึง มีทั้งกระทู้ด่ากัน มีทั้งกระทู้แจ้งข่าว/สอบถาม adminก็ต้องคอยดูแล ลบมั่งไม่ลบมั่ง ก็เป็นเรื่องปกติครับ ข้อ4 ผมบอกเหรอว่าแทบทุกกระทู้ในห้องสมุด ผมเองก็อ่านทุกกระทู้ซะเมื่อไหร่ล่ะ #23ก็บอกแล้วว่าผมสุ่มอ่านกระทู้เกี่ยวกับเรื่องครู okผมใช้คำไม่ชัด ทำให้ผู้อ่านจับความหมายไม่ได้ เอาเป็น 'อ่านกระทู้ก็เจอคุณอยู่บ่อยๆ(ท่านอื่นที่เจอบ่อยก็มี)' ละกันครับ นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ไม่อยากให้ข้อมูลที่เป็นจริง >ก็เป็นสิทธิของผู้ถือข้อมูลล่ะครับ แต่ข้อมูลจริง ไม่ได้จากจนท. แล้วปชช.จะไปหามันจากไหนล่ะครับ -_-" ข้อ5 ขอบคุณครับ ที่ไม่ด่า ไม่เสียดสี ^^ ดิชั้นมั่นใจว่า มิได้กระทำสิ่งใดต่อคุณtemp003184 หากคุณtemp003184 มั่นใจว่าดิชั้น ได้กระทำสิ่งใดต่อคุณtemp003184 จริง ช่วยกรุณาชี้แนะให้ดิชั้นเห็น >มั่นใจเถอะครับ คุณไม่ได้ทำอะไรผม และผมก็บอกแล้วว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตัวคุณ ผมก็แค่วิจารณ์นโยบายรัฐไปเรื่อย ประสานักเลงคียบอร์ด และก็บอกแล้วว่า ที่จริงต้องขอบคุณคุณ ที่มีข้อมูลดีๆมาให้ได้ทราบ ปล.อย่าคิดเองเออเอง เดาเล่นเป็นนักสืบเลยคร๊าบ ผมกะคุณไม่ได้รู้จักกันหรอก ไม่อยากให้เพื่อนคุณคนไหนหรือuserท่านอื่นที่พันทิพนี่เป็นแพะเพิ่มนะครับ ปล2.ย้ำอีกทีว่า ผมไม่ได้คอยไล่จิกกัดคุณสมกมล ผมแค่นักเลงคียบอร์ด วิจารณ์การทำงานของรัฐ ไม่ได้เจาะจงตัวจนท.รายคน ปล3.แต่หากถ้าจนท.ท่านอื่นท่านใด ผิดหลงไปว่าตัวเองคือรัฐหรือหน่วยงาน(มักเกิดกับจนท.ระดับสูง) ถ้าคิดว่าผมโจมตีตัวบุคคลเขา ก็อโหสิทีละกันนะ ขอโทษจขกท.ครับ กระทู้กลายพันธุ์ซะแล้ว แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 21:19:50 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 21:17:31 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 21:16:31 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 21:05:24 แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 20:54:28 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 20:48:58

ความคิดเห็นที่ 29 จะกี่กระทู้คุณ somkamol ก็ไม่ตอบให้ตรงคำถามซักทีนะครับ ทุกๆคนในกระทู้เขารู้กันอยู่แล้วครับว่าต้องทำตามระบบ ต้องทำตามกระบวนการ ถึงจะมีสิทธิ์ เราไม่ได้เรียกร้องให้มีการข้ามขั้นกระบวนการ หรือยกเลิกกระบวนการ แต่เราต้องการให้มี การเปลี่ยนแปลงกระบวนการ เห็นอยู่ชัดๆว่า ระบบมันมีช่องโหว่มาก คนที่อยากเป็นครู เป็นไม่ได้ คนที่เรียนครูเก่งๆก็ดันไม่ได้อยากเป็นครู แล้วเราจะหาครูดีๆได้อย่างไร ? ผมอยากไม่มองในแง่ร้ายนะครับ แต่เรียนตามตรงสิ่งที่ผม (และผู้อ่านคนอื่น) เข้าใจอยู่ตอนนี้ คุณกำลังหยิ่งในอาชีพจนมากเกินความพอดี ไม่ดูสภาพสังคมปัจจุบันเลยว่าเขาคิดว่าอาชีพครูเป็นอย่างไร คุณบอกว่า คนที่อยากเป็นครู แต่ไม่ได้เป็นครู หายาก เป็นส่วนน้อย แต่ผมว่า ระบบทุกวันนี้ มันทำให้ครูดีๆ หายากกว่าคนแบบคุณ fortuneteller อีก เพราะมันปิดกั้นไม่ให้คนมีความรู้เข้ามาเป็นง่ายๆสาเหตุหนึ่งละ และคนไทยไม่นิยมอาชีพครู ก็อีกเหตุผลหนึ่ง เห็นๆอยู่กระบวนการมันไม่สมเหตุสมผลกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสภาพสังคมปัจจุบัน ถ้ายังจับเอาเข้ากระบวนการเดิม วิธีการประมวลผลแบบเดิม ยังงี้จะใส่ input ไปอย่างไร output มันก็ออกมาแบบเดิมนั่นแหละครับ แทนที่จะแก้ที่ process กลับมานั่งรอ input คุณภาพดี แล้วแบบนี้เมื่อไรจะได้ output ตรงตามที่สังคมต้องการละครับ จากคุณ : Firion เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 03:24:35

ความคิดเห็นที่ 30 โอ้ ว้าววววว..ขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับคุณ temp003184 ที่เข้ามาให้ข้อมูลบางอย่างกับดิชั้น ได้ทราบว่าแหล่งที่มาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาได้อย่างไร พอจะเข้าใจแล้วล่ะค่ะว่า ต้นสายปลายเหตุมาจากอะไร ขอบพระคุณจากใจจริง จากความกระจ่างในโพสต์ # 28 แต่จะมาอธิบายในที่นี้คงไม่เหมาะอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวของกลุ่มคนบางกลุ่ม ซึ่งบุคคลผู้นั้นต้องบอกคุณtemp003184 นิดนึงว่าไม่ใช่ "เพื่อน" ขอย้ำนะว่าไม่ใช่ "เพื่อน" แต่คงไม่อธิบาย เนื่องจากนี่ไม่ใช่พื้นที่ของดิชั้น และดิชั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้าย ขอบพระคุณอีกหลายๆ ท่าน ที่เข้าใจว่าดิชั้นเป็นผู้บริหารระดับสูง ซึ่งในเรื่องนี้ คุณtemp003184 รู้ดี แต่หากข้อมูลและความเห็นที่ให้ได้โพสต์ไปนั้น เกิดข้อระคายเคืองแก่ผู้อ่าน ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และหากการโต้ตอบในที่นี้ ท่านผู้อ่านท่านใดคิดว่าไม่เหมะสม กรุณาแจ้งลบได้เลยค่ะ เพราะนาทีนี้ดิชั้นทราบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณtemp003184 ดังนั้น เพื่อไม่ให้ พื้นที่ในที่นี้ต้องเกิดข้อขัดเคืองใจ ก็ขออนุญาตบางท่านที่ต้องการข้อมูลส่งมาถามได้ที่อีเมล์ค่ะ ข้อดีของดิชั้นคือ อยู่ท่ามกลางบุคคลผู้ซึ่งเก่งเทคโนโลยี เลยทำให้มีเวบรุ่นหรือเฟสบุ๊คใช้ และเช่นเดียวกันก็ได้เห็นว่า เฟสบุ๊คของท่านคือ "กลุ่ม นิสิตนักศึกษา ผู้คัดค้านการยกเลิก ป.บัณฑิต(วิชาชีพครู)" ยิ่งทำให้ดิชั้นเข้าใจมากยิ่ง ดังนั้นดิชั้นจึงขอยุติข้อสงสัยแต่เพียงเท่านี้ เนื่องจากทราบสาเหตุแล้ว แต่อย่าถามหา "การอโหสิ" จากดิชั้น "เจ็บใจ คนรักโดนรังแก ข้าจะเผาเมืองแปรให้มันวอดวาย ผู้ชนะสิบทิศ ผู้ชนะสิบทิศ ผู้....ชนะ..สิบทิศศศศศศศ....." 55555555555555555+ จากคุณ : .... (somkamol) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 08:23:02

ความคิดเห็นที่ 31 บ้านเมืองจะเจริญขึ้นได้เมื่อทุกคนมาร่วมแรงร่วมใจดีเบทกันนะคะ หลายๆคนคงเห็นว่า "คนที่คิดไม่ตรงกับเรา คงไม่ใช่ว่าเค้าผิด" เป็นธรรมดาที่เราจะพบเจอคนที่คิดต่าง เราอยากให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองใจกว้าง รวมถึงผู้ที่มีอำนาจบริหารกระทรวงรับฟังและมองด้วยใจเป็นกลางคะว่า "จริงๆปัญหาการศึกษามันอยู่ที่ไหน?" "คุณกำลังเกาไม่ถูกที่คันหรือเปล่า?" และอาจจะมีครูวิชาชีพจบตรงสายครูหลายๆท่านแอบพูดอยู่ในใจว่า "คุณช่วยคิดหรือทำอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านี้ ที่จะสามารถแบ่งเบาพวกเราที่เป็นวิชาชีพจริงๆบ้างได้ไหม? เพราะเรื่องใบอนุญาตมันไม่มีผลที่จะ่ช่วยอะไรการศึกษาไทย หรือปัญหาที่พวกเขาประสบอยู่ได้ซักเท่าไรเลย" ปัญหาระบบการศึกษาทุกวันนี้มันมีมากกว่าเรื่องใบอนุญาต หรือจบสายครูมากนัก ที่แย่กว่านั้นปัญหามากมายเหล่านี้ถูกละเลยไม่ได้รับการแก้ไข เละเทะ และสร้างผลเสียอยู่อย่างนั้น เพราะไม่มีการระดมความคิดจากผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ หรือดีเบทกัน เราน่าจะได้ฟังเขาเหล่านั้นจากปากว่า จริงๆแล้วเค้าอยากให้รัฐทำอะไร? เสียดายที่ไม่มีครูมากนักที่จะมีเวลาเข้ามาระดมความคิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 10:14:36 จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 10:13:21

ความคิดเห็นที่ 32 โอ้ ว้าววววว..ขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับคุณ temp003184 ที่เข้ามาให้ข้อมูลบางอย่างกับดิชั้น ได้ทราบว่าแหล่งที่มาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาได้อย่างไร พอจะเข้าใจแล้วล่ะค่ะว่า ต้นสายปลายเหตุมาจากอะไร >เอ๋าา ผมก็นึกว่าคุณเข้าใจมาหลายกระทู้แล้วซะอีก พิมพ์กันมาหลายเดือนแล้ว ที่เวบรุ่นก็มีบอกไปแล้ว -_-" ซึ่งบุคคลผู้นั้นต้องบอกคุณtemp003184 นิดนึงว่าไม่ใช่ "เพื่อน" ขอย้ำนะว่าไม่ใช่ "เพื่อน" แต่คงไม่อธิบาย >เพื่อนร่วมรุ่น ที่รู้จักกันพอจะเอาข้อมูลภายในของหน่วยงานไปเล่าให้กันฟัง ถ้าไม่ใช่เพื่อน ก็แล้วแต่นิยามของคุณล่ะครับ (ซึ่งคงไม่ตรงกะนิยามผม) ว่าแต่ ถึงไม่ใช่เพื่อน ก็ไม่น่ายัดให้เป็นแพะหรอกนะ -_-" ดิชั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น >ผมก็ว่าไม่จำเป็นน่ะ ^^ ขอบพระคุณอีกหลายๆ ท่าน ที่เข้าใจว่าดิชั้นเป็นผู้บริหารระดับสูง ซึ่งในเรื่องนี้ คุณtemp003184 รู้ดี >ไม่ได้รู้ดีเลยครับ -_-" ผมบอกแล้วว่าผมไม่รู้จักคุณเป็นพิเศษ จะรู้ดียังไงหว่า?? ก็รู้แต่ชื่อuserนี่แหละ ย้ำอีกที ผมไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้คุณคร๊าบ ถ้ารู้แต่ชื่อ แล้วgoogleหาต่อได้ แปลว่ารู้ดี ผมคงรู้จักคนครึ่งโลกแล้วละมั๊ง แล้วถ้าคุณเป็นผู้บริหารระดับสูง ก็ยินดีกับตำแหน่งด้วยนะ (แต่วังเวงกับอนาคตเด็กแฮะ) หากข้อมูลและความเห็นที่ให้ได้โพสต์ไปนั้น เกิดข้อระคายเคืองแก่ผู้อ่าน ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และหากการโต้ตอบในที่นี้ ท่านผู้อ่านท่านใดคิดว่าไม่เหมะสม กรุณาแจ้งลบได้เลยค่ะ >ขออภัยเช่นกันครับ โดยเฉพาะคุณจขกท. ส่วนคุณ#24 ขอบคุณที่รับชมครับ -_-" เก็บกระทู้ไว้ประจานผมก็ดีนะครับ^^ นาทีนี้ดิชั้นทราบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ >สาธุ ขอให้เข้าใจถูกแบบไม่คิดเองเออเองนะ โพสกันมาหลายเดือนแล้ว ดังนั้น เพื่อไม่ให้ พื้นที่ในที่นี้ต้องเกิดข้อขัดเคืองใจ ก็ขออนุญาตบางท่านที่ต้องการข้อมูลส่งมาถามได้ที่อีเมล์ค่ะ >สำหรับท่านที่อยากถามฝั่งผม ไม่ต้องส่งเมลล์มานะครับ (ผมไม่ได้ลงไว้ให้^^) เพราะถามผมฝั่งเดียวผมอาจบิดเบือนได้ แหะๆ แต่สมมุตินะครับสมมุติ ถ้าติดต่อมาแล้วคุยอะไรกัน ผมก็ไม่เอามาแฉหรอกน๊า :P ข้อดีของดิชั้นคือ อยู่ท่ามกลางบุคคลผู้ซึ่งเก่งเทคโนโลยี เลยทำให้มีเวบรุ่นหรือเฟสบุ๊คใช้ >ผมว่าเปลี่ยนเป็น ข้อโชคดีของดิชั้น ดีกว่านะ^^ อ้อ คนเก่งเทคโนเขาดู ipกันยังไงอ้ะ เห็นคนทำกันแล้วอยากทำเป็นมั่ง ใครสอนผมทีซิครับ ได้เห็นว่า เฟสบุ๊คของท่านคือ "กลุ่ม นิสิตนักศึกษา ผู้คัดค้านการยกเลิก ป.บัณฑิต(วิชาชีพครู)" ยิ่งทำให้ดิชั้นเข้าใจมากยิ่ง >เอ๋าา ที่โพสๆไปหลายกระทู้ก่อนตั้งหลายเดือนมานี้ ก็นึกว่าคุณจะเห็นแล้วซะอีก ว่าผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายมาตั้งแต่วันแรกที่อ่านข่าว และผมaddกลุ่มfbนั้นด้วย (((อ้อ แล้วfbน่ะไม่ใช่ของผมนะ ของ Mark Zuckerberg เขาหรอก))) ก็ไปอ่านเจอลิ้งกลุ่มfbจากเวบบอร์ดหน่วยงานแห่งนึงน่ะแหละ addไปตามข่าว&อัพข่าว ว่าแต่กลุ่มผู้คัดค้านเนี่ย ครูที่เห็นด้วยกับนโยบายก็addเข้าไปอ่านกันหลายคนนะ(ก็มันที่สาธารณะ) ผมจำได้เพราะเคยถกกับเขาในนู้น^^ ดังนั้นดิชั้นจึงขอยุติข้อสงสัยแต่เพียงเท่านี้ เนื่องจากทราบสาเหตุแล้ว แต่อย่าถามหา "การอโหสิ" จากดิชั้น >ผมไม่ได้ถามหาการอโหสิจากคุณนะคร๊าบ ผมเอ่ยถึงท่านที่อาจคิดตามปล3.'ท่านอื่นท่านใด' เพราะเดา(คิดเองเออเอง)ว่าคุณไม่มีนิสัยคิดเช่นนั้น "เจ็บใจ คนรักโดนรังแก ข้าจะเผาเมืองแปรให้มันวอดวาย ผู้ชนะสิบทิศ ผู้ชนะสิบทิศ ผู้....ชนะ..สิบทิศศศศศศศ....." 55555555555555555+ >ไม่เก็ทมุขจริงๆอ้ะครับ -_-" (ไม่รู้ความเหมายที่จะสื่อเลยซักกะติ๊ด ก็เลยไม่อยากตอบแบบคิดเองเออเองเหมือนบางคนด้วยน่ะ) เจ็บใจ อาชีพที่ฉันดูแลดันมาแย่งกันทำ ฉันจะยำคนอื่นมัน กีดกันให้(เด็กๆ)วอดวาย ผู้(นึกว่า)ชนะ กี่ทิศก็เอาเหอะ -_-" ไม่5555555555555ล่ะครับ พิมพ์เยอะ เหนื่อย ขอเฮ้อเฮ้อเฮ้อเฮ้อเฮ้อเฮ้อแทนดีก่า เอ หรือเอาเฮ้ออออออออออออออออออออออออออออดีหว่า :P แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 23:26:27 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 10:59:21 แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 53 10:51:51 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 10:45:45