PANTIP.COM : K9983975 คอมมูนิสต์กับประเทศไทย [ประวัติศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 9

1. คอมมิวนิสต์ของมาร์กซ์ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ครับ มาร์กซ์ได้ทำนายโมเดลการเปลี่ยนถ่ายทางสังคมเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ซักวันทุนนิยมจะล่มสลายด้วยตัวมันเองเพราะการกดขี่และความแตกต่างทางชนชั้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ จะบีบให้ประชาชนต้องทำการเปลี่ยนถ่ายสู่สังคมนิยม

แนวการสร้างสังคมนิยมของมาร์กซ์นั้นถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์และมีหลักการรองรับมากที่สุดแล้ว แตกต่างไปจากแนวคิดเพ้่อฝันแบบยูโทเปียอย่างลิบลับ

ปัญหาคือ ชั่วชีวิตของมาร์กซ์ ท่านไม่เคยได้มีอำนาจทางการเมืองมากพอจะได้ทดลองเท่านั้น ส่วนผู้ที่ได้ทดลองจริงๆก็ึคือเลนินและสตาลิน ซึ่งท่านก็ต้องหาทางปรับรูปแบบการสร้างสังคมนิยมจากทฤษฎีและหลักการ เพื่อนำมาใช้จริงๆในโลกแห่งความจริงครับ

2. การสร้างสรรค์สังคมนิยมนั้น จำเป็นจะต้องผ่านการเปลี่ยนถ่ายด้วยเผด็จการโดยชนชั้่นกรรมมาชีพ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในสังคมก่อน ความเข้มงวดและการต่อสู้ทางการศึกษาต้องถูกกระทำ เพื่อขจัดแนวคิดเก่าๆออกไป สร้างบรรทัดฐานทางด้านสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และการตระหนักถึงมวลชนแก่ประชาชนให้ถึงรากถึงแก่น ไปพร้อมๆกับการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน

3. หลักการเศรษฐศาสตร์ในรูปแบบสังคมนิยมนั้น สามารถยืดหยุ่นได้ครับ ไม่จำเป็นว่ารัฐต้องยึดทุกอย่างมาจากเอกชนตั้งแต่ต้นและทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ หรือไม่จำเป็นว่าต้องกินเท่ากัน ได้เท่ากันหมดทุกคน

เลนินก็เคยเล็งเห็นว่า หากกระทำการยึดทรัพย์สินของเอกชนมาเป็นของรัฐในทันทีทันใด และทำการแบ่งเฉลี่ยอย่างเถรตรงเกินไป จะก่อให้เกิดผลเสีย เนื่องจากประชาชนนั้นยังไม่ได้รับการศึกษาและปฏิวัติทางแนวคิดให้มีความตระหนักถึง สิทธิ หน้าที่ และการเสียสละอย่างแท้จริง
นั่นทำให้เลนินออกหลัการเศรษฐกิจแบบใหม่ในปี 1921 โดยยินยอมให้เอกชนขนาดเล็กยัีงสามารถดำรงอยู่ได้ มุ่งเน้นแปรรูปเฉพาะเอกชนขนาดใหญ่หรือนายทุนใหญ่เท่านั้ืน

เช่นเดียวกับจีน ตอนที่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น ในช่วง 5 ปีแรก กรรมสิทธิ์ในที่ดินของชาวนารวยและนายทุนน้อยยังมีหลงเหลืออยู่ไม่น้อย ที่โดนตัดแบ่งจริงๆคือพวกเจ้าที่ดินขนาดใหญ่ครับ นี่ไม่นับชาวนาเล็กๆจำนวนมากที่ยัีงมีที่ดินเป็นของตนเองอยู่

ขั้นต่อมาของแผน 5 ปี คือ การจัดตั้งสหกรณ์ของเหล่าชาวนา เพื่อปลูกฝังแนวคิดว่า พวกเขานั้่นได้ร่วมเป็นเจ้าของสหกรณ์และทำงานร่วมกันในชุมชน แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน ทำได้มากเราก็ได้กันมากขึ้น นี่คือลำดับขั้นต่อมาของการศึกษาในด้านสิทธิและหน้าที่ร่วมกัน
แต่ทว่า เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนผลักดันนโยบายธงแดง 3 ผืนและการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ สหกรณ์ที่ยังไม่ได้ถูกจัดตั้งก็ถูกแปรสภาพเป็นคอมมูนและนารวม ผลมันเลยออกมาเละเทะแบบนั้น

แม้แต่ประธานเหมาท่านก็กล่าวว่า ความล้มเหลวของการก้าวกระโดครั้งใหญ่ คือพวกเราใจร้อนเกินไป
ความล้มเหลวของคอมมูนประชาชน ก็เพราะไม่ได้พูดจาเรื่องการแบ่งปันให้แน่ชัดเพียงพอ เราไม่สามารถให้ทุกคนทำงานร่วมกัน แบ่งปันตามความต้องการได้ แต่ต้องยึดหลัก ทำงานร่วมกันแบ่งปันตามผลงาน จะดีกว่า

ไอ้ลัทธิ ทุกอย่างเท่ากัน ได้เท่ากัน อดเท่ากัน แบบตรงเป็นไม้บรรทัดนั้น มันเป็นแนวทางของบาคูนินครับ ซึ่งมาร์กซ์ต่อต้านแนวคิดแบบนี้ของบาคูนินตลอดชีวิตของท่าน เพราะท่านบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ และไม่เป็นวิทยาศาสตร์เพียงพอ

จากคุณ : อุ้ย (digimontamer)

เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 53 16:07:13