ความคิดเห็นที่ 1 ยกเลิกไปเลย ใบอนุญาตบ้าบอ ที่ผ่านมามันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ทำให้การศึกษาแย่ลงด้วยซ้ำ   โดยเฉพาะครูที่สอนวิชาชีพ  คนที่เก่งๆผ่านการทำงานประสบการณ์ตรงเช่นเคยเป็นไกค์มาก่อนเคยทำงานกับฝรั่ง อยากมาสมัครเป็นครูอังกฤษ  ก็รับไม่ได้เพราะไม่มีใบอนุญาต    จำต้องไปเอาเด็กจบใหม่จาก ม.บ้านๆ พูดอังกฤษยังไม่แตกมาสอนแทน เพราะแค่เธอมีใบเส็งเครงนี่ แล้วนักเรียนจะไปมีคุณภาพอะไร     ทุเรศกับจินตนาการของนักการศึกษาไทย ที่คิดว่าการมีใบอนุญาตจะช่วยให้การเรียนการสอนดีขึ้น     ใช้กับหมอ กับวิศวะก็ว่าไปอย่างเพราะมันเป็นวิชาชีพเฉพาะทาง       แต่การเรียนการสอนในโรงเรียนใครก็เป็นครูได้ไม่ต้องมีใบอนุญาตหากผู้นั้นมีประสบการณ์ดีพอที่จะถ่ายทอด จากคุณ : Captain_A เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 18:34:01

ความคิดเห็นที่ 2 แง  คุณ คห.1 อย่าพูดอย่างนี้สิค่ะ แบบนี้เหมารวมอ่าาาา ว่ากันแบบไม่งอแง คนที่เรียนครูและมีใบประกอบวิชาชีพพร้อมความสามารถทั้งความรู้และการสอนก็มี ไม่ใช่ว่าคนมีใบประกอบวิชาชีพครูนี้จะแหลกเหลว...อ่อนด้อยไปเสียทุกคนนี่คะ ถ้าให้เถียง ก็จะขอแถ...ด้วยความจริงว่า... ที่ใบประกอบวิชาชีพครูไม่ศักดิืสิทธิ์หรือไม่มีคุณภาพเท่าหมอ เท่าวิศวะอย่างที่คุณว่า เพราะ ค่านิยมนี่แหละ คนเก่งไปเรียนหมอ เรียนวิศวะกันหมด แล้วคนโง่ๆมาเป็นครู สุดท้ายคนโง่เหล่านี้นี่แหละที่มาสอนลูกหลานคุณ เพราะว่าคนเก่งถูกค่านิยมให้ไปเรียนอย่างอื่นที่สังคมกำหนดว่าดีกว่ากันหมด เลยทำให้คนที่เหลือๆมาเป็นครู จริงๆปัญหาก็ไม่ได้อยู่ที่ใบประกอบวิชาชีพเลย ถ้าอาชีพครูจะได้การยอมรับกว่านี้ และมีคนสนับสนนุให้คนมีความสามารถได้เรียนมกากว่านี้...จริงไหมคะ แน่นอนว่าคนที่อยากเป้นครูภายหลังก็มี แต่ถ้าทุกคนต้องการมาเป้นครูภายหลังจากไม่มีที่ไปหรือค้นพบอะไรภายหลัง...แล้วมันช้าเกินไปล่ะ เด็กก้ต้องผ่านมือครูโง่ๆอย่างเราก่อนใช่ไหม ฮึ่ม... จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 23:24:08

ความคิดเห็นที่ 3 จบมาโดยตรง ก็มีความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาหลักสูตร ฯลฯ จากคุณ : 1 (psychosilpa) เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 53 08:44:07

ความคิดเห็นที่ 4 อาชีพครูต้องผูกขาดด้วยหรือ? จากคุณ : Rarm41 เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 53 11:08:54

ความคิดเห็นที่ 5 เงินเดือนครูก็น้อย แถมยังจุกจิกจู้จี้เรื่องคุณสมบัติครูอีก รับรองว่านโยบายการศึกษาแบบนี้ทำให้เด็กไทยยิ่งได้อะไรห่วยๆขึ้นทุกวันเพราะคนเก่งๆจะไปทำอาชีพอื่นกันหมด ถ้าผู้บริหารการศึกษาหรือใครก็ตามที่คิดว่าคนจบครูมาเท่านั้นที่จะต้องจัดการเรียนรู้ พัฒนาหลักสูตร ฯลฯ ได้ เก่งจริงก็ลองพิสูจน์โดยการเปิดโอกาสกว้างให้ใครๆก็ลงสนามแข่งขันกันได้แบบเสรีสิ แบบว่าไม่ต้องจำกัดวุฒิการศึกษาไปเลย วิธีการก็คือแข่งกันทำบทเรียนสอนแบบ online ดูกันให้เห็นชัดๆเลยว่าใครเก่งกว่าใคร (ขอกรรมการไม่ลำเอียงนะ ไม่เอาแบบกรรมการประกวดร้องเพลงแบบของไทยนะไม่ไหวโกงกันบานเบอะเลย ต้องเอากรรมการแบบรายการ Britian's Got Talent อย่างนี้ถึงจะโอเค) ในการแข่งขันให้วัดกันทั้งด้านความรู้ในวิชาที่จะสอน และด้านวิธีการสอน ฯลฯ  ใครชนะการแข่งขัีนก็ได้ใบอนุญาตครูไป หมายถึงให้มีผู้ชนะมากกว่า 1 คน แบ่งเป็นรองชนะที่เท่าไหร่ เท่าไหร่ตามลำดับไป และจ่ายเงินเดือนตามลำดับที่ชนะมาได้ ถ้าเปิดแข่งขันสรีแบบนี้ ใครๆคงคิดว่าเราจะลงแข่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเพราะว่างานอดิเรกของเราก็คือค้นหาวิธีการสอนภาษาอังกฤษ และหาวิธีสร้างสื่อการสอนภาษาอังกฤษแปลกๆใหม่ๆ อีกทั้งเรายังทำงานด้านภาษาอังกฤษมาหลายปี...แต่เปล่าเลย "เราจะไม่ลงแข่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ" แต่เราอยากลงแข่งเป็นครูสอนวิชาที่เรา "ไม่ถนัด" และเรียนไม่เก่งตอนเด็กๆซะแทน เช่น วิชาชีววิทยา หรือแม้กระทั่งภาษาจีน บ้าๆขึ้นมาอาจลองลงแข่งสอนวิชาที่ตัวเองเกลียดมากๆตอนเด็กๆด้วย นั่นก็คือวิชาประวัติศาสตร์...555+++... เพราะอะไร? ในรอบหลายปีที่ผ่านมานี้ เราใช้ทักษะภาษาอังกฤษของเราค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต โดยใช้ logical reasoning + creative imaginations บ่อยครั้งเราล้วงข้อมูลจากมหาลัยต่างประเทศ มีทั้ง ebooks และ video clips บันทึกการสอนของจริงในหลายๆระดับความยากง่าย เราลองกลับไปเรียนวิชาบางวิชาที่เราเคยเรียนได้แย่มากๆตอนเด็กๆ แล้วพบว่า สื่อจากอินเตอร์เน็ต และการฝึกคิดด้วย logical reasoning + creative imaginations ทำให้เราเขียน algorithms ซึ่งมีประสิทธิภาพมากๆที่จะใช้สร้างสื่อการเรียนการสอนวิชาใดๆก็ได้ขึ้นมาอย่างเป็นระบบ "โดยทีแรกเราสร้างสื่อการสอนเพื่อสอนตัวเอง ซึ่งต่อไป มันนำไปดัดแปลงใช้สอนผู้อื่นได้ด้วย"... โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเรียนครูมาก่อนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ เราประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการทดสอบ software ระดับไฮเทคมากๆ ซึ่งมันจะทำให้เราทำอะไรแบบที่เรียกว่า computer assisted instruction ได้สบายๆหายห่วง คือว่าเมื่อเร็วๆนี้เราค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเพื่อทดลองกลับไปเรียนวิชาที่เราเคยเรียนได้แย่มากๆสมัยตอนเป็นเด็กๆ ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า "อยากทดสอบระบบความคิดและระบบการเรียนรู้ของเราเท่านั้น" คือทดลองเรียนวิชาที่ตัวเองเรียนได้แย่มากๆสมัยเด็กๆ แล้วรู้ว่าเรียนรู้เรื่องได้สบายๆแล้วตอนนี้ โดยเรียนจากข้อมูลภาษาอังกฤษจากต่างประเทศผ่านอินเตอร์เน็ตล้วนๆ พอพิสูจน์ได้แล้ว "ก็หยุดเรียนวิชานั้นๆซะเพราะไม่สนใจวิชาพวกนั้นมากนัก...แต่พอเจอวิชาที่สนใจมากๆ (เช่น computer science) เราก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อไป โดยไม่ต้องการปริญญา...แค่เรียนเพราะรู้ว่ายิ่งรู้คอมพิวเตอร์มากเรายิ่งทำอะไรมหัศจรรย์หลายๆอย่างได้..." แต่ถ้าคนในแวดวงด้านการศึกษาคิดว่าคนที่จบครูมาเท่านั้นที่ จะ "จัดการเรียนรัู้ พัฒนาหลักสูตร ฯลฯ ได้..." "แล้วเกิดใจกล้่าๆ อะนะ ยอมเปิดกว้างให้ลงสนามแข่งขันกัน เราจะทำอะไรท้าทายโดยการลงสนามแข่งสอนวิชาที่เราไม่เคยเรียนมาก่อน (หรือเรียนได้แย่มากๆตอนเด็กๆ) โดยจะขอเวลาเตรียมตัวบ้างพอสมควร (ซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่าคนเรียนครูจบปริญญาโทมา) พอเตรียมแล้วจะลองไปสอนวิชานั้นๆให้นักเรียนในระดับประถมและมัธยมให้ดู แข่งกับคนเรียนจบครูมา เพื่อให้หายสงส้ัย (แต่ก่อนลงแข่งจะยอมให้สืบประวัติการศึกษาเราได้ด้วยว่าเราไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาพวกนั้นจริงๆ)" ระบบการศึุกษาเท่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ ถ้าเฉินหลงที่เรียนด้านการแสดงละครมา อยากจะมาสอนพละศึกษา โรงเรียนเมืองไทยก็จ้างเขาไม่ได้เพราะเขาไม่ได้เรียนครูมา (มันผิดกฎหมายไทย...เอิ้กๆๆ...ขำว่ะ...) แต่เราเชื่อว่าเฉินหลงสอนพละศึกษาได้เก่งกว่าหลายๆคนที่จบพละศึกษามาแน่ๆ ฝรั่งชาวอังกฤษคนหนึ่งที่เรารู้จัก ไม่จบปริญญาตรีมา แต่สอนภาษาอังกฤษเก่งมากๆ สอนเจ้าชายซาอุ จนได้เงินแบบว่าทำงานแค่ไม่กี่ปี retired ไปอยู่บนกองเงินกองทองเลย ฝรั่งวุฒิต่ำๆแต่สอนภาษาอังกฤษเก่งระดับเทพพวกนี้เคยมาเมืองไทยแล้วตกงานเพราะระบบการศึกษาไทยมัน "ไม่รู้วิธีประเมินความสามารถของคนจากผลงาน แต่ต้องประเมินจากวุฒิการศึกษา..." ครูฝรั่งเก่งๆแต่วุฒิต่ำๆเลยหนีไปประเทศอื่นกันหมด ประเทศไทยเลยขาดแคลนครูสอนภาษาอังกฤษเก่งๆ อย่างพวกเขา จะเอาฝรั่งด้วยเอาวุฒิสูงๆด้วยหรือแต่ดูเงินเดือนดิน้อยนิด ฝรั่งเก่งๆที่ไหนจะมาสอน ดูอย่าง Terry Fredrickson ดิเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษระดับอัฉริยะ เคยสอนภาษาอังกฤษ ได้เงินไม่มากนักเลยไปทำงานเป็น editor อยู่ Bangkok Post ซะแทน ได้เงินมากกว่าตั้งเยอะ...555+++... Thomas Edison เรียนโรงเรียนแค่ไม่กี่วันก็ต้องออกจากโรงเรียนเพราะครูบอกสมองสับสน แล้วก็ไม่ได้เรียนมหาลัยด้วย แต่เก่งระดับอัฉริยะได้ เราว่าคนเก่งๆแบบนี้ในเมืองไทยยังมีอีกมากมาย อย่างเช่นพวก hackers หรือช่างคอมพิวเตอร์บางคนเรียนคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง วุฒิต่ำๆ แต่สอนคอมเตอร์เด็กนักเรียนได้สบายๆ ถ้าพวกเขาเอาสมอง (ที่ logic แม่นยำมากๆ กับมี creative imaginations ที่ก้าวไปไกลมากๆ) ไปคิด algorithms ในการวางแผนการสอน และสร้างสื่อการสอนอย่างเป็นระบบ ก่อนที่จะเริ่มสอน การบริหารการศึกษาให้สำเร็จ มันจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่ไกลกว่านี้ และที่สำคัญก็คือ "ต้องหัดคิดนอกกรอบ" แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 53 12:27:40 แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 53 12:18:15 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 53 11:51:38

ความคิดเห็นที่ 6 ทุกคนในกระทู้นี้ต่างคิดว่า ใบประกอบวิชาชีพครู เป้นปัญหาทำให้กำจัดและจำกัดคนเก่งเข้าสู่อาชีพครู แต่ไม่มีใครคิดถึงคนเป้นครูอาชีพ ที่ทำอาชีพอยู่จริงๆเลย เราไม่เถียงที่ว่า เพราะเจ้า้ใบนี้ ทำให้คนเก่งไม่ได้เป้นครูหลายคน จนคนเป้นครูมีจำนวนอยู่ในกรอบที่จำกัด มันก็จริง...เรื่องนี้อยู่ที่ผู้มีอำนาจ ตัวใบประกอบไม่ได้มีปํยหา ถ้ามันเป้นสิ่งมีชีวิตมันก็คงอยากเอาตัวเองไปอยู่ในมือคนที่มีคุณภาพ โดยไม่มีข้อแม่้ใดๆ แต่นี่เพราะมันเป้นแค่กระดาษ กระดาษที่คนมีอำนาจมีสิทธิ์มอบแก่คนที่เลือกครอบครองมันแต่ต้น...อย่างคนที่เรียนครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์แบบปัจจุบัน ตัวมันให้อภิสิทธิ์แก่คนกลุ่มนี้ ซึ่งมีทั้งคุณภาพและไม่มีคุณภาพต่างกันไป แต่มันเป้นตัวช่วยนะ...ช่วยคนที่มีมันให้ได้สิทธิ์เล้กๆน้อยๆ...ให้รางวัลแก่คนเลือกอาชีพครูอย่างจริงจัง มีมันมันก็ช่วยได้เล็กๆน้อยๆ ซึ่งมันก็เล็กน้อยจริงๆ ปัญหาของมัน คือ การได้มันมามีปัญหา เพราะวิธีการคัดเลือก คัดสรร คัดกรองผิดวิสัย...ผิดแนวทางที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ขอทีเถอะ ให้ตัวมันได้สร้างสิทธิ์เล็กๆน้อยๆให้แก่กลุ่มเราด้วย ไม่ใช่การยกเลิกเพราะวิธีการมันผิด ถ้าจะผิดก็ผิดที่ระบบ ไม่ใช่กระดาษ จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 53 20:28:47

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องใบประกอบ จะมีก็ได้   แต่วิธีได้มานมา กลายเป็นว่า    ต้องเรียนครู 5 ปีเท่านั้น    แล้วถ้าสอนโดยที่ไม่ได้เรียนครูมาโดนตรง    มีสิทธิ์ติดคุก????? โดนปรับเงินด้วย     เฮ้อ....   *** เห็นด้วยกับคุณ fortuneteller      100%ครับ      แต่กิ๊ฟผมหมดแล้ว แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 53 22:30:10 จากคุณ : Rarm41 เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 22:27:14