ความคิดเห็นที่ 1 ต้องแยกระหว่างอยากแปลได้ กับอยากสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ก่อนครับ สิ่งที่ต้องแยกอีกอย่างคือการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมสอบ ("จำ") และการเรียนเพื่อสื่อสารได้ หาจุดประสงค์ให้เจอก่อนครับว่ากำลังเรียนภาษาเพื่ออะไร จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 15:52:04

ความคิดเห็นที่ 2 ลองอ่านเรื่องพวก graded reader ไหมครับ เป็นเรื่องราวที่เขียนโดยใช้ศัพท์ง่ายๆ เขียนเป็นประโยคแบบง่ายๆ อ่านซ้ำหลายๆรอบก็ได้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของกระทู้ เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 16:08:19

ความคิดเห็นที่ 3 "อ่านได้ทุกคำ แต่แปลไม่ได้เลย" เป็นเพราะไม่เข้าใจโครงสร้างหรือรูปประโยคหรือเปล่าค่ะ ลองทบทวนประโยคง่ายๆ ทำความเข้าใจแยกประธาน กริยา กรรม ให้ได้ก่อน เพื่อสร้างความเข้าใจว่า "ใคร" "ทำ" "อะไร" การเขียนก็เช่นเดียวกัน เริ่มจาก simple sentence ไม่ต้องมีส่วนประกอบหรือไวยากรณ์ซับซ้อน แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับความยากขึ้นค่ะ อาจจะฝึกโดยวิธีการที่ คคห.ข้างบน แนะนำค่ะ เริ่มจากหนังสืออ่านระดับบทเรียนของเด็กก่อน จากคุณ : Eureka101 เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 17:45:47

ความคิดเห็นที่ 4 เอางี้ค่ะ ไม่ต้องไปเครียดกับมันมาก ยิ่งเครียด ยิ่งคิดไม่ออก ปล่อยไป ทักษะภาษาแต่ละคนไม่เท่ากัน เราก็ต้องหาหนทางของเรา นะคะ ลองถามตัวเองว่าคุณสนใจเรื่องอะไร ก็ให้หาข้อมูลเรื่องนั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ เช่น ชอบหนังสืบสวน ก็ไปหาดูในยูทูบ ไม่ก็เปิดดูสารคดีภาษาอังกฤษ ไม่งั้นก็หาหนังสือแนวที่ชอบจากต่างประเทศ ไปอ่านเล่นทีคิโนคุนิยะ ไรงี้ ให้ความชอบตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่าตัวเองจะเก่งได้รวดเร็ว ของทุกอย่างต้องใช้เวลา และความตั้งใจค่ะ จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 19:09:53

ความคิดเห็นที่ 5 เซ็นภาษา ฝึกเพื่ออยากได้ความเก่ง ยิ่งห่างไกลความเก่ง ฝึกด้วยความเพลิดเพลินเพราะสนุก ไม่อยากได้ความเก่ง กลับยิ่งเก่ง ที่คุณทำอยู่แล้วรู้สึกว่าทรมานสังขาร ทรมานจิตใจ แสดงว่าฝึกผิดทาง ไฟธาตุใกล้แตกซ่านแล้ว สถานหนักอาจบ้าไปเลย สถานเบาก็ฝึกวิขาไม่คืบหน้า ให้หยุดโดยท้นที วางตำราเล่มที่เคี้ยวไม่ลง เอาใส่หิ้งบูชาไปก่อน ไปหาเล่มที่คุณเคี้ยวได้ อ่านได้รู้เรื่องหมด แล้วก็สนุกกับมัน เริ่มตรงนั้น ค่อยๆอ่าน เดินลมปราณภาษาให้คล่องๆอย่าให้สะดุดไปเรื่อยๆ แล้วค่อยๆอ่านไอ้ที่มันยากขึ้นๆเป็นลำดับ อย่าริอ่านข้ามขั้น ไม่งั้ันไฟธาตุแตกอีกไม่รู้ด้วย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 19:22:10

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่เป็นไร เราก็เป็นเหมือน จขกท. อ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่องซักที ^^ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 20:45:28

ความคิดเห็นที่ 7 ตัวอย่าง graded reader ตาม ค.ห. 2 http://www.btinternet.com/~ted.power/first.html จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 54 23:17:42

ความคิดเห็นที่ 8 หาอ่านเรื่องที่ชอบสิครับ อย่าของผมบ้ารถก็หา magazine รถแต่งอ่าน มันทำให้เราอยากอ่านละก็อ่านตรงไหนไม่ออกแล้วเราจะพยามหาคำแปลจนรู้ จำได้เอง จากคุณ : S15*MANIA เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 07:08:24

ความคิดเห็นที่ 9 ใช่เลย ท่านเซียนแอ๊ด ปากเกร็ด พูดได้โดนใจมากๆ เรียนเพราะอยากเก่งเนี่ยเปิดตำราอ่านแล้วหลับคาตำราเลยหละ แต่พวกเรียนเพราะใจรักนี่โหคุยด้วยแล้วไปคนละเรื่องกันเลย อย่างแฟนเรากับพวกเพื่อนๆเธอที่ชอบภาษาอังกฤษด้วยใจรักเจอกันก็เอาหนังสือภาษาอังกฤษมาแลกกันอ่านคุยกันเรื่องหนังกับเพลงฝรั่งเรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษมากจนรู้ประวัติความเป็นมาของหนังสือ ภาพยนตร์ และเพลงฝรั่งระดับเขียนบทความดีๆหรือเีขียนหนังสือเป็นเล่มๆเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้เลยหละ จนเราคุยด้วยแล้วเวียนหัว (คุยกันไม่รู้เรื่อง) เพราะเราไม่เคยชอบภาษาอังกฤษในแนวนั้นเลย ตัวเราเองไม่เคยเรียน grammar เลยพยายามเรียน แล้วไปคุยเรื่อง grammar กับแฟนเรา เธอไม่ยอมคุยด้วยแฮะ เธอคุยแต่เรื่องวรรณกรรมภาษาอังกฤษกับภาพยนต์หรือเพลงฝรั่งอะไรสนุกๆที่ต้องรู้ภาษาอังกฤษถึงเสพย์มันได้ จนเรางงตามไม่ทัน...เพราะเราก็ไม่ค่อยจะสนุกกับเรื่องพวกนี้ เรื่อง "ไฟธาตุแตก" นี้่ ขำดี ชอบศัพท์คำนี้ เพราะตัวเองเคยไฟธาตุแตกมาแล้ว คือสมัยเพิ่งพูดอังกฤษพอสื่อสารได้ทำซ่า ตัวเองเป็นแค่ mini flyweight แต่ข้ามรุ่นไปต่อยกับ heavy weight คืออยู่ดีๆทะเรื่อทะร่าเริ่มหัดอ่านอังกฤษโดยอ่าน research papers เรื่อง Human Sexual Inadequacy ของ Masters and Johnson  แล้วซ่าอ่านเรื่อง Psychoanalysis โดยเฉพาะอย่างยิ่ง The Three Essays on the Theory of Sexuality ของ Sigmund Freud อ่านไปแล้วไฟธาตุแตกจริงๆอ้ะ...เ้ลยเปลี่ยนเป็นอ่านแค่หนังสือโป๊ธรรมดาๆแบบชาวบ้านๆไปพลางๆก่อน...555+++...จากนั้นก็อ่านตำราโยคะ กับตำราหมากรุก ซึ่งเป็นเรื่องที่เราชอบมากๆ ก็เลยทำให้มีแรงเปิด dictionaries ทำให้ทักษะ reading comprehension แข็งแรงขึ้นมาอีกหน่อย ตอนนี้ไอ้ความอยากเก่งอังกฤษมันทำให้เราไปหาตำราภาษาอังกฤษดีๆมาไว้ในครอบครองตั้งมากมาย แต่อ่านๆไปแล้วหลับคาหนังสือทุกที (เพราะไม่ได้เรียนด้วยใจรัก) แต่ค้นพบว่า เรียนภาษาอังกฤษจาก video clips มันไม่หลับ สนุกกว่าตั้งแยะแน่ะ ช่วงนี้เราเลยบ้า video clips เรียนตั้งแต่ภาษาอังกฤษ ซ่อมคอมพิวเตอร์ การใช้software โยคะ การแพทย์โบราณของจีน การฝึกสมาธิ จาก video clips ซะเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้กำลังไล่ล่าหาบทเรียนภาษาจีนเป็น video clips มาเรียนด้วยตัวเอง...เราเลยเมิน Kindle เวลาใครๆเชียร์ว่าดีนักดีหนา เราเลือก notebook หรือ netbook บางๆเบาๆดีกว่า เพราะมันดู video clips กับใช้ software อย่าง mimdmanager และ/หรือโปรแกรมฐานข้อมูลและ software อื่นๆประสานงานกัน เพื่อช่วย organize ความคิด และจัดเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังเอา aircard ใส่ sim แบบ 3g ต่อเน็ตความเร็วสูงนอกบ้านได้อีกด้วย เมื่อพล่ามยาวขนาดนี้แล้วจึงอยากแนะนำ จขกท ว่า ภาษาอังกฤษเรียนด้วยตัวเอง ถึงจะเป็นไปได้ แต่มันก็ค่อนข้างยาก ลองไปเรียน conversation ที่ AUA ให้ได้ก่อน การเจอเพื่อนฝูงตอนเรียนมันทำให้ไม่น่าเบื่อเหมือนพยายามเรียนด้วยตัวเองอยู่คนเดียว เราเคยเห็นคนเรียนที่นั่นทุกระดับพูดกับฟังใช้การได้ดีเลยหละ  เคยเจอเก่ง conversation มากๆจาก AUA มาตั้งหลายสิบคนแล้ว สถาบันนี้เก่าแก่ไม่ต้องโฆษณาและมีผลงานที่น่าเชื่อถือได้ในระด้ับหนึ่ง เมื่อได้ความรู้ระดับนั้น จขกท จะกัดฟันอ่านตำราภาษาอังกฤษจากต่างประเทศให้เก่งระดับเซียนก็ทำได้ แต่ถ้ามันน่าเบื่อก็ลองเอา goole ไล่ล่าหา video clips เรียนภาษาอังกฤษมานั่งดูแบบเรา จะเครียดน้อยลง...ความรู้ conversation (คือฟังรู้เรื่อง)ต่อยอดให้เรียนภาษาอังกฤษจากภาพยนต์ฝรั่ง ก้ับเรียนจาก video clips จากเวปต่างประเทศได้...และจะเป็นตัวช่วยให้เริ่มหัดอ่านหนังสือเรื่องที่เราชอบจากง่ายไปหายากได้ อีกด้วย แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 13:10:54 แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 13:06:21 แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 13:02:57 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:55:34

ความคิดเห็นที่ 10 เลือกตำราไม่เหมาะกับพื้นฐานเรา---> บ้าก่อนอ่านจบ เหมือนคุณแอ๊ด ปากเกร็ดบอก และเราเห็นด้วยกับความเห็นที่ 3 คุณEureka101 จขกท.น่าจะไม่รู้ประเภทคำ เลยแปลไม่ได้ ฉะนั้นน่าจะเริ่มที่หนังสือขั้น Basic ที่เริ่มแค่ S+V+O ก่อน (ไม่มี adj, adv. หรือ วลีต่างๆมาขยาย) จะช่วยให้มีกำลังใจอ่านได้อีกมาก จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 19:25:00

ความคิดเห็นที่ 11 ดิฉันหาอ่านอะไรต่อมิอะไรในอินเทอร์เนต จนพออ่านรู้เรื่องนะคะ จำได้ว่า ตอนเข้าเว็บพันทิปใหม่ ๆ ติดมาก เวลาเจอใครตอบกระทู้เป็นภาษาอังกฤษ จะชอบอ่านมาก จากแรก ๆ ที่เดามั่วแบบงง ๆ จนรู้ว่าเขาตอบว่าอย่างไรในที่สุด อ่านนิยายก็ยังได้พอรู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร แต่หากจะมาถามเจาะคำศัพท์เฉพาะบางคำ ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เดี๋ยวนี้ เจอเนื้อความภาษาอังกฤษที่ไหน จะพอรู้ว่าเขากล่าวถึงเรื่องอะไร ดูหนังฝรั่งเสียงในฟิล์ม ก็พอรู้เรื่องบ้าง ถ้าตัวละครไม่พูดรัวเร็วเกินไป เพลงก็พอฟังรู้เรื่อง ยังอยู่ในระหว่างรับข้อมูลค่ะ ถ่ายทอดออกมาเป็นการเขียนยังไม่ได้ แต่การพูดพอโต้ตอบได้บ้างนิดหน่อย อ่านมั่ว ฟังมั่วก็เลยเป็นแบบนี้ ตามประสาคนเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ เรียนแบบ "มวยวัด" ค่ะ รู้แบบงู ๆ ปลา ๆ แค่นี้ก็ภูมิใจเหลือหลายแล้ว เพราะไม่ได้ไปเข้าคอร์สเรียนซึ่งแพงเหลือเกิน แชร์ประสบการณ์นะคะ เผื่อใครจะได้แนวทางบ้าง จากคุณ : wanalee เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 22:52:44

ความคิดเห็นที่ 12 อยากเห็นตารางเรียนของ จขกท ครับว่าเรียนยังไง อะไรบ้าง เรียนนานแค่ไหน วันละกี่ชั่วโมง แบบนี้จะได้แนะนำกันถูกมากขึ้น เพราะผมว่าการฝึกภาษาเหมือนกันฝึกเพาะกายนะครับ มันเป็นเรื่องของวินัย+การฝึกฝน คือต้องเล่นให้โดน กินให้ถูกต้อง แล้วก็พักผ่อนให้เพียงพอ จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 11:09:31

ความคิดเห็นที่ 13 เราก็เป็นค่ะ ความขยันมันมีมาเป็นพักๆ พอเรื่มเบื่อก็หยุดเพราะรู้ว่าถ้าฝืนจะพาลเครียดไปเลย ตอนนี้เรากำลังฝึกภาษาจากการดูซีรีย์ฝรั่งอยู่ค่ะ หาเรื่องที่ชอบจริงๆจะดูได้หลายๆรอบ สนใจมาฝึกด้วยกันมั้ยค่ะ จะได้มีเพื่อนคุยแล้วไม่เครียดมาก ^ ^ จากคุณ : brandsnew_vvs1 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 13:48:04

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกคนมากเลยนะค่ะที่ให้กำลังใจ ที่อยากใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นเพราะอยากเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ ตอนนี้ก็ฝึกฟัง พูด อ่าน เขียนไปเรื่อยๆค่ะ ขอบคุณทุกความเห็นนะค่ะ มีกำลังใจและได้รู้อะไรหลายๆอย่างเลย **ปล.วันนั้นเราเขียนกระทู้แล้วลืมดูไปว่าเป็นlog in ของพี่สาวเรา แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 54 22:31:03 จากคุณ : belle_everytime เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 22:30:11