ความคิดเห็นที่ 1 แถวบ้านเราก็มีนะ มีมาประมาณสิบปีได้แล้วล่ะ คิดว่าน่าจะเป็นทาง ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร เหมือนกับเป็นศูนย์สักศูนย์เผยแพร่ศาสนาน่ะ เค้าให้เงินอ่าา ก็เลยมาสอนฟรี เหมือนก็ได้ใจคนพุทธที่สนใจในระดับนึงแล้วล่ะ เหมือนเป็นการตลาดนะครับ จากคุณ : DonjuanMan เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 01:43:18

ความคิดเห็นที่ 2 ฝรั่งพวกนี้มีความเชื่อว่าการชักชวนคนศาสนาอื่นให้มาเข้าศาสนาของเขาเป็นภารกิจเป็นหน้าที่ที่พวกเขาต้องทำ พวกเขาเชื่อว่าทำแล้วได้บุญมาก เช่นเดียวกับพวกมิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในประเทศไทยตั้งแต่หลายร้อยปีมาแล้ว พวกนี้อุทิศชีวิตทั้งชีวิตในการทำงานให้แก่ศาสนา จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 02:27:00

ความคิดเห็นที่ 3 - .- พูดยากนะ เป็นเรื่องของศรัทธา สังคม ก็มีคนสนับสนุนสร้างนู้น สร้างนี่ ออกค่าใช้จ่าย บ้างล่ะ เค้ามีสมาคมของเค้า เหมือน สมาคมชาวพุทธ ไรงี้ จากคุณ : Rasia เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 03:23:03

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ทราบว่าจะเหมือนกับพระไทยที่ออกไปเผยแผ่ศาสนา ตั้งวัดไทยในประเทศต่างๆหรือเปล่า ท่านเหล่านั้นเป็นบรรพชิตย่อมไม่คาดหวังทรัพย์สมบัติใดๆ คริสตศาสนานิกายโปรแตสแตนท์ ไม่มีนักบวช แต่ก็มีบุคคลที่อุทิศตัวให้ศาสนาไม่แพ้นักบวช หากจะถามกำไรขาดทุน แล้ว เรื่องนี้เป็นสิ่งตรงข้ามกับทุกศาสนาครับ จากคุณ : ปลาทองสยองเมือง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 08:25:29

ความคิดเห็นที่ 5 มันเป็นเรื่องความเชื่อ ความศรัทธาของเขา เราไม่ควรไปตัดสินว่าดีไม่ดี คุ้มไม่คุ้มนะครับ ความสุขคนเราไม่ได้หมายถึงการมีงานดีเพราะได้ค่าตอบแทนเป็นเงินเยอะๆเสมอไป สรุปคือความสุขของคนเรามันมีหลายรูปแบบนะครับ จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 10:09:05

ความคิดเห็นที่ 6 ศรัทธา จากคุณ : อะนะ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 11:10:53 A:161.200.16.47 X: TicketID:106200

ความคิดเห็นที่ 7 การประกาศศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะในนิกาย Protestant ผู้ศรัทธาหรือสมาชิกในนิกายทำกันเอง  บางคนใช้เงินส่วนตัว บางคนมีองค์กรในนิกายสนับสนุนการประกาศ  บางคนทำสิ่งที่ถือว่าเป็นประสบการณ์ช่วงหนึ่งในชีวิต  บางคนเป็นอาสาสมัคร  ทำสัก 1-2 ปี กลับประเทศ ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาแห่งความรอด ผู้ที่มาประกาศ และมีคนรับเชื่อในศาสนาคริสต์   ถือว่าบุคคลนั้นได้รับความรอด   ทั้งนี้ เป็นเรื่องของความเชื่อและศรัทธาล้วนๆ ของศาสนิกนั้น  ศาสนาคริสต์ ความเชื่อมาก่อนศรัทธา การมองความเชื่อของศาสนาคริสต์ ไม่ควรมองลอดแว่นตาของคนนับถือศาสนาพุทธ จะได้ภาพที่ต่างออกไป หากไปถาม ที่ห้องศาสนา จะได้คำตอบมากกว่า นี้(แก้คำผิด) แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 11:11:52 จากคุณ : Stuff_shirt เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 11:11:15

ความคิดเห็นที่ 8 เดี๋ยวนี้ในห้องศาสนาไม่ใคร่มีศาสนิกชนของศาสนาอื่นๆเลยครับ จากคุณ : ปลาทองสยองเมือง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 11:37:05

ความคิดเห็นที่ 9 d จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:19:51

ความคิดเห็นที่ 10 เขาสอนภาษาอังกฤษก็สอนเรื่องศาสนาไปด้วยเลยครับ มันก็เป็นวิธีเผยแพร่ศาสนาของเขา คนที่มาสอนนี่บางทีก็ได้เงินนะครับ แต่ไม่มากหรอก พอเป็นค่ากินอยู่ ส่วนใหญ่มาหาประสบการณ์ ไปต่างประเทศ ไปประเทศที่แปลกๆหน่อย หรือไปส่วนของประเทศที่ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวไปกัน ไปอยู่ปะปนในสังคมของคนต่างประเทศเลย ไม่ใช่ไปเที่ยวแล้วกลับ พวกนี้เป็นประสบการณ์ที่ชาวต่างชาติบางกลุ่มก็นิยมแสวงหากันครับ ได้ทำงานเพื่อพระเจ้าของพวกเขาอีกต่างหากก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ประสบการณ์แบบนี้มันหาในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยไม่ได้ ก็ไม่แปลกที่เขาจะดรอปเรียนเพื่อมาค้นหา สังคมของเขาเติบโตพอและมีทางเลือกมากหลายที่จะให้วัยรุ่นมาทำแบบนี้ได้น่ะครับ ไม่จำเป็นว่าต้องเรียนม.ปลายต่อมหาลัยจบใน 4 ปีเป๊ะๆถึงจะไปต่อได้รุ่ง เลือกทางอื่นก็รุ่งได้เหมือนกัน (ทางเลือกเยอะกว่า) จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:51:48

ความคิดเห็นที่ 11 ได้บุญสิคะ สำหรับศาสนาคริสตืเนี่ย ถ้าไม่เชื่อในพระเจ้าแล้ว พอตายไปจะไม่ได้รับการพิพากษาหรือไม่มีสิทธิ์ขึ้นสวรรคืกันเลยทีเดียว ดังนั้นเขาก็จะต้องเผยแพร่ศาสนาเพราะเชื่อว่าเป็นการมาช่วยให้ผู้อื่นได้รอดค่ะ เป็นเรื่องของศรัทธานะคะ สำหรับฝรั่งเ บางคนก็ดรอปเรียนเดินทางทั่วโลก หรือหาประสบการณ์ด้านอื่นๆอยุ่แล้ว ดังนั้นจะดรอปมาเผยแพร่ศาสนาก็ไม่แปลกค่ะ ชีวิตเค้าไม่ได้เป็น step ขั้นบันได้เป๊ะๆเหมือนบ้านเรา ชีวิตที่ว่า ถ้านับปีแล้ว ขาดช่วงจากการทำงานหรือเรียนไปปีสองปีก้จะต้องถูกฝ่ายบุคคลถามว่าไปทำอะไรมา แถมถูกกสังคมมองแปลกๆอะค่ะ ^^ จากคุณ : dararye เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 15:35:11

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ ทีนี้ ถ้าจะไปเรียนภาษาในโบสถ์ แต่เราเป็นพุทธนะแน่นอนว่าทุกคนที่จะไปเรียนต้องถูกหว่านล้อมให้เข้าศาสนาไหม แล้วถ้ายืนยันเป็นพุทธ แต่เข้าโบสถ์เพื่อเรียน ภาษาอังกฤษกับฝรั่ง เขาจะสอนไหม หรือ จะผิดไหม ที่เป็นพุทธแต่ดันไปเข้าโบสถ์ จากคุณ : *~Destiny Da~* เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 23:10:55

ความคิดเห็นที่ 13 เขาก็คงสอนหมดแหละครับ แต่คุณอาจจะได้ฟังเรื่องพระคริสต์บ่อยๆ อยู่ที่คุณจะชอบหรือเปล่า ตามปกติแล้ว แม้แต่ผู้ที่ไม่เชื่อ ก็สามารถเข้าโบสถ์ได้ครับ ไม่มีใครห้าม แถมยังจะยินดีต้อนรับเสียอีกด้วย เพราะเขาถือว่าคุณจะได้มีโอกาสมาฟังข่าวประเสริฐแล้วน่ะครับ ผมเห็นด้วยกับ #7 ครับ การมองความเชื่อผู้อื่น ต้องไม่มองตามความเชื่อตัวเองครับ ไม่งั้นจะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตามความเชื่อคริสเตียนแล้ว คริสเตียนควรจะดำเนินชีวิตโดยมีพระเยซูเป็นแบบอย่างครับ นั่นคือ จะต้องมีชีวิตด้วยความรัก มีการให้ มีความเสียสละ และมีหน้าที่ในการประกาศข่าวประเสริฐ เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสได้พบทางรอด ดังนั้น ถ้าถามว่าเขาทำแล้วได้อะไร ไม่เสียดายเวลา เสียดายเงินทองหรอ ก็ต้องขอบอกว่า เขาทำงานเพื่อพระเจ้าครับ เพราะฉะนั้นสิ่งรอบกายต่างๆ จึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นและสำคัญ เพราะเขาเชื่อว่า ถ้าทำงานเพื่อพระเจ้า พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้ชีวิตเขาแย่ และรางวัลของการทำงานเพื่อพระเจ้า ยิ่งใหญ่กว่ารางวัลใดๆ บนโลกนี้ครับ จากคุณ : ปั๊ปโปะจัง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 00:40:22

ความคิดเห็นที่ 14 น่าจะเป็นพวกมอรมอน(mormon)ครับ ถูกผิดขออภัย เห็นบ่อยๆทั่วไปไม่ว่าจะเป็นในไทยหรือเทศ จากคุณ : nayjack เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 10:53:22

ความคิดเห็นที่ 15 คุณไปเรียนได้ครับ จะเชื่อไม่เชื่อ เค้าไม่ว่า เพียงแต่เค้าสอดแทรกเรื่องศาสนาไว้ เผื่อคุณเข้าใจและอยากจะเป็นคริสต์ศาสนิก เรื่องนี้มาจาก คำสอนของพระเยซู ที่ให้สาวกออกไปประกาศศาสนาให้ทุกๆคนในโลก คริสต์เชื่อว่า การนำคนมาถึงพระเจ้า เป็นสิ่งที่ทำเพื่อพระเจ้า เค้าเองก็ได้รับ (เหมือนบุญในศาสนาพุทธ) เค้าคงไม่หลอกอะไรคุณ แต่เป้าหมายเค้าคือ อยากให้คุณเป็นคริสต์ ถึงคุณไม่เป็นคริสต์ ก็ไม่เป็นไร เพราะเค้าได้ทำหน้าที่ของเค้าแล้ว ส่วนเรื่องเชื่อไม่เชื่อเป็นเสรีภาพของคุณเอง จากคุณ : ตู้ต้า (ตู้ต้า) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 11:08:02

ความคิดเห็นที่ 16 เคยเห็นแล้วพวกนี้ใส่เสื้อขาวๆกางเกงดำๆหรือน้ำเงินปั่นจักรยาน พูดไทยได้เก่งมากๆ เราเคยถามพวกเขาว่าได้เงินทุนอะไรมามีค่าตอบแทนอะไรหรือเปล่า พวกเขาตอบว่ามาด้วยทุนตัวเองไม่มีค่าตอบแทน มาอุทิศตนให้ศาสนา ทุกคนตอบแบบนี้หมด แต่เราว่าไม่จริงทุกระดับหรอก ไอ้คนมาอุทิศตนเพื่อศาสนาน่ะมันมีจริงๆ แต่ใช้เหตุผลง่ายๆก็รู้ว่าคนพวกนี้หน้าตาเด็กๆมากๆ ไม่ใช่คนเคยทำงานสะสมเงินหรือมีบำนาญ (เงินน้อยๆประเทศเขาแต่กลายเป็นอยู่สบายๆประเทศเรา) ถ้าพวกเขาไม่มีค่าตอบแทนคงต้องไปกินอยู่หลับนอนสมบุกสำบันแน่ๆ จะหน้าตาแจ่มไสเนื้อตัวสะอาดได้ยังไงกัน  (ทุกคนหน้าตาดี ไม่มีใครโทรมเหมือนพวกหลับนอนข้างถนนเลย) จริงๆแล้วพวกเขาน่าจะต้องได้รับค่าตอบแทนบ้างพอสมควรนั่นแหละ เช่นเงินเดือนหรือเบี้ยเลี้ยงที่พอจะอยู่ในเมืองไทยได้โดยไม่ลำบาก แต่นี่พวกเขาทุกคนเล่นปากแข็งตอบเหมือนๆกันหมดว่า "ไม่มีค่าตอบแทนเลย..." คิดๆตามหลักเหตุผลแล้ว มันไม่น่าจะเป็นไปได้นะ...ที่คนเราอยู่ดีๆไปอยู่ต่างแพนแล้วไม่ทำงานอื่นได้แต่เผยแพร่ศาสนาแล้วมีเงินกินอยู่ใช้จ่าย...!!!?? แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 54 20:06:28 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 20:01:39

ความคิดเห็นที่ 18 ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมจึงไม่มีคนคริสต์เข้ามาตอบกระทู้ เอาละ ไม่มีใครทำ ผมเอง ผมรู้เรื่องพระเจ้ามาตั้งแต่ชั้นปฐม เรียนโรงเรียนคริสต์จีน ฟังเรื่องพระเจ้าทุกเช้าและร้องเพลงพระเจ้าก่อนเข้าเรียนทุกวัน ทางบ้านเป็นพุทธ-จีน  วันอาทิตย์ยังไปฟังเทศกับเขา ช่วงบ่ายอาทิตย์เข้าชั่วโมงของอนุชนคริสต์ จนจบประถมสี่ เข้าเรียนที่วัดประทุมคงคา ก็เข้าวัดปทุมคงคาท่องบทสวดนะโมตัสสะ/อิติปิโส ท่องร้อยกรองพุทธไปตามเพื่อน จนจบชั้นมัธยม ถึงเวลาทำงานหาตัง ทุกอย่างก็ดำเนินตามไปอย่างปกติ ไม่เคยคิดเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ อาจจะเป็นเพราะโรงเรียนคริสต์กลุ่มเพรสไบทิเรียนคงไม่มีการปิดการขายแบบเซล ทำหน้าที่เพียงเผยแพร่คำสอนอย่างเดียว คล้ายๆของคาทอลิค ใครใคร่เชื่อก็เสนอตัวเอง ทำงานไปได้ระยะหนึ่ง ก็มีเพื่อนเรียนเก่าที่เป็นพุทธด้วยก็มาชวนไปเรียนภาษาอังฤษที่คริสตจักรแห่งหนึ่ง เรียนฟรี ชอบอยู่แล้ว ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งสังคม(น่ารัก) ยังรู้เรื่องศาสนาเพิ่มจากที่เคยสัมผัสมาตอนเด็กๆ  คราวนี้ความเชื่อเริ่มเปลี่ยน เนื่องจากวิธีชวนคนเข้าเชื่อ หรือน่าจะเรียกว่าชวนสรุปให้รับเชื่อค่อนข้างจะรวดเร็วกว่ากลุ่มอื่น ทำให้ผมตัดสินใจทันที เข้าพิธีประกาศตัวเป็นคริสตศาสนิกชนท่ามกลางพี่น้องคริสเตียนทั้งโบสถ์เลย ยุคทีี่เชื่อใหม่ๆมีความร้อนรนมากๆ อยากให้ผู้อื่นมาเชื่อบ้าง เนื่องจากความเชื่อของชาวคริสต์ไม่เหมือนธรรมะของพุทธ ไม่เหมือนเลยละ สนุกออก ฟังนักเทศน์แล้วออกรสออกชาติ บางครั้งเทศนาไปร้องเพลงไป ใครบ้างจะไม่ชอบ ยิ่งเทศกาลคริสตมาส ยิ่งสนุกใหญ่ ผมชวนเพื่อนๆชาวพุทธเข้าโบสถ์บ่อย แต่คุณรู้ไหมทั้งประเทศไทยมีการเก็ยสถิติว่าการกลับใจเป็นคริสต์ของชาวไทยเปอร์เซ็นต์น้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ช่วงรณรงค์เชิญนักเทศใหญ่จากอเมริกามาเทศนาให้คนไทยฟัง ช่วงนั้นจำปีไม่ได้ ชาวคริต์ทุกนิกายร่วมมือกันจัดงานประกาศใหญ่ทั่วกรุงเทพ เราจะเห็นสติกเกอร์พิมพ์คำว่า พบแล้ว ติดอยู่ทุกถนนของกรุงเทพ หลังงานประกาศ ผลออกมาไม่เป็นที่ประทับใจเลย??????????? จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 02:54:58