ความคิดเห็นที่ 1 ดูอยู่เหมือนกัน และมารอฟังข้อมูลเพิ่มครับ จากคุณ : หมาป่าดำ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 15:13:45

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ได้ดู แต่จากการเติบโตในเมืองไทย แล้วโดนหลอกบ่อยๆ เราเลยตอนนี้เชื่อสนิทเลยว่าประวัติศาสตร์ไทยเขียนโกหกยกเมฆมีเพียบเลยหละ   เขาหลอกกันแบบดีกลายเป็นเลว เลวกลายเป็นดี หน้ามือเป็นหลังมือ ไปเลยหละ อย่างเช่น ออกข่าวเรื่องสรรพสามิตจับเหล้าเถื่อนให้คิดว่าคนผลิตเหล้าเถื่อนเป็นคนเลว แต่เปล่าเลยเหล้าชาวบ้านน่ะไม่ค่อยมีพิษมีภัยเหมือนเหล้ารับสัมปทานหรอก นายทุนมีเงินมีอิทธิพลเอาสัมปทานไปผูกขาดผลิตเหล้าที่มีสารพิษออกมาขายฆ่าคนตายไปตั้งมากมาย แล้วจ้างสรรพสามิตไปจับเหล้่าเถื่อนที่ไม่อันตรายมากเท่าเหล้าสัมปทานเพื่อขจัดคู่แข่ง ซึ่งกลายเป็นทำลายภูมิปัญญาชาวบ้านไป กฎหมายห้ามขายเหล้าเกินเที่ยงคืนนี่ก็ืำทำให้ชาวบ้านเชื่อว่า "จะทำให้บ้านเมืองสงบ" แต่ที่ไหนได้ "เจ้าหน้าที่เอาไว้รีดไถคนที่เปิดสถานบริการ" กฎหมายลิขสิทธิ์นี่ก็ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่า "จะทำให้ไทยเป็นอารยประเทศเพราะจะไม่มีของเถื่อน" แต่ไหนได้ "เจ้าหน้าที่เอาไว้รีดไถคนที่ผลิตและขาย software เถื่อน พวกร้านเน็ตเลยซวยติดหางเลขไปด้วย..." รายนี้ร้ายกาจที่สุด หมอดูคนหนึ่งที่เรารู้จักเคยบวชมาเป็นสิิบปี สึกออกมาเป็นหมอดู สอนเราว่า รู้ไหมว่าคนไทยสมัยก่อนน่ะก่อนที่เขาจะสาบานว่าจะต้องพูดความจริงและซื่อสัตย์หากมิเช่นนั้นแล้วขอให้ฟ้าดินกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงลงโทษ แต่ก่อนไปสาบานน่ะเขาจะแอบไปบนบานไว้ก่อนแล้วว่ากำล้ังจะโดนบังคับให้ไปสาบาน แล้วต้องสาบานหลอกๆเพราะความจำเป็นในชีวิตจริงๆ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายอย่ายึดเอาคำสาบานที่กำลังจะไปสาบานเลย...555++...ตกลงไอ้คนสาบานจริงยอมไปตายหรือยอมโดนประหารชีวิตเพราะไม่อยากผิดคำสาบานก็ซวยดิ...อะโหเล่นหลอกกันถึงปานนี้เชียว...!!!??....เขายังเล่าให้ฟังว่าสิบกว่าปีที่เขาบวชเขาเห็นพระเสพย์เมถุนได้โดยไม่ปราชิก เราก็งงว่าทำไงหว่า เขาบอกว่าก็ทำพิธีลาสึกโดยมีสีกาเป็นพยานยังไงล่ะ พระพุทธเจ้ายังสึกต่อหน้าต้นโพธ์ได้เลย...(งงแฮะ มีด้วยหรือ? เรื่องแบบนี้เพราะเราไม่รู้เพราะไม่เก่งพุทธประวัติ แต่หมอดูคนนี้ทีเคยเป็นพระเขาอ้างว่างั้นนะ) พอพระองค์นั้นที่สึุกแล้วเสพย์เมถุนเสร็จสีกากลับบ้านไปแล้ว เขาก็บวชใหม่....!!!??... ถ้าใครเป็นเซียน Internet แล้วเรียกดูข้อมูลจากเวปที่โดน blocked ได้นะ แล้วค้นข้อมูลเก่งๆ คุณจะอึ้งว่า ข่าวที่สื่อโดนทางการบังคับออกให้เราเสพย์น่ะ มันคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงมากๆเลยหละ นั่นก็หมายความว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับพื้นฐานไม่ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลได้อย่างเป็นอิสระ มันทำให้พวกเราสับสนว่าใครเป็นคนดี ใครคนเลวกันแน่...มันน่าตกใจมากๆเลยหละ...!!!?? พอเรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านี้แล้วคิดย้อนทวนเรื่องประวัติศาสตร์ไทยที่เราเรียนตอนเด็กๆ แล้วอดคิดไม่ได้ว่า "โหตูโดนหลอกไปตั้งกี่เปอร์เซ็นต์กันหว่า" ตอนนี้ใครซื่อมากๆก็ตกเป็นเหยื่อคนสมองยึกยักคดโกง รู้รักษาตัวรอดไว้น่ะ เป็นยอดดีที่สุด... แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 54 15:55:50 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 15:49:48

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยในหลายประเด็น  โดยเฉพาะ 5 ย่อหน้าแรก ส่วนข่าวที่ปิดบังกันนั้น  เยอะจริง ๆ  เอาแค่วิกิลีกส์ ที่ไม่ใช่เรื่องวิกเตอร์ บูท  แต่เป็นเรื่องที่ไม่เผยแพร่ในไทย ก็น่าสนุกแล้ว และเหตุการณ์ที่ปิดบังกันอีกมากมาย กลายเป็นพงศาวดารกระซิบนั้นเล่า " แต่พระพุทธเจ้าสึกกะต้นโพธิ์  ผมเชื่อว่า ไม่เป็นความจริง " อาจจะเคยได้ยินแต่ในวรรณคดีบ้าง ที่พระเอกสึกกะต้นไม้  สึกกะพระพุทธรูป  เพื่อไปหานางเอก ส่วนพันท้ายนรสิงห์  ถ้าผมจำไม่ผิด จะอยู่ในคำให้การชาวกรุง หรือคำให้การขุนหลวงหาวัด  ซึ่งมีเรื่องหลายเรื่องที่ยากจะตัดสินว่า  เป็นนิทานหรือเรื่องจริง (เช่น ขุนแผน ซึ่งอาจมีเค้าโครงจริง ... ส่วนมีเรื่องศรีปราชญ์ด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ  แต่ศรีปราชญ์น่าเชื่อว่าเป็นนิทานเหมือนศรีธนญชัย) " แต่อย่างน้อยก็อยู่ในความทรงจำชาวกรุงเก่าแน่นอน " จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 16:24:57

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าไม่มีจริงจะยินดีมาก เพราะผมสมเพชความเชื่อของคนที่คลั่ง(หลงผิด)ในระบบเจ้าขุนมูลนาย ยศฐาศักดินาชนชั้นวรรณะแบบไร้เหตุผลเป็นที่สุด จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 16:25:55

ความคิดเห็นที่ 5 พวกเราที่มีชิวิตอยู่กันในปัจจุบันนี้  มีใครเกิดทัน  หรือเห็นเหตุการณ์ ยุคพันท้ายนรสิงห์  หรือยุคพระเจ้าเสือกันบ้างล่ะครับ นักประวัติศาสตร์  หรือพวกที่ชอบ  ตั้งตัว  เป็นนักประวัติศาสตร์  ในปัจจุบัน  ก็เกิดไม่ทันเหตุการณ์นั้น แล้วจะปฏิเสธได้ยังไงว่า  เรื่องนั้น ๆ ไม่มีจริง พงศาวการกรุงศรีอยุธยา  มารวบรวมชำระครั้งพระเจ้าตากสิน  ครั้งหนึ่ง ชำระครั้งพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกครั้งหนึ่ง  โดยสมเด็จพระพนรัตน์ (แก้ว) วัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) เหตุการณ์เรื่อง  พันท้ายนรสิงห์  เกิดก่อนหน้านั้นไม่ถึง 150 ปี เรื่องราวจึงยังอยู่ในความทรงจำของคนในยุคนั้น  และเป็นเรื่องเล่าที่รู้จักกันทั่วไป คลองโคกขามและศาลพันท้ายนรสิงห์  ก็อยู่ไม่ไกลจาก ธนบุรี - บางกอก  สักเท่าไหร่ คลองโคกขาม  สถานที่เกิดเหตุ  ก็ยังอยู่ ศาลพันท้ายนรสิงห์  ที่ฝังศพ  ก็ยังอยู่  แล้วจะเอาอะไรกันอีกครับ  นักประวัติศาสตร์ อีกหน่อยคงมีพวกอุตริ อยากดัง  กล่าวว่า พระเจ้าตากสิน  ไม่มีพระองค์จริง ๆ ไม่มีการ  กู้ชาติ ไม่มี  พระยาพิชัยดาบหัก ไม่มี  สงครามของชาวบ้านบางระจัน พระนารายณ์มหาราช  ไม่มี พระนเรศวรมหาราช  พระเอกาทศรถ  ไม่มีตัวตนจริง ไม่มีพระเจ้าอู่ทอง เรื่องเหล่านี้เป็นแค่นิทานหลอกเด็ก  หรือเรื่องเล่าแก้เซ็ง คนไทยในปัจจุบัน  ตกลงมาจากฟ้า เมื่อ 200 ปีที่แล้ว แล้วว่าจ้างฝรั่ง  อังกฤษ ฝรั่งเศส ฮอลันดา  และโปรตุเกส  ให้สร้างบ้านสร้างเมืองให้  จนเป็นประเทศสยาม  และเป็นประเทศไทยมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วพวกเราจะพากันเชื่อตามตัวอย่างที่ผมยกมา  ได้มั๊ยล่ะครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 17:05:14

ความคิดเห็นที่ 6 คลองลัดที่ขุดตรง ตรงศาลพันท้ายฯมีไหม คลองลัดยังอยู่ไหม (ทราบว่ามี แต่ไม่ชัวร์นัก) หากมี พันท้ายนรสิงห์ก็มีโอกาสมีตัวตนอยู่จริง จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 17:14:56

ความคิดเห็นที่ 7 ไอ้ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูกรายนี้ดิ เหลือเชื่อจริงๆ เมื่อกลางวันดูข่าวสารคดีทีวีไทยเรื่องการออกโฉนดที่ดิน 15,000 กว่าไร่ที่ทางเหนือ มีลำพูนกับอะไรอีก 2 จังหวัด ฟังไม่ทัน มีชาวบ้านยากจนตั้งหลายครอบครัวหัวหน้าครอบครัวโดนพิพากษาคดีบุกรุกที่ดินนายทุน คนจนต้องไปติดคุกอยู่ตั้ง 6 เืดือน น่าสงสารมากๆเลย พอออกจากคุกมาสืบไปสืบมาพบว่าเป็นที่ดินสมัยตั้งแต่จอมพลถนอมแบ่งให้คนยากจนทำกินครอบครัวละ ถ้าจำไม่ผิด ครอบครัวละ 6 ไร่ สืบทอดมาช้านานก็ทำกินอยู่ตรงนั้น กลายเป็นที่ดินสาธารณะ แต่อยู่ดีๆนายทุนกับพวกเจ้าหน้าที่รวมหัวกันดำเนินการให้ออกโฉนดที่ดินให้ (โดยใช้หลักฐานปลอมเพียบเลย) แล้วเอาโฉนดไปจำนองไว้กับสถาบันการเิงิน ซึ่งก็คงรวมหัวกับเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินอีกนั่นแหละ แล้วเงินที่กู้ไปกลายเป็น npl ไปซะแล้ว พอสืบไปสืบมาคนที่มีชื่ออยู่ในเอกสารสิทธิ์ที่ทำการซื้อขายที่ดินไป บางคนอายุแค่ 1 ขวบ บางคน "ตอนซื้อขายทีดิน ยังไม่เกิดเลย...แถมบางคนมันตายไปแล้วมันยังมาขายที่ดินได้ด้วยอ้ะ...555+++..."...เหลือเชื่อจริงๆ แต่ป่านนี้ไม่รู้จะไปตามตัวนายทุนได้ที่ไหน เพราะทุกรายเป็นบริษัทที่ล้มละลายไปหมดแล้ว ล้มบนฟูกน่ะ ไอ้การโกงกันระดับบิ๊กๆน่ะที่ไหนๆในโลกมันก็มีด้วยกันทั้งนั้นนั่นแหละ "แต่โหโกงโดยมีผู้คนเป็นจำนวนนับร้อยๆคนสมรู้ร่วมคิดกันกระทำความผิดแบบนี้ หาดูที่ไหนในโลก หาดูได้ยากมากๆนะ..." ตกลงนี้ถ้าเรื่องมันไม่แดงขึ้นมา ก็คงจะต้องจารึกประวัติศาสตร์เอาไว้ (ผิดๆ) ว่า ชาวบ้านเป็นคนไม่ดีไปบุกรุกที่ดิน แต่นายทุนเป็นคนดีเป็นผู้เสียหายน่ะสิ...555+++... เห็นไหมล่ะ ใครซื่อเป็นคนดีเจอแบบนี้เข้า ก็เห็นทีจะต้องบอกว่าสมัยนี้มันต้องสมองไวๆรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี...ม่ายงั้นแย่ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 54 17:26:41 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 17:20:24

ความคิดเห็นที่ 8 อ. แกไม่ค่อยชาตินิยมเท่าไรเลยนะครับ เห็นไปเต้นเย้ว ๆ จะเอาปราสาทพระวิหารคืน... ๕๕๕๕ ก็ว่ากันไปครับ ชาตินิยม คำนี้เพิ่งมาบัญญัติหลังสมัยท่านผู้นำนะครับ อ. จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 17:21:40

ความคิดเห็นที่ 9 อืมม์ ตกลงพันท้ายนรสิงมีจริงหรือไม่ครับ. . . และเหตะผลอะไรที่บอกว่าพันท้ายนรสิงห์ไม่มีจริง . . จากคุณ : วังเหนือ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 17:38:28

ความคิดเห็นที่ 10 ผมไม่รู้ว่าเรื่องพันท้ายนรสิงห์เป็นเรื่องจริงหรือเปล่านะ แต่ผมขอพูดในแง่ประวัติศาสตร์ละกัน ประวัติศาสตร์ไม่ใช่ความจริงแท้ร้อยเปอร์เซนต์ เป็น Axiom (สัจพจน์) นะครับ แม้ว่าเราจะศึกษาจะเอกสารชั้นต้น สัมภาษณ์จากปากคำคนในเหตุการณ์จริงก็ตาม แต่ข้อมูลที่ได้เป็นเพียงคำอธิบายระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องด้วยประวัติศาสตร์นั้นต้องการทั้ง 'ข้อเท็จจริง' และ 'ข้อคิดเห็น' ในเวลาเดียวกัน (ตรงนี้แย้งกันได้แล้วแต่แนวความคิดของใคร) ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ หากเราจะบันทึกประวัติศาสตร์เหตุการณ์ไฟไหม้ห้างเซนทรัลเวิร์ลด์ ด้วย 'ข้อเท็จจริง' ทั้งข้อมูลจาก ศอฉ. ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ทีวี ข้อมูลจากอินเตอร์เนต สัมภาษณ์คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งทหาร ตำรวจและคนเสื้อแดง คุณอาจจะได้ข้อมูลมาชุดหนึ่ง แต่ข้อคิดเห็นนั้นจะทำให้ประวัติศาสตร์ของคุณแตกไปหลากหลายเพราะมุมมองของคนต่อเหตุการณ์เดียวกันนั้นย่อมแตกต่างกันไป ประวัติศาสตร์ไฟไหม้เซนทรัลเิวิร์ลด์เวอร์ชั่นของรัฐย่อมเป็นแบบหนึ่ง เสื้อแดงเป็นอีกแบบหนึ่ง อีกนิด มีประวัติศาสตร์จำนวนมากที่เป็นประวัติศาสตร์นิพนธ์ ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อรับใช้ 'อุดมการณ์' อะไรบางอย่าง การใช้กรอบคิดแบบสมัยใหม่มองอดีตอาจจะทำให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์ที่ผิดไป อาทิ การใช้ประเด็นชาตินิยมไปวิเคราะห์ประวัติศาสตร์นิพนธ์เรื่องหมู่บ้านบางระจัน โดยอธิบายว่าชาวบ้านบางระจันสู้กับข้าศึกเพราะรักชาติ ความคิดแบบนี้เป็นการใช้สายตาของคนปัจจุบันที่มีรัฐชาติชัดเจนแล้วไปมอง เพราะแท้ที่จริงแล้วในยุคสมัยนั้นรัฐชาติในมิติสมัยใหม่ยังไม่เกิดขึ้นเลย ดังนั้นเรื่องของพันท้ายนรสิงห์มันอาจจะมีจริงหรือไม่มีจริงก็ได้ มันอยู่ที่ 'ข้อเท็จจริง' และ 'ข้อคิดเห็น' ของใครครับ จากคุณ : I will see U in the next life. เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 18:17:51

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่มีประเทศไหนไม่เขียนประวัติศาสตร์เข้าข้างตัวเองหรอกครับ ยังไงก็ต้องมีบิดนิดบิดหน่อยให้มันดูดี คนรุ่นหลังจะได้ภูมิใจในชาติของตน ส่วนจริงหรือเท็จนั้นก้ต้องตามแต่ตัวบุคคลนั้นจะเชื่อละครับ ถ้าถือว่ามันจริงก็จริง ถ้าถือว่ามันเท็จก็เท็จ ถึงแม้จะเอาหลักฐานมากองตรงหน้าว่าจริง แต่คนนั้นคิดว่าเท็จ ก็หาทางออกว่าเป็นเท็จได้อยู่ดี ความจริงความเท็จมันก็เป็นเช่นนนี้เอง จากคุณ : nayjack เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 18:55:08

ความคิดเห็นที่ 12 พระพุทธเจ้าสึกตอนไหนกัน!!!! จากคุณ : เจ้่าชายกบ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 19:24:46

ความคิดเห็นที่ 13 พันท้ายนรสิงห์มีหรือไม่มีตัวตนผมไม่รู้ แต่เมียพันท้ายนรสิงห์ที่ชื่อนวลนั้นไม่มีอย่างแน่นอน อย่าไปเชื่อศาลเจ้าแม่นวลที่โคกขาม นวลไหนก็ไม่รู้ได้ ก็เสด็จพระองค์ชายใหญ่ ท่านแต่งมากับมือเพราะว่าท่านต้องแต่งละคร ข้อมูลเห็นว่ามีอยู่บันทัดเดียวหรือสองบันทัด แล้วก็มีพระเอกอยู่แค่คนเดียวคือท่านพันท้าย มันจะเอามาเล่นละครได้อย่างไร ก็ต้องเขียนบทให้มีตัวละครอย่างที่ควรจะมี รวมทั้งนวล เมี่ยของพันท้ายฯเพื่อให้พันท้ายฯได้สั่งลา ต้นกำเนิดของเพลง "น้ำตาแสงไต้" อันลือลั่นและอมตะ ในเมื่อเป็นตัวละครในจินตนาการ แล้วเจ้าแม่นวลมาจากไหนและกลายเป็นเจ้าแม่ได้อย่างไร? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 19:36:17

ความคิดเห็นที่ 14 นวลลลล.....เจ้าพี่....เอยยยย จากคุณ : ดอกหญ้าสีนวล เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 20:34:07

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบ คุณ  เจ้่าชายกบ  คคห 12 เราพูดไปแล้วตั้งแต่เขียน คคห 2 ว่า มันแค่เป็นการเล่าเรื่องให้ฟังว่าหมอดูคนที่เคยบวชเป็นพระมากว่า 10 ปีัสอนเราให้ระวังความเจ้าเล่ห์ของคนในวงการต่างๆ (เราจะได้ไม่ซึ่อเกินไปแล้วหลวมตัวโดนพวกเขาหลอก) เช่นสมัยก่อนมีคนแกล้งสาบานหลอกๆเพื่อความอยู่รอดทำให้คนสาบานจริงๆต้องไปสละชีวิตแต่คนสาบานหลอกๆรอดตาย หรือพระจะเสพย์เมถุนก็หาข้ออ้างบางอย่าง...เช่นทำพิธีลาสึกกับสีกาที่ตัวเองกำล้ังจะหลับนอนด้วย โดยอ้างว่าพระพุัทธเจ้าก็เคยลาสึกกับต้นโพธิ์ แต่พระพุทธเจ้าจะทำเช่นนั้นจริงหรือไม่ "เราก็บอกไปแล้วว่าเราก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ" เพราะเราไม่เก่งเรื่องพุทธประวัติ...แล้วก็ยังไม่เคยค้นข้อมูลเรื่องนี้...เราว่าอีกตาหมอดูคนนั้นที่เคยเป็นพระมาก่อนตั้ง 10 ปี เขาน่าจะหมายถึงสมัยก่อนพระที่อยากสึกไปมีเมียแต่พระอาจารย์ไม่ยอมทำพิธีสึกให้ก็เลยไปลาสึกกับต้นโพธิ์ด้วยตัวเอง อะไรทำนองนั้น ซะมากกว่านะ นะ...แต่พี่แกเล่าเอามันอำเราเล่นต่างหาก...555+++...ครั้งหนึ่งอีกตาหมอดูจอมแสบคนนี้มันอำเราว่า "ไสบาบาเคยเป็นศิษย์นักเล่นกลไทยชื่อไฉน...555+++..." แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 54 21:29:39 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 20:47:36

ความคิดเห็นที่ 16 หึ หึ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 54 21:26:54 จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 21:20:23

ความคิดเห็นที่ 17 หากเราศึกษาประวัติศาสตร์ชาติต่างๆ รวมทั้งของไทยเอง จะพบว่า เรื่องบางเรื่องก็เป็นเรื่องแต่งทั้งสิ้น สำหรับประวัติศาสตร์ไทยเอง ก็มีอยู่ไม่น้อย ที่มีการสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นภายหลัง เพื่อเป็นการสร้างชาติ และสร้างความภาคภูมิใจ หรือเหตุผลทางการเมืองบางประการ ตอนนี้ เราทราบเพียงแค่ว่า พันทายนรสิงห์ เป็นเพียงเกร็ดประวัติศาสตร์เพียงแค่ ๑ - ๒ บรรทัด แต่หากจะเรียกว่าเป็นนักประวัติศาสตร์จริงๆ ก็ควรต้องศึกษาเพิ่มเติม เช่นเดียวกับ กรณีสมเด็จพระสุริโยทัย และท้าวสุรนารี ซึ่งหากจะถกเถียงกันจริงๆ ต้องอาศัยข้อมูลต่างๆ ทั้งพระราชพงศาวดารไทย บันทึก ปูมโหร จดหมายเหตุ และหมายข่าวต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศเพื่อเทียบเทียง อย่าพึ่งเอาอารมณ์มาตัดสินเลยครับ และโปรดอย่าเอาละคร มาเป็นกรอบในการศึกษาครับ จากคุณ : พระนายไวย เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 21:21:26

ความคิดเห็นที่ 18 พันท้ายรสิงห์ปรากฎในคำให้การชาวกรุงเก่าครับ ซึ่งเป็นเวลาหลังจากสมัยของสมเด็จพระเจ้าเสือไม่ได้นานนัก เป็นไปได้ว่าท่านอาจจะมีตัวตนจริงๆ ในเมื่อยังไม่มีหลักฐานมาหักล้างว่า พันท้ายนรสิงห์ไม่มีจริง เราก็ควรจะยึดถือหลักฐานดั้งเดิมที่มีข้อมูลยืนยันเอาไว้ก่อน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 21:31:33

ความคิดเห็นที่ 19 อย่าว่าแต่แค่นั้น ไอ้ที่เขียนเป็นคุ้งแคว โดยอ้างว่ามาเข้าฝัน หรือนั่งทางในก็มีไม่น้อย แล้วก็มีคนเชื่อเยอะมากเสียด้วยสิ จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 22:43:19

ความคิดเห็นที่ 20 ตรรกที่ว่าเรื่องนี้ไม่จริงแล้วโยงไปถึงเรื่องอื่นๆว่าไม่จริงตามไปด้วย ทั้งๆที่เป็นคนละเรื่องกัน ผมว่าอันตรายเอามากๆครับ จากคุณ : pixelchio เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 23:09:56

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วพระเจ้าเสือมีจริงไหม มีหนังสือหลายเล่มเขียนไว้ด้วยว่าโปรดเด็กที่ยังไม่ถึงผ้า ไม่รู้เอาข้อมูลมาจากไหน จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 00:33:30

ความคิดเห็นที่ 22 การที่ไม่มับันทึกหมายความว่าไม่จริงเหรอครับผมคิดว่าไม่ควรคิด เช่นนั้นหากหาหลักฐานยืนยันไม่ได้แค่บอกว่า ไม่สามารถยืนยันได้ น่าจะถูกต้องกว่า ยกเว้นเรื่องไหนที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นเรื่องแต่ง ค่อยว่ากันไป อย่างเช่นเรื่องเ่ล่า นิทานบางเรื่อง ก็สามารถพานักโบราณคดีไปขุดเจอเมืองมาหลายเมือง แล้ว อย่างของไทยก็หนองเวียงล่ม การบอกว่าเรื่องเล่า เป็นนิทานเป็นเรื่องไม่จริงก็เท่ากับคุณ ละเลยข้อเท็จจริงบางส่วนไป อย่างน่าเสียดายแน่นอน แต่การเอานิทานมาบอกว่าเป็นเรื่องจริง ก็เป็นเรื่องสุดโต่งไปอีก ด้านหนึ่ง อย่างเรื่อง ย่าโมก็เหมือนกันก็มีหลักฐานว่าย่าโมมีตัวจริง เหตุการณ์วีรกรรมที่ทุ่งสำริด ก็มีจริง ย่าโมก็เป็นหนึ่งในคณะก่อการ แต่ที่วิทยานิพนท์เขาบอกว่าไม่เป็นจริงก็คือ วีรกรรมของย่าโมที่พวกเรารู้จักกันดีในปัจจุบันต่างหาก ที่เป็นเรื่องแต่งขึ้นมา เพื่อ เอามารับใช้ อุดมกาณ์ชาตินิยมสมัยจอมพล ป ต่างหาก แต่ก็มีคนเอามาบอกว่า ย่าโมไม่มีตัวจริงไปซะเลย ถ้่าอย่างนั้น จะบอกว่าใครบิดเบือนประวัติศาสตร์กันแน่ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 54 09:44:57 แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 54 09:08:40 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 09:06:58

ความคิดเห็นที่ 23 "คุณหญิงโม ภรรยาของพระยาปลัดถูกต้อนไปพร้อมกับครอบครัวอื่น คุณหญิงโมเป็น หญิงผู้กล้าหาญ ท่านได้วางแผนร่วมกับผู้นำคนอื่น โดยแกล้งทำเป็นกลัวกองทัพลาว และในขณะเดียวกัน ทำเป็นชื่นชมกองทัพลาว เพื่อให้ทหารลาวตายใจ ซึ่งต่อมา ชาวบ้านและหญิงไทยเหล่านั้นก็โจมตีและทำลายกองทัพลาวที่ทุ่งสำริด เมื่อเจ้าอนุวงศ์ ได้รับรายงาน ก็สั่งให้ เจ้าสุธิสาร นำกองทัพลาวจากเวียนเทียน มาปราบชาวบ้านไทย ที่ทุ่งสำริด ในขณะที่ผู้นำชายไทย นำชาวบ้านชายเข้าต่อสู้ คุณหญิงโมได้นำชาวบ้านหญิงไทย เข้าร่วมต่อสู้ทำให้กองทัพลาวแตกไป ร.3 ได้ทรงตั้งคุณหญิงโมเป็น "ท้าวสุรนารี" แบบเดียวกับ ร.1 ทรงตั้ง คุณหญิงจัน ภรรยาพระยาถลาง เป็น "ท้าวเทพกษัตรีย์" 1934 คำถามก็คือ กรมพระยาดำรงราชานุภาพแต่งขึ้นมาเองหรือเขียนจากเรื่องเล่าในสมัยนั้น? ซึ่งสำหรับ ผมก็บอกได้ว่าไม่มีใครยืนยันได้หรอกครับ ก็ได้แต่บันทึกว่าเรื่องย่าโมนี่ ท่าน กรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นคนเขียน เหมือนคำให้การกรุงเก่าที่เขียนจากเรื่องเล่าเป็นต้น และทุกประเทศมีเรื่องการแต่งเติม วีรกรรมของวีรบุรุษให้เกินจริงทำนองนี้ทั้งนั้น เช่น เดวี่ คร็อกเก็ต ของอเมริกาเป็นต้น แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 54 09:25:48 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 09:14:25

ความคิดเห็นที่ 24 อยากรู้จริง ๆ  ก็ต้องไปถาม คนพูด คือ อ.เทพมนตรี ถามในนี้ ก็ไม่มีใครรู้ อย่างที่ อ.เทพมนตรี รู้ จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 09:38:16

ความคิดเห็นที่ 25 นักวิชาเกิน  พวกที่ชอบ ยกตัวเอง เป็นนักวิชาการ  หรือชอบ ยกตัวเอง เป็นนักประวัติศาสตร์  ในสมัยนี้ยุคนี้ มักคิดว่า  ตัวเองรอบรู้  หรือรู้จักเรื่องในอดีต (ประวัติศาสตร์)  มากกว่าคนในยุคในสมัยของประวัติศาสตร์นั้น ๆ เพราะคิดว่าตัวเองมีหลักฐานเอกสารอ้างอิง  และหักล้างได้มากกว่าคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์  หรือคนที่อยู่ร่วมสมัยกับเหตุการณ์ น่าสังเวชใจ  กับนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์แนวใหม่ จริง ๆ ครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 10:24:29

ความคิดเห็นที่ 26 1. ศาลพันท้ายนครสิงห์ขึ้นทะเบียนกรมศิลปากรในปี 2498 และเดิมก็มีศาลเพียงตาขนาดเล็กอยู่แล้ว นั่นแสดงว่าศาลนี้ต้องมีอายุก่อนปี 2498 นานหลายสิบหรือหลายร้อยปีแน่นอน 2. คลองโคกขาม ก็ขุดมาแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ มีหลักฐานยืนยันชัดแจ้ง 3. เรื่องราวของท่านก็มีในคำให้การชาวกรุงเก่า สอดคล้องกับศาลเพียงตาที่มีริมคลองโคกขามและการขุดคลองให้ตรงขึ้น 4. เรื่องราวของท่านก็ไม่นับว่าพิสดารพันลึกอะไร แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่และรักษาระเบียบของผู้ปฏิบัติงานเป็นอย่างดี ซึ่งผมคิดว่า มีความเป็นไปได้ครับที่จะมีเหตุการณ์แบบนี้จริงๆ เพราะเราพบคนที่ทำผิดแล้วยอมตายชดใช้ความผิดได้มากมายในประวัติศาสตร์ทั้งของจีนและไทย หรือคนที่รักษากฎระเบียบกับสัตย์ของตนอย่างมากก็มีถมไป อย่างในประวัติศาสตร์จีนนั้น มีแม่ทัพคนหนึ่งรับราชการในแคว้นเจิ้ง วันหนึ่งเจ้าแคว้นกำลังจัดงานเลี้ยงอยู่ สั่งห้ามไม่ให้คนนอกรบกวนเด็ดขาด แต่ทว่าพอดีแม่ทัพคนนี้ได้ข่าวว่ามีข้าศึกยกทัพล่วงดินแดนเข้ามา สถานการณ์คับขัน เขาก็รีบเข้าวังไปหาเจ้าแคว้นเจิ้งทันที เหล่าคนรับใช้ของเจ้าแคว้นห้ามเขาก็ไม่ยอมหยุด พอเข้าไปเจอเจ้าแคว้นเจิ้่ง แม่ทัพก็ถ่มน้ำลายใส่หน้าเจ้านาย ทั้งตะคอกว่า ไอ้เด็กเมื่อวานซีน ภัยมาถึงแล้วเอ็งยังจะมาสำราญได้อีกหรือ และรายงานว่ามีข้่าศึกบุกมา ด้านเจ้าแคว้นเจิ้งก็ดีครับ ไม่ถือสาแม่ทัพเฒ่า รีบสั่งให้จัดเตรียมไพร่พลและให้แม่ทัพเฒ่านำทัพออกศึกทันที สามารถขับไล่ข้าศึกไปได้ แต่พอเสร็จศึกแล้ว แม่ทัพเฒ่าก็มัดตัวเองไปหาเจ้าแคว้นเจิ้ง และกล่าวขออภัยในโทษที่ล่วงเกินเจ้านาย ด้านเจ้าแคว้นก็ไม่ได้ติดใจอะไร กล่าวกับแม่ทัพว่ามันเป็นเรื่องเร่งด่วน ท่านทำถูกแล้ว แต่แม่ทัพเฒ่าไม่สบายใจ กล่าวว่า ตัวเองเป็นข้า แต่กระทำการสามาญล่วงเกินเจ้านาย มีโทษควรตาย ว่าแล้วก็เอากระบี่เชือดคอตัวเองม่องเท่งไปตามระเบียบ......... จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 11:23:47

ความคิดเห็นที่ 27 ประวัติศาสตร์คือสิ่งที่มีมาหรือจดบันทึกหรือพูดต่อๆ กันมาครับ ถ้าจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีความจริง ต้องมีหลักฐานมาแสดงให้ชัดเจนครับ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องเชื่อตามที่เขากล่าวอ้างมาครับ จากคุณ : nap62 เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 12:53:05

ความคิดเห็นที่ 28 ที่เขียนในสมัยพระเจ้าตากสิน จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 13:34:09

ความคิดเห็นที่ 29 จาก จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 13:35:25

ความคิดเห็นที่ 30 พันท้ายนรสิงห์ จึงน่าจะมีจริง จากหน้า ๓๐๔ มีอีกว่า จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 13:44:45

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ โจโฉ  ใน คคห ที่ 4 ลองอ่านให้ดี  ขบให้แตก  นะครับ ว่าที่  พันท้ายนรสิงห์  ยอมตาย ยอมตาย  เพื่อรักษากฏหมาย  ใช่หรือไม่ ตามธรรมเนียมโบราณ เป็น  เจ้าแผ่นดิน  ก็ต้องรักษากฏหมายโดยเคร่งครัด พระเจ้าแผ่นดินสยาม  ต่างจากพระเจ้าแผ่นดินเมืองอื่น  คือถูกควบคุมโดย  กฏหมายและราชประเพณี ถ้า พระเจ้าแผ่นดิน  ทำผิดกฏหมายและราชประเพณี  อาจถูกยกเป็นข้ออ้างในการก่อกบถได้ และถ้าบ้านเมือง เกิดภัยพิบัติ  เช่นฝนแล้ง  ข้าวแพง  โรคระบาด  ชาวบ้านราษฎร  จะติเตียนว่า  เพราะเจ้าแผ่นดินไม่อยู่ในยุติธรรม  ไม่รักษากฏหมาย  และไม่รักษาราชประเพณี พันท้ายนรสิงห์  ยอมตาย  เพื่อรักษากฏหมาย  และเพื่อให้  พระเจ้าเสือ  ทรงรักษากฏหมายและราชประเพณี และเป็นการรักษาพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์  โดยทางอ้อมด้วยครับ และในเอกสารที่คุณ ธนิตา  ยกมาให้ดู ใน คคห ที่ 30 นั้น พระเจ้าเสือ  ทรงตรัสว่า  พันท้ายนรสิงห์เป็น  ข้าหลวงเดิม แสดงว่าเป็น   คนรับใช้ใกล้ชิดเก่าแก่  มาตั้งแต่ยังไม่ขึ้นครองราชย์ คุณ โจโฉ  ลองยกตัวอย่าง  คนในยุคปัจจุบันที่ ยอมตาย  เพื่อรักษากฏหมาย  มาให้ดูกันบ้างสิครับ ผมเห็นแต่พวก  ยอม ล้ม กฏหมาย  หรือยอม ฉีก กฏหมาย  เพื่อให้ตัวเองและพรรคพวกรอด จริงมั๊ยครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 14:41:21

ความคิดเห็นที่ 32 ผู้ใดทำโขนเรือหัก ต้องถูกประหารชีวิต มีในกฎมณเฑียรบาลหรือไม่ สามัญชนระดับหัวพันเจรจาโต้ตอบกับพระเจ้าแผ่นดินได้จริงหรือไม่ พงศาวดารจะบันทึกเรื่องราวการตายของบุคคลคนหนึ่งไว้ละเอียดละออจริงหรือไม่ ความเชื่อเป็นสิทธิส่วนบุคคล เราสามารถเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เรื่องใดก็ได้ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 54 15:19:29 จากคุณ : VET53 เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 15:08:12

ความคิดเห็นที่ 33 "ผู้ใดทำโขนเรือหัก ต้องถูกประหารชีวิต มีในกฎมณเฑียรบาลหรือไม่" เนื่องจากมาทำงานต่างจังหวัด  หนังสือกฎหมายตราสามดวงอยู่ที่บ้าน แต่เท่าที่จำได้  ความผิดนี้น่าจะมี  และโทษคือประหาร "สามัญชนระดับหัวพันเจรจาโต้ตอบกับพระเจ้าแผ่นดินได้จริงหรือไม่" ปรกติต้องให้พระมหากษัตริย์ทรงตรัสก่อนหรือตรัสถาม   ส่วนพูดแทรกนั้นไม่ได้เด็ดขาด แต่การที่จะร้องกราบบังคมทูลพระกรุณาขึ้นก่อนนั้น   เข้าใจว่าน่าจะกระทำได้   ในกรณีจำเป็น  แต่จะผิดกฎหมาย ราชประเพณีหรือไม่  ผมไม่ทราบ "พงศาวดารจะบันทึกเรื่องราวการตายของบุคคลคนหนึ่งไว้ละเอียดละออจริงหรือไม่" พงศาวดารนั้น  ต้องแต่งเพื่อเชิดชูกษัตริย์ องค์ใดองค์หนึ่ง  หรือ วงศ์ใดวงศ์หนึ่งอยู่แล้ว ถ้าการตายของบุคคลใด เป็นไปเพื่อเชิดชูวัตถุประสงค์ดังกล่าว  ย่อมสามารถแต่งเติมให้พิสดาร จนอาจผิดความเป็นจริงไปมากก็ได้ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 54 15:41:19 จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 15:40:41

ความคิดเห็นที่ 34 ตามที่คุณ  VET53 เสนอมาก็เป็นตัวอย่างที่ดีนะครับ แล้วมีเหตุผลอื่นอีกไหมครับ ที่จะสนับสนุนว่า พันท้านนรสิงห์ ไม่มีจริง ?????????? จะได้ดูว่าสมเหตุสมผล หรือไม่ ... และจะได้เห็นทั้ง 2 มุมครับ จากคุณ : วังเหนือ เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 00:20:37

ความคิดเห็นที่ 35 แล้วเทพมนตรีเชื่อถือได้? จากคุณ : Aeykun เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 01:23:34

ความคิดเห็นที่ 36 เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ในพงศาวดารก็ไม่ได้ถือว่ามีเนื้อหามากนักนะครับ มีเพียงวรรคเป็นเหตุการณ์สั้นๆในรัชสมัยของพระเจ้าเสือ ก็ตามที่คุณธนิตายกมาเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆในภาพยนตร์ล้วนเสริมเพื่อให้ใช้เป็นบทละครได้ทั้งสิ้น จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 06:53:44

ความคิดเห็นที่ 37 เคยดูรายการเอเอสทีวีตอนดึก รู้สึกจะวันอังคารนานมาแล้ว รายการที่จัดกับสุภาพสตรีท่านหนึ่ง พูดละเอียดเรื่องนี้ ที่พอจำได้ก็เรื่องเกี่ยวกับต้นโพธิ์ เมื่อคืนดูถ่ายทอดสดจากธรรมศาสตร์รายการที่จับคนไทย7คน ก็เปรยถึงเรื่องนี้บ้าง หลายเรื่องที่อ.เทพมนตรีศึกษาหรือต่อสู้ มีหลักฐานข้อมูลอ้างอิงน่าเชื่อถือ แต่การที่ใครจะเลือกเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ท่านละครับ จากคุณ : Heuriger เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 09:57:57

ความคิดเห็นที่ 38 ประวัติศาสตร์หลายเรื่องก็เชื่อไม่ได้ แต่นัก ปวศ เชื่อเป็นตุเป็นตะ อย่างหลักศิลา อย่างย่าโม และอีกหลายๆ เรื่อง  แต่ตัวก็ยังเชื่ออยู่อย่างนั้น ขอยกคำพูดนายกมาอ้างอิงนิดหนึ่ง "พูดโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนตัวเองเชื่อคำพูดโกหกของตัวเอง" - ไม่ได้หมายความว่าท่าน นัก ปวศ โกหกนะครับ แต่หมายถือเชื่อในสมมติฐานของตัวเอง ส่วนเรื่องพันท้าย มีทั้งหลักฐานทาง ปวศ. หลักฐานทางการขุดค้นทางโบราณคดี และหลักฐานทางภูมิประวัติศาสตร์ ระดับความน่าเชื่อถือก็เกิน 80% อ.เทพ ด้วยความเคารพครับ แต่บางเรื่องท่านก็รั้นไป อย่างเรื่องทับหลัง หรือเรื่องฝั่งคนทั้งเป็นในหลุมเสาเมือง เสาประตูเมือง กรมศิลป์ ขุดเมืองเป็นร้อยเมือง ไม่เคยเจอกระดูกในหลุมเสา แต่ท่านก็ยังเชื่อฝรั่งเขียนจดหมายด้วยอคติอยู่ แต่บางเรื่องท่านก็จุดประเด็นได้อย่างน่าสนใจ อย่างปราสาทพระวิหาร จากคุณ : Lerman เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 10:23:49

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเองมองว่า เรื่องพันท้าย อาจารย์เทพมนตรี อาจจะใช้มุมมอง แบบนักประวัติศาสตร์ ที่มองย่าโม ก็ได้ว่า อาจจะมีตัวตนจริง แต่ อาจจะไม่ได้สำคัญมากมายขนาดนั้น เพราะ ผมยังไม่เห็นว่า อาจารย์เทพมนตรี จะขยายความคำพูดแค่ไหน เพราะ พูดแค่นั้น อาจารย์อาจจะเชื่อเพียงเท่านี้ก็ได้ แต่ ก็ไม่แปลกหรอกครับ นักประวัติศาสตร์ ส่วนมากจะเป็นพวกอีโก้สูงกันทั้งนั้น อย่างเรื่อง ศิลาจารึกหลักที่ 1 บางคนยังไม่เลิกเลยด้วยซ้ำ เลยไม่น่าแปลกใจว่า หลายคนเขาจะเข้าไปอยู่ในแวดวงการเมือง ตามอีโก้ของตัวเอง ไม่ว่า ฝั่ง พันธมิตร หรือ เสื้อแดง มีคนเคยบอกว่า ผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์ ผมเองก็ต้องย้ำหลายครั้ง ผู้ชนะ ไม่ได้เขียนประวัติศาสตร์ แต่คนที่เขียนประวัติศาสตร์ คือนักประวัติศาสตร์ต่างหากที่จะพอใจ จะเขียนตามความเชื่อของตัวเอง จากคุณ : Angleevil เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 10:55:20

ความคิดเห็นที่ 40 โห แสดงความเห็นนิดเดียว ได้รับความสนใจจากคุณคอแก้งซะ 55+ ผมไม่แน่ใจในตอนแรกว่าที่คุณกำลังพูดหมายถึงอะไร แต่ถ้าให้คิดเดาก็คือ มุมมองของคุณเป็นแบบdescriptiveคือ มองไปตามเหตุการณ์จริงที่คนในอดีตเขาคิดเขาเชื่อยังไง แต่มุมมองของผมน่าจะเป็นแบบcriticalคือมองว่ามันสมเหตุสมผลดีไม่ดี ควรไม่ควรเกิดขึ้นยังไงนะครับ (ลองนึกดูแบบคนปัจจุบันที่เชื่อในสิทธิมนุษยชนว่าถ้าเราเป็นพ่อแม่พี่น้องลูกหลานของพันท้ายฯในสมัยนั้นจะรู่สึกเจ็บปวดเศร้าใจแค่ไหนที่ต้องมาตาย จะดีใจ ภูมิใจไหม?) คือต้องออกตัว+ยอมรับว่าผมไม่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์เลย แต่แค่แสดงความรู้สึกแบบคนทั่วไปในยุคปัจจุบันที่เชื่อในสิทธิเสรีภาพอันเท่าเทียบกันเท่านั้นนะครับ ผมไม่จำเป็นต้องเข้าใจและยอมรับว่าสิ่งที่คนในอดีตทำนั้นถูกต้องหรือไม่ ใช่ไหมครับ? มุมมองผมก็คือ เมื่อมองกลับไปดู/ฟังเรื่องที่คนในอดีตทำไว้(จริงไม่จริงไม่รู้)โดยความเชื่อเรื่องความจงรักภัคดี ยอมตายถวายชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งหมดนี้มันก็คือการยอมรับในอำนาจของระบบเจ้าขุนมูลนายที่เอาเข้าจริงพวกเขาก็เป็นแค่เครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจ ตามฆ่าตามล้างกันไม่สิ้นสุดเท่านั้นเอง อีกอย่างเรื่องเล่าประเภทนี้ผมมองเป็นกลวิธีหนึ่งในการควบคุมประชาชนที่อ่อนปัญญาให้ยอมรับกลัวเกรงและเชื่อในอำนาจของผู้ปกครองต่อกันเป็นทอดๆเท่านั้นเอง ซึ่งเมื่อใช้ความคิดของคนยุคใหม่อย่างผมมันเลยเป็นเรื่องขัดใจนะครับ : ) ส่วนที่ว่าใครจะยอมตายเพื่อรักษากฎหมาย หรือมีแต่คนฉีกกฎหมายในปัจจุบันอะไรนั้น คนอย่างแรกคงหาไม่ได้เพราะสังคมมันเปลี่ยนไปไม่มีใครอยากตายอย่างฮีโร่หรอกครับ หรือคุณทำได้?? ส่วนคนจำพวกที่สองก็ต้องดูว่าเขาฉีกทำไมเหตุผลดีไหม ถ้าไม่ดีก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องช่วยกันควบคุมดูแล (ได้มากได้น้อยก็ต้องทำไปตามกำลัง) แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 54 11:28:47 แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 54 11:19:31 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 11:13:23

ความคิดเห็นที่ 41 ขอเสริม คคห. 33 ของผม  ย่อหน้าสุดท้าย พงศาวดาร ยังเป็นไปเพื่อเชิดชู หลักการ หรือ แนวคิด บางอย่างด้วย จากคุณ : เจ้าคุณแม่ทัพ เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 11:50:05

ความคิดเห็นที่ 42 เรื่องไหนจริงหาคลิปมายืนยันด้วย บางคนเขาไม่เชื่อ จากคุณ : เสือดำขโมยใจ เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 13:57:33

ความคิดเห็นที่ 43 There is something worth fighting and dying for. เพียงแต่ว่าสิ่งนั้นคืออะไรของแต่ละคน แต่ละยุคสมัยเท่านั้นเอง บริบทของคนแต่ละยุคสมัยไม่เหมือนกัน สื่งที่บรรพบุรุษเรายอมตายเพื่อรักษาไว้ เราอาจเยาะหยันว่าพวกเขาถูกครอบงำ คิดไม่เป็น ลืมไปว่าสิ่งที่เราคิดก็เป็นผลิตผลของคุณค่าที่เรายกย่องในสมัยของเรา เและอาจเป็นสิ่งที่ลูกหลานได้คิดวิเคราะห์ด้วยความงุนงงหรือแม้แต่หัวเราะเยาะต่อไปก็ได้ และหากว่าพันท้ายนรสิงห์มีจริง ดวงวิญญาณท่านอาจพิศวงว่าคนรุ่นหลังที่ยอมตายเพื่อสิ่งที่เรียกว่า "ประชาธิปไตย" อันซื้อขายได้ เพื่อแกนนำที่เปลี่ยนขั้ว เปลี่ยนข้างได้นั้น เป็นการสละชีวิตที่คุ้มค่าแค่ไหนกันหนอ จากคุณ : germanreisring (germanreisring) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:38:00

ความคิดเห็นที่ 44 ว่าแต่ อ.เทพมนตรีคนนี้นี่ มีความน่าเชื่อถือขนาดไหนคะ เป็นนักวิชาการจริงๆ หรือแบบแต่งตั้งตัวเองเป็นนักวิชาการเพราะมีฐานแฟนคลับ บังเอิญไม่รู้จักน่ะค่ะ จากคุณ : germanreisring (germanreisring) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:45:09

ความคิดเห็นที่ 45 เข้ามาเก็บความรู้ค่ะ   ตอนแรกนึกว่าเข้าผิดห้อง เพราะคิดว่าคนห้องนี้น่าจะถกกันด้วยเหตุหล  กลายเป็นเจอแต่คนกระแหนะกระแหนกันซะนี่ ยังไงก็ยังมีบางท่านมาให้ความรู้ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เทมปุระ เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 14:22:18

ความคิดเห็นที่ 46 สวัสดีครับ คนเราโดยปกติ มักจะเอาความคิดส่วนตัวตัดสินผู้อื่นเสมอมา ต้องคุยกันด้วยเหตุผล และเข้าใจถึงข้อจำกัด เหตุการณ์ ภาวะ และบริบททางสังคม (สมัยนั้น) ไม่ต้องเอาเจ้าขุนมูลนาย แค่คนข้างถนนก็หัวหมอกันเต็มที ยกกฎหมายและสิทธิกันมาข้างๆ คูๆ ข่มคนอื่นก็มากมาย ไม่ต้องมองแค่บ้านเรา บ้านเขาก็มี ประเทศต้นแบบด้านสิทธิก็มี ประเทศด้านสังคมนิยมก็มี เอะ.... หรือเค้าคิดเองเออเองว่าบ้านเขาไม่มี??? โลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์ ยกเว้นโลกความฝัน ส่วนเรื่องพัมท้ายฯ นี่ ผมก็อยากให้ผู้ทรงภูมิท่านใดสักท่านช่วยสรุปให้หน่อยว่า ผู้คัดค้าน ค้านว่าอย่างไร ผู้สนับสนุน มีการหักล้างอย่างไร จะได้นำไปเป็นความรู้ประดับใส่ตัวบ้างคงดี ขอบคุณครับ จากคุณ : ก.กา (suttirata) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 01:08:05

ความคิดเห็นที่ 47 http://www.youtube.com/watch?v=C2IVivb50uI จากคุณ : ลุงแสง เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 22:12:11

ความคิดเห็นที่ 48 เพลง จากคุณ : ลุงแสง (ลุงแสง) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 22:14:25

ความคิดเห็นที่ 49 -มีจริงครับ (ตามเอกสารที่มี ) - แต่รายละเอียดและตัวประกอบอาจไม่เหมือนในละคร - ประวัติศาสตร์นิพนธ์ของผู้คนในยุคแรก อาจจะไม่สนใจข้อเท็จจริงทั้งหมด เรื่องเล่า นิทาน ตำนาน มุขปาฐะ ก็เลยยังถูกนำมาจัดระเบียบ ชำระ ลงเป็นพระราชพงศาวดารหรือจดหมายเหตุ - อย่างน้อยมันก็ต้องมีความจริงผสมอยู่ไม่มากก็น้อย จากคุณ : วรณัย เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 54 10:11:29

ความคิดเห็นที่ 50 ขอแสดงความเห็นแค่ว่า "เบื่อมากที่เห็นกระทู้ประวัติศาสตร์ ไม่นำข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์มาแลกเปลี่ยนความรู้กัน แต่กลายเป็นกระทู้ให้ผู้ทรงภูมิ แสดงภูมิปะทะคารมกัน คนรู้น้อยอย่างผม และเพื่อนสมาชิกอีกหลายคน คงได้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่หรอกครับ เพราะเราต้องการความรู้ มากกว่าความเห็น ขอเถอะครับ นำข้อมูลที่มีมานำเสนอเถอะ ดีกว่ามาอวดภูมิกัน มันไม่สร้างสรรค์ และไม่เกิดประโยชน์ครับ สรุปปัจจุบัน จากกระทู้นี้ ก็ยังไม่รู้ว่าจะเชื่อว่า พันท้ายนรสิงห์ มีอยู่จริงหรือไม่จริง ? จากคุณ : leeming047 (leeming047) เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 23:08:02

ความคิดเห็นที่ 51 "..ดีกว่ามาอวดภูมิกัน มันไม่สร้างสรรค์ และไม่เกิดประโยชน์ครับ.." >> แต่ผมกลับชอบแฮะ มีคนมาออกความเห็นเยอะ จะอวดภูมิบ้างจะเป็นไรไป ผมก็เป็นคนไม่รู้เหมือนกัน ถ้ากระทู้มันเงียบเป็นเป่าสาก แล้วผมจะไปหาความรู้จากไหนในเมื่อมันไม่มีข้อมูลเข้ามาเลย เมื่อไม่มีข้อมูล มันก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปเข้าเครื่องกรองให้มันออกมาเป็นข่าวสาร ดังนั้นผมไม่เดือดร้อนนักหากมีการป้อนข้อมูลดิบเข้ามามาก เรามีหน้าที่ทำตัวปากเล็กหูโตนั้นได้ประโยชน์ลูกเดียว คอยกลั่นกรองและสรุปก็แล้วกัน ส่วนว่ากระบวนการกรองนั้นให้ข่าวสารที่มีประโยชน์มากน้อยเพียงใดก็คงเป็นเรื่องของประสิทธิผลและประสิทธิภาพของเครื่องกรองว่าเครื่องกรองของใครทำงานได้ดีเพียงใด แยกกากแยกเนื้อแยกน้ำได้เก่งแค่ไหน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 19:21:20

ความคิดเห็นที่ 52 อ๋อยยย....อ่านจนตาลายเลยค่ะ แจกกิฟไปซะเต็มเหนี่ยว ชอบค่ะ ขอออกความเห็นในฐานะที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้นะคะ หากเป็นเรื่องจริง ดิฉันก็รู้สึกภูมิใจค่ะที่บรรพบุรุษเรามีความซื่อสัตย์ ยอมสละแม้กระทั่งชีวิตเพื่อคงไว้ซึ่งกฏ ระเบียบ และเกียรติยศของผู้เป็นนาย แม้ว่าจะดูเกินไปสักหน่อย แต่ถ้าเป็นเรื่องแต่งดิฉันรู้สึกเฉยๆค่ะเพราะไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อให้โทษมากกว่าจะเป็นคุณประโยชน์ แต่กับบางเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อให้คนผิดเป็นถูก ถูกกลับกลายเป็นผิดนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะว่าไม่ชอบใจแหงล่ะ ดังนั้นดิฉันจึงขอแยกเรื่องราวเหล่านี้ออกเป็น 2 ประเภทค่ะ ก็คล้ายๆกับว่าเราโกหกพ่อแม่ หรือพี่น้องเพียงเหตุผลเพื่ออยากให้ท่านสบายใจมากกว่าที่จะหลอกลวงเอาผลประโยชน์จากเรื่องที่เราโกหกน่ะค่ะ เกี่ยวกันมั้ย? อิอิ อย่าว่ากันน๊า หนูกลัวอ่ะ จากคุณ : แม่หญิงวิปลาศ เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 16:42:46