หากเรายืนอยู่บนโลกของความจริงเราจะพบว่า ในบรรดาลูกหลายคนที่เราให้กำเนิด เขาจะมีสมองไม่เหมือนกัน
ในบรรดานักเรียนที่มาเรียนกับเรา ความสามารถในการเก็บเกี่ยวความรู้ ใช้เวลาต่างกัน ผลการเรียน การรับรู้ ความเข้าใจ ต่างกัน
ขณะเดียวกัน จริงที่ระบบการศึกษาของมนุษย์ก็เป็นเหตุสำคัญ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้นักเรียนกลายเป็นคนโง่ ตามที่รัซเซลกล่าว เราเสียเวลาเรียนกับหลักสูตรขยะไปครึ่งค่อนชีวิต บรรดาครูอาจารย์ตั้งอาณาจักรเป็นเจ้าความรู้โง่ๆ จะจบสิ่งที่ขุนนางวิชาการ เรียกว่า"ปริญญาเอก" ใช้เงินเป็นล้าน
ทำให้คนเรียนจบออกมาตั้งหน้าถอนทุน กลายเป็นคนไม่มีจิตสาธาณณะไปหมด
หากพวกเราเชื่อว่ารัซเซลพูดไม่ผิด เราต้องหาทางปฎิรูประบบการศึกษา ให้ได้ผลให้คนไม่ทกข์ทรมาน แม้ในขณะเรียนและหลังเรียนจบแล้ว มีความสุข ทุกวันนี้คำว่า"GDP"กลายเป็นสิ่งล้มเหลว ที่ระบบการศึกษาที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยอะไรให้มนุษย์นำความรู้ไปทำงานอย่างมีสุขเลย
ย้อนกลับไปเรื่องของไอน์สไตน์ ผมขอตีความ(ซึ่งอาจผิดก็ได้)ดังนี้
ในช่วงชีวิตของไอน์สไตน์ คงเห็นจักรวาลหรือเอกภพนั้นลึกลับ กว้างเวิ้งว้างไม่สิ้นสุด วิชาความรู้ทางเรื่องอวกาศยังไม่ก้าวหน้ามากพอ(แม้ในปัจจุบันที่เรารับรู้จากการสำรวจอวกาศ)
เมื่อเป็นดังนี้ เมื่อรู้ว่าจักรวาลนี้ยังไม่อาจพบทีสิ้นสุด มุษย์ยิ่งตัวเล็กลงเชิงขนาดเปรียบเทียบ ความไม่รู้ยิ่งเหมือนโง่ไม่สิ้นสุดตามไปด้วย
จากคุณ |
:
ขามเรียง
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ม.ค. 54 23:53:56
|
|
|
|