ความคิดเห็นที่ 1 ไม่นะ  อย่างน้อยมนุษย์ที่มีอำนาจเหนือกว่า  จะต้องเก็บมนุษย์ส่วนหนึ่งไว้ใช้แรงงาน จากคุณ : แฟนนายแบบ เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 01:00:28

ความคิดเห็นที่ 2 . แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 02:24:42 จากคุณ : head of a nail (headofanail) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:22:30

ความคิดเห็นที่ 3 *จริยธรรม* ตามหัวข้อกระทู้ มีความหมายอย่างไร ? นี้เป็นประเด็นเบื้องต้นที่ต้องทำความเข้าใจ *สูญพันธ์หรือไม่* คำถามนี้ ต้องไปถึงประเด็นว่า พื้นฐานหรือธรรมชาติของมนุษย์นั้น มีเจตนาเลว หรือเจตนาดี   คิดว่าถ้าพื้นฐานของมนุษย์มีเจตนาเลว ก็อาจไม่ถึงกับสุญพันธ์ ตามความเห็นแรกของแฟนนายแบบ นั่นคือ มนุษย์ส่วนหนึ่งถูกเก็บไว้ใช้งาน... ส่วนถ้ามีเจตนาดี คิดว่าไม่สูญพันธ์แน่นอน มาถึง *ระบบผัวเดียวเมียเดียว* จะนำไปสู่คำถามว่าจริยธรรมเกิดขึ้นได้อย่าง ? ซึ่งประเด็นนี้ อาจตอบได้ว่าเกิดจากสภาพแวดล้อม เพราะสังคมธิเบตมี *ระบบเมียเดียวหลายผัว* ส่วนตะวันออกกลางก็มี *ระบบผัวเดียวหลายเมีย* อีกอย่างหนึ่งสภาพแวดล้อมยังทำให้จริยธรรมในส่วนนี้ผันแปรไปตามความจำเป็นและหรือความเหมาะสมด้วย ดังเช่น สังคมอังกฤษยึดถือระบบผัวเดียวเมียเดียว แต่หลังสงครามโลก ผู้ชายตายจำนวนมาก เหลือน้อยเกินไปสำหรับผู้หญิง สังคมตอนนั้นจึงแกล้งปิดหูปิดตาเพื่อให้ผู้ชายมีเมียเก็บได้ ด้วยเห็นใจผู้หญิงด้วยกัน แต่เมื่อความจำเป็นค่อยๆ หมดไป สังคมก็เริ่มเปิดปากพูดสิ่งที่ได้เห็นได้ฟังอีกครั้ง... ใครคนหนึ่งจำไม่ได้ ได้ตอบการมีศีลธรรมไว้ทำนองว่า *เพื่อทำให้ดีขึ้น และเพื่อไม่ทำให้เลวลง* เค้าคนนี้บอกว่า *ถ้าไม่เล็งเห็นประโยชน์นี้ เราจะสอนลูกของเราให้มีศีลธรรมไปทำไม (ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงคนอื่นๆ)* ประเด็นของหัวข้อกระทู้นี้ จัดเป็น *จริยปรัชญา* ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับคนว่าจะทำอย่างไร ดังนั้น ตราบใดที่คนยังมีอยู่ ตราบนั้นยังคงถกเถียงหาแนวทางกันต่อไป จึงรู้กันว่า จริยปรัชญาไม่มีวันตาย... จากคุณ : ณ. ลังค่าย เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 10:01:54

ความคิดเห็นที่ 4 จริยธรรมในสังคมหนึ่งจะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมและกาลเวลา จริยธรรมบางอย่างรับใช้สังคมส่วนรวม บางอย่างรับใช้ผู้มีอำนาจ บางอย่างมาจากความเชื่อที่ไม่มีเหตุผล จขกท ยกตัวอย่างจริยธรรมเรื่องระบบผัวเดียวเมียเดียว ซึ่งที่จริงแล้วยังมีสังคมที่เชื่อเรื่องผัวเดียวหลายเมีย หรือแม้กระทั่งเมียเดียวหลายผัวก็ยังมีอยู่ในโลกนี้ (ลองไปอ่านหนังสือเรื่องมนุษย์กับวัฒนธรรมของอาจารย์ยศดู) หรือชาวเผ่าบางที่ยังให้ภรรยาของตนมีเพศสัมพันธ์กับแขกที่มาเยี่ยมเยียนว่าเป็นจริยธรรมที่ดี(ในที่มีคนอยู่เบาบางอาจเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรมให้เผ่า) ในอินเดีย มีการเผาตัวเองตายตามผัวถือเป็นจริยธรรมที่ดี บางที่มีการบูชายัญ ล่าหัวคน ฯลฯ สรุปว่า จริยธรรม ที่เชื่อโดยคนกลุ่มหนึ่งในเวลาหนึ่ง อาจไม่ใช่จริยธรรมของคนอีกกลุ่มในอีกเวลาหนึ่ง ดังนั้น ในอนาคตจริยธรรมที่ยึดถือกันอยู่ ต้องเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมและกาลเวลาอย่างแน่นอน แต่ถ้ามนุษย์ในอนาคตละทิ้งจริยธรรมบางอย่างที่พวกเราเชื่อถือ เช่น การเสียสละ ความซื่อสัตย์ ความกตัญญู ไม่นับถือศาสนาฯลฯ พวกเรายังจะนับว่าพวกเขาเป็น "มนุษย์" หรือไม่ก็แล้วแต่จะคิดกันครับ แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 11:47:33 แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 11:29:23 จากคุณ : เสธแก่ เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 11:27:16

ความคิดเห็นที่ 5 มนุษย์โดดเดี่ยวไม่สู้มนุษย์ครอบครัว, มนุษย์ครอบครัวไม่สู้ฝูงมนุษย์, ฝูงมนุษย์ไม่สู้สังคมมนุษย์...หรือไม่? อยู่อย่างโดดเดี่ยวในโลกไม่ต้องมีอะไรยึดอะไรเลย อยากแก้ผ้าเดินก็ยังได้ ไม่เป็น,ไม่มีใครเรียก...ไอ้/อีบ้า จริยธรรมเริ่มต้นที่มนุษย์ครอบครัว เป็นห่วงโซ่คล้องกันไว้ ตามลำดับขั้นความจำเป็นของสังคมใดๆ เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ เผอิญว่ายุคนี้ ประชาธิปไตยเฟ้อ สุกบ้างดิบบ้าง ถือตนเองเป็นหลัก รวมถึงระบบการตลาดแข่งขันเสรีเป็นใจ บรรดาประเทศร่ำรวยคนรวยมีอำนาจเหนือและบงการพรรคการเมือง เพื่อผลประโยชน์ตน มิใช่เพื่อจริยธรรม เป็นลำดับจากชนชั้นปกครองลงมาถึงคนชั้นกลาง ถึงกสิกรและแรงงานชน วันนี้สังคมไทยชอบพูดว่า"ไปพ้น ก้าวพ้น ก้าวข้าม...(go beyond)" ระยะเปลี่ยนผ่านจากฝูงมนุษย์สู่สังคมมนุษย์ เราจะก้าวพ้นหรือไม่? ท่านพุทธทาส..."ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ"คือคำตอบ จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 11:38:31

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้ามนุษย์ละทิ้งจริยธรรม คุณคิดว่าเผ่าพันธุ์นี้จะสูญพันธ์จริงหรือ? สังคมไทย    สังคมโลก   มีแนวโน้มไม่ยึดถือ จริยธรรม (หมายถึง  ศีลธรรม  คุณค่าหรือนามธรรม..ฝันหวานทั้งหลาย) เพราะ   ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมาก   เพราะ  ระบบทุน  โดยเฉพาะทุนสามานย์  ได้ครอบระบบโลกไว้(ซะส่วนใหญ๋) โดยใช้วิทยาการนำหน้า    แนวหน้า คือ ทุนการเงิน  การซื้อขายล่วงหน้าต่างๆ และวาทกรรมโลกาภิวัฒน์ที่บอกว่า  โลกเป็นหนึ่งเดียว   บริษัทข้ามชาติเอามาใช้ เพื่อเศรษฐกิจที่ไร้พรมแดน    แต่แล้ว   ...ทุกอย่างก็ถูกครอบด้วยเศรษฐกิจแบบ ทุน    เรื่องอื่นๆ   ถูกเหวี่ยงออกจากศูนย์กลาง   หน้าจอ  หรือความสนใจทั้งหลาย มนุษย์ได้รับการปลดปล่อยจากข้อจำกัดการสื่อสารโดยภาษา    มากขึ้น จากนั้น      สัญชาตญาณดิบก็ได้ทำงานของมันอย่างมีพลัง   สะท้อนไปที่ ผลิตภาพความบันเทิงที่เข้าถึงทุกบ้าน     การยกระดับความเร็วในการเดินทาง สินค้าสารพัดก็เพื่อโลกสุขนิยม    ที่ระบบทุนนำมาเขย่าเนื้อหนังเพื่อความเจริญก้าวหน้า เท่ห์หรู  โก้เก๋    ค่านิยมรวยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล  ไม่ต้องมีหรือรู้ที่มาที่ไปก็ได้ รวยซะอย่าง    ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด    อำนาจตามมา   สามารถซื้อความผิดถูกทาง กฏหมายได้    นั่นคือ   ทำผิดไม่ต้องติดคุก  ก็ยังได้ จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 11:59:12

ความคิดเห็นที่ 7 แต่    ที่มาของสังคม  ก็คือ ... มนุษย์ยอมสละเสรีภาพส่วนตัวเพื่อส่วนรวม ในนามของกฏหมาย หรือ ระบบการปกครอง เพื่อถั่วเฉลี่ยของเสรีภาพย่อยที่ทำให้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข เช่น   ความปลอดภัย   และ  ความยุติธรรม  ต่อ  ทุกๆคน ดังนั้น   ความดิบเถื่อนต้องถูกขัดเกลาหรือควบคุม เพราะ  มิฉะนั้น   ก็จะมีโทษ(จากข้อตกลงทางสังคม) ที่จริง   จริยธรรม หรือ ศีลธรรม  ก็มีจุดหมายเดียวกับระบบการปกครอง แต่  ศีลธรรม   เป็นการกระทำผ่านเข้าไปภายในระบบคิดของปัจเจก โดยสมัครใจ   คือ  เป็นการสร้างระบบการปกครองตนเอง  ที่อาจเรียกว่า มโนธรรม และการลงโทษจากศีลธรรมนั้น    ก็คือ   ความรู้สึกผิด ซึ่งก็แล้วแต่    ของใครจะละเอียด  หรือ  มีมาตรฐานระดับใดที่แตกต่างกันได้ แต่ในเมื่อ คนส่วนใหญ่ถูกครอบด้วยระบบทุน (แบบสุดโต่ง..มากขึ้น) โลกทัศน์จึงถูกผนวกเข้าไว้ด้วยสารพัดมาตรฐานที่เกาะเกี่ยวกับรูปธรรมแห่งผลประโยชน์ คือ  คุณค่าที่วัดกันที่ ความเร็วกว่า   สะดวกสบายกว่า    การได้มา   การกอบโกย การมีมากกว่า   รูปแบบชีวิตที่ต้องแข่งขัน    การเบียดแทรก   มากๆเข้าก็ไม่คำนึงถึงกฏ กติกามากไปกว่าเป้าหมาย  หรือ ความอยากบรรลุผลไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 11:59:25

ความคิดเห็นที่ 8 สูญพันธุ์   ถ้ามองเป็นแนวโน้ม หรือ ดีกรี   ก็จะเริ่มต้นที่ความเสื่อม การพูด   การคิด ส่วนใหญ่   เราพูดกับคนอื่น  และมักละทิ้งมิติธรรมชาติ กล่าวคือ   เอาพวกเรากันเอง  เป็นใหญ่ แต่ในอีกกรอบหนึ่ง    เราเอาธรรมชาติเข้ามาไว้ด้วย  ผลจะต่างกัน ระบบศีลธรรมทั้งหลาย  ดำรงตนบนโครงครอบที่สูงกว่ากลไกชั้นล่าง(เช่น กฏหมาย) มันคือ ภูมิปัญญาแห่งบรรพชนที่อาจถือเป็นทางเลือกของเสรีชน   บางครั้งหรือบ่อยครั้ง    ที่อาจดูล้าหลังวิถีชีวิตสามานย์ของทุนที่ขับเคลื่อนด้วยความโลภ แต่ฝนก็มิอาจโปรยปรายโดยปราศจากเมฆมิใช่หรือ... ดังนั้น   ศีลธรรมจักปรากฏคุณค่า   เมื่อฤดูกาลมาถึง ในขณะที่เมฆฝน    ก็อาจแปรปรวนด้วยวิถีมหึมาของทุนสามานย์ที่เผาผลาญโลก จนเสียสมดุล     และการคืนทุนจากธรรมชาติ   ก็คือ   ความแปรปรวนของฤดูกาลด้วย พวกมาก    ก็มักลากไป เมื่อคุณอยู่ในท่ามกลางอสัตย์  ไร้ศีลธรรม อานิสงค์ความสามานย์ย่อมทำให้คณแปลกแยกและไข้วเขว่ ...แน่นอน เพราะ  เพื่อให้อยู่รอด   หรือ อยู่ให้ได้(กับพวกเขา) ธรรมชาติแห่งเนื้อหนัง    จึงเป็น สรณะแห่งตัวตนมนุษย์เพื่อมนุษย์  ก็เท่านั้น อย่างอื่น ...หรือ ความจริงอื่น   ย่อมไร้ความหมาย  ไร้อำนาจ   ไร้คุณค่า... ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตา เหมือนกบในกระทะที่กำลังจะเดือด   แต่มิอาจรู้สึกรู้สม ที่่สุด    การสูญพันธุ์ของมนุษย์มองในระดับความเสื่อมแล้ว ผู้คน   ก็จะสร้างนรกให้กันด้วยการกล่าวโทษ   การแย่งชิง เพื่อให้ได้มาโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ  แล้วพยายามหลอก ตนเองด้วยการสร้างสวรรค์ในบ้าน   รักคนของตัวแต่ไม่รัก ไม่สนหรือไม่ใส่ใจต่อจิตสาธารณะ หรือ ศีลธรรม-จริยธรรม...มากขึ้น ส่วนเหล่านักวิทยาศาสตร์และสมุนกลับเชื่อว่าภัยจากธรรมชาติต่างหากที่อาจนำการสูญพันธุ์มาสู๋   ไม่ใช่จากอานิสงค์ของอาชีพหรือวิทยาการที่พวกตนสร้างขึ้น เพื่อประเคนการเผาผลาญโลกอันยังความสุขสำราญแก่มนุษย์ จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 12:02:00

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่  แต่งไว้เกี่ยวกับวันเด็ก  เลยเอามาโพสต์ จากคุณ : แฟนนายแบบ เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 12:20:21

ความคิดเห็นที่ 10 คงไม่สูญพันธุ์แต่คงเละเทะ อย่าง อัฟกานิสถาน หรือ ปาเรสไตร์ ..ตายทุกวัน แต่เห็นภาพข่าวผู้หญิงกระเตงลูกน้อย 2 -3 คน เด็กโตหน่อยก็เห็นขว้างก้อนหินถือปืนไล่ยิงศัตรู พวกผู้ใหญ่ก็ขยายพันธุ์และปลูกฝังความแค้นใส่หัวลูกหลานสืบไป .. ไม่สูญพันธุ์แต่เละเทะ จริยธรรมอาจไม่ได้มีไว้ป้องกันการสูญพันธุ์  แต่มีไว้เพื่อป้องกันการเละเทะของสังคม จากคุณ : vincentlenon เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 15:17:47

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่มั๊งครับ ผมว่า จากคุณ : pasygon เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 16:13:26

ความคิดเห็นที่ 12 ถึงไม่มี จริยธรรม  มนุษย์ก็ไม่สูญพันธ์       แต่ เหล่า  มนุษย์   ที่ ไม่มี จริยธรรม มนุษย์  ก้อเป็นแค่ สัตว์ป่า  พันธุ์หนึ่ง   ในกลไกธรรมชาติ   เท่านั้นเอง จากคุณ : RANGER-SUPER64 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 01:43:11

ความคิดเห็นที่ 13 อ๊ะ เพิ่งเห็นกระทู้แปลกๆในห้องสมุด ยินดีต้อนรับค่ะ สงสัยต้องแวะไปหาเรื่องแปลกๆ่อ่านในห้องหว้ากอบ้างละ ^^ ถ้ามนุษย์ไม่มีศีลธรรมหรือ ขาดคุณธรรมยึดเหนี่ยวใจ  เราว่ามนุษย์คงเป็นสัตว์โลกที่ไร้ประโยชน์ของโลกนี้ที่สุด และน่ากำจัดที่สุด เป็นขยะของโลกที่สุดค่ะ อย่างไรก็ตามเห็นด้วยกับความเห็นที่ 4 คุณ เสธแก่ ค่านิยมของสังคมที่เปลี่ยนไป มีผลต่อพฤติกรรมของคนในสังคมนั้นๆ ด้วย เช่นปัจจุบันเห็นว่าเรื่องมีกิ๊กเป็นเรื่องไม่เสียหาย เท่ห์ ใครๆก็ทำ ทำให้คนในสมัยนี้หย่อนยานในการรักเดียวใจเดียวเป็นต้น สิ่งเหล่านี้ก็ยังถูกตอกย้ำให้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไม่ผิด เป็นเรื่องธรรมดาโดยสื่อ หนัง มิวสิควีดีโอ เพลงต่างๆ ที่ไม่รู้ว่าคนผลิตตั้งใจจะสะท้อนสังคม หรือตั้งใจจะปลุกกระแสกันแน่ ในขณะเดียวกัน เราว่าถ้าจะส่งเสริมศีลธรรม จริยธรรม ก็สามารถสร้างกระแสสังคมได้ไม่ยาก แต่หาคนที่จะริเริ่ม ทำให้ต่อเนื่องยาก เพราะส่วนมากก็หันไปมุ่งแต่เรื่องเศรษฐกิจ จนละเลยเรื่องความเจริญทางจิตใจ ต่อไปเมืองไทยจะเสื่อมกว่านี้(ได้)อีกมาก ถ้ายังละเลยการพัฒนา ยกระดับจิตใจให้สูง แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 54 21:27:57 จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 21:26:58

ความคิดเห็นที่ 14 ต้อนรับมนุษย์คนที่เจ็ดพันล้าน  ที่กำลังจะเกิดมาในทศวรรษนี้ จากคุณ : แฟนนายแบบ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 00:09:00

ความคิดเห็นที่ 15 แนวโน้มด้วยสติปัญญา จะทำให้มนุษย์มีจริยธรรมมากขึ้นไปเรื่อยๆ กระแสความเป็นเอกภาพ การค้าเสรี และลดสงครามลง แถมอัตราการเกิดก็ลดลง จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 54 16:17:36