 |
ต่อข้อ 3) นะครับ
3) การค้นพบความรู้ใหม่ๆนั้นไม่ต้องใช้จินตนาการเสมอไป การค้นพบทางวิทยาศาสตร์บ่อยครั้งมากเป็นความบังเอิญนะครับ เช่นการค้นพบคลื่นอินฟราเรดที่เป็นแสงช่วงความถี่ที่นำความร้อน ทางวิทยาศาสตร์ตอนนั้นสามารถแยกแสงอาทิตย์ออกเป็นสีต่างๆด้วยปริซึมได้แล้ว แต่ยังไม่มีใครคิดว่าจะมีแสงส่วนที่เรามองไม่เห็นด้วย แล้วก็มีนักวิทยาศาตร์คนนึงชื่อเฮอร์เชลจะลองวัดอุณหภูมิของแสงแต่ละสีว่ามากน้อยต่างกันอย่างไร เขาก็เอาเทอร์โมมิเตอร์มาสองอัน อันนึงวางไว้ตรงแสงสีนึง อีกอันวางไว้ตรงที่ไม่มีแสง(เพื่อวัดอุณหภูมิห้องเป็นค่าควบคุม) ปรากฏว่าอันที่วางไว้ตรงที่ไม่มีแสงที่ถัดออกไปจากสีแดงนั่นแหละร้อนกว่าอันอื่น พอเขาขยับเทอร์โมมิเตอร์ไปมา ก็ค้นพบว่ามันมีความถี่ของแสงที่นำความร้อนสูงกว่าสีอื่น แต่ความถี่นี้เรามองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ก็ตั้งชื่อคลื่นความถี่นี้ว่า Infrared (below red) หรือต่ำกว่าสีแดง
ในทางกลับกัน การค้นพบสิ่งใหม่ๆโดยบังเอิญแบบนี้ ผู้ค้นพบต้องมีองค์ความรู้สะสมไว้มากๆเลยครับ ถึงจะรู้ว่าตนเองค้นพบอะไรพิเศษบางอย่างเข้าให้แล้ว โดยไม่มองข้ามคิดว่าเป็นความผิดพลาดของการวัดอะไรไป การเจอสิ่งที่ไม่คาดฝันนี่แหละผลักดันให้วิทยาศาสตร์ก้าวไปข้างหน้า เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นของการวิจัย จินตนาการเป็นการฝัน เป็นการคาดไว้ล่วงหน้าว่าสิ่งต่างๆจะเป็นเช่นไร แต่ถ้าเรารู้อยู่แล้วว่าสิ่งต่างๆจะเป็นเช่นไร แล้วเราจะทำวิจัยไปทำไมล่ะครับ
If we knew what it was we were doing, it would not be called research, would it? -- Albert Einstien
แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 54 00:12:47
จากคุณ |
:
HotChoc
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ม.ค. 54 23:44:34
|
|
|
|
 |