Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
“ชินวรณ์”สั่งสอบโรงเรียนปิดตาอ่าน ติดต่อทีมงาน

“ชินวรณ์” ส่งผู้ตรวจฯ สอบสวนหลักสูตรปิดตาอ่าน หากพบผิดจริงเตรียมเอาผิดตามกฎหมาย แถมเล็งให้ดีเอสไอสอบเว็บตุ๋นขายใบปริญญาเก๊

วันนี้ (11 ม.ค.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีมีโรงเรียนเปิดหลักสูตรฝึกให้เด็กใช้สมองส่วนกลางแทนดวงตาในการมองเห็นทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น อ่านหนังสือ อ่านไพ่ ระบายสี โดยใช้เวลาอบรม 2 วัน โดยอ้างว่าเป็นหลักสูตรจากต่างประเทศ และคิดราคาอบรมคอร์สละ 12,000-15,000 ซุ่งจะรับเฉพาะเด็ก อายุ 6-12 ปี ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเป็นการหลอกลวง ว่า ได้มอบให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษา ที่รับผิดชอบในเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียน ไปตรวจสอบหลักสูตรการเรียนดังกล่าวแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งการทำมาหากินหรือหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งตนเข้าใจว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้สั่งให้ยุติการเรียนการสอนไว้ชั่วคราวก่อน โดยตรวจสอบให้เสร็จภายใน 1 เดือน ถ้าพบว่าเป็นการเรียนการสอนที่ไม่สอดรับกับหลักสูตรแกนหรืออ้างตัวเป็นสถาบันเสริมหลักสูตรการศึกษาก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไปตรวจสอบเรื่องการทำวุฒิการศึกษาปริญญาตรีปลอมตามเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยให้เวลาดำเนินการ 1 เดือน จากนั้นจะส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าสอบสวนดำเนินการต่อไป

“ดร.เจษฎา” ยืนยันปิดตาเด็กอ่านหนังสือไม่ได้

หลังจากที่สร้างความฮือฮาในวงการสังคมไทย เมื่อ ”สถาบันเพาเวอร์มายน์แคมป์” ตั้งอยู่บนถนนโพธิสาร 5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โชว์ความอัจฉริยะของเด็กในรายการ “รู้จริงเปล่า? ยกกำลัง3” ออกอากาศเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ด้วยการปิดตาอ่านหนังสือ และการทำกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย แต่นั้นเป็นเพียงการโชว์ที่ไม่มีการพิสูจน์ กระทั่ง “หมอเจ” แห่งห้อง “หว้าก้อ” ในชุมชนออนโลน์เว็บพันทิปดอทคอม ออกมาขอท้าพิสูจน์ รวมไปถึง ผศ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มือเปิดแผลเครื่องตรวจวัตถุระเบิด “จีที200” เอง ก็ไม่ปักใจเชื่อว่าจะสามารถทำได้ และประกาศขอท้าพิสูจน์อีกคน และมีการนัดหมายกันว่า เย็นวันนี้ จะไปพิสูจน์กันในรายการ “บอก 9 เล่าสิบ” ทางช่อง 9

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า คาดว่า สถาบันดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับ สพฐ. แต่อย่างไรก็ตาม คงให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูล ทั้งนี้ เด็กที่ปิดตาอ่านหนังสือได้นั้น หากจะมีการยอมรับคงต้องมีผลทางวิทยาศาสตร์ แต่ตนก็ไม่ยอมรับ หรือปฎิเสธ เพราะอาจจะใช้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นนอกเหนือภาวะปกติก็เป็นได้

นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กองส่งเสริมการศึกษานอกระบบ ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ไปตรวจสอบข้อมูลแล้ว และพบว่า สถาบันไม่ได้ขอใบอนุญาตจัดตั้งเป็นโรงเรียนจาก สช. จึงใช้คำว่าโรงเรียนไม่ได้ ทั้งนี้ จะแจ้งไปยังสถาบันดังกล่าว ขอให้ถอดชื่อคำว่า “โรงเรียน” ออก ไม่เช่นนั้น สช.จะดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายอย่างแน่นอน เพราะเป็นการแอบอ้างจัดตั้งขึ้นมาเอง และไม่ได้อยู่ในระบบของ สช.ด้วย.

ด้าน ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีการทดสอบหลายครั้ง เด็กที่ปิดตาก็ไม่สามารถอ่านหนังสือออก ทั้งนี้ ในเย็นวันนี้ ตนจะไปออกรายการ “บอก 9 เล่าสิบ” ของช่อง 9 เพื่อทำการทดสอบอีกครั้ง เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ แต่คาดว่า ทางสถาบันไม่น่าจะเดินทางมา

ต่อมาเวลา 17.00 น.  ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   และ นพ.สมนึก ตปนียวรวงศ์ หรือคุณหมอเซียนพันเว็บ เจ้าของนามแฝง “JFK ขวัญใจชาวพันธ์ทิพย์” ได้มาออกรายการ “บอก 9 เล่าสิบ” ของ 2 พิธีกร “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” และ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ที่สตูดิโอโมเดิร์นไนน์ พร้อมเล่าถึงกรณีมีโรงเรียนอยู่ในจังหวัดชลบุรีอ้างว่าสามารถฝึกให้เด็กใช้สมองส่วนกลางแทนดวงตาในการมองเห็น  พร้อมออกสื่อกระแสหลักโชว์ปิดตาทำกิจกรรมต่างๆ เช่น  อ่านหนังสือ อ่านไพ่ ระบายสี จนกลายเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวบนโลกอินเตอร์เน็ต

ซึ่งภายหลังถ่ายรายการเสร็จทั้งหมดได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ยืนยันว่า สมองส่วนกลางไม่เกี่ยวการมองเห็นแน่นอน เพราะไม่มีเซลล์รับภาพแต่ที่เราเห็นว่า เด็กมีความสามารถพิเศษสามารถทำกิจกรรมต่างๆ  ที่ต้องอาศัยการมองดูทั้งๆ ที่ใช้ผ้าปิดตาได้ ทั้งการปิดตาอ่านหนังสือ  ปิดตาทายสี  และเลขในหน้าไพ่ ปิดตาระบายสีได้นั้นเป็นเพราะว่า ผ้าที่ใช้ผูกตาสามารถมองเห็นลอดได้ จึงทำให้เด็กๆ สามารถทายไพ่ได้ถูก ทายสีได้ถูก หรือแม้แต่อ่านหนังสือได้

“เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการเดินทางไปพิสูจน์ที่โรงเรียนดังกล่าว โดยบอกว่า หากเด็กคนไหนทายถูกแบบไม่ผิดเลยจะมอบเงินแสนให้ แต่มีเงื่อนไขที่ว่าต้องใช้อุปกรณ์ของเราที่ไม่ใช่ของทางโรงเรียนเท่านั้น ทำให้มีเด็กให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และหลายๆ ครั้งที่ทำการพิสูจน์ อาทิ นำแว่นตาว่ายน้ำที่ซีลปิดสนิทด้วยเทปทึบแสงไปให้เด็กสวมแล้วทายไพ่ก็ปรากฏว่า ทายไม่ถูก หรือแม้แต่ให้เด็กทายสีของลูกพลาสติกที่อยู่ในถุงดำ ก็ทายไม่ถูก ซึ่งทำให้ไม่พบว่า เด็กคนไหนจะสามารถทายได้ถูกแบบไม่ผิดเลยสักคน นอกจากนี้ ลองสังเกตให้ดีเวลาที่มีการทดสอบหลายๆ ครั้ง จะพบว่า เด็กส่วนใหญ่จะเป็นเด็กในกลุ่มของเค้า โดยเฉพาะลูกชายเจ้าของโรงเรียนจะมาทำการทดสอบบ่อยๆ เหมือนกับว่า มีการสร้างความน่าเชื่อให้กับคนอื่นๆ เห็น แต่หากเป็นเด็กคนอื่นๆ กลับไม่สามารถทำได้ จึงน่าเชื่อเป็นการหลอกลวง” นพ.สมนึก กล่าว

นพ.สมนึก กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังเป็นข้อสงสัยของหลายคนว่าทำไมเด็กที่ใช้ผ้าปิดตาแล้วยังมองเห็น ทั้งที่ตามความรู้สึกแล้ว เราคิดว่าควรจะมองไม่เห็น แต่ในรายการทีวี พบว่า ยังคงเห็นได้ นั้นเกิดจากอะไร บางคนคิดว่า ผ้าที่ใช้เป็นผ้าพิเศษที่มองทะลุผ่านได้เหมือนการเล่นกล บางคน คิดว่า เด็กมองด้วยสมองส่วนกลางได้จริง ทำให้คิดตามไปต่อว่า สิ่งกล่าวอ้างถึงผลดีต่างๆของการฝึกสอนนั้น ก็น่าจะจริงตามไปด้วยหรือ ส่งผลให้มีพ่อแม่จำนวนมาก ส่งลูกหลานตามไปเรียนกัน  แต่ก็มีคนส่วนใหญ่ รวมทั้งตน ที่ดูจากรายการแล้ว ประกอบกับประสบการณ์ส่วนตัว และการทดลองกับตัวเอง และคนใกล้ชิด เชื่อว่า มันคือ ทริค ในการสอนให้เด็กมองผ่านช่องลอดด้านล่างของผ้า ส่วนการแสดงอื่นๆ นั่น ก็มีข้อสังเกตุถึงความผิดปกติหลายอย่างที่ชวนให้ท้าพิสูจน์ ความจริงกันให้เด่นชัด

ผศ.ดร.เจษฎา กล่าวว่า ส่วนกรณีโรงเรียนอ้างว่า สามารถอบรมเด็กให้ใช้สมองส่วนกลางแทนดวงตาในการมองเห็นได้ โดยใช้เวลาอบรม 2 วัน เป็นหลักสูตรจากต่างประเทศ คิดราคาอบรมคอร์สละ  12,000-15,000 รับเฉพาะเด็ก อายุ 6-12 ปีเท่านั้น เข้ารับการฝึกอบรม โดยระหว่างอบรมจะห้ามผู้ปกครองเข้าไปดูการเรียนการสอน ให้เฉพาะเด็กเท่านั้น ตนมองดูว่าเข้าข่ายลักษณะช่อโกง และได้ทำการตรวจสอบเรื่องหลักสูตรก็พบ โรงเรียนดังกล่าวได้ถูกจับได้ว่า หลอกลวงจนเป็นข่าวครึกโครมไปแล้ว และตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องของการแสดงความสามารถเพียงอย่างเดียว เป็นเรื่องของเงินทองเข้ามาด้วย เพราะโรงเรียนดังกล่าวอ้างว่าสามารถฝึกให้เด็กมีความสามารถพิเศษแบบนี้ได้ภายใน 2 วัน แต่คอร์ส  2  วันนี้ ผู้ปกครองต้องเสียเงินถึง 12,000  บาท  และทุกวันนี้ในแต่ละอาทิตย์จะมีเด็กประมาณ 50 คนไปเรียน ถ้านับเป็นเดือนก็ประมาณ 200 คน คิดค่าเล่าเรียนที่ทางโรงเรียนเก็บกับผู้ปกครองแล้วรวมกันต่อเดือนประมาณ 2,400,000 บาท นอกจากนี้การส่งเด็กไปฝึกอบรมลวงโลกเช่นนี้ ยิ่งเป็นการทำร้ายตัวเด็กเอง เพราะจะส่งผลกระทบทำให้ประสาทตาของเด็กเสียจากการมองที่ฝืนธรรมชาติอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ทางรายการได้มีการติดต่อไปยังทางโรงเรียนที่อ้างว่าสามารถฝึกให้เด็กใช้สมองส่วนกลางแทนดวงตาในการมองเห็น  แต่กลับได้รับคำตอบกลับมาว่า ไม่อยากเผชิญหน้ากัน หวั่นจะทะเลาะกัน


http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=42&contentID=114662

จากคุณ : หมาป่าดำ
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 16:02:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com